วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 14:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 09:41
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ อย่างไรจึงเรียกว่า ความเห็นชอบ
เราดำเนินชีวิตตาม ศีล สมาธิ ปัญญา เรียกว่า ความเห็นชอบหรือเปล่าค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ

tongue :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 08:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...ความเห็นชอบ คือ เห็นทุกข์เป็นทุกข์ มั๊งค่ะ การดำเนินตาม ศีล สมาธิ ปัญญา ถูกต้องที่สุดคะ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แก้วกัลยา เขียน:
สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ อย่างไรจึงเรียกว่า ความเห็นชอบ
เราดำเนินชีวิตตาม ศีล สมาธิ ปัญญา เรียกว่า ความเห็นชอบหรือเปล่าค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ


สัมมาทิฏฐิ ....ความเห็นชอบ

ลักษณะอย่างไร จึงเป็น "สัมมา"

จะเป็น "สัมมา" ก็ต่อเมื่อ เป็นธรรม อันมีอุปการะ แก่ผู้ปฏิบัติ ต่อการละ ทุจริต และอกุศล ประการ ที่ 1

จะเป็น "สัมมา" ก็ต่อเมื่อ เป็นธรรม อันมีอุปการะ แก่ผู้ปฏิบัติ เพื่อบรรลุ มรรค ผล นิพพานประการที่ 2

ที่แยกเป็น 2 ประการ ก็เพราะเหตุที่ว่า บุคคลบางคน ยังพัวพันอยู่กับโลกียวิสัย จึงได้เพียงประการแรก

ดังนั้น บุคคลบางคนมุ่ง เพื่อออกจากโลก จึงถือเอาโดยประการที่ 2.

เมื่อมี่ลักษณะอย่างนี้ "สัมมา" จึงเป็นลักษณะที่ ไม่ครอบคลุมแต่มีลักษณะอัน "พอเพียง" แก่ความจำเป็น อันบุคคลพึงปฏิบัติได้

Quote Tipitaka:
[๕๗๐] ในอริยมรรคมีองค์ ๘ นั้น สัมมาทิฏฐิ เป็นไฉน
ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ในทุกขนิโรธ ความรู้ใน
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ


การดำเนินชีวิต ตามศีล สมาธิ ปัญญา ต้องมีความเห็นชอบ ด้วยเหตุอย่างนั้นแล

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 09:41
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะคะ ทั้งสองท่าน อนุโมทนาคะ สาธุ :b4: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


มีพระสูตรที่ตรัสแสดงรายละเอียดแห่งสัมมาทิฏฐิ อีกพระสูตรหนึ่ง คือ มหาจัตตารีสกสูตร





"....[๒๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง ๗ นั้น สัมมาทิฐิย่อมเป็น
ประธาน ก็สัมมาทิฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ ภิกษุรู้จักมิจฉาทิฐิว่ามิจฉาทิฐิ
รู้จักสัมมาทิฐิว่าสัมมาทิฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฐิ ฯ

[๒๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาทิฐิเป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า
ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว ไม่มีผล
ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี
บิดาไม่มี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติ
ชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกไม่มี
นี้มิจฉาทิฐิ ฯ

[๒๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวสัมมาทิฐิเป็น ๒ อย่าง คือ สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑ สัมมาทิฐิของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค อย่าง ๑ ฯ

[๒๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชา
แล้ว มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้ว
มีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่ นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ

[๒๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์
ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มี
จิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
นี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค...."



................................


เท่าที่พอจะเข้าใจ จาก มหาจัตตารีสกสูตร

ความเห็นชอบ มี2ระดับ คือ

1.ความเห็นชอบระดับโลกียะ เรียกว่า สาสวสัมมาทิฏฐิ (อ่าน มหาจัตตารีสกสูตร). เป็นระดับความเห็นชอบของปุถุชน.... แต่ก็มีแนวโน้มที่จะสามารถพัฒนาไปสู่ธรรมระดับโลกุตระในอันดับต่อไป.ความเห็นชอบในระดับนี้ คือ เห็นชอบ ในกฏแห่งกรรม บาป-บุญ ๆลๆ

อยากเสนอให้สังเกตข้อสุดท้ายในสาสวสัมมาทิฏฐิที่ว่า "......สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่..."
นี่คือ ศรัทธาว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีจริง....
เมื่อศรัทธาว่า ผู้พ้นโลกด้วยตนเองมีจริง ก็ย่อมขวนขวายหาทางที่จะเดินตามท่านเหล่านั้น

โปรดสังเกตุว่า แม้นความเห็นชอบระดับสาสวสัมมาทิฏฐินี้ จะอยู่ในระดับ "เป็นส่วนแห่งบุญ อำนวยวิบากแก่ขันธ์"ของปุถุชนก็จริง....
แต่ก็เป็นปัจจัยที่จะพาให้ก้าวต่อไปยังธรรมระดับสูงขึ้น

2 .ความเห็นชอบระดับโลกุตระ เรียกว่า อนาสวสัมมาทิฏฐิ เป็นความเห็นชอบที่จะนำให้พ้นไปจากโลก.... ซึ่ง ก็มีพื้นฐานมาจากความเห็นชอบระดับโลกียะ หรือ สาสวสัมมาทิฏฐิ นั่นเอง.... ตัวอย่าง ความเห็นชอบในระดับโลกุตระนี้ เช่น เห็นชอบในอริยสัจจ์สี่ ....คือ กำลังบ่ายหน้า นำไปสู่ความพ้นทุกข์ อย่างแท้จริง


แก้ไขล่าสุดโดย ตรงประเด็น เมื่อ 14 มิ.ย. 2010, 16:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่ ชา สุภัทโท ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า

"สำคัญ ที่ความเห็นชอบ"

คือ ถ้าเห็นชอบเสียแต่เบื้องต้นแล้ว ความชอบอีกเจ็ดประการจะตามมาได้

เปรียบเสมือนกลัดกระดุมเสื้อ ถ้ากลัดกระดุมเม็ดแรกถูกต้อง เม็ดต่อมาจึงจะถูกได้ การใส่เสื้อที่สมบูรณ์จึงจะเป็นไปได้



มีพระพุทธพจน์ที่ระบุชัดลงไปถึง ความรู้ในอริยสัจจ์สี่ ว่า คือสัมมาทิฏฐิ(ระดับอนาสวะ-โลกุตระ คือ พาออกจากโลก)

"ภิษุทั้งหลาย สัมมาทิฏฐิคืออะไร ?
คือความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ในทุกขนิโรธ ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรค) นี้เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ"


และ ทรงแสดงเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ คือ การทำใจไว้ให้แยบคาย(โยนิโสมนสิการ)

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัมมาทิฐิที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือสัมมาทิฐิที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น เหมือนการทำในใจโดยแยบคายนี้เลย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยแยบคาย สัมมาทิฐิที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และสัมมาทิฐิที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเจริญยิ่งขึ้น ฯ

ธรรมอย่างอื่นอันมีอุปการะมาก เพื่อบรรลุประโยชน์อันสูงสุดแห่งภิกษุผู้เป็นพระเสขะ เหมือนโยนิโสมนสิการ ไม่มีเลย ภิกษุเริ่มตั้งไว้ซึ่งมนสิการโดยแยบคาย พึงบรรลุนิพพานอันเป็นที่สิ้นไปแห่งทุกข์ได้ ฯ เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ.."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 09:41
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
อ้างอิงพระไตรปิฎก:
[๕๗๐] ในอริยมรรคมีองค์ ๘ นั้น สัมมาทิฏฐิ เป็นไฉน
ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ในทุกขนิโรธ ความรู้ใน
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ


ตรงประเด็น เขียน:
"ภิษุทั้งหลาย สัมมาทิฏฐิคืออะไร ?
คือความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ในทุกขนิโรธ ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (มรรค) นี้เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ"



สาธุคะ ขอโมทนาทั้งสองท่าน คุณ Joyly ด้วยนะค่ะ :b4:

tongue :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...สัมมาทิฏฐิเป็นกุศลกรรมบถข้อสุดท้าย ในกุศลกรรมบถ ๑๐...
:b4: :b4:
...กุศลกรรมบถ ๑๐ คือกรรมฝ่ายดี ซึ่งส่งผลดีให้เกิดแก่ผู้กระทำมี ๑๐ ประการดังนี้...
...๑)ปาณาติปาตวิรัติ คือ กุศลเจตนาที่งดเว้นจากการฆ่าเบียดเบียนสัตว์...
...๒)อทินนาทานวิรัติ คือ กุศลเจตนาที่งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการขโมย...
...๓)กาเมสุมิจฉาจารวิรัติ คือ กุศลเจตนาที่งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม...
...หรือการล่วงละเมิดทางกามต่อบุคคลที่มีเจ้าของหรือหวงแหนรักษาอยู่...
...๔)มุสาวาทวิรัติ คือ กุศลเจตนาที่งดเว้นจากการกล่าวคำที่เท็จ ทั้งที่รู้ว่าไม่จริง...
...๕)ปิสุณาวาจาวิรัติ คือ กุศลเจตนาที่งดเว้นจากการกล่าวคำส่อเสียดยุยงผู้อื่น...
...๖)ผรุสวาจาวิรัติ คือ กุศลเจตนาที่งดเว้นจากการกล่าวคำหยาบคาย...
...๗)สัมผัปปลาปวิรัติ คือ กุศลเจตนาที่งดเว้นจากการกล่าวคำเพ้อเจ้อ ไร้สาระ...
...๘)อนภิชฌา คือ ความไม่เพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตนเองด้วยความโลภ...
...๙)อัพยาปาท คือ การไม่ผูกอาฆาตพยาบาทจองเวรผู้อื่น ด้วยอำนาจแห่งความโกรธ...
..๑๐)สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นอันถูกต้องตามสภาพธรรมที่เป็นจริงด้วยความไม่หลงผิด...
:b16:
...ลองดูวีดีโอคลิป...ว่าเราต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพราะอวิชชาความรู้มันหลงผิดอยู่มากค่ะ...
:b1:
เข้าใจธรรมะดีกว่า
http://www.dhammahome.com/front/videoclip/show.php?tof=pl&id=247
ศึกษาธรรมเพื่อให้เข้าถึงธรรมตัวจริงด้วย
http://www.dhammahome.com/front/videoclip/show.php?tof=pl&id=257
:b20:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 มิ.ย. 2010, 09:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b6:
ประโยชน์ของการรู้สภาพธรรมจริงๆมีแค่ไหน
http://www.dhammahome.com/front/videoclip/show.php?tof=pl&id=606
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...การได้ปฏิบัติธรรม...ทำให้ข้าพเจ้าค่อยๆเรียนรู้ว่าความเข้าใจถูกจะทำให้ละได้จริงๆ...
...จากที่เคยทำบุญแบบส่งๆไปงั้น...เมื่อได้ศรัทธาความเลื่อมใส...ทำอะไรก็ชุ่มชื่นใจค่ะ...
...ต้องทำบ่อยๆให้เห็นธรรมตามจริง เช่น เห็นคนที่ไม่ชอบใจ กำหนดเห็นหนอๆๆไม่ปรุงจิตว่าหมั่นไส้ฯ...
:b9: :b32:
:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 15 มิ.ย. 2010, 10:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
เพื่อความเข้าใจธรรมะ...ดูวีดีโอคลิปเพิ่มเติมได้อีกค่ะ...
:b16:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32386
:b1:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&p=211018#p211018
:b20:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32289
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 09:41
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
เช่น เห็นคนที่ไม่ชอบใจ กำหนดเห็นหนอๆๆไม่ปรุงจิตว่าหมั่นไส้ฯ...
:b9: :b32:
:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:


:b32: :b32: ถูกใจคะ สาธุ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร