ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
อาวุธสำหรับการบรรลุธรรม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27850 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | พงพัน [ 20 ธ.ค. 2009, 19:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | อาวุธสำหรับการบรรลุธรรม |
มหาสติปัฏฐานสูตรในกายานุปัสสนาก็ดี เวทนานุปัสสนา หรือว่า จิตตานุปัสสนา จนกระทั่งธรรมานุปัสสนาถึงข้อนิวรณ์ ๕ อันนี้เป็นสมถะนะขอรับ เป็นสมถกรรมฐาน ที่ว่าด้วยขันธ์นี่เป็นวิปัสสนากรรมฐาน ขันธ์ก็แปลว่ากอง ขันธ์ ๕ แปลว่า มีอยู่ ๕ กอง คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คำว่าวิญญาณตัวนี้ไม่ใช่จิตนะขอรับ เป็นวิญญาณที่เกาะอยู่กับขันธ์ ๕ เรียกกันว่าประสาทรับรู้ ตอนนี้พระพุทธเจ้ากล่าวถึงบรรดาขันธ์ ๕ ในข้อนี้ บรรดาพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าทั้งหลายโปรดพิจารณาให้ดี การพิจารณาขันธ์ ๕ นี่เป็นปัจจัยให้ได้ โสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ตัวนี้นะขอรับ ถึงแม้ว่าในอริยสัจ ๔ ก็เหมือนกัน อริยสัจ ๔ ก็เป็นการพิจารณาขันธ์ ๕ คือทุกข์ หรือว่าสมุทัยที่เกิดกับขันธ์ ๕ นั่นเอง ทีนี้กระผมพูดว่าขันธ์ ๕ เป็นปัจจัยแห่งพระนิพพาน คือคนที่จะบรรลุพระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ อาศัยขันธ์ ๕ เป็นปัจจัย อันนี้เป็นความจริงนะขอรับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่ได้ทิ้งขันธ์ ๕ เลยทุกบท ทรงสั่งสอนให้พิจารณาเรื่องขันธ์ ๕ ทั้งนั้น ถ้าวางขันธ์ ๕ เสียได้แล้วก็ถึงนิพพาน จะเล่าพระสูตรสักสูตรหนึ่ง สูตรนี้ก็มีอยู่ในพระธรรมบทขุททกนิกาย หรือว่ามาจากพระไตรปิฎก กระผมจะไม่บอกละว่าอยู่ตอนไหน เรื่องมีอยู่ว่า สมัยหนึ่งบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่บวชใหม่ เข้าไปกราบทูลลาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตั้งใจจะไปเจริญพระกรรมฐานในป่า หวังให้บรรลุมรรคผล ตอนนั้นองค์สมเด็จพระทศพลจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไปลาพระสารีบุตรแล้วหรือยัง บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นจึงกราบทูลว่า ยังพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าจึงทรงมีพระบัญชาว่า อย่างนั้นก่อนที่เธอจะไป เธอจงไปลาพระสารีบุตรเสียก่อน พระเหล่านั้นก็รับคำแล้วก็ลาพระพุทธเจ้าออกไปจากพระมหาวิหาร เข้าไปหาพระสารีบุตร พอเข้าไปถึงพระสารีบุตร พระสารีบุตรให้โอวาทอื่นพอสมควร แล้วพระทั้งหลายเหล่านั้นจึงได้ถามพระสารีบุตรว่า พวกกระผมเป็นปุถุมชน ถ้าจะปฏิบัติตนให้เป็นพระโสดาบันจะทำยังไงขอรับ พระสารีบุตรก็บอกว่า ถ้าพวกเธอทั้งหลายปรารถนาเป็นพระโสดาบัน ก็จงพิจารณาขันธ์ ๕ ว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา ปลงให้ตกจนกว่าจะเลิกสังโยชน์ ๓ ได้ คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพตปรามาส เมื่อปลงขันธ์ ๕ อย่างเดียว สังโยชน์ ๓ มันจะขาดไปเอง เมื่อสังโยชน์ ๓ ขาดลงไปแล้ว พวกเธอก็จะได้เป็นพระโสดาบัน พระพวกนั้นก็เลยถามต่อไปว่า เมื่อผมเป็นพระโสดาบันแล้ว จะเป็นพระสกิทาคามีจะทำยังไง ท่านก็บอกว่า พิจารณาขันธ์ ๕ ตามแบบนั้นแหละ พิจารณาละเอียดลงไป ก็จะเป็นพระสกิทาคามีเอง พระพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า เมื่อพวกกระผมเป็นพระสกิทาคามีแล้ว จะเป็นพระอนาคามีจะทำยังไง ท่านก็บอกว่า ปลงขันธ์ ๕ นั่นเอง ทำอย่างว่านั่นแหละ แล้วกามฉันทะกับปฏิฆะ คือการกระทบกระทั่งจิต การโกรธ ความพยาบาท มันก็จะสิ้นไปเอง ก็จะเป็นพระอนาคามี ท่านพวกนั้นก็ถามต่อไปว่า ถ้าผมเป็นพระอนาคามีแล้ว ผมจะเป็นอรหันต์จะต้องทำอย่างไร ท่านบอกว่า พิจารณาขันธ์ ๕ ตามที่บอกมานั่นแหละ ก็เป็นพระอรหันต์ไปเอง สังโยชน์ ๑๐ ก็จะขาดไป พระพวกนั้นก็ถามว่า เมื่อเป็นพระอรหันต์ละสังโยชน์ ๑๐ ได้แล้ว การพิจารณาขันธ์ ๕ ไม่ต้องทำต่อไปใช่ไหมขอรับ พระสารีบุตรตอบว่า ไม่ใช่ พระอรหันต์นี่แหละทำหนัก ยิ่งพิจารณาหนักเพื่อความอยู่เป็นสุข นี่แหละพระคุณเจ้าที่เคารพ เห็นหรือยังขอรับว่า ขันธ์ ๕ ตัวเดียวเท่านั้นแหละเป็นเหตุละกิเลสได้ทุกตัว ในขันธวรรคแห่งพระไตรปิฎกเท่าที่ดูผ่านมา เคยรู้แล้วที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ธรรมะส่วนหนึ่ง หรือธรรมะอย่างหนึ่ง กองหนึ่ง ที่สามารถทำลายกิเลสได้ทั้งหมด ท่านวิจัยชื่อของกิเลสทั้งหมดเข้าไว้ มีธรรมะกองนี้เท่านั้นที่ทำลายกิเลสทั้งหมดนี้ได้ นี่พระสารีบุตรกับพระพุทธเจ้าพูดเป็นเสียงเดียวกัน ท่านไม่ยักเถียงกันนะขอรับ น่าแปลกใจไหม เพราะคนที่เข้าถึงจริงๆ แล้วไม่มีใครเขาเถียงกัน ไอ้ที่ยังเถียงกันอยู่นะ มันยังไม่ได้อะไร (ธรรมเทศนาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน สอนให้ละขันธ์5อันเป็นต้นเหตุแห่งกิเลส) แจกหนังสือและซีดีMP3 หลักการพิจารณาขันธ์ ๕ สู่การหลุดพ้น จัดส่งให้ฟรีถึงบ้านเพียงทิ้งชื่อและที่อยู่ไว้ที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้ครับ http://www.watpachareongtham-chonburi.com |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |