วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 08:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุรุแห่งจิตวิญญาณ

เราอยู่ที่นี่ เวลานี้ แต่เราต้องการที่จะหาวิธีกลับบ้าน เราต้องการเรียนรู้ว่าจะหนีจากความสับสนใหญ่หลวงสู่ความเรียบง่ายที่สุดของธรรมชาติที่แท้ของเราได้อย่างไร มีหลายคนที่จะช่วยเราได้ในระหว่างทาง หลายๆท่านจะช่วยชี้ให้เห็นป้ายบอกทาง มันไม่จำเป็นจะต้องเป็นคุรุผู้สูงสุดในอุดมคติเสมอไป ใครก็ตามที่สามารถให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำที่ถูกต้องก็เป็นครูคนหนึ่ง พวกเขาอาจจะมาในรูปของอาจารย์ที่ให้คำสอน อาจจะมาในรูปของการพบปะเพียงสั้นๆ หรืออาจจะมาในรูปของญาติหรือเพื่อนด้วยซ้ำ เราจะได้รู้ได้อย่างไร บุคคลใดก็ตามที่เราเรียนจากคนผู้นั้นได้คือครูของเรา คือเพื่อนทางจิตวิญญาณของเรา ดังนั้นในความเห็นส่วนตัวฉัน คิดว่า เราควรจะเปลี่ยนจากความคิดที่ต้องการมุ่งหาคุรุทางจิตวิญญาณที่แท้ มาเป็นเริ่มมองหาเพื่อนร่วมทางทางจิตวิญญาณ ถ้าเราคิดถึงคุรุว่าเปรียบเหมือนกัลยาณมิตรทางจิตวิญญาณ นั่นจะทำให้ทุกอย่างเปิดกว้างขึ้นมาก เพราะเราสามารถมีเพื่อนทางธรรมนี้ได้หลายคน พระพุทธองค์ตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่าธรรมะนั้นจะเป็นครูของเราและคำสอนก็ล้วนมีอยู่แล้วที่นี่ วิธีการปฏิบัติก็พร้อมอยู่ที่นี้ การปฏิบัติก็มีอยู่ที่นี่ มีบุคคลเป็นจำนวนมากที่ฝึกปฏิบัติมาเป็นเวลานานหลายปี และเป็นผู้ที่ได้อุทิศชีวิตของเขาให้กับการปฏิบัติธรรม ผู้ที่รู้นั้นมีอยู่จำนวนไม่น้อย ความช่วยเหลือจึงหาได้ มันอาจจะไม่มาในรูปของคุรุทางจิตวิญญาณอันสูงส่งมีรัศมีเปล่งประกายเรืองรอง หรือแบบที่มีแผ่นพับออกแจกบอกกล่าวล่วงหน้าว่าท่านนั้นบรรลุ แล้ว ครูอาจจะมาในรูปที่เรียบง่ายธรรมดาที่สุดก็ได้ แต่ถ้าท่านเหล่านั้นได้ฝึกปฏิบัติมาแล้ว ได้มีครูที่เป็นครูแท้ มีการสืบทอดจากการปฏิบัติที่บริสุทธิ์และแท้จริงสายหนึ่ง และได้รับมรรคผลแห่งการปฏิบัติแล้วไซร้ ท่านผู้นั้นก็ถือเป็นครูที่แท้

เราล้วนมีงานมากมายที่ต้องทำ เราต้องชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ต้องเรียนรู้ให้มาก ว่าเราจะทำจิตให้สงบได้อย่างไร จะชำระให้สะอาดได้อย่างไร จะทำให้จิตเรียบง่ายไม่สับสนได้อย่างไร และเริ่มที่จะเข้าใจธรรมชาติของจิตนั้นอย่างไร เราไม่จำต้องมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประทับอยู่ตรงหน้า เราจัดการสิ่งนี้ได้ลำพังจากการชี้แนะที่พรั่งพร้อม มันไม่มีประโยชน์อะไรนักที่เพียงแต่เฝ้ารอจนกว่าอาจารย์ที่สมบูรณ์แบบจะมาถึง และอย่างที่พูดไปแล้วนั้น แม้เมื่ออาจารย์ที่สมบูรณ์แบบปรากฏขึ้น เราจะพร้อมละหรือ ดังนั้นในระหว่างนี้เราก็เตรียมตัวไป เราสามารถทำอะไรต่างๆ ได้มาก แล้วทีนี้บางทีจุดเล็กๆ ก็สามารถที่จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ความก้าวหน้าที่สำคัญได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเพื่อสนทนาธรรม แลกเปลี่ยนความรู้ กัลยาณมิตรก็ดี ครูผู้รู้ธรรมก็ดี ให้ความเห็นต่างๆเพื่อการเรียนรู้ได้ค่ะ

แต่ถ้าจะ้เข้าถึงธรรมะด้วยตัวเองอย่างแท้จริง ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง ถือศีลบริสุทธิ์ ทำสมาธิค่ะ แล้วปัญญาจะมาเองในซักวัน ตัวปัญญานี้แหละค่ะ คือ องค์ความรู้ที่พระพุทธองค๋ทรงประทานด้วยองค์เอง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร