วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2010, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...ทุกคนมีอัตตาตัวตน...
...ส่วนใหญ่ยึดติดในอัตตา...
...ไม่รู้จักวางอุเบกขา...
...ไม่ละ ไม่ปลง ไม่วาง...
...จึงดับทุกข์ไม่สำเร็จซักที...
Onion_L
:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คนดีฯ แล้วอัตตา ที่ท่านเทวฤทธิ์กล่าวไว้ดังนี้

อ้างคำพูด:
อัตตา ประกอบด้วยขันธ์ ๕ แล้ว ยังแจกแยกออกไปอีกว่า อันใดอันหนึ่งในขันธ์ ๕ นั้น ก็คือตัวตน หรือ อัตตา เช่นกัน
เช่น
รูป อย่างเดียว ก็เป็น อัตตา
สัญญา คือ ความจำ ก็เป็น อัตตา
เวทนา คือ ความรู้สึก ก็เป็นอัตตา
สังขาร คือ การปรุงแต่ง ก็เป็นอัตตา
วิญญาณ หรือ จิตวิญญาณ คือ ความรับรู้ในอารมณ์ ฯ เมื่อ อายตนะภายในกระทบกับอายตนะภายนอก ก็เป็น อัตตา



คนดี ฯ ว่าอย่างไร เห็นด้วยไหม หรือ คัดค้าน :b1:

ที่กระทู้นี้

viewtopic.php?f=1&t=30308&st=0&sk=t&sd=a


มีอัตตาบ้าๆบอๆเกิดขึ้นอีกแล้ว พระพุทธเจ้าเรียกอัตตาบ้าๆบอๆนี้ว่า อัตตานุทิฏฐิ แล้วชี้ว่าสิ่งนี้เป็นอุปทาน แล้วให้ชื่อใหม่ว่า "อนัตตา"

นายเทวฤทธิ์นั่นแหละเป็นสมุนของมาร เข้ามาในเว็บศาสนาเพื่อเผยแพรลัทธิอุบาศน์ของตนเอง เป็นมารแต่กลับหลงตนเองว่าเป็นพระศรีอริยะเมตตรัย

สมเด็จพระสังฆราช
อริยวงศาคตญาณ (แพ ติสูรเทโว)

"สัตว์โลกยังมีอวิชชาจะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอัตตา เว้นเมื่อเข้าถึงอสังขตธาตุได้ความบริสุทธ์เป็นนิพพาน จะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอนัตตาทันที แล้วจะเห็นว่าพระนิพพานเป็นอัตตา"


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 26 มี.ค. 2010, 12:57, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อัตตานุทิฏฐิ = อัตตา ในความหมายของนายเทวฤทธิ์(ศรีอริยะเมตตรัยเดียรถีย์)

[๖] อัตตานุทิฏฐิ ๒๐
ปุถุชนผู้ไม่ได้ฟัง ไม่ได้เห็น ไม่รู้ในธรรมของพระอริยเจ้า หรือของสัปบุรุษ ย่อมเห็นขันธ์ ๕ ซึ่งได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นตนบ้าง เห็นตนว่ามีขันธ์บ้าง เห็นขันธ์ในตนบ้าง เห็นตนในขันธ์บ้าง
อัตตานุทิฏฐิ คือความงมงายด้วยการยึดถือผิด ในการที่เห็น ขันธ์ ๕ แต่ละขันธ์ว่า เป็นตน ๑ เห็นตนว่ามีขันธ์นั้น ๑ เห็นขันธ์นั้นในตน ๑ เห็นตนในขันธ์นั้น ๑ รวมอัตตานุทิฏฐิจำแนกตามการเห็น ๔ อย่าง ในขันธ์ ๕ แต่ละขันธ์ ได้ ๒๐ คือ
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๒]๑๑๑

[๖.๑] อัตตานุทิฏฐิในรูป

- เห็นรูปว่าเป็นตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นรูปว่าเป็นตน เพราะเห็นว่า ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ นีลกสิณ ปีตกสิณ โลหิตกสิณ โอทาตกสิณ เหล่านี้ และ ตัวตนเรานั้น เป็นอันหนื่งอันเดียวกัน เปรียบเหมือนกับที่เห็นว่า เปลวไฟและแสงสว่างของไฟที่ลุกโพลงอยู่นั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๓]๑๑๑ - ๑๑๒

- เห็นตนว่ามีรูป บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนว่ามีรูป เพราะเห็นว่า เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีรูปด้วยรูปนี้ จึงเห็นตนว่ามีรูป เปรียบเหมือน ต้นไม้นั้นมีเงาด้วยเงานี้ จึงเห็นต้นไม้ว่ามีเงา
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๔] ๑๑๒

- เห็นรูปในตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นรูปในตน เพราะเห็นว่า เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ในตัวตนนี้มีรูป จึงเห็นรูปในตน เปรียบเหมือน ในดอกไม้มีกลิ่นหอม จึงเห็นกลิ่นหอมในดอกไม้
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๕]๑๑๒ - ๑๑๓

- เห็นตนในรูป บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนในรูป เพราะเห็นว่า เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีอยู่ในรูปนี้ จึงเห็นตนในรูป เปรียบเหมือนแก้วมณีมีอยู่ในขวด จึงเห็นแก้วมณีในขวด
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๖]๑๑๓

[๖.๒] อัตตานุทิฏฐิในเวทนา

- เห็นเวทนาว่าเป็นตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นเวทนาว่าเป็นตน เพราะเห็นว่าจักษุสัมผัสสชาเวทนา โสตสัมผัสสชาเวทนา ฆานสัมผัสสชาเวทนา ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา กายสัมผัสสชาเวทนา มโนสัมผัสสชาเวทนา เหล่านี้ และ ตัวตนเรานั้น เป็นอันหนื่งอันเดียวกัน เปรียบเหมือนกับที่เห็นว่า เปลวไฟและแสงสว่างของไฟที่ลุกโพลงอยู่นั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๗]๑๑๓

- เห็นตนว่ามีเวทนา บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนว่ามีเวทนา เพราะเห็นว่าสัญญา สังขาร วิญญาณ รูป นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีเวทนาด้วยเวทนานี้ จึงเห็นตนว่ามีเวทนา เปรียบเหมือน ต้นไม้นั้นมีเงาด้วยเงานี้ จึงเห็นต้นไม้ว่ามีเงา
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๘]๑๑๓ - ๑๑๔

- เห็นเวทนาในตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นเวทนาในตน เพราะเห็นว่า สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ในตัวตนนี้มีเวทนา จึงเห็นเวทนาในตน เปรียบเหมือน ในดอกไม้มีกลิ่นหอม จึงเห็นกลิ่นหอมในดอกไม้
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๑๙]๑๑๔

- เห็นตนในเวทนา บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนในเวทนา เพราะเห็นว่า สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีอยู่ในเวทนานี้ จึงเห็นตนในเวทนา เปรียบเหมือนแก้วมณีมีอยู่ในขวด จึงเห็นแก้วมณีในขวด
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๐]๑๑๔

[๖.๓] อัตตานุทิฏฐิในสัญญา

- เห็นสัญญาว่าเป็นตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นสัญญาว่าเป็นตน เพราะเห็นว่า จักษุสัมผัสสชาสัญญา โสตสัมผัสสชาสัญญา ฆานสัมผัสสชาสัญญา ชิวหาสัมผัสสชาสัญญา กายสัมผัสสชาสัญญา มโนสัมผัสสชาสัญญา เหล่านี้ และ ตัวตนเรานั้น เป็นอันหนื่งอันเดียวกัน เปรียบเหมือนกับที่เห็นว่า เปลวไฟและแสงสว่างของไฟที่ลุกโพลงอยู่นั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๑]๑๑๕

- เห็นตนว่ามีสัญญา บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนว่ามีสัญญา เพราะเห็นว่า สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีสัญญาด้วยสัญญานี้ จึงเห็นตนว่ามีสัญญา เปรียบเหมือน ต้นไม้นั้นมีเงาด้วยเงานี้ จึงเห็นต้นไม้ว่ามีเงา
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๒]๑๑๕

- เห็นสัญญาในตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นสัญญาในตน เพราะเห็นว่า สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ในตัวตนนี้มีสัญญา จึงเห็นสัญญาในตน เปรียบเหมือน ในดอกไม้มีกลิ่นหอม จึงเห็นกลิ่นหอมในดอกไม้
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๓]๑๑๕

- เห็นตนในสัญญา บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนในสัญญา เพราะเห็นว่า สังขาร วิญญาณ รูป เวทนา นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีอยู่ในสัญญานี้ จึงเห็นตนในสัญญา เปรียบเหมือนแก้วมณีมีอยู่ในขวด จึงเห็นแก้วมณีในขวด
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๔]๑๑๕ - ๑๑๖

[๖.๔] อัตตานุทิฏฐิในสังขาร

- เห็นสังขารว่าเป็นตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นสังขารว่าเป็นตน เพราะเห็นว่า จักษุสัมผัสสชาเจตนา โสตสัมผัสสชาเจตนา ฆานสัมผัสสชาเจตนา ชิวหาสัมผัสสชาเจตนา กายสัมผัสสชาเจตนา มโนสัมผัสสชาเจตนา เหล่านี้ และ ตัวตนเรานั้น เป็นอันหนื่งอันเดียวกัน เปรียบเหมือนกับที่เห็นว่า เปลวไฟและแสงสว่างของไฟที่ลุกโพลงอยู่นั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๕]๑๑๖

- เห็นตนว่ามีสังขาร บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนว่ามีสังขาร เพราะเห็นว่า วิญญาณ รูป เวทนา สัญญา นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีสังขารด้วยสังขารนี้ จึงเห็นตนว่ามีสังขาร เปรียบเหมือนต้นไม้นั้นมีเงาด้วยเงานี้ จึงเห็นต้นไม้ว่ามีเงา
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๖]๑๑๖

- เห็นสังขารในตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นสังขารในตน เพราะเห็นว่า วิญญาณ รูป เวทนา สัญญา นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ในตัวตนนี้มีสังขาร จึงเห็นสังขารในตน เปรียบเหมือน ในดอกไม้มีกลิ่นหอม จึงเห็นกลิ่นหอมในดอกไม้
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๗]๑๑๖

- เห็นตนในสังขาร บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนในสังขาร เพราะเห็นว่า วิญญาณ รูป เวทนา สัญญา นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีอยู่ในสังขารนี้ จึงเห็นตนในสังขาร เปรียบเหมือนแก้วมณีมีอยู่ในขวด จึงเห็นแก้วมณีในขวด
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๘]๑๑๖ - ๑๑๗

[๖.๕] อัตตานุทิฏฐิในวิญญาณ

- เห็นวิญญาณว่าเป็นตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นวิญญาณว่าเป็นตน เพราะเห็นว่า จักษุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ เหล่านี้ และ ตัวตนเรานั้น เป็นอันหนื่งอันเดียวกัน เปรียบเหมือนกับที่เห็นว่า เปลวไฟและแสงสว่างของไฟที่ลุกโพลงอยู่นั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๒๙]๑๑๗

- เห็นตนว่ามีวิญญาณ บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนว่ามีวิญญาณ เพราะเห็นว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีวิญญาณด้วยวิญญาณนี้ จึงเห็นตนว่ามีวิญญาณ เปรียบเหมือนต้นไม้นั้นมีเงาด้วยเงานี้ จึงเห็นต้นไม้ว่ามีเงา
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๓๐]๑๑๗

- เห็นวิญญาณในตน บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นวิญญาณในตน เพราะเห็นว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ในตัวตนนี้มีวิญญาณ จึงเห็นวิญญาณในตน เปรียบเหมือน ในดอกไม้มีกลิ่นหอม จึงเห็นกลิ่นหอมในดอกไม้
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๓๑]๑๑๗

- เห็นตนในวิญญาณ บุคคลมีอัตตานุทิฏฐิเห็นตนในวิญญาณ เพราะเห็นว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร นี้แหละเป็นตัวตนของเรา แต่ตัวตนของเรานี้นั้น มีอยู่ในวิญญาณนี้ จึงเห็นตนในวิญญาณ เปรียบเหมือนแก้วมณีมีอยู่ในขวด จึงเห็นแก้วมณีในขวด
ที่มา: ทิฏฐิกถา ๓๑[๓๓๒]๑๑๘


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




.jpg
.jpg [ 83.37 KiB | เปิดดู 3102 ครั้ง ]
:b27: :b27: :b16: :b16: :b16: :b12: :b12: :b12:

อัตตา มีอยู่จริงในความเห็นผิด หรืออุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น แล้วจึงปรุงแต่งแตกลูกหลานไปเป้น ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ ฯลฯ

อัตตา ไม่มีอยู่จริง ในสัจจธรรม หรือปรมัตถธรรม ลองค้นหาดู ด้วย สติ ปัญญา เท่าที่ท่านทั้งหลายมีอยู่ ค้นหายังไงก็ไม่เจอ ยิ่งค้น ยิ่งหาย

แต่เวลาปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาจริงๆ ผู้ปฏิบัติ จะได้พบเห็นปรากฏการณ์ของอัตตา ขึ้นมาแสดงฤทธิ์ แสดงอิทธิพล ตอบโต้กับผัสสะและเวทนาต่างๆอยู่เสมอ

เมื่อสติ ปัญญาได้รู้ เห็น ปฏิกิริยาของอัตตาแล้ว ไม่ยอมทำตามคำสั่งของ อัตตาและสมุนใหญ่คือตัณหา ทั้งหมดทั้งปวงก็จะดับสลายหายไปด้วยอำนาจแห่งกฏพระไตรลักษณ์

ผู้ใดรู้ชัดในไตรลักษณ์ข้อใดข้อหนึ่งอย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจน ก็จักเปิดประตู พาตนออกสู่นิพพาน สิ้นสุดงาน เกิด - ตาย
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 12:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตธรรม เขียน:
อัตตา ไม่มีอยู่จริง ในสัจจธรรม หรือปรมัตถธรรม ลองค้นหาดู ด้วย สติ ปัญญา เท่าที่ท่านทั้งหลายมีอยู่ ค้นหายังไงก็ไม่เจอ ยิ่งค้น ยิ่งหาย

แต่เวลาปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาจริงๆ ผู้ปฏิบัติ จะได้พบเห็นปรากฏการณ์ของอัตตา ขึ้นมาแสดงฤทธิ์ แสดงอิทธิพล ตอบโต้กับผัสสะและเวทนาต่างๆอยู่เสมอ


มี หรือ
ไม่มี

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2010, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ฮ่า ฮ่า ฮ่า อัตตา บ้าบ้า บอ..บอ.. จริงๆ เจ้าอภิมหามาร ที่ใช้ชื่อว่า "คนดี(ที่)โลก(ควร)ลืม" โง่แล้วยังอวดฉลาด ไม่ใช่เฉพาะเจ้าคนเดียวดอกนะ ยังมีอีกหลายคนที่มันบ้า แล้วยังอวดรู้อวดฉลาด

เจ้าพลศักดิ์เอ๋ย เจ้ามันดีแต่อวดอุตริฯ เขียนธรรมที่ไม่มีในตน อวดอ้างว่ารู้ธรรมแต่ความจริงแล้ว ไม่รู้อะไรเลย
เจ้าไม่มีอัตตาใช่ไหม แล้วสุนัขตัวไหนเขียนโต้ตอบแบบหาเรื่องละ ไหนเจ้าบอกว่าไม่ได้มาหาเรื่อง แต่มาเผยแพร่ธรรม

ธรรมอะไรของเจ้ากันละ เจ้ารับประทานอาหารหรือไม่ เจ้าใส่เสื้อผ้าหรือไม่ และยังมีอย่างอื่นอีก เจ้าเอาอะไรพูดเอาอะไรเขียนกันละ ไม่ใช่อัตตาของเจ้าหรือ เจ้าอภิมหามาร ชอบอวดอ้างดีนัก ลองตอบมาซิ เจ้าเป็นเดรัจฉานหรืออย่างไร จึงไม่รู้ความหมายของภาษาที่ข้าฯเขียนสอนไว้ เอ้าลองอ่านและทำความเข้าใจอีกครั้งซิว่า

"คำว่า ตัวตน นั้น หมายถึง ตัวตนทั้งหมด ของสรรพสิ่งทั้งหลาย ในที่นี้หมายเอาเฉพาะสิ่งที่มีชีวิต และหมายเอาเฉพาะมนุษย์ เพราะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของท่านทั้งหลาย
ตัวตน หรือ อัตตา แท้จริง ก็คือ ส่วนที่ประกอบกัน ด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือ ขันธ์ ๕ นั่นเอง เมื่อตัวตนหรือ อัตตา ประกอบด้วยขันธ์ ๕ แล้ว ยังแจกแยกออกไปอีกว่า อันใดอันหนึ่งในขันธ์ ๕ นั้น ก็คือตัวตน หรือ อัตตาเช่นกัน
เช่น
รูป อย่างเดียว ก็เป็น อัตตา
สัญญา คือ ความจำ ก็เป็น อัตตา
เวทนา คือ ความรู้สึก ก็เป็นอัตตา
สังขาร คือ การปรุงแต่ง ก็เป็นอัตตา
วิญญาณ หรือ จิตวิญญาณ คือ ความรับรู้ในอารมณ์ ฯ เมื่อ อายตนะภายในกระทบกับอายตนะภายนอก ก็เป็น อัตตา"


ส่วนสรรพสิ่งอื่นบางชนิด อาจจะมีเพียง รูป อย่างเดียว หรืออาจจะมี ไม่ครบ ทั้ง ๕ ขันธ์ หรือ อาจมีครบทั้ง ๕ ขันธ์ แต่ขันธ์เหล่านั้นมีการทำงานที่จำกัด ดังเช่นสัตว์บางชนิด ,ต้นไม้ ฯลฯ มันก็คงไม่รู้ว่า ตันตนของมัน หรืออัตตา ของมันมีหรือไม่
แต่เนื่องจาก มนุษย์ มีขันธ์ ๕ ครบถ้วน บริบูรณ์ เต็มพิกัด

ความมีตัวตน หรือ อัตตาจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต ในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
และในทางศาสนาใดใดก็ตาม อัตตา หรือตัวตน ก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จักเป็นปัจจัยในอันที่จะทำให้บุคคลนั้นๆ สามารถบรรลุมรรคผล บรรลุนิพาน ได้ฉะนี้


แล้วทำไม ข้าฯจึงกล่าวว่า เจ้าผู้ใช้ชื่อว่า "คนดี(ที่)โลก(ควร)ลืม" เป็นอภิมหามาร โง่แล้วอวดฉลาด ข้าฯจะอธิบายเพิ่มเติมให้ทำความเข้าใจให้ดี ความจริงถ้าเจ้ามีสมองสติปัญญา ไม่สติเฟื่อง หลงตัวเองโดยเจ้าไม่รู้ตัว เจ้าก็น่าจะเข้าใจแล้ว เพราะในบทความเขียนไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว
ที่ข้าฯแยกเป็นอย่างๆ ว่า
รูป อย่างเดียว ก็เป็น อัตตา
สัญญา คือ ความจำ ก็เป็น อัตตา
เวทนา คือ ความรู้สึก ก็เป็นอัตตา
สังขาร คือ การปรุงแต่ง ก็เป็นอัตตา
วิญญาณ หรือ จิตวิญญาณ คือ ความรับรู้ในอารมณ์ ฯ เมื่อ อายตนะภายในกระทบกับอายตนะภายนอก ก็เป็น อัตตา

ก็เพื่อให้ทำความเข้าใจตามสถานะของสรรพสิ่งนั้นๆ จึงได้แยก หากจะเขียนเป็นรายละเอียดก็จะยาวไป

อย่างเจ้ามันแค่พวก "อลัชชี หน้าด้าน " ดีแต่อวดอ้างยกหางตัวเอง เจ้าอภิมหามาร "พลศักดิ์" ผู้ใช้ชื่อว่า "คนดี(ที่)โลก(ควร)ลืม" ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 01:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อไรทิ้งความเห็นผิดว่าตนเองเป็นพระศรีอริยะเมตตรัย เมื่อนั้นท่านจะได้พบพระศรีอริยะเมตตรัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




6.gif
6.gif [ 10.09 KiB | เปิดดู 3042 ครั้ง ]
2blq1b7.gif
2blq1b7.gif [ 58.97 KiB | เปิดดู 3040 ครั้ง ]
ขอเป็นกำลังใจให้ท่านพลศักดิ์กับท่านเทวฤทธิ์สนทนากันขอรับ ได้ความรู้เข้าใจมากๆเลย :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 30 มี.ค. 2010, 08:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




picture-3424.gif
picture-3424.gif [ 29.55 KiB | เปิดดู 3027 ครั้ง ]
เสือพบสิงห์- :b20: :b1:

http://www.pleng.com/song.php?song_id=17345

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




ปัจจัย นิพพาน.jpg
ปัจจัย นิพพาน.jpg [ 106.55 KiB | เปิดดู 3016 ครั้ง ]
tongue
อัตตา มีอยู่จริงในความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) หรืออุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น แล้วจึงปรุงแต่งแตกลูกหลานไปเป้น ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ ฯลฯ

อัตตา ไม่มีอยู่จริง ในสัมมาทิฐิ สัจจธรรม หรือปรมัตถธรรม ลองค้นหาดู ด้วย สติ ปัญญา เท่าที่ท่านทั้งหลายมีอยู่ ค้นหายังไงก็ไม่เจอ ยิ่งค้น ยิ่งหาย
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




10415620_tml.jpg
10415620_tml.jpg [ 10.24 KiB | เปิดดู 3010 ครั้ง ]
กระทู้นี้ มันส์สสสสสสส^^ :b35:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 30 มี.ค. 2010, 13:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




.BMP
.BMP [ 39.94 KiB | เปิดดู 3006 ครั้ง ]
tongue ต่างมุม ต่างตา ต่างมิติ ...

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตาธรรม เขียน:
อัตตา มีอยู่จริงในความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) หรืออุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น แล้วจึงปรุงแต่งแตกลูกหลานไปเป้น ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ ฯลฯ

อัตตา ไม่มีอยู่จริง ในสัมมาทิฐิ สัจจธรรม หรือปรมัตถธรรม ลองค้นหาดู ด้วย สติ ปัญญา เท่าที่ท่านทั้งหลายมีอยู่ ค้นหายังไงก็ไม่เจอ ยิ่งค้น ยิ่งหาย


ความเห็นว่า "อัตตา มีอยู่จริงในความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) หรืออุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น" เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นสัจจธรรม หรือไม่?

อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นปรุงแต่ง แตกลูกหลานเป็นขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุฯลฯ หรืออุปาทานขันธ์คืออัตตา

ด้วยสติ ปัญญา ที่มีอยู่ตอนนี้ ยิ่งค้นหายิ่งพบ ยิ่งรู้ชัด "อัตตา"

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สองพันกว่าปีกว่าผ่านไป....
(น่าจะเถียงมาก่อนพระสมณโคดมพุทธเจ้าท่านมาบังเกิดโปรดสัตว์ พวกพราหมณ์ ปริพาชก เยอะมากๆมีไม่รู้กี่สำนัก )
จะเถียงไปอีก หลายอสงไขยนับไมถ้วน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
มันส์สสสสสส...จริงๆ เอาเข้าไป
:b32: :b6:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 30 มี.ค. 2010, 21:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2010, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




l26.jpg
l26.jpg [ 28.5 KiB | เปิดดู 2977 ครั้ง ]
tongue
อ้างคำพูด:
เช่นนั้น ถาม
ความเห็นว่า "อัตตา มีอยู่จริงในความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) หรืออุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น" เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นสัจจธรรม หรือไม่?

อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นปรุงแต่ง แตกลูกหลานเป็นขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุฯลฯ หรืออุปาทานขันธ์คืออัตตา

ด้วยสติ ปัญญา ที่มีอยู่ตอนนี้ ยิ่งค้นหายิ่งพบ ยิ่งรู้ชัด "อัตตา"

อนัตตาธรรม ตอบ

สวัสดีครับคุณเช่นนั้น เงียบเหงากันไปนานจน ท่านมหาราชันย์เองก็ก็เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย หลบไปเข้าฌาณเสียแล้ว เหลือคุณเช่นนั้นรักษาการณ์เป็นจ้าวยุทธจักร์ แสดงธรรมดีๆ อยู่เยอะแยะ ทั้งยังมีคุณหลับอยู่ ที่คอยตื่นตาตื่นใจ โคจรไปแสดงความคิดความเห็นทั่ว กลุ่มสนทนา ขาดแต่น้องกระบี่ไร้เงาไม่ทราบว่าหายไปที่ไหน มาทิ้งให้ลานธรรมจักรเงียบเหงา รีบกลับมานะจ๊ะ

บัดนี้มีเหตุปัจจัยให้ได้สนทนาธรรมกันต่อในประเด็นที่คุณเช่นนั้นถามมา ขอวิสัจชนาว่า

1.ความเห็นว่า "อัตตา มีอยู่จริงในความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) หรืออุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น" เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นสัจจธรรม หรือไม่?

จริง สัมมาทิฐิ ปัญญามรรคได้เกิดขึ้นเห็นว่า อุปาทาน ความเห็นผิด มิจฉาทิฐิ คือความเห็นว่ามีอัตตา ตัวตน เป็นอัตตา ตัวตน เป็น กู เป็น เรา เป็นของกูของเรา นั้นมีอยู่ ในจิตของปุถุชนหรือแม้แต่กัลยาณชนที่ยังทำโสดาปัตติมรรคให้เกิดขึ้นไม่ได้

2.อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นปรุงแต่ง แตกลูกหลานเป็นขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุฯลฯ หรืออุปาทานขันธ์คืออัตตา

อุปทานขันธ์ กับ อัตตา เป็นบัญญัติคนละตัวกัน ส่วนความหมายนั้น

อุปาทานขันธ์ = ความยึดถือในขันธ์ ขันธ์ในที่นี้ถ้าระบุว่าเป็น ขันธ์ 5 ก็จะมีความหมายว่าความยึดถือว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป้นตัวตน

อัตตา ความยึดถือว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา มีแก่นสาร สาระ

3.ด้วยสติ ปัญญา ที่มีอยู่ตอนนี้ ยิ่งค้นหายิ่งพบ ยิ่งรู้ชัด "อัตตา"

แสดงว่าตอนนี้ ทิฐิของคุณเช่นนั้นกำลังมีความเป็นสัมมาที่เกือบจะเต็มรอบ เพราะเมื่อไรรู้ชัด ว่ามีอุปาทาน ความเห็นผิดว่าเป็น อัตตา ตัวกู ของกู ยึดอยู่ในจิต ถ้าเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปอีกสักนิด มีวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ สู้ต่อไปอีกสักนิด นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา ความเห็นเป็นอัตตา หรือปรากฏการณ์ของอัตตา ไปอีกสักหน่อย เคล็ดลับสำคัญคือ อย่ายอมทำตามอำนาจสั่งการของอัตตา ที่คอยสั่งการอยู่ทุกการกระทบสัมผัส ทนสู้ได้ให้ถึงที่สุด คุณเช่นนั้นจะได้พบเห็นสภาวะที่อุปาทานควาเห็นผิดว่าเป็นอัตตา ตัวกู ของกู เขา หลบไป หรือตายดับ ขาดไป ต่อหน้าต่อตา ณปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์นั้นเลยทีเดียว แล้วสัจจธรรม ของจริง คือสภาวะ อนัตตา หรืออาจจะแม้กระทั่งนิพพาน ก็จักปรากฏชัดประจักษ์แจ้งในจิตของท่าน นั่นสัมมาทิฐิเต็ม 100 แล้ว หรือท่านอาจเคยประจักษ์ชัดแล้วแต่อมภูมิไว้ไม่แสดงเท่านั้นเอง เอวัง



ไม่ทราบว่าจะมันส์สสสสส อย่างที่คุณหลับอยู่อยากจะเห็นหรือเปล่า หรือยังเป็นแค่ระดับวอร์มิ่งอัพ นะครับ


แก้ไขล่าสุดโดย อนัตตาธรรม เมื่อ 31 มี.ค. 2010, 09:37, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร