วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 07:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 14:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




picture-12409.gif
picture-12409.gif [ 17.23 KiB | เปิดดู 4773 ครั้ง ]
enlighted เขียน:

ธรรมนั้นปราศจากการเปรียบเทียบ

ถามว่าเห็นด้วยกับคนดีฯ ไหม ไม่ได้ให้เปรียบเทียบ เห็นด้วยก็เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วย

เอางี้แล้วกันมีช้อยให้เลือก

ก.เห็นด้วย

ข. ไม่เห็นด้วย

เลือกข้อไหน

อิอิ

เห็นสักว่าเห็น


พูดงี้นึกถึงกระบวนท่าที่มีคนตั้งให้ =>(เอนไลท์ กระบวนท่า ปลาไหลไร้เทียมทาน )

ที่

http://whatami.ob.tc/-View.php?N=736

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
enlighted เขียน:

ธรรมนั้นปราศจากการเปรียบเทียบ

ถามว่าเห็นด้วยกับคนดีฯ ไหม ไม่ได้ให้เปรียบเทียบ เห็นด้วยก็เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วย

เอางี้แล้วกันมีช้อยให้เลือก

ก.เห็นด้วย

ข. ไม่เห็นด้วย

เลือกข้อไหน

อิอิ

เห็นสักว่าเห็น


พูดงี้นึกถึงกระบวนท่าที่มีคนตั้งให้ =>(เอนไลท์ กระบวนท่า ปลาไหลไร้เทียมทาน )

ที่

http://whatami.ob.tc/-View.php?N=736


อิอิ

ตามนึุกตามคิด สายสติ เค้าอุปมาดังนี้

แมวทารก ถูกหนูลากเอาไปกิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:

อิอิ

ตามนึุกตามคิด สายสติ เค้าอุปมาดังนี้

แมวทารก ถูกหนูลากเอาไปกิน


สติ แปลว่าอะไร จงอธิบายหน้าที่หรือการทำงานของสติ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูจำไม หนูอาใย
ฟังนี่ไปก่อนแระกัน

http://www.youtube.com/watch?v=G9wp1-Sr ... _embedded#!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามอย่างตอบอย่าง

ที่ให้ฟังเพลงนั่น เพื่อจุดประสงค์ใดขอรับท่านป๊อดไลท์ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


keaksim เขียน:
อ้างคำพูด:
enlightedเขียน:คนดีที่โลกลืม เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สูตรนี้ใช่ไหมที่ว่า พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ไปรวมกันอยุ่ที่แดนสุขาวดีนี้ ใช่ไหมท่านปอดไลท์


พระพุทธเจ้า มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ที่เห็นมีมากมาย คือ อวตารของพระพุทธเจ้าที่มีเพียงหนึ่งเดียว ตือ "อาทิพุทธเจ้า"

พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ก้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น = ธรรมธาตุ หรือ อสังขตธาตุ เหมือนกับน้ำในมหาสมุทร มันแยกกันไม่ออกหรอก ถ้ามันบริสุทธิ์เหมือนกันหมด





อย่าพยายามอธิบายอะไรให้มันมากความกว่านี้เลย
ข้าพเจ้าได้เห็นลิ้นไก่ของท่านแล้วหละ

...พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ก้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น = ธรรมธาตุ หรือ อสังขตธาตุ เหมือนกับน้ำในมหาสมุทร มันแยกกันไม่ออกหรอก ถ้ามันบริสุทธิ์เหมือนกันหมด...

ประโยคนี้ข้าพเจ้าเข้าใจ........และรู้เรื่อง

....พระพุทธเจ้า มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ที่เห็นมีมากมาย คือ อวตารของพระพุทธเจ้าที่มีเพียงหนึ่งเดียว ตือ "อาทิพุทธเจ้า"....

แต่ประโยคนี้ เลอะเทอะ
...... :b13:


เดิมทีจักรวาลไม่มีอะไรเลย มีแค่สิ่งเดียวที่ดำรงอยู่ในสุญญตา สิ่งนั้นคือ จิตอสังขตธาตุ หรือนิพพานจิต สิ่งนี้เสมือนน้ำในมหาสมุทรที่บริสุทธิ์ที่สุด ชาวโลกเขาเรียกว่า "พระเจ้า" หลวงพ่อสดเรียกว่า "ต้นธาตุต้นธรรม" ฮินดูเรียกว่า "ตรีมูรติ" อิสลามเรียกว่า "อัลเลาะห์" นักพรตเรียกว่า "เต๋า" พระพุทธเจ้าเรียกไปยังมหายานว่า "อาทิพุทธ" พระพุทธเจ้าเรียกไปยังเถรวาทว่า "นิพพาน"

พูดง่ายๆก็คือ เดิมพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นแต่ละอณูของ"อาทิพุทธ" หรือ "นิพพาน" พวกเราแต่ละจิตแค่ลงมาค้นหาตัวเองให้พบ เมื่อพบแล้วเราก็กลับไปเป็นอณูของ"นิพพาน"เหมือนตอนก่อนเราออกมาเล่นเกมส์

หลวงปู่ดุลย์กล่าวว่า "จิตนี้ ไม่ใช่จิตซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่ง มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง"

และหลวงปู่ดุลย์กล่าวด้วยว่า

" โดยปราศจากรูปปรมาณู(หมายถึง ดับวิญญาณธาตุและดับนามรูปแล้ว) ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน"


"ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน" = นิพพานของจิตแต่ละดวง เป็นจิตว่าง บริสุทธิ์และสว่าง เมื่อรวมเข้ากับปรมาตมัน ซึ่งคือความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม สิ่งนี้คือนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ในพระสูตร ก็แสดงให้รู้ให้เห็นแล้วว่า
พระพุทธเจ้าสอน หรือบอกให้กลับพระสาวก คือ พระสารีบุตร แล้วมันเกี่ยวอะไร กับพวกปุถุชน คนธรรมดาทั้งหลาย หรือว่า เจ้าผู้นำมาโพส จะใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวง หรืออย่างไร ลองอธิบายซิ อิ อิ อิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 15:33
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คนดีที่โลกลืมเขียน:เดิมทีจักรวาลไม่มีอะไรเลย มีแค่สิ่งเดียวที่ดำรงอยู่ในสุญญตา สิ่งนั้นคือ จิตอสังขตธาตุ หรือนิพพานจิต สิ่งนี้เสมือนน้ำในมหาสมุทรที่บริสุทธิ์ที่สุด ชาวโลกเขาเรียกว่า "พระเจ้า" หลวงพ่อสดเรียกว่า "ต้นธาตุต้นธรรม" ฮินดูเรียกว่า "ตรีมูรติ" อิสลามเรียกว่า "อัลเลาะห์" นักพรตเรียกว่า "เต๋า" พระพุทธเจ้าเรียกไปยังมหายานว่า "อาทิพุทธ" พระพุทธเจ้าเรียกไปยังเถรวาทว่า "นิพพาน"

พูดง่ายๆก็คือ เดิมพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นแต่ละอณูของ"อาทิพุทธ" หรือ "นิพพาน" พวกเราแต่ละจิตแค่ลงมาค้นหาตัวเองให้พบ เมื่อพบแล้วเราก็กลับไปเป็นอณูของ"นิพพาน"เหมือนตอนก่อนเราออกมาเล่นเกมส์

หลวงปู่ดุลย์กล่าวว่า "จิตนี้ ไม่ใช่จิตซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่ง มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง"

และหลวงปู่ดุลย์กล่าวด้วยว่า

" โดยปราศจากรูปปรมาณู(หมายถึง ดับวิญญาณธาตุและดับนามรูปแล้ว) ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน"


"ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน" = นิพพานของจิตแต่ละดวง เป็นจิตว่าง บริสุทธิ์และสว่าง เมื่อรวมเข้ากับปรมาตมัน ซึ่งคือความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม สิ่งนี้คือนิพพาน


อย่าโม้และอย่ามั่วตอบ และไปนำความรู้ของครูบาฯอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์และนิพพาน(ดับ) ไปแล้วมาตอบกันเลย

ถ้าจะตอบแบบว่า นิพพานมีแดน มีชั้น มีที่อยู่ ไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าได้นั้น ก็ตอบ และสอนไปเถอะ
ถ้ามีผู้ที่เรียน ศึกษาพุทธศาสนามาก ๆ และฉลาดขึ้น ลูกศิษย์ที่ท่านสอนจะกลับมา :b34: ของท่านเอง

เพราะเขามีปัญญาและฉลาดขึ้นกว่าที่ท่านสอนอยู่...เถอะน่าเชื่อเถอะ

ที่ไปเห็นมา นะ มารนั่นหละ หลงเชื่อมารเต็ม ๆ ยังไม่รู้ตัวอีก เฮ้อ...

โม้ไปได้ ใคร ๆ เขาที่ฉลาดแล้วเขารู้ ไต๋ หมดแล้วหละ ...

ยังไงเสียพระไตรปิฎก ฉบับเถรวาทยังอยู่ครบ สมบูรณ์ บริบูรณ์ อยู่หรอกน่า..อย่าพยายาม...
ดีกว่าท่านคนดีฯ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ในพระสูตร ก็แสดงให้รู้ให้เห็นแล้วว่า
พระพุทธเจ้าสอน หรือบอกให้กลับพระสาวก คือ พระสารีบุตร แล้วมันเกี่ยวอะไร กับพวกปุถุชน คนธรรมดาทั้งหลาย หรือว่า เจ้าผู้นำมาโพส จะใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวง หรืออย่างไร ลองอธิบายซิ อิ อิ อิ


อิอิ

พระผู้มีพระภาคตรัสเรื่องนี้จบลงแล้ว พระศาริบุตรผู้มีอายุ ภิกษุและพระโพธิสัตว์เหล่านั้น ตลอดจนสัตว์โลกกับทั้งเทวา มนุษย์ อสูร คนธรรพ์ก็พากัน มีใจยินดีชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า

จบ สุขาวดียูหมหายานสูตร
http://www.mahayana.in.th/tmayana/พระสูตร/สุขาวดียุหสูตร.htm

อิอิ

อ่านไม่ออกเหรอ ทั้งมนุษย์ เทวา อสูร คนธรรมพ์ ไม่ได้ตรัสกะพระสารีบุตร
แต่ตรัสกะพระศาริบุตร

สงสัยจา ไม่ใช่ภาษายุคพระศรีอารีย์
ยุคศรีอารียะ ต้องรอไปอีก นานหน่อย กว่าจะมีภาษาในยุคนั้น

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


keaksim เขียน:
อ้างคำพูด:
คนดีที่โลกลืมเขียน:เดิมทีจักรวาลไม่มีอะไรเลย มีแค่สิ่งเดียวที่ดำรงอยู่ในสุญญตา สิ่งนั้นคือ จิตอสังขตธาตุ หรือนิพพานจิต สิ่งนี้เสมือนน้ำในมหาสมุทรที่บริสุทธิ์ที่สุด ชาวโลกเขาเรียกว่า "พระเจ้า" หลวงพ่อสดเรียกว่า "ต้นธาตุต้นธรรม" ฮินดูเรียกว่า "ตรีมูรติ" อิสลามเรียกว่า "อัลเลาะห์" นักพรตเรียกว่า "เต๋า" พระพุทธเจ้าเรียกไปยังมหายานว่า "อาทิพุทธ" พระพุทธเจ้าเรียกไปยังเถรวาทว่า "นิพพาน"

พูดง่ายๆก็คือ เดิมพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นแต่ละอณูของ"อาทิพุทธ" หรือ "นิพพาน" พวกเราแต่ละจิตแค่ลงมาค้นหาตัวเองให้พบ เมื่อพบแล้วเราก็กลับไปเป็นอณูของ"นิพพาน"เหมือนตอนก่อนเราออกมาเล่นเกมส์

หลวงปู่ดุลย์กล่าวว่า "จิตนี้ ไม่ใช่จิตซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่ง มันเป็นสิ่งซึ่งอยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง"

และหลวงปู่ดุลย์กล่าวด้วยว่า

" โดยปราศจากรูปปรมาณู(หมายถึง ดับวิญญาณธาตุและดับนามรูปแล้ว) ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน"


"ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน" = นิพพานของจิตแต่ละดวง เป็นจิตว่าง บริสุทธิ์และสว่าง เมื่อรวมเข้ากับปรมาตมัน ซึ่งคือความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม สิ่งนี้คือนิพพาน


อย่าโม้และอย่ามั่วตอบ และไปนำความรู้ของครูบาฯอาจารย์ที่ท่านเป็นพระอรหันต์และนิพพาน(ดับ) ไปแล้วมาตอบกันเลย

ถ้าจะตอบแบบว่า นิพพานมีแดน มีชั้น มีที่อยู่ ไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าได้นั้น ก็ตอบ และสอนไปเถอะ
ถ้ามีผู้ที่เรียน ศึกษาพุทธศาสนามาก ๆ และฉลาดขึ้น ลูกศิษย์ที่ท่านสอนจะกลับมา :b34: ของท่านเอง

เพราะเขามีปัญญาและฉลาดขึ้นกว่าที่ท่านสอนอยู่...เถอะน่าเชื่อเถอะ

ที่ไปเห็นมา นะ มารนั่นหละ หลงเชื่อมารเต็ม ๆ ยังไม่รู้ตัวอีก เฮ้อ...

โม้ไปได้ ใคร ๆ เขาที่ฉลาดแล้วเขารู้ ไต๋ หมดแล้วหละ ...

ยังไงเสียพระไตรปิฎก ฉบับเถรวาทยังอยู่ครบ สมบูรณ์ บริบูรณ์ อยู่หรอกน่า..อย่าพยายาม...
ดีกว่าท่านคนดีฯ...




อิอิ

เขียนเอง ก็มามั่วเอง เก๊กซิมเหมาๆๆนาทีละห้าสิบตังค์




เก๊กซิม เขียน



ถ้าว่าไปแล้ว มันก็จะถือคนละแบบกันไปแล้วหละ

แต่ใครจะถืออะไรก็ถือ เอาสักอย่างหนึ่ง

อย่าถือมั่ว เข้าหากัน มันยุ่ง

ก็ถือกันชัด ๆ ไปเลยว่า เถรวาทถืออย่างไร มหายานถืออย่างไร หรือศาสนา ลัทธิอื่นถืออย่างไร

แต่ที่เห็นเพราะเอามั่วๆ ถือกัน เลยยุ่งวุ่นวายไปหมด

ปุถุชนเลยพลอย ยุ่งไปด้วย เพราะผู้นำพา ถือเต็มไปหมด เถรวาท มหายาน พราหม์ ฯลฯ

ใครเอาอะไร คนไทยเอาด้วย



อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ

ก็เก๊กซิม ไปมั่วอะไรกับเค้าหละคร๊าบบบ

ก็บอกแล้ว คุณจะถืออะไร ก็ถือไป
ยึดถือของตัวเองให้แน่นๆๆๆๆๆๆๆ แล้วกัน คร๊าบบ

มหายาน เค้าก็ถือพระไตรปิฎก ฉบับจินผูก

เอาพระไตรปิฎก เถรวาท มามั่วทำไมล่ะคร๊าบบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ก๊าก..ก๊าก...ก๊าก ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอิีก.....

เจ้ามันก็แค่คนเขลาเบาปัญญาแล้วอวดฉลาด
ในพระสูตร บอกไว้ด้วยเหรอ ว่า ตอนที่พระพุทธองค์ เล่า หรือบอก หรือสอน ให้พระสารีบุตร มี มนุษย์ มี เทวา และมี อสูร มีคนธรรพ์ นั่งฟัง พระพุทธองค์ อยู่ด้วย
เอ็งเห็นหรือ เจ้าผู้เขลาเบาปัญญา
ก๊าก... ก๊าก...ก๊าก... ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 21:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ก๊าก..ก๊าก...ก๊าก ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอิีก.....

เจ้ามันก็แค่คนเขลาเบาปัญญาแล้วอวดฉลาด
ในพระสูตร บอกไว้ด้วยเหรอ ว่า ตอนที่พระพุทธองค์ เล่า หรือบอก หรือสอน ให้พระสารีบุตร มี มนุษย์ มี เทวา และมี อสูร มีคนธรรพ์ นั่งฟัง พระพุทธองค์ อยู่ด้วย
เอ็งเห็นหรือ เจ้าผู้เขลาเบาปัญญา
ก๊าก... ก๊าก...ก๊าก... ฮ่า ฮ่า ฮ่า


อิอิ

เขลาแน่นอน ด้วยในพระสูตรตอนท้ายก็บอกไว้เสร็จสรรพ แต่ศรีอารีย์ อ่านไม่ออกเอง
เขลาแน่นอน ด้วยไม่ได้มองเห็นแค่ตัวหนังสือ แต่เห็นด้วยธรรมจักษุ
เขลาแน่นอน ด้วยเห็น ศรีอารีย์ต้องเวียนว่ายต่อไป

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 14:54
โพสต์: 126

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โมหะ โทสะ โลภะ เกิดกันใหญ่แล้ว อย่าเอาคำสอนของสองสายในศาสนาพุทธมาเถียงกัน มันไม่จบหลอกนะครับ เถรวาท กับ มหายาน ต่างรูปแบบคำสั่งสอนที่มีมาอยู่แล้ว จงอย่าได้เอามารวมกันและเถียงกันตามความเข้าใจของแต่ละสายในพุทธศาสนา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร