วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 16:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 29

สิ่งที่ชื่นชอบ: ท่าน ว.วชิรเมธี
ชื่อเล่น: หมวย
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คือหมวยอยากทราบว่า การสวดมนต์นี่ ควรจะสวดบทใดบ้าง

และการเบิกบุญนี่ เราควรทำไหมค่ะ

แล้วถ้าเราจะทำเราต้องทำอย่างไร

แล้วต้องสวดยังไงให้ครบถ้วนสบายใจ

เพราะว่ามีบทสวดมากมายจริงๆ


tongue tongue tongue

.....................................................
ขอบุญจากธรรมทานนี้จงถึงแก่นายเวรและผู้ปกปักรักษาดูแลช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัว ที่มาถึงตัวทุกภพภูมิ ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน หากไม่ถึงเพียงใดให้ขอให้คำว่าไม่มี ไม่รู้ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ขอให้เกิดในภพภูมิ เขต ประเทศที่มีพระพุทธศาสนาประดิษฐานอย่างมั่นคง และได้ศึกษาพระธรรมได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ ลึกซึ้ง ตลอดจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ.

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องลงมือทำ


แก้ไขล่าสุดโดย แก่นกลาง เมื่อ 25 ม.ค. 2010, 00:53, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกสิ่งอย่างสรุปรวมตรงที่ความไม่ยึดติด สงบ ไม่สงบ ไม่ใช่สิ่งที่จะเลือกเอา หากเลือกสงบ ก็จะไปคอยขัดแย้งกับความไม่สงบ ให้เป็นจังหวะสอง เพิ่มกำลังความไม่สงบไปอีก สงบของจริงคือสงบจากตัวที่จะไปอะไรกับอะไร เตือนใจถึงความไม่ยึดติด ไม่ต้อง ไปอะไรกับอะไร ปลงใจ วางใจ เย็นใจ ดับเย็นเป็นอย่างนี้

เรื่องสวดมนต์ สวดมนต์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรยึดติด ตามเหตุตามปัจจัย อย่างวันไม่สบาย เจ็บ มีธุระ อย่างนี้จะมาให้นั่งสวดมนต์ให้ได้ทุกๆวันคงไม่ไหวละอย่างนี้ เอาภาวะความเป็นจริงตามความเหมาะสม ไม่มีเวลาแค่น้อมกราบคุณไหว้คุณ ก่อนนอน ตื่นนอนก็พอแล้ว เมื่อโอกาสอำนวยจะสวดบทไหนก็สวดไป
เรื่องกรวดน้ำก็อย่าให้ขาดหมั่นกรวดเผื่อแผ่บุญกุศลไป จะไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้องคา ลุล่วงไป อยู่ในสถานที่มีภัยก็ไม่มีภัย อยู่ไหนก็อยู่ได้ ละแบบนี้

เรื่องเบิกบุญ หากว่าเบิกบุญคือการถอนบุญ มีการเบิกมาใช้ตอนเกิดแล้ว ตอนที่จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์นี้ก็มาด้วยบุญ กุศล คุณงามความดี เขาก็จัดสรรให้เหมาะสมตามบุญของเราอยู่แล้วทุกๆวันนี้ ที่มักมีคำพูดว่ากินบุญเก่า ใช้บุญเก่า สิ่งเหล่านี้ไม่เห็นต้องไปบ่ง ไปเบิกอะไรให้มันยุ่งอีก หากเข้าใจสัจจะธรรมถึงความไม่ยึดติดนี้แล้ว จะรวย ไม่รวยก็ไม่แตกต่างยึดไม่ได้ มีน้อย มีมาก ก็ไม่แตกต่างยึดไม่ได้ มีก็แล้วๆไป ไม่ก็แล้วๆไป จะอย่างไรใจเราก็ไม่ติดขัดไปซะเอง ไม่ไปอะไรกับอะไร ซะเอง

ขอเชิญศึกษาธรรมบรรลุฉลับพลัน จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย ที่บอร์ดสนทนาทั่วไปขอรับ หรือ http://www.rombodhidharma.com/


ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอบุญจากธรรม ทานนี้จงถึงแก่นายเวรและผู้ปกปักรักษาดูแลช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัว ที่มาถึงตัวทุกภพภูมิ ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน หากไม่ถึงเพียงใดให้ขอให้คำว่าไม่มี ไม่รู้ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ขอให้เกิดในภพภูมิ เขต ประเทศที่มีพระพุทธศาสนาประดิษฐานอย่างมั่นคง และได้ศึกษาพระธรรมได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ ลึกซึ้ง ตลอดจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ.


โอ้โห.....ไหนว่าไม่ชอบขอนู้นขอนี้ไงคะ อิ อิ ซะนะ
อ้างคำพูด:
.......................................
หมวยค่อนข้างคิดเป็นกลาง หมวยไม่ชอบขอนู่นขอนี่
...................................


นู๋หมวยจ๋า... เรื่องสวดมนต์โดยในวันธรรมดาทั่ว ๆไปแมวขาวฯสวดแค่ 2 บทค่ะ
๑.บทอิติปิโสฯ
๒.บทพาหุงฯ มหากาฯ
น่าจะพอสงบจิตได้ดี
ในคืนวันพระ มี ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ก็อาจสวดเพิ่มในบทที่ครู อาจารย์ หรือทางวัดแต่ละแห่งแนะนำ

ส่วนในเวลาที่เป็นทุกข์ ก็อาจเพิ่ม เพื่อหวังในผลบุญอานิสงค์ของการสวดในบทนั้น ๆ(หาอ่านในบอร์ด สวดมนต์)
ส่วนในเวลาที่เป็นสุข ก็ ตามศรัทธาค่ะ(สวดตามแต่กิเลสมันพาไป)

สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน ค่ะ

เรื่องการเบิกบุญ ไม่ขอกล่าวค่ะ

อนุโมทนาด้วยค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 29

สิ่งที่ชื่นชอบ: ท่าน ว.วชิรเมธี
ชื่อเล่น: หมวย
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่าอันข้างล่าง ไปcopyเค้ามาค่ะ มิได้คิดเองเลย copy คนในนี้เลย

.....................................................
ขอบุญจากธรรมทานนี้จงถึงแก่นายเวรและผู้ปกปักรักษาดูแลช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัว ที่มาถึงตัวทุกภพภูมิ ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน หากไม่ถึงเพียงใดให้ขอให้คำว่าไม่มี ไม่รู้ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ขอให้เกิดในภพภูมิ เขต ประเทศที่มีพระพุทธศาสนาประดิษฐานอย่างมั่นคง และได้ศึกษาพระธรรมได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ ลึกซึ้ง ตลอดจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ.

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องลงมือทำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...คิดแต่จะเบิกบุญมาใช้...ระวังหมดสต๊อกนะเจ้าคะ...
...เพราะการเบิกบุญเป็นการเอาบุญในอนาคตมาใช้...
...ถ้าเราไม่ขยันทำบุญไว้ในปัจจุบัน...แล้วจะมีของอนาคตมาให้เบิกหรือเจ้าคะ...
:b9: :b32: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2010, 23:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองสวดอาการวัตตสูตร หรือยังครับ เค้าว่าสวดครั้งหนึ่งป้องกันภยันตราย 30 ประการ ได้ 4 เดือน แต่อย่าสวดตอนที่จิตกำลังดาวน์ เพราะจะไม่ช่วยให้ใจกลับมาสภาพดีได้ ให้สวดตอนจิตเป็นปกติ อีกบทหนึ่ง ขอแนะนำ ยอดพระกัณฑ์ไตตปิฎก
เรื่องการเบิกบุญนั้น ขอแสดงความคิดเห็นว่า กรรมนั้นเราสามารถสร้างได้ แต่วิบากของมันนั้น จะส่งผลตอนไหน เราไม่สามารถกำหนดได้

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 00:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


จะสวดอะไรมากมายงับ

เอาง่ายๆ แค่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณบอกแล้วงับ

บุยไม่ต้องไปเบิกหรอก


อย่าไปตามคนลือเลย


เอาแค่ทำจิตเป็นเมตตา แผ่ไปสี่ทิศ ก็พอแล้ว

แล้วเจริญพระกรรมฐานก็พอแล้วงับ

แล้วให้พ้นทุกข์

เทอญ


สาธุ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 01:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บทบูชาพระรัตนตรัย

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)


คำอาราธนา ศีล5

" มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุงวิสุง รักขะ นัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ "
นโม ตสสฺ ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสสฺ ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสสฺ ภควโต
อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ทวน ๓ ครั้ง)



ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ



ถวายพรพระ (อิติปิโส)

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติฯ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ

ชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)

พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ

เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย
วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ

ชัยปริตร (มหากาฯ)

มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ

ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัมหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต

อิติปิโส เท่าอายุ บวกหนึ่ง

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชา
จะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร
ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

พระคาถาชินบัญชร

ในการสวด คาถาชินบัญชร เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งๆ ขึ้น ก่อนจะเจริญภาวนา
จึงขอให้ตั้งนะโม 3 จบ และน้อมจิตระลึกถึงคุณพระคุณสมเด็จโต ด้วยคำบูชาดังนี้

ปุตตะกาโมละเภปุตตัง อัตถิกาเยกายะ ญายะ
อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต ธะนะกาโมละเภธะนัง
เทวานังปิยะตังสุตตะวาท้าวเวสสุวัณโณ นะโมพุทธายะ
๑.
ชะยา สะนา กะตา พุทธา
จะตุ สัจจา สะภัง ระสัง เชตะวา มารัง สะวา หะนัง
เย ปิวิงสุ นะรา สะภา

๒.
ตัณหังกะราทะโย พุทธา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง อัฏฐะวีสะติ นา ยะกา
มัตถะเก เต มุนิส สะรา

๓.
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเน
อุเร สัพพะคุณา กะโร

๔.
หะทะเย เม อะนุรุทโธ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภา คัสสะมิง สารีปุตโต จะ ทักขิเณ
โมคคัลลาโน จะวา มะเก

๕.
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง
กัสสะโป จะมะหา นาโม อาสุง อานันทะราหุโล
อุภาสุง วามะโส ตะเก

๖.
เกสะโต ปิฏฐิภา คัสสะมิง
นิสินโน สิริสัม ปันโน สุริโย วะ ปะภัง กะโร
โสภีโต มุนิปุง คะโว

๗.
กุมาระกัสสะโป เถโร
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง มะเหสี จิตตะวา ทะโก
ปะติฏฐาสิ คุณา กะโร

๘.
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ
เถรา ปัญจะอิเม ชาตา อุปาลี นันทะสี วะลี
นะลาเต ติละกา มะมะ

๙.
เสสา สีติ มะหาเถรา
เอเตสีติ มะหาเถรา
ชะลันตา สีละเต เชนะ วิชิตา ชินะสา วะกา
ชิตะวันโต ชิโน ระสา
อังคะมังเค สุสัณ ฐิตา

๑๐.
ระตะนัง ปุระโต อาสิ
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุต ตะกัง
วาเม อังคุลิมา ละกัง

๑๑.
ขันธะโม ระปะริตัญ จะ
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ อาฏานาฏิยะสุต ตะกัง
เสสา ปาการะ สัณฐิตา

๑๒.
ชินานา วะระสังยุตตา
วาตะปิตตาทิสัญ ชาตา สัตตัปปาการะลัง กะตา
พาหิรัช ฌัตตุปัท ทะวา

๑๓.
อะเสสา วินะยัง ยันตุ
วะสะโต เม สะกิจเจ นะ อะนันตะ ชินะเต ชะสา
สะทา สัมพุทธะปัญชะเร

๑๔.
ชินะ ปัญชะระ มัชฌัมหิ
สะทา ปาเลนตุมัง สัพเพ วิหะรันตัง มะหี(อ่านว่าฮี) ตะเล
เต มะหาปุริสา สะภา

๑๕.
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ธัมมานุภาเวนะ ชิตา ริสังโฆ
สัทธัมมานุภาวะ ปาลิโต ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะ ราโย
จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ ฯ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 02:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 13:53
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เคยอ่านเรื่องเบิกบุญของ...(ไม่ขอเอ่ยนาม) อ่านแล้วก็จะทำให้ผู้ด้อยปัญญาอย่างเราถลำลึกจนถึงขั้นเพี้ยนได้ ยกตัวอย่างเช่น การอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เขาบอกว่าต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแบบเจาะจงตรงประเด็นคือ ขออุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเป็นโรค...(โรคอะไรก็ว่าไป) ขออุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเป็น...(เป็นอะไรก็ว่าไป) แรกๆก็เชื่อแต่พอนานไปก็ชักสงสัยว่ามีอย่างนี้ด้วยหรือ? เลยคิดต่อไปเองว่าเบิกบุญเปรียบเสมือนเบิกเงินและทำบุญเปรียบเสมือนฝากเงินหรือเปล่า? ถ้าเป็นจริงดั่งคิด...งั้นฝากเงินดีกว่าถึงแม้ดอกเบี้ยจะน้อย แต่นานวันไปคงจะเพิ่มพูนขึ้นเองมั้ง


แก้ไขล่าสุดโดย LOCOMOTIVE เมื่อ 27 ม.ค. 2010, 02:08, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ศาสนาอะไร? นิกายไหนค่ะ?
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีบุญแค่ไหน? เบิกได้ครั้งละเท่าไหร่?
เหลืออีกเท่าไหร่? จะเบิกได้อีกนานแค่ไหน?...... :b9:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วแต่จะสวดบทไหนก็ได้ที่ชอบ แต่สำหรับผม เลิกสวดมนต์ไปนานแล้วคับ ผมสวดมนต์ไปจะได้บุญหรือไม่ได้บุญผมไม่สนหรอกคับ บุญ ปาบ มันคือกิเลสคับ ปฎิบัติตามบทสวดมนต์จะได้กุศลดีกว่ามานั่งสวดนะคับ ทำบุญเท่าแม่น้ำมหาสุมทรก็ไม่เท่าเราละกิเลสเพียงเสี้ยววินาที นะคับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


LOCOMOTIVE เขียน:
เคยอ่านเรื่องเบิกบุญของ...(ไม่ขอเอ่ยนาม) อ่านแล้วก็จะทำให้ผู้ด้อยปัญญาอย่างเราถลำลึกจนถึงขั้นเพี้ยนได้ ยกตัวอย่างเช่น การอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เขาบอกว่าต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแบบเจาะจงตรงประเด็นคือ ขออุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเป็นโรค...(โรคอะไรก็ว่าไป) ขออุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเป็น...(เป็นอะไรก็ว่าไป) แรกๆก็เชื่อแต่พอนานไปก็ชักสงสัยว่ามีอย่างนี้ด้วยหรือ? เลยคิดต่อไปเองว่าเบิกบุญเปรียบเสมือนเบิกเงินและทำบุญเปรียบเสมือนฝากเงินหรือเปล่า? ถ้าเป็นจริงดั่งคิด...งั้นฝากเงินดีกว่าถึงแม้ดอกเบี้ยจะน้อย แต่นานวันไปคงจะเพิ่มพูนขึ้นเองมั้ง


มีคับแต่อย่าไปว่าท่านเลยนะ ท่านเป็นพระอริยะระดับ3แล้วเดียวซวยนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 13:53
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เจ้าวังทอง เขียน:
LOCOMOTIVE เขียน:
เคยอ่านเรื่องเบิกบุญของ...(ไม่ขอเอ่ยนาม) อ่านแล้วก็จะทำให้ผู้ด้อยปัญญาอย่างเราถลำลึกจนถึงขั้นเพี้ยนได้ ยกตัวอย่างเช่น การอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เขาบอกว่าต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรแบบเจาะจงตรงประเด็นคือ ขออุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเป็นโรค...(โรคอะไรก็ว่าไป) ขออุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เราเป็น...(เป็นอะไรก็ว่าไป) แรกๆก็เชื่อแต่พอนานไปก็ชักสงสัยว่ามีอย่างนี้ด้วยหรือ? เลยคิดต่อไปเองว่าเบิกบุญเปรียบเสมือนเบิกเงินและทำบุญเปรียบเสมือนฝากเงินหรือเปล่า? ถ้าเป็นจริงดั่งคิด...งั้นฝากเงินดีกว่าถึงแม้ดอกเบี้ยจะน้อย แต่นานวันไปคงจะเพิ่มพูนขึ้นเองมั้ง


มีคับแต่อย่าไปว่าท่านเลยนะ ท่านเป็นพระอริยะระดับ3แล้วเดียวซวยนะ


ผมไปกล่าวหาว่าใครครับ ช่วยชี้ให้ผมกระจ่างด้วยครับ และคำว่า"คับ"ก็เป็นภาษาวิบัติด้วยนะ"ครับ" ขออนุโมทนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 10:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 14:59
โพสต์: 31

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากสวดมนต์บทไหน ก็สวดไปเถอะ
อยากทำบุญแบบไหน ก็ทำไปเถอะ
อยากทำดีแค่ไหน ก็ทำไปเถอะ

อยากฆ่าสัตว์ ก็อย่าฆ่า
อยากขโมย ก็อย่าขโมย
อยากผิดลูกเมีย-ผัวเขา ก็อย่าผิด
อยากโกหก ก็อย่าปด
อยากกินเหล้า ก็อย่ากิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:34
โพสต์: 173

ชื่อเล่น: เจ้ก
อายุ: 23

 ข้อมูลส่วนตัว




4.jpg
4.jpg [ 46.76 KiB | เปิดดู 6061 ครั้ง ]
เบิกบุญนี่กดเหมือนตู้ ATM ได้คงสนุกน่าดูสิน่ะครับ

เอ๊ว่าแต่ธนาคารบุญนี้ตั้งอยู่แถวไหนหว่า :b23: :b23: ..... :b27: :b27:

ก็ว่าไปตามเรื่องน่ะครับ

จริงๆแล้วผมว่าอย่าไปสนใจดีกว่าครับถ้าเรามั่นทำดีเยอะๆคือมีแต่กรรมดีแล้วเราไม่ต้องไปกดเบิกให้เสียเวลาหรอกครับผลบุญจะช่วยเราเองครับ(แต่ต้องช่วยตัวเองก่อนล่ะ จะไปหวังพึ่งแต่บุญแล้วไม่ทำอะไรเลยนี่คงสำเร็จเข้าสักวันแหละ อิอิ)... :b29: :b29:

.....................................................
จะขอเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า..เพื่อเติมเต็มธรรมที่ขาดหาย
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 136 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร