วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 04:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:34
โพสต์: 173

ชื่อเล่น: เจ้ก
อายุ: 23

 ข้อมูลส่วนตัว


"...ท่านพูดไว้ในคัมภีร์ให้รู้ว่า สมาธิมีทั้งคุณและโทษ โทษของ
สมาธิคืออะไร ท่านสอนไว้ว่า สมาธิเป็นพวกเดียวกันกับโกสัชชะ
คือความเกียจคร้าน พอได้สมาธิ จิตสงบ ก็สบาย สบายก็เฉย ชัก
เฉื่อยชา ขี้เกียจ ไม่อยากทำอะไร ซึ่งก็เป็นธรรมดาว่าคนมีความสุข
สบาย มักไม่อยากทำอะไร ฉะนั้นในการปฏิบัติจึงต้องระวัง
เรียกว่าต้องมีดุลยภาพ แต่ท่านใช้คำว่ารักษาอินทรีย์ให้สม่ำเสมอ
หรือรักษาอินทรีย์ให้เสมอกัน ถ้าใช้ภาษาปัจจุบัน ก็บอกว่ารักษา
อินทรีย์ให้มีดุลยภาพ หรือรักษาความสมดุลของอินทรีย์..."

นี่คือข้อความส่วนหนึ่งจากหนังสือ "สมาธิแบบพุทธ" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

ดาวน์โหลดไฟล์ PDF ได้ที่นี่ครับ http://www.watnyanaves.net/books/index.htm

.....................................................
จะขอเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า..เพื่อเติมเต็มธรรมที่ขาดหาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิไม่มีโทษค่ะ คนขี้เกียจจะนั่งสมาธิไม่ได้ ถ้านั่งได้ นั่นก็ไม่เรียกว่าสมาธิ เรียกว่าสัปหงกค่ะ

การนั่งสมาธิเป็นของเย็นที่เย็นลึกดิ่ง เทียบกับคนขี้เกียจเป็นเย็นฉาบฉวย คนขี้เกียจจะกลัวเย็นแบบดื่งค่ะ การทำสมาธิไม่ใช่สำหรับคนขี้เกียจ เพราะการทำสมาธิต้องคุมความคิดให้อยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้น ซึ่งคนขี้เกียจทำไม่ได้แน่ๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chulapinan เขียน:
สมาธิไม่มีโทษค่ะ คนขี้เกียจจะนั่งสมาธิไม่ได้ ถ้านั่งได้ นั่นก็ไม่เรียกว่าสมาธิ เรียกว่าสัปหงกค่ะ

การนั่งสมาธิเป็นของเย็นที่เย็นลึกดิ่ง เทียบกับคนขี้เกียจเป็นเย็นฉาบฉวย คนขี้เกียจจะกลัวเย็นแบบดื่งค่ะ การทำสมาธิไม่ใช่สำหรับคนขี้เกียจ เพราะการทำสมาธิต้องคุมความคิดให้อยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้น ซึ่งคนขี้เกียจทำไม่ได้แน่ๆค่ะ



มีครับ
ถ้าจิตมันรู้สึกสบาย คือไม่มีอาการระลึกรู้ ไม่เฝ้าดู
เราก็อาจจะหลงอยู่ในภวังค์แห่งความสงบ สบายนั้นได้ครับ
ดังนั้นต้องมีสติคอยกำกับ คอยเฝ้าดู ให้รู้แจ้งในการทำสมาธิครับ :b6:

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณ jekky ยกมา เขาเรียกว่า "มิจจาสมาธิ" นะครับ
กล่าวคือ"สมาธิที่ขาดสติ"

พูดง่ายๆว่า ทำไม่ถูกน่ะ เลยมีโทษ
แต่สมาธิที่ถูก (สัมมาสมาธิ) จะไม่มีโทษนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


chulapinan เขียน:
สมาธิไม่มีโทษค่ะ คนขี้เกียจจะนั่งสมาธิไม่ได้ ถ้านั่งได้ นั่นก็ไม่เรียกว่าสมาธิ เรียกว่าสัปหงกค่ะ

การนั่งสมาธิเป็นของเย็นที่เย็นลึกดิ่ง เทียบกับคนขี้เกียจเป็นเย็นฉาบฉวย คนขี้เกียจจะกลัวเย็นแบบดื่งค่ะ การทำสมาธิไม่ใช่สำหรับคนขี้เกียจ เพราะการทำสมาธิต้องคุมความคิดให้อยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้น ซึ่งคนขี้เกียจทำไม่ได้แน่ๆค่ะ


แมวขาวฯ เป็นคนขี้เกียจ เลยชอบทำสมาธิ นั่งก็ด้วย นอนก็บ่อย (ขอยืนยันว่า ไม่ได้สัปหงก)
แบบว่า...แอบมาอยู่เป็นสุข ๆ ก็มันทั้งสุข ทั้งสบาย ติดสุขค่ะ

จนต้องให้ สติ มาเตือน ว่า "... นี่ หล่อน จะขี้เกียจไปถึงไหน อนิจจังทั้งนั้น ฮึ ! "

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แก้ไขล่าสุดโดย แมวขาวมณี เมื่อ 21 ธ.ค. 2009, 14:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ชอบนอนสมาธิอ่ะ
แห่ะ ๆ
มันเห็นลมหายใจ เห็นการพองยุบได้ดีกว่ากันอะ
แต่หลับโดยไม่รุ้ตัวเหมือนกันนะ 55+


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โทษของสมาธิคือติดสมาธิ โทษฌาณคือติดฌาณ โทษของญาณคือติดญาณ ไม่ต่างอะไรกับสิ่งเสพติด
คือจะพอใจอยู่แค่นั้น หรือไม่ร้จักอยู่จากมันอย่างไร ได้แต่ทรงดำรงอยู่ ละสังขารก็ใช้กรรมการปฏิบัติ คือตามกำลังของสมาธิ ฌาณ ญาณ ต่อที่สวรรค์ พรหมโลกหลาย กับป์หลายหลายกัลป์ จะไม่ต่อพระนิพานโดยง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: :b44: :b44: ถ้าเหนื่อยเพลียจาการทำงาน ก็นอนบำเพ็ญสมาธิภาวนาเช่นเดียวกัน

และแม้ว่าปัญญายังไม่เกิด ก็ขอติดสมาธิ ติดฌาน ไปก่อนครับ ในเื่มื่อจะติดสมาธิติดฌาน
ก็ขอเติมกำลังให้จิต ให้เต็มไปเลย :b8: :b8: :b8:

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:34
โพสต์: 173

ชื่อเล่น: เจ้ก
อายุ: 23

 ข้อมูลส่วนตัว


เพียงแค่นำมาบอกเล่าสู่กันฟังน่ะครับ เห็นควรอย่างไรก็แล้วแต่บุคลครับ smiley

.....................................................
จะขอเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า..เพื่อเติมเต็มธรรมที่ขาดหาย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร