ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

เรื่องของจิต
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=30575
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  wirat [ 03 เม.ย. 2010, 04:53 ]
หัวข้อกระทู้:  เรื่องของจิต

...เรื่องของจิต...
จิตแบ่งออกเป็น2จิด ป.ล.ตรงนี้พูดถึงจิตมนุษย์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้นะครับ หากว่าจิตพระอรหันต์นั้น มี1เดียวไม่มี2 ก็คือจิตหลุดพ้นนั่นเอง
1 จิตแท้ตั้งแต่ดั้งเดิมเกิดกายคือ จิตภายใน มีความใสสะอาดหมดจดมาแต่เดิมแล้ว แต่ถูกครอบงำด้วยจิตเทียม อันประกอบด้วยกิเลศทั้งมวลซึ่งมีอยู่ในร่างกายนี้
จิตนี้ประกอบด้วย จิต(สมาธิ) สติ(ความคิดเริ่ม)ปัญญา(อารมณ์ของความคิด)(จิตนี้เรียกว่าจิตละเอียด) หรือจิตพระอรหันต์
2 จิตเทียมจิตภายนอกที่ปกคลุม จิตแท้อีกทีหนึง คือจิตที่ ร่างกาย หรือสมองนี้ สร้างขึ้นมา เพื่อครอบงำจิตแท้ ที่อยู่ภายใน ไม่ให้ประท้วงออกมา
ประกอบด้วย จิต(สมาธิ) สติ(ความคิดเริ่ม) ปัญญา(อารมณ์ของความคิด)(จิตนี้เรียกว่าจิตหยาบ) หรือจิตมนุษย์ ซึ่งส่วนนี้จะฝังตัวอยู่ในมันสมองของเรา และพัฒนามาเรื่อยๆตั้งแต่เกิด
...ดังนั้น เวลาเราเข้าสมาธิ จงสังเกตุ ว่าตอนนี้ ขณะที่เราเข้าสมาธินั้น เราอยู่ในอารมณ์ ของจิตไหน ละเอียดหรือหยาบ เราสามารถรู้ได้ทันทีว่าอารมณ์นั้นอยู่ในจิตไหน
แท้หรือเทียม...
...โดย...ใช้วิธีของผมนะครับ การจะเข้าสมาธิ ขึ้นสู่ฌาณและตามด้วยญาณ ไม่ยากเลยไม่ถึง10วินาทีสงบเลย ถ้าเราสามารถแยกหรือดูจิตตรงนี้ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหนผมลองมาแล้วได้ผล
เข้าสมาธิ เกิดปัญญา มีความคิดดีดีได้เร็วมากครับ จะให้นิ่งสงบก็นิ่งสงบ จะใช้ปัญญาก็ไหลลื่น ไม่ตกลงทางต่ำ หากหลงไปทางต่ำก็ลืมตากำหนดใหม่อย่างเดิมอีกครั้งก็เข้าที่แป๊บเดียว
...วิธีการก็คือ...
...เราหาที่นั่งให้พอเหมาะพอดีนั่งตัวตรงช่วงขณะที่เราเอามือมาประสานกันนั้นให้หายใจเข้าจนเต็มปอดพร้อมกับรวบรวมกำลังจิตแห่งสมาธิ(ด้วยความตั้งมั่นและตั้งใจอย่างที่สุด)
มาไว้ที่บนฝ่ามือดันพลังจิตบนฝ่ามือให้ความรู้สึกว่าได้ดันจิตแห่งสมาธิขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงตรงกลางกระหม่อม(กลางศรีษะ)เหมือนเราชักธงสู่ยอดเสายังไงยังงั้นเลยแล้วให้จิตนั้นนิ่งอยู่ตรงกลางกระหม่อมสักครู่
ตอนนี้ก็หายใจเรื่อยๆปกติอย่าเร่งนะครับให้รู้สึกว่าจิตแห่งสมาธิเรานั้นอยู่ตรงกลางกระหม่อม คลายความเครียดทั้งมวล ปล่อยให้จิตสงบ และปล่อยวางทุกสิ่งไป ไม่ยึดไม่คิดถึงใครทั้งนั้น
ถึงตรงนี้ท่านใดจะนิ่งนานแค่ไหน แล้วแต่ละคน ถึงตรงนี้ความคิดทั้งมวลหยุดหมดคล้ายๆตัวสติยืนจ้องมองจิตอยู่เฉยๆ ส่วนจะปล่อยนานหรือเร็วตอนนี้ก็อยู่ที่ตัวบุคคลตรงนี้จะได้สุขจากสมาธิและตัวสติหล่ะครับ ผมเปรียบเทียบตัวสติของจิตก็คือ
คือคิดหัวข้อของความคิดว่าจะคิดเรื่องอะไร พอสติได้หัวข้อของความคิดแล้ว พอเริ่มคิด ก็จะเกิดปัญญา ปัญญาที่นี้หมายถึง อารมณ์ของปัญญาก็ได้ แต่อารมณ์ที่เกิดจากปัญญานี้ออกมาจาก
จิตเดิมแท้ของเราที่ได้ตั้งมั่นเอาไว้แล้ว(สมาธิ) เรื่องต่างๆที่สติเริ่มคิดก็จะกลายเป็นปัญญาหรืออารมณ์ ของจิตแท้ ก็จะคิดประมวลอารมณ์ต่างๆ ไปในทางที่ดี ทางปิติ ไม่ลงในทางต่ำไม่ฟุ้งซ่าน
ถึงตรงนี้ เราจะได้ครบ สติ(ความคิดเริ่มต้นที่ดี) สมาธิ(จิตที่ตั้งมั่นดีแล้ว) ปัญญา(อารมณ์ของปัญญาที่ดี) เราก็ตั้งมั่นไว้ปล่อยให้สติ(ความคิด)กับปัญญา(อารมณ์)ทำงานไปในทางที่ดีตลอดเวลา ปิติ ปิติ ตอนนี้จงรู้เถิดว่าเราอยู่ในจิตแท้แล้ว แทบจะไม่มีร่างกายนี้เลย นอกจากตอนเราใช้ปัญญาคืออารมณ์พิจารณาสังขารเท่านั้นจึงจะเห็นว่ามันปวดนะ มันชานะ มันทรมานนะ มันร้อนนะ คือสติจะมารับรู้ แต่สมาธิเราก็ต้องมั่นคงอยู่อย่างนั้นไว้ ถึงจะเจ็บปวดก็ตามทีเดี๋ยวพอเรากลับไปหาสมาธิมันก็หายไม่รู้สึกสับเปลี่ยนไปมาอย่างนี้กับตัวสติที่ดี
บางครั้งเราก็ปล่อยวาง ให้เหลือแต่สมาธิตรงกลางกระหม่อม อย่างเดียว แช่อิ่มไว้ ตรงนี้เป็นสุขครับแต่อย่าไปยึดติดมากครับ ซักพักเราก็มาใช้ สติ ปัญญา อีก พิจารณา สังขาร หรืออะไรก็ได้ ไปทางที่ดีมีประโยชน์
ตรงนี้แปลกมากปัญญาตัวนี้มันไปของมันเอง เราไม่ได้บังคับให้คิดแต่มันไปของมันเองครับ ถึงตอนนี้ร่างกายแทบไม่รู้ว่ายังมีร่างกายนี้เลยครับ เหมือนมันหายไปเลย ไม่เจ็บไม่ปวดแต่พอคลายสมาธิขาชาเลยลุกไม่ขึ้น
...ตรงกันข้าม หากเราทำตามขั้นตอนแล้ว สติกับจิตของเรา ฟุ้งซ่าน คิดไปในทางที่เลว ทางต่ำ คิดถึงคนนั้นคนนี้ ไม่นิ่ง ปวดเนื้อปวดตัว ตัวจะหนักๆ
ตรงนี้เราจะรู้ได้ว่า สมาธิเราไม่ตั้งมั่น ไม่ได้อยู่ตรงกลางกระหม่อมแล้ว มันกระจัดกระจาย ไปทั่วตอนนี้เราจงรู้เถิดว่าเรากำลังเข้าไปใช้ สติหรือความคิดเริ่มต้น ของจิตมนุษย์ที่หยาบที่อยู่ในสมองในร่างกาย
เมื่อเราเข้าไปใช้สติหยาบที่อยู่ในสมองแล้ว สติหยาบย่อมสั่งงานไปที่ จิตหยาบ จิตหยาบนั้นฝังเต็มไปด้วย กิเลศ แม้จิตแท้จะเข้าไปช่วยดึงเท่าไรก็ไม่อาจฝืนสู้จิตหยาบได้เราจะคิดแต่สิ่งที่ไม่ดีไปตลอด
โดยมีความคิดดีๆเข้ามาต่อสู้ขัดแย้งบ้างแต่ก็พ่ายแพ้ไปเพราะสมาธิเราตกไม่อาจเข้าถึงจิตแท้ได้ ถึงตอนนี้เราจงตั้งหลักใหม่(เริ่มชาร์ตไฟใหม่)เราจงหายใจยาวเข้าไปในปอดจนเต็มที่พร้อมกันกับดันสมาธิอันแรงกล้าจากฝ่ามือเรา
ดันขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงกลางกระหม่อมแล้วให้สมาธิรวมเป็นหนึ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าอยู่ตรงนั้น ปล่อยวางทุกอย่างสบายๆ ไม่คิด ไม่ฝัน ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น มีแต่ความตั้งมั่น ที่จะเอาชนะ กิเลศอย่างเดียวเท่านั้น
ตรงนี้เราจะตั้งมั่นอยู่กับสมาธิอย่างเดียวนานแค่ไหนแล้วแต่ละบุคคลที่จะกระทำตรงนี้จะได้สุขจากสมาธิ จะนานช้าอยู่ที่บุคคล สักครู่ก็ปล่อยให้สติ ตัวดี ที่เกิดจากจิตสมาธิตั้งมั่นทำงาน สติตัวดีก็จะคิดเป็นปัญญา
คือเกิดอารมณ์ที่ดีแห่งปัญญา พิจารณาสังขาร สิ่งต่างๆไปในทางที่ดีตลอดเวลาไม่ตกมาที่จิตหยาบแห่งเนื้อสมองที่มีแต่กิเลศ ตรงนี้ถ้าเราดำรงรักษาจิตนี้ได้ตลอด ไม่เผลอ เท่ากับเราได้เข้าถึงจิตแท้แล้ว
เมื่อไหร่ที่เราออกจากสมาธิ เราจะรู้สึกโล่งสบายมีความปิติ เพื่อนๆครับ สมาธิถ้าเราทำอย่างนี้ เราจะเข้าสมาธิได้รวดเร็วมากครับ นับ123บางทีนิ่งสงบเลย ลองดูนะครับ จริงๆความคิดผมมันละเอียดกว่านี้
แต่ไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบายได้ดีกว่านี้ เพราะเรื่องนี้บางทีรู้แต่ไม่รู้จะบอกยังไงดี ได้แค่นี้นะครับ ขอให้ทุกท่าน ถึงฝั่งแห่ง นิพพานเถิด สาธุๆๆ...
...สรุป...
1สมาธิ(จิตตั้งมั่นมีกำลัง)เปรียบเสมือนพลังงานเชื้อเพลิงน้ำมัน เหมือนพลังงานที่อยู่ในแบตเตอรี่ มีมากเท่าใดสมาธิก็แน่นเท่านั้น ต้องเก็บให้รวมอยู่อย่างนั้นการจะมีสติที่ดีเยี่ยม ก็ต้องมาจากสมาธิที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลัง เหมือนถ่านไฟฉายหากพลังงานอ่อน(สมาธิ) ไฟ(สติ)ก็ไม่สว่าง ไฟไม่สว่างก็มองไม่เห็นทาง(ปัญญา)ก็คือไม่เห็นทางแห่งปัญญาไม่มีปัญญาหรือปัญญาน้อยไป แล้วจะเห็นอารมณ์แห่งนิพพานที่ต่อเนื่องมาจากปัญญาได้อย่างไร
2สติ(ความคิดเริ่มต้นที่ดี) เปรียบเสมือนเรดาร์รอบๆสมาธิ คอยดูแล พลังงาน รอบๆสมาธิ คอยปกปักรักษาสมาธิ คอยชี้นำทาง บางครั้งก็ดึงความรู้ของสมาธิก็คือจิตมาใช้ประโยชน์ สติเริ่มต้นคิดในทางดี อะไรๆ ที่ตามมาก็ไปในทางดี ก็จะเกิดปัญญาดี อารมณ์ดี ส่งผลให้การเจาะเอาปัญญาจากจิตแท้ก็ง่ายขึ้นหรือได้เลยในทันที เป็นปัญญาละเอียดของจิตเดิมแท้ ส่งผลให้จิตแท้มีกำลังมหัศจรรย์ เหนือการควบคุมของจิตเทียมที่อยู่ในมันสมองและร่างกาย
3ปัญญา(อารมณ์ของความคิด(สติ)) ปัญญาตรงนี้ก็ได้จากจิตเดิมแท้ จากสมาธิที่เราตั้งมั่นจนกลายเป็นกำลังที่จะสามารถเจาะเข้าถึงจิตแท้อันละเอียดจนเกิดปัญญาอันบริสุทธิ์นั่นเอง
คนละอย่างจากปัญญาที่เกิดจากมันสมองการเรียนรู้ของมนุษย์ ตรงนี้เค้าเรียกปัญญาอย่างหยาบ
คงจะได้ความรู้ไม่มากก็น้อย ผมไม่ได้ที่จะอวดรู้หรือจะสอนใครครับ แต่ตรงนี้เกิดจากการเรียนรู้เลยอยากจะกล่าวให้ทุกท่านทราบหากจะมีประโยชน์บ้าง ก็จงส่งเป็นผลอันได้แก่ฝั่งพระนิพพานเถิด...
...โอ ระยอง ...

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 03 เม.ย. 2010, 23:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องของจิต

อืม ก้คงช่ายคับ แต่ว่าปฏิบัติจิตคนเรกวัดแกว่งมาก เหมือนลูกตุ้มนาฬิกากว่าจะนิ่งก้แกว่งไปแกว่ง
มาอยู่หลายรอบ

กรรมฐานที่จขกท. ใช้เป้นการตั้งฐานจิตตรงกระหม่อม ตรงนี้จริงๆทำได้ยากเหมือนกันนะครับ เพ่งหรื่อ
วางไว้ตรงหน้าผาก ผมคิดถ้าจะวางควรวางตั้งแต่จมูกลงไป เพราะวางไปแล้วจิตจะวางได้ง่ายๆ
แต่วิธีนี้ก้ใกล้เคียงกับกรรมฐานเลข0 แต่กรรมฐานที่ว่ากำหนดไว้ตรงเหนือเพดานปากขึ้นไปเล็กน้อยแล้วปักจิตไว้ตรงบริเวณที่ว่านี้
ถ้าทำจนชินได้ จิตจะนิ่งมากๆแบบเป้นชม ชม ติดต่อกันเลย ความมั่นทางอารมณ์ไม่ต้องพูดถึงจิตมั่นคง
มาก

เจ้าของ:  wirat [ 06 เม.ย. 2010, 02:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องของจิต

ขอบคุณครับ ขณะที่จิตผมอยู่ตรงกลางกระหม่อม ผมมีความรู้สึกว่าเจ้าตัวสติมันวนอยู่รอบๆกระหม่อมคอยดูแลครับ คล้ายดาวเสาว์ที่มีวงแหวนล้อมรอบครับ ดาวเสาร์คือ สมาธิ วงแหวนคือสติครับ อนุโมทนาครับท่าน ผู้มีธรรม

เจ้าของ:  ผงธุลีดิน [ 06 เม.ย. 2010, 10:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องของจิต

ดีครับ
เปรียบเทียบได้ดีทีเดียว

ดาวเสาร์คือ สมาธิ วงแหวนคือสติครับ
ขณะที่จิตคุณอยู่กลางกระหม่อม เปรียบเหมือนได้มีตัวรู้ ขึ้น
ตัวรู้ ไประลึกรู้หรือกำหนดรู้ อะไรที่ผ่านมาผ่านไป
แล้วระลึกได้ ตัวรู้ กลับมาอยู่ที่กลางกระหม่อมเป็นปรกติ ของปัจจุบัน
สติ จะพึงเกิดเอง
ลองดูสักหน่อยครับ ว่า เมื่อสติเกิดแล้ว สมาธิจึงมี
ผลของการที่เจริญสติ เป็นเหตุให้เกิด สมาธิ
สมาธิ คือ ความสงบ สงบในนี้คือ จิตที่สงบจากกิเลส หรือว่างจากกิเลส
ให้สติ เป็นตัวดูแลรักษา ให้จิตสงบจากกิเลส หรือ สมาธินั่นเอง

เจ้าของ:  wirat [ 05 พ.ค. 2010, 17:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องของจิต

สรุป สมาธิ แบบนี้ ทำให้เกิด ครู (ปัญญา) บางครั้งถามเองแล้วก็ตอบเอง มีจิตเมตตามากๆ รู้สึกสำนึกผิด ในสิ่งที่พลาดๆมาในชีวิต

แทบจะทนอยู่ในฆราวาส ไม่ได้ ถ้าไม่มีหน้าที่ต้องดูแล มีกรรมที่จะต้องใช้ก่อน ถ้าไปเลยตอนนี้จะเป็นการสร้างกรรมเปล่าๆครับ

พูดอะไร ผู้คนต่างเชื่อถือ แม้เขาจะมีอายุมากกว่าเรา ทำอะไรๆ เช่นที่ผมทำผ้ายันต์แจก ก็จะให้ผลทันตา ทันใจ ตรงนี้ผมไม่อยากทำ

แต่มีคนมาขอเพราะรู้มาจากคนอื่นที่เขาเล่ามาก็มาขอให้ผมทำ โดยส่วนตัวผมไม่ทำให้ใคร ไม่อยากทำด้วย เพราะผมไม่มีวิชาอะไร

มีแต่จิตที่อยากให้เขาสบาย พ้นทุกข์ แม้เขาจะรวยแล้วเป็นพันๆล้านก็ตาม

มีคนๆหนึ่ง เขาเดือดร้อน มาปรารภ กับผม ขณะที่ผมกำลังซ่อมคอม ให้เขา เขาบอกว่าเขาติดหนี้ ตั้งเก้าแสนเฉพาะดอกวันละเป็นพัน

มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยไม่รู้จะเอาที่ไหนให้เขา หน้าเขาหน้าสงสารมากๆ ผมเลยนึกถึงผ้ายันต์ ยังเหลืออยู่นี่หว่า ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า

คนอื่นได้ผล คนนี้ก็น่าจะได้ผล หนี้ตั้ง9แสนกว่าเกือบล้าน ผมเลยจับมือเขา เอาผ้ายันต์นี้ให้เขาบอกเขาว่าอยากได้อะไร ก็ขออธิษฐานเอานะ

ใจตอนนั้นอยากให้เขาพ้นทุกข์เต็มกำลัง หน้าตาเขาดีใจ หลังจากนั้น 3วัน ที่เอาผ้ายันต์ไป อยู่ๆก็มีคนมาขอซื้อที่บ้าน ให้ราคามาเองเลย

1ล้านบาท แต่ค่าโอนให้เขานั้นออกให้ เขางงมาก เขาอธิษฐานกับผ้ายันต์ขายบ้านที่เขาอยู่โดยเขาไม่ได้ติดป้ายหรือบอกใครเลยแค่สามวัน

คนข้างบ้านห่างกัน500เมตรมาขอซื้อ เขาขนลุกนึกถึงผ้ายันต์ที่ผมให้ทันที ตอนนี้เขาเอาไปใส่กรอบ เขาขายบ้านใช้หนี้หมดเหลือเงิน1แสน

ก็ไปซื้อที่เล็กๆซื้อแค่ห้าหมื่นข้างกันนั่นแหละปลูกบ้านเหลือเชื่อเค้ามาเล่าให้ผมฟัง ผมดีใจแทนเค้าที่สำเร็จเค้ามีรถส่งนักเรียนและเค้าเป็น

ช่างซ่อมรถยนต์ตรงนี้พิสูจน์ผมพร้อมจะให้เบอร์คนนี้ถามได้เลยว่าจริงไหมตอนนี้เค้าสบายขึ้น เพราะไม่มีหนี้แล้วหาเก็บอย่างเดียว

ขึ้นถึงแม้จะต้องเสียบ้านเก่าไป แต่ก็ได้บ้านใหม่ข้างที่ตัวเองมา ซึ่งเค้าบอกว่าที่ๆตรงนั้นขายได้ไม่ล้านหรอก แต่นี่คนซื้อมาให้ราคาสูงเองเลย

เค้าไปบอกคนข้างบ้านถึงเรื่องนี้ เลยขอกันใหญ่ครับ ยังมีอีกหลายคนที่ได้ผล แม้แต่โรงงานที่บางแสนเป็นพันๆล้านยังตีรถมาเอาผมไม่บอก

ชื่อโรงงานนะครับ เขาติดรอบโรงงานเลย เค้าขอได้ตามนั้นเลยครับ ทุกวันเขาก็มาหาผมบ่อยๆครับ เค้าว่าดีขึ้น ไม่มีพนักงานทะเลาะกัน

ค้าขายดีขึ้น ผมก็งง แต่ก็ดีใจที่เขาสบายทั้งที่เขารวยอยู่แล้ว หมอทำฟันที่ระยอง ก็เอาไปติด ไม่ได้หยุดเลย มีแตเครสใหญ่ๆ เมื่อก่อนเงียบ

เขาบอกผิดปกติ เขามาขออีกหลายผืนเลย ผมก็ให้ไป ไม่ได้คิดอะไรนะครับ ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง เลิกงานตี1 ไปกินเจ้าของร้านนอนหลับต้องปลุก

ทุกวัน เพราะไม่มีแขก เดี๋ยวนี้โดนเพื่อนผมแซว ทั้งโต๊ะจีน แขกเข้าไหลยังกับน้ำ ขายดีไม่ได้ พักได้นั่งเลย จนแก่แซวว่าไม่ไหวแล้วเดี๋ยวเอา

ผ้ายันต์ลงก่อนมันเหนื่อย ลูกค้าเยอะ ไม่ได้หยุด คนขายของตลาดนัด เมื่อก่อน2ถึง3ทุ่มถึงจะได้กลับบ้านเดี๋ยว6โมงขายเกี้ยงกลับบ้านแล้ว

สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ดีอย่างหนึ่งก็คือ คนหาปลาเอาไปติดที่หัวเรือ เมื่อก่อน ยาก เดี๋ยวเขาบอก ลงเป็นติดลงเป็นได้เต็มเรือ ผมรู้สึกดีใจปนเสียใจ

เพราะสงสารพวกปลามัน โถเราทำดีปนบาปหรือเปล่าเนี๊ย เพราะผมไม่กินเนื้อสัตว์มาเกือบ4ปีแล้วผมทานมังสวิรัติ ครับสงสารปลาที่โดนจับ

เฮ้อ! แต่ไม่รู้จะทำยังไง กรรมใครกรรมมันนั่นแหละ คิดแค่นี้ ปล่อยมันไป ยังมีอีกหลายคน เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ไม่ต้องขอผมนะครับ

ช่วงนี้ไม่มีนะครับให้เขาไปหมดแล้ว ผมยังไม่อยากทำครับ ตรงนี้เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่ท่านครับนะครับ

ผมว่านี่คือผล จากสมาธิที่ผมทำ ครับ

เจ้าของ:  enlighted [ 06 พ.ค. 2010, 17:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องของจิต

wirat เขียน:
สรุป สมาธิ แบบนี้ ทำให้เกิด ครู (ปัญญา) บางครั้งถามเองแล้วก็ตอบเอง มีจิตเมตตามากๆ รู้สึกสำนึกผิด ในสิ่งที่พลาดๆมาในชีวิต

แทบจะทนอยู่ในฆราวาส ไม่ได้ ถ้าไม่มีหน้าที่ต้องดูแล มีกรรมที่จะต้องใช้ก่อน ถ้าไปเลยตอนนี้จะเป็นการสร้างกรรมเปล่าๆครับ

พูดอะไร ผู้คนต่างเชื่อถือ แม้เขาจะมีอายุมากกว่าเรา ทำอะไรๆ เช่นที่ผมทำผ้ายันต์แจก ก็จะให้ผลทันตา ทันใจ ตรงนี้ผมไม่อยากทำ

แต่มีคนมาขอเพราะรู้มาจากคนอื่นที่เขาเล่ามาก็มาขอให้ผมทำ โดยส่วนตัวผมไม่ทำให้ใคร ไม่อยากทำด้วย เพราะผมไม่มีวิชาอะไร

มีแต่จิตที่อยากให้เขาสบาย พ้นทุกข์ แม้เขาจะรวยแล้วเป็นพันๆล้านก็ตาม

มีคนๆหนึ่ง เขาเดือดร้อน มาปรารภ กับผม ขณะที่ผมกำลังซ่อมคอม ให้เขา เขาบอกว่าเขาติดหนี้ ตั้งเก้าแสนเฉพาะดอกวันละเป็นพัน

มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยไม่รู้จะเอาที่ไหนให้เขา หน้าเขาหน้าสงสารมากๆ ผมเลยนึกถึงผ้ายันต์ ยังเหลืออยู่นี่หว่า ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า

คนอื่นได้ผล คนนี้ก็น่าจะได้ผล หนี้ตั้ง9แสนกว่าเกือบล้าน ผมเลยจับมือเขา เอาผ้ายันต์นี้ให้เขาบอกเขาว่าอยากได้อะไร ก็ขออธิษฐานเอานะ

ใจตอนนั้นอยากให้เขาพ้นทุกข์เต็มกำลัง หน้าตาเขาดีใจ หลังจากนั้น 3วัน ที่เอาผ้ายันต์ไป อยู่ๆก็มีคนมาขอซื้อที่บ้าน ให้ราคามาเองเลย

1ล้านบาท แต่ค่าโอนให้เขานั้นออกให้ เขางงมาก เขาอธิษฐานกับผ้ายันต์ขายบ้านที่เขาอยู่โดยเขาไม่ได้ติดป้ายหรือบอกใครเลยแค่สามวัน

คนข้างบ้านห่างกัน500เมตรมาขอซื้อ เขาขนลุกนึกถึงผ้ายันต์ที่ผมให้ทันที ตอนนี้เขาเอาไปใส่กรอบ เขาขายบ้านใช้หนี้หมดเหลือเงิน1แสน

ก็ไปซื้อที่เล็กๆซื้อแค่ห้าหมื่นข้างกันนั่นแหละปลูกบ้านเหลือเชื่อเค้ามาเล่าให้ผมฟัง ผมดีใจแทนเค้าที่สำเร็จเค้ามีรถส่งนักเรียนและเค้าเป็น

ช่างซ่อมรถยนต์ตรงนี้พิสูจน์ผมพร้อมจะให้เบอร์คนนี้ถามได้เลยว่าจริงไหมตอนนี้เค้าสบายขึ้น เพราะไม่มีหนี้แล้วหาเก็บอย่างเดียว

ขึ้นถึงแม้จะต้องเสียบ้านเก่าไป แต่ก็ได้บ้านใหม่ข้างที่ตัวเองมา ซึ่งเค้าบอกว่าที่ๆตรงนั้นขายได้ไม่ล้านหรอก แต่นี่คนซื้อมาให้ราคาสูงเองเลย

เค้าไปบอกคนข้างบ้านถึงเรื่องนี้ เลยขอกันใหญ่ครับ ยังมีอีกหลายคนที่ได้ผล แม้แต่โรงงานที่บางแสนเป็นพันๆล้านยังตีรถมาเอาผมไม่บอก

ชื่อโรงงานนะครับ เขาติดรอบโรงงานเลย เค้าขอได้ตามนั้นเลยครับ ทุกวันเขาก็มาหาผมบ่อยๆครับ เค้าว่าดีขึ้น ไม่มีพนักงานทะเลาะกัน

ค้าขายดีขึ้น ผมก็งง แต่ก็ดีใจที่เขาสบายทั้งที่เขารวยอยู่แล้ว หมอทำฟันที่ระยอง ก็เอาไปติด ไม่ได้หยุดเลย มีแตเครสใหญ่ๆ เมื่อก่อนเงียบ

เขาบอกผิดปกติ เขามาขออีกหลายผืนเลย ผมก็ให้ไป ไม่ได้คิดอะไรนะครับ ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง เลิกงานตี1 ไปกินเจ้าของร้านนอนหลับต้องปลุก

ทุกวัน เพราะไม่มีแขก เดี๋ยวนี้โดนเพื่อนผมแซว ทั้งโต๊ะจีน แขกเข้าไหลยังกับน้ำ ขายดีไม่ได้ พักได้นั่งเลย จนแก่แซวว่าไม่ไหวแล้วเดี๋ยวเอา

ผ้ายันต์ลงก่อนมันเหนื่อย ลูกค้าเยอะ ไม่ได้หยุด คนขายของตลาดนัด เมื่อก่อน2ถึง3ทุ่มถึงจะได้กลับบ้านเดี๋ยว6โมงขายเกี้ยงกลับบ้านแล้ว

สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ดีอย่างหนึ่งก็คือ คนหาปลาเอาไปติดที่หัวเรือ เมื่อก่อน ยาก เดี๋ยวเขาบอก ลงเป็นติดลงเป็นได้เต็มเรือ ผมรู้สึกดีใจปนเสียใจ

เพราะสงสารพวกปลามัน โถเราทำดีปนบาปหรือเปล่าเนี๊ย เพราะผมไม่กินเนื้อสัตว์มาเกือบ4ปีแล้วผมทานมังสวิรัติ ครับสงสารปลาที่โดนจับ

เฮ้อ! แต่ไม่รู้จะทำยังไง กรรมใครกรรมมันนั่นแหละ คิดแค่นี้ ปล่อยมันไป ยังมีอีกหลายคน เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ไม่ต้องขอผมนะครับ

ช่วงนี้ไม่มีนะครับให้เขาไปหมดแล้ว ผมยังไม่อยากทำครับ ตรงนี้เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่ท่านครับนะครับ

ผมว่านี่คือผล จากสมาธิที่ผมทำ ครับ


เหอๆๆ

ทำยันต์ไปแปะตัวเอง ให้หลุดพ้นความหลงของยันต์เสียก่อนเหอะ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/