วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 09:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2009, 06:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
มีองค์ประกอบ ๓ ประการคือ

๑. การดำรงไว้ (ธารณัง) หมายถึง การดำรงไว้โดยการเรียน โดยการทรงจำ โดยการปฏิบัติตามพระธรรม โดยการให้การคุ้มครองป้องกัน และโดยการกำจัดภัยของพระศาสนา ตลอดถึงการทำสังคายนาพระธรรมวินัยเป็น ครั้งคราว

๒. การสืบต่อ (สันตานัง) หมายถึง การสืบต่อพระศาสนาไว้ไม่ให้ขาดสูญ ด้วยการบรรพชาอุปสมบท หรือด้วยการสนับสนุนให้บุตรหลานของตนและคนอื่นได้บรรพชาอุปสมบท เพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา

๓. การเผยแผ่ (วิตถารณัง) หมายถึง การเผยแผ่พระธรรมให้เข้าถึงจิตใจของชาวโลก ให้กว้างขวางออกไปด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสอน หรือหนังสือออกเผยแพร่ และการปฏิบัติให้เป็นตัวอย่าง

เหตุที่ทำให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ ๕ ประการ
ธรรม ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความลบเลือน เสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
ไม่ฟังธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่เล่าเรียนธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่ทรงจำธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่ใคร่ครวญอรรถแห่ธรรมที่ทรงจำไว้โดยเคารพ ๑
รู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ไม่ปฏิบัติสมควรแก่ธรรม ๑
ธรรม ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่ลบเลือน เพื่อความมั่นคง เพื่อความไม่เสื่อมสูญ แห่งพระสัทธรรม คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
ย่อมฟังธรรมโดยเคารพ ๑
เล่าเรียนธรรมโดยเคารพ ๑
ทรงจำธรรมโดยเคารพ ๑
ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้โดยธรรม ๑
รู้อรรถรู้ธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมโดยสมควรแก่ธรรมโดยเคารพ ๑

เหตุที่ทำให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ อีก ๕ ประการ
ธรรม ๕ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม
๑. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูธรรม เวทัลละ
๒. ภิกษุทั้งหลาย ย่อมไม่แสดงธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมา แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร
๓. ภิกษุทั้งหลาย ย่อมไม่บอกธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เล่าเรียนมา แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร
๔. ภิกษุทั้งหลาย ย่อมไม่สาธยายธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เรียนมา แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร
๕. ภิกษุทั้งหลาย ย่อมไม่ตรึงตรอง ไม่เพ่งดูด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมา ตามที่ได้เรียนมา โดยพิสดาร
ไม่ลบเลือนสูญแห่งพระสัทธรรม ก็มีนัยตรงกันข้าม และมี ๕ ประการเช่นกัน
ภัยในอนาคต ๕ ประการ

พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงภัยในอนาคต คือ

๑. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิตและปัญญา เมื่อให้อุปสมบทแก่กุลบุตรเหล่าอื่น ก็ไม่อาจแนะนำเขาได้ในเรื่องอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๒. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมสมาธิและปัญญา ให้นิสัยแก่กุลบุตรเหล่าอื่น และไม่อาจแนะนำเขาได้ในเรื่องอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๓. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิตสมาธิและปัญญา เมื่อแสดงอภิธรรมกถา เวทัลลากถาหยั่งลงสู่ธรรมที่ผิดก็จักไม่รู้สึกตัว ไม่อาจแนะนำเขาได้ในเรื่องอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๔. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิตสมาธิและปัญญา เมื่อมีการแสดงพระสูตรอันลึกซึ้ง ที่ตถาคตภาษิตไว้อันเป็นดลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตา ภิกษุทั้งหลายก็จักไม่สนใจฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อรู้ แต่สูตรเหล่าใดที่นักกวีแต่งขึ้นมีอักขระสละสลวย มีพยัญชนะสละสลวย เป็นพาหิรกถา เป็นสาวกภาษิต เมื่อคนแสดงสูตรเหล่านั้น ภิกษุทั้งหลายจะตั้งใจฟัง ตั้งจิตเพื่อรู้เห็นว่าธรรมเหล่านั้นควรแก่การศึกษาเล่าเรียน เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๕. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิตสมาธิและปัญญา ภิกษุผู้เป็นเถระจะมักมาก มีความประพฤติย่อหย่อน เป็นหัวหน้าในการล่วงละเมิด (พระวินัย) ทอดธุระในวิเวก ไม่ทำความเพียร เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น
ให้ภิกษุทั้งหลายรู้ไว้และพยายามละเสีย บัดนี้ ภัยดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วหรือยัง ขอท่านผู้รู้ได้ใช้วิจารณญาณพิจารณาดูเถิด

ภัยในอนาคต ๕ ประการ ( อีกปริยายหนึ่ง )
ยังไม่เกิดในบัดนี้ แต่จักเกิดขึ้นในกาลต่อไป รู้ไว้เพื่อจักได้ระมัดระวังและละเสีย

๑. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักเป็นผู้ชอบจีวรสีงาม แล้วละการถือผ้าบังสกุลเป็นวัตร ละการอยู่ในเสนาสนะสงัด เช่น ป่าเป็นตัน ชอบประชุมกันอยู่ที่บ้าน นิคมและราชธานี ชอบแสวงหาอันไม่สมควรต่างๆ เพราะจีวรเป็นเหตุ เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๒. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักชอบบิณฑบาตรที่ดี (ประณีต ) แล้วละความพอใจในการถือบิณฑบาตรเป็นวัตรเสีย แสวงหาแต่บิณฑบาตรที่มีรสเลิศ โดย (ได้รับความพอใจ) เพียงปลาบลิ้นและแสวงหาอันไม่สมควรต่างๆ เพราะบิณฑบาตรเป็นเหตุ เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๓. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักพอใจในเสนาสนะที่ดีงาม ละทิ้งเสนาสนะป่าเสีย พอใจอยู่แต่ในหมู่บ้าน นิคมและราชธานี ชอบแสวงหาอันไม่สมควรต่างๆ เพราะเสนาสนะเป็นเหตุ เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๔. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักอยู่คลุกคลีด้วยภิกษุณี สิกขมานา ( ผู้เตรียมตัวบวชเป็นภิกษุณี ) และสมณุทเทส ( สามเณร ) เมื่อเป็นดังนี้ก็พึงหวังได้ว่า เธอจักไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ จักต้องอาบัติเศร้าหมองบางอย่าง จักบอกคืนสิกขา เวียนมาเป็นหีนเพศ ( เพศต่ำ ) เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

๕. ในอนาคต ภิกษุทั้งหลาย จักคลุกคลีด้วยอารามิกบุรุษ ( คนวัด ) และสมณุเทส ( สามเณร ) เมื่อเป็นดังนี้ก็หวังได้ว่า เธอจักบริโภคของที่สะสมไว้มีประการต่างๆ จักทำนิมิต ( บอกใบ้ ) ต่างๆ
( เพื่อลาภผล ) ชอบแสวงหาอันไม่สมควรต่างๆ เมื่อเป็นดังนี้ ก็จะมีการลบล้างธรรม ลบล้างวินัยขึ้น

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 103 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร