วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 16:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:46
โพสต์: 167

แนวปฏิบัติ: buddhism
อายุ: 0
ที่อยู่: nontaburi

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
เพื่อน ๆ หลายคนในบอร์ด มีเรืองราวชีวิต มาเล่า มาแบ่งปันกัน น่ารัก น่าเห็นใจ
ตัวผมเอง ก็มีเรื่องราวให้ปวดร้าวหัวใจมากมาย หาหนังสือมาอ่านให้กำลังใจตัวเอง มาได้รู้อย่างหนึ่งว่า
การที่เรามองคนที่เขามีโอกาสน้อยกว่าเรา บางครั้งก็ทำให้เราสบายใจเหมือนกัน



2 พ่อลูก ชีวิตสุดรันทด อยู่ในป่าช้า10 ปี เก็บขยะเลี้ยงชีพ

ข่าว สังคม เผย 2 พ่อลูก ชีวิตสุดรันทด อยู่ในป่าช้า10 ปี โดย 2 พ่อลูก ชีวิตสุดรันทด
สร้างกระต๊อบหลังเล็กเป็นที่หลับนอน หากินด้วยการเก็บขยะขายเลี้ยงชีพ
ทั้งนี้พ่อเผยเมียทิ้งลูกให้ดูแล แถมลูก ชีวิตสุดรันทด เพื่อนก็ไม่มีเล่นเพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาในป่าช้า
บางวันก็ไม่มีข้าวกินอาศัยคนในละแวกแบ่งปันให้

ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนายบุญเกิด โพธิกุล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านสุขาวดี
หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ว่า
มี 2 พ่อลูก ปลูกกระต๊อบอาศัยอยู่ในป่าช้า วัดช่องลม นานกว่า 10 ปี ยึดอาชีพเก็บขยะขาย
ส่งลูกสาวเรียน และต้องอยู่กินแบบอดมื้อกินมื้อ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ
ด.ญ.สโรชา ชมภู อายุ 11 ปี ในกระต๊อบกว้างประมาณ 2 เมตร ยาว 2 เมตร
ใช้ไม้เก่าทำฝาบ้าน สังกะสีเก่าและแผ่นไม้อัดมุงหลังคา อยู่กับนายทองเปลว ชมภู อายุ 35 ปี
บิดา ในกระต๊อบมีแต่ที่นอนเก่าๆ ไม่มีแม้ภาชนะหุงหาอาหาร

รูปภาพ




ด.ญ.สโรชากล่าวว่า ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ 2 คน ในป่าช้ามาตั้งแต่จำความได้
และเพื่อนพ่อสงสารนำไปฝากเรียนที่โรงเรียนพัทยา 2 ขณะนี้อยู่ชั้น ป.2/1 ที่ผ่านมา
ไม่เคยบอกให้ใครรู้ จนเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เกิดปวดท้อง ครูประจำชั้นพามาส่งบ้าน
จึงได้รู้ว่าอาศัยอยู่ในป่าช้า

นายทองเปลวกล่าวว่า บ้านเดิมอยู่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
ภรรยาคลอดลูกสาวได้ไม่นานก็ทิ้งไปมีสามีใหม่ จึงอุ้มลูกมาตามหาที่พัทยา
และเร่ร่อนไปตามถนนจนพบที่ว่างในป่าช้า จึงหาไม้และสังกะสีเก่าสร้างเป็นกระต๊อบ
อยู่มากว่า 10 ปีแล้ว บางวันมีเงินซื้อข้าวและให้ลูกไปโรงเรียน วันไหนไม่มีก็ต้องอดทั้งคู่
โชคดีคนในบ้านสุขาวดีนำอาหารมาส่งให้เกือบทุกวัน ทำให้รอดชีวิตมาได้
ส่วนลูกสาวมีสุนัขเป็นเพื่อน เพราะไม่มีเด็กกล้าเข้าป่าช้ามาเล่นด้วย

รูปภาพ


ด้านนายรณกิจ เอกสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา นายเกษม ฉิมจิ๋ว
ผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองพัทยา 2 ได้ลงมาตรวจสอบและช่วยเหลือเบื้องต้น
ทางโรงเรียนได้ขอทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายให้ ด.ญ.สโรชา

ส่วนผู้ต้องการช่วยเหลือติดต่อได้ที่เมืองพัทยา 2 เบอร์โทร.0-3822-1264
หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารออมสิน สาขาบางละมุง ประเภทเผื่อเรียก
ชื่อบัญชี ด.ญ.สโรชา ชมภู เลขที่บัญชี 03-2105-02-112608-2
ข้อมูลจาก
รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ไวโรจนมุเนนทระ เมื่อ 31 มี.ค. 2010, 14:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:46
โพสต์: 167

แนวปฏิบัติ: buddhism
อายุ: 0
ที่อยู่: nontaburi

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องนี้ ผมอ่านหลายเที่ยว ส่งให้เพื่อนอ่าน หลายท่านในนี้ ก็เคยอ่าน

รูปภาพ


อยากให้คนที่ไม่เคยอ่าน ลองอ่านดูครับ ไล่ตงจิ้น" ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต"

อะไรเล่า...ที่ทำให้เขาก้าวสู่จุดที่เรียกว่าความสำเร็จ
อะไรเล่า...ที่ทำให้เขามีวันนี้ เพราะฟ้าชะตาลิขิตหรือ
?

ไล่ตงจิ้น เติบโตมาในครอบครัวขอทานที่ทุกคนเคยเย้ยหยัน ดูถูก มีพ่อตาบอด
แม่กับน้องชายคนโตปัญญาอ่อน พ่อเป็นขอทานตาบอด อารมณ์ร้าย ทุบตีเขาเป็นนิจ
ตั้งแต่จำความได้ไล่ตงจิ้นกับพ่อขอทานหาเลี้ยง 14 ชีวิตในครอบครัว

เขาต่อสู้กับชีวิต อยู่ท่ามกลางสังคมปัจจุบันที่ผู้คนไม่ต้องต่อสู้แย่งชิงเยี่ยงยุคสงคราม
แต่เขากลับต้องต่อสู้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้คนในครอบครัวทั้ง 14 ชีวิตได้มีข้าวกิน
มีชีวิตรอดถึงวันรุ่งขี้น เขาขอทานตั้งแต่เขาจำความได้ ติดสอยห้วยตามพ่อตาบอดและพี่น้อง
ไปทุกหนทุกแห่ง


ไล่ตงจิ้นไม่มีบ้าน ทั้ง 14 ชีวิตเร่ร่อนขอทานไปตามที่ต่างๆ อาศัยตามศาลเจ้าในป่าช้า
หรือ ใต้ต้นไม้ ขอทานเป็นเงิน หรือ เศษอาหารมาเลี้ยงพ่อแม่ และพี่น้อง

เวลาที่เขากับพ่อออกไปขอทานต้องผูกแม่กับน้องชายปัญญาอ่อนไว้กับต้นไม้
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย
แม้จะขอทานท่ามกลางพายุฝน ผ่านคืนวันอันหนาวเหน็บ หลายครั้งที่ไม่ได้อะไรเลย
เขาถึงกับต้องแย่งข้าวหมากิน ดื่มน้ำในท้องร่อง...
ชีวิตเขาเคยท้อแท้จนถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่แล้วด้วยใจที่ ''ไม่ยอมแพ้'' เขาจึงต่อสู้ชีวิตเรื่อยมา


ตลอดระยะเวลาหกปีที่เรียนอยู่ชั้นประถม เขาอาศัยไฟข้างถนนต่าง ๆ หลังจากขอทาน
เพื่ออ่านหนังสือเรียน เขาได้รับใบประกาศเกียรติคุณทั้งหมดมากกว่า 80 ใบ
ทุกรายการเขาได้ที่ 1 รางวัลเป็นพลังอย่างเดียวที่ผลักดันให้เด็กที่มี "ชีวิตสวะ"
คนหนึ่งมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับชีวิตอย่างกล้าหาญต่อไป

แต่ใบประกาศเกียรติคุณแผ่นบาง ๆ เทียบไม่ได้กับอาหารที่เขาขอทานมาได้สักมื้อ
เทียบอะไรไม่ได้กับการหาที่ซุกหัวนอน ที่พอจะใช้กันแดดบังฝนให้คนทั้งครอบครัว
จนแล้วจนเล่าที่มีแต่เรื่องร้าย ๆ คอยจ้องทำลายให้เขาล้มลง แต่กลับทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม
และสู้ชีวิตจนได้เป็น "บุคคลดีเด่นของไต้หวัน"


รูปภาพ

แม้จะมีข้อจำกัดมากมายในชีวิต ไล่ตงจิ้นไม่เคยหมดกำลังใจที่จะต่อสู้
การต่อสู้ครั้งสำคัญคือการเอาชนะใจครอบครัวหญิงสาวที่เขารัก
ทุกวันนี้ไล่ตงจิ้นมีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกชายลูกสาว เขาดูแลแม่และน้องชายปัญญาอ่อนเป็นอย่างดี
ถ้าคุณกำลังท้อแท้ หมดกำลัง ไล่ตงจิ้นจะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คุณ

ไล่ตงจิ้นได้รับรางวัล เยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปี ของไต้หวัน เมื่อปี 1999

รูปภาพ

เขาเขียนหนังสือเล่าชีวิตตัวเองอย่างตรงไปตรงมา สร้างความสะเทือนใจ
ในขณะเดียวกันคุณจะเต็มตื้นด้วยความรู้สึกดีๆ ต่อชีวิตอย่างมากมาย
จบหนังสือหน้าสุดท้ายด้วยรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา หนังสือของเขาขายดีที่ไต้หวัน
ได้รับการยกย่องและแนะนำให้อ่านโดยประธานาธิบดีเฉินสุยเปี่ยนของไต้หวัน
และที่เมืองไทยภายใน ๑ ปี พิมพ์มาแล้ว ๑๐ ครั้ง
อยากให้อ่านดูครับ แม้จะเก่า เก็บมาอ่านอีก ก็ได้กำลังใจ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 14:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b8: สาธุ อนุโมทามิค่ะ ท่านไวฯ :b8:
:b48: เป็นอุบายมองทุกข์ ลดทุกข์ เพื่อละทุกข์ได้ดีทีเดียวค่ะ :b48:
ดังคำว่า ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น
:b40: มองให้เป็น ก็เห็นธรรม :b40:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2010, 23:16
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4: :b4: :b4:

ดี ๆๆ

บอร์ดธรรมะ คนเข้ามา ให้มันสบาย ๆ อ่านแล้วเย็นใจ

ให้มันเหมือน ร่มไม้ใหญ่ กลางทุ่ง เย็นสยาย ลมพัดชื่นใจ น่านั่ง น่านอน อยากมา อยากอยู่

ความคิด คำพูด ที่เป็นแนวทางสร้างสรรค์ เป็นบวก

อ่านแล้วชื่นใจ สบายใจ ประชาชนทั่วไปก็ชอบ

เฮ้อ.. บางทีเข้ามา เจอแต่.....

จ้องแต่จะติพระ ว่าพระ เปรียบเทียบพระ ใจก็เศร้าหมอง

เห็นหัวข้อแล้ว ไม่อยากอ่านเลย

เหนื่อยใจ

:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 19

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประชาชนทั่วไป เขียน:
:b4: :b4: :b4:

ดี ๆๆ

บอร์ดธรรมะ คนเข้ามา ให้มันสบาย ๆ อ่านแล้วเย็นใจ

ให้มันเหมือน ร่มไม้ใหญ่ กลางทุ่ง เย็นสยาย ลมพัดชื่นใจ น่านั่ง น่านอน อยากมา อยากอยู่

ความคิด คำพูด ที่เป็นแนวทางสร้างสรรค์ เป็นบวก

อ่านแล้วชื่นใจ สบายใจ ประชาชนทั่วไปก็ชอบ

เฮ้อ.. บางทีเข้ามา เจอแต่.....

จ้องแต่จะติพระ ว่าพระ เปรียบเทียบพระ ใจก็เศร้าหมอง

เห็นหัวข้อแล้ว ไม่อยากอ่านเลย

เหนื่อยใจ

:b7:


แล้วชื่อผม มันออกจะดูน่าหดหู่ รึเปล่าครับ

ไม่อยากอ่าน :b10: แล้วสรุป คุณได้อ่านรึเปล่าครับ :b1:

ผมอ่านบ้างนะ อ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์ สอนตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 23:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 11:39
โพสต์: 85

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดีครับ ดีกว่านั่งอ่าน สัสสตทิฎฐิ

ไป ๆ มา ๆ คนที่สัสสตทิฎฐิ ก็ครองบอร์ด เศร้าใจ

หาเรื่องดี ๆ มาอ่าน มาชมดีกว่ากันเยอะเลย

ผมชอบดูรายการ "คนค้นคน" โหลดเก็บไว้ทุกตอน ในเว็บ ทีวีบูรพา

ได้แง่คิด ได้คติ ได้กำลังใจ ได้อะไร ดี ๆ ที่สร้างสรรค์

ว่าง ๆ ลองเข้าไปอ่านนะครับ เรื่องราวของแต่ละคน เขียนด้วยชีวิตทั้งชีวิต

แต่มาถ่ายทอดให้เราได้ดู เพียงแค่ภายในชั่วโมง

"ประโยชน์ของธรรมะ ที่เราศึกษา ไม่ใช่เพียงเพื่อเพิ่มพูนปัญญา หรือเพื่อถกเถียง
แต่ ประโยชน์ที่แท้จริง คือ การนำมาใช้สำหรับตัวเองและผู้อื่น"



"คนเก่ง อาจเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ แต่คนฉลาด เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น เป็นต้นทุน"

อัศวโฆษ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 19

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


aswakos เขียน:
ดีครับ ดีกว่านั่งอ่าน สัสสตทิฎฐิ

ไป ๆ มา ๆ คนที่สัสสตทิฎฐิ ก็ครองบอร์ด เศร้าใจ

หาเรื่องดี ๆ มาอ่าน มาชมดีกว่ากันเยอะเลย

ผมชอบดูรายการ "คนค้นคน" โหลดเก็บไว้ทุกตอน ในเว็บ ทีวีบูรพา

ได้แง่คิด ได้คติ ได้กำลังใจ ได้อะไร ดี ๆ ที่สร้างสรรค์

ว่าง ๆ ลองเข้าไปอ่านนะครับ เรื่องราวของแต่ละคน เขียนด้วยชีวิตทั้งชีวิต

แต่มาถ่ายทอดให้เราได้ดู เพียงแค่ภายในชั่วโมง

"ประโยชน์ของธรรมะ ที่เราศึกษา ไม่ใช่เพียงเพื่อเพิ่มพูนปัญญา หรือเพื่อถกเถียง
แต่ ประโยชน์ที่แท้จริง คือ การนำมาใช้สำหรับตัวเองและผู้อื่น"



"คนเก่ง อาจเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ แต่คนฉลาด เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น เป็นต้นทุน"

อัศวโฆษ


ทิฎฐิสังยุตต์ - โสตาปัตติวรรค - ๙. สัสสตทิฏฐิสูตร


[พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน]

๙. สัสสตทิฏฐิสูตร
ว่าด้วยความเห็นว่าโลกเที่ยง
[๔๓๓] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะถือมั่น
อะไร เพราะยึดมั่นอะไร จึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า โลกเที่ยง? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่

พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเป็นรากฐาน ฯลฯ

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อรูปมีอยู่ เพราะถือมั่นรูป เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดทิฏฐิขึ้น
อย่างนี้ว่า โลกเที่ยง. เมื่อเวทนามีอยู่ ... เมื่อสัญญามีอยู่ ... เมื่อสังขารมีอยู่ ... เมื่อวิญญาณมีอยู่

เพราะถือมั่นวิญญาณ เพราะยึดมั่นวิญญาณ จึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า โลกเที่ยง.

[๔๓๔] พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือ
ไม่เที่ยง?

ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นสิ่งนั้น
จะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า โลกเที่ยง บ้างไหม?

ภิ. ไม่พึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า.
พ. เวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นสิ่งนั้น
จะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า โลกเที่ยง บ้างไหม?

ภิ. ไม่พึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า.
พ. สิ่งใดที่ได้เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ได้ทราบแล้ว รู้แจ้งแล้ว บรรลุแล้ว ค้นคว้าแล้ว
ด้วยใจ แม้สิ่งนั้นเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เพราะไม่ถือมั่นสิ่งนั้น
จะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า โลกเที่ยง บ้างไหม?

ภิ. ไม่พึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า.
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล อริยสาวกละความสงสัยในฐานะ ๖ เหล่านี้ ชื่อว่า
เป็นอันละความสงสัยแม้ในทุกข์ แม้ในทุกขสมุทัย แม้ในทุกขนิโรธ แม้ในทุกขนิโรธคามินี

ปฏิปทา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น อริยสาวกผู้นี้ เราเรียกว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่

ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.

จบ สูตรที่ ๙.

:b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


แม้เราก็ยังไม่พ้นความเป็นอย่างนี้เลย ยังไม่มีโชคดีที่แท้จริงหรอก เราเอ๋ย!... :b5: :b5: :b5:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 110 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร