วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 11:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2010, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:46
โพสต์: 167

แนวปฏิบัติ: buddhism
อายุ: 0
ที่อยู่: nontaburi

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟังเหตุการณ์บ้านเมือง คนไทยทะเลาะกันมาก ๆ นึกถึงพุทธภาษิตบทหนึ่ง แล้วสบายใจ
คือ มีพุทธภาษิต ทีไม่ให้ไปใส่ใจเรื่องราวชาวบ้านมาก ควรใส่ใจเรื่องราวตัวเอง ว่า


"บุคคลไม่ควรไปใส่ใจ แสยงขน (คำด่า คำพูดเสียดแทง) ของคนเหล่าอื่น
ไม่ควรไปใส่ใจ งานของคนอื่น ว่า เขาทำแล้ว หรือยังไม่ได้ทำ
พึงพิจารณางานของตัวเองเท่านั้น ว่าทำแล้ว หรือ ยังไม่ได้ทำ"


ก็เลยเปิดหาที่มา มาอ่านดู อ่านแล้ว สบายใจ เลยนำมาเล่าสู่กันฟังเล่น ๆ

เหตุเกิดตอนครั้งพุทธกาล


มีแม่บ้านคนหนึ่ง ในกรุงสาวัตถี เลี้ยงดูอาชีวกคนหนึ่ง(นักบวชประเภทหนึ่ง โดยมากเปลือยกาย) เหมือนลูก ตะแกเห็นชาวบ้านใกล้เรือนเคียง ไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้า แล้วกลับมาชมพระพุทธเจ้าต่าง ๆ นานา

นางเกิดความอยากไปฟังธรรม อยากไปมาก ก็ไปเล่าให้อาชีวกฟัง
อาชีวกก็ห้าม (เอ๊ย ไปได้ไง ๆ) อย่าไปเลย


นางอ้อนวอนยังไง ก็ไม่ให้ไป ก็เลยคิดแผนใหม่ ไม่อยากให้ไปดีนัก ก็จะนิมนต์มาฉันที่บ้าน
ฟังธรรมที่บ้านก็ได้ (ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย)


พอตอนเย็น ๆ แกก็แอบเรียกลูกชายมาหา บอกลูกชายช่วยไปนิมนต์พระพุทธเจ้า
มาฉันภัตตาหารเช้าที่บ้านให้หน่อย


เจ้าลูกชายก็รับปากดิบดี แต่พอจะไป ดันไปเล่าให้อาชีวกฟังก่อน เจ้าอาชีวก ก็ห้ามไม่ให้ไป
บอกจะได้พากันกินอาหารที่แม่เตรียมไว้ ลูกชายก็ดันจะไปให้ได้ กลัวแม่ดุ


อาชีวกรู้ว่าห้ามไม่ได้ ก็เลยบอกว่า ไปก็ไป แต่เวลานิมนต์ อย่าบอกละเอียดบ้านโน้น บ้านนี้ ซอยโน้น ซอยนี้ (ทุกวันนี้ ต้องบอกละเอียด พร้อมเบอร์โทร เด่ว พระงง) พอนิมนต์แล้ว รีบกลับเลย

พอกลับไป อาชีวกถาม จึงบอกว่า ตามที่ท่านบอกทั้งหมด อาชีวกชมว่า เยี่ยม ๆ พวกเราจักได้กินเครื่องสักการะที่คุณแม่ของเธอเตรียมไว้ ในวันรุ่งขึ้น อาชีวกได้ไปรอที่บ้านแต่เช้าตรู่
พวกคนในบ้านพาอาชีวกนั้นให้ไปนั่งที่ห้องด้านหลัง แล้วพากันฉาบทาเรือนด้วยโคมัยสด(ขี้วัวสด)
โปรยดอกไม้ ๕ ชนิด รวมข้าวตอก แล้วปูลาดอาสนะอย่างดีมีค่า เพื่อให้พระศาสดาประทับนั่ง
(คนไม่คุ้นเคยกับพระพุทธเจ้า จะไม่รู้จักการปูลาดอาสนะต้อนรับ ทำตามใจนึก)


(พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องมีผู้บอกทาง เพราะหนทางทั้งหมด
แจ่มแจ้งแก่พระพุทธเจ้าเหล่านั้น แล้วว่า "ทางนี้ไปนรก, นี้ไปกำเนิดดิรัจฉาน, นี้ไปเปตวิสัย,
นี้ไปมนุษยโลก, นี้ไปเทวโลก, นี้ไปอมตนิพพาน" ในวันที่ตรัสรู้แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงหนทางแห่งสถานที่ต่าง ๆ)


เพราะฉะนั้น ตอนเช้า พระศาสดาทรงถือบาตรและจีวรแล้ว จึงเสด็จไปสู่ประตูเรือน
ของมหาอุบาสิกาแต่เช้าตรู่. นางออกมาจากเรือน ถวายบังคมพระศาสดา
ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ อัญเชิญให้เสด็จเข้าไปภายในเรือน ให้ประทับนั่งเหนืออาสนะแล้วถวายทักษิโณทก
อังคาสด้วยขาทนียะ และโภชนียะอันประณีต.

อุบาสิกาประสงค์จะให้พระศาสดาผู้ทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว
ทรงกระทำอนุโมทนา จึงอุ้มบาตรเอาไว้

พระศาสดาทรงเริ่มธรรมกถาสำหรับอนุโมทนา ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะ.

อุบาสิกาฟังธรรมพลางให้สาธุการว่า "สาธุ สาธุ."


อาชีวกนั่งอยู่ห้องหลังนั่นแล ได้ยินเสียงนางให้สาธุการแล้ว ฟังธรรมอยู่
ไม่อาจจะอดทนอยู่ได้ (ต่อมปรี๊ด ทำงาน) คิดว่า "ทีนี้ นางคงไม่เป็นของเราแล้ว”

จึงออกไปด่าอุบาสิกาและพระศาสดาอย่างหัวเสีย มากมาย เป็นต้นว่า
"อีกาลกิณี มึงฉิบหายแล้ว, มึงจงทำสักการะนี้แก่สมณะนั่นต่อไปเถิด" สะบัดหน้าหนีไป


อุบาสิกาก็ละอาย จิตก็ฟุ้งซ่าน ไม่อาจสงบจิตไปตามกระแสแห่งเทศนาได้.

ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะนางว่า "อุบาสิกา เธอไม่อาจทำจิต
ให้ไปตาม (แนว) เทศนาได้หรือ?"


อุบาสิกา. พระเจ้าค่ะ เพราะถ้อยคำของอาชีวกนี้ จิตของข้าพระองค์เข้าถึงความฟุ้งซ่านเสียแล้ว.

พระศาสดาตรัสว่า "ไม่ควรระลึกถึงถ้อยคำที่ชนผู้ไม่เสมอภาคกัน (คนที่ต่ำกว่า)
เห็นปานนี้กล่าว, ควรไม่คำนึงถึงถ้อยคำเห็นปานนี้แล้ว ควรตรวจดูกิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำของตนเท่านั้น "
ดังนี้แล้ว

ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ
อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ.
บุคคลไม่ควรไปใส่ใจ แสยงขน (คำด่า คำพูดเสียดแทง) ของคนเหล่าอื่น
ไม่ควรไปใส่ใจ งานของคนอื่น ว่า เขาทำแล้ว หรือยังไม่ได้ทำ
พึงพิจารณางานของตัวเองเท่านั้น ว่าทำแล้ว หรือ ยังไม่ได้ทำ
.................

ปฏิกาชีวก อังคุตรนิกาย ทสกนิบาต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2010, 11:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: อนุโมทามิ :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2010, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำของคนพาล เราจะเอามาใส่ใจทำไม
มือปากยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ใจเราไม่ยุ่ง มันจะวุ่นวายอย่างไรจ๊ะ

พระพุทธเจ้าของเรายุ่งเกี่ยวเรื่องชาวบ้านชาวเมืองตลอดไม่เคยหยุด แต่ใจท่านหาได้วุ่นวายไม่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 64 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร