วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 03:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


สามเณรและสามเณรีเป็นประเภทบรรพชิต คือผู้ไม่ครองเรือน

โดยศัพท์คำว่า สามเณร หมายถึงเหล่ากอ หรือเชื้อสายของสมณะ

สามเณรมีสิกขาบท ๑๐ คือ

งดเว้นจากการฆ่าสัตว์

งดเว้นจากการลักทรัพย์

งดเว้นจากการประพฤติอพรหมจรรย์(การเสพเมถุน)

งดเว้นจากการพูดเท็จ

งดเว้นจากดื่มสุราเมรัย

งดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล

งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่น

งดเว้นจากการลูบทา ทัดทรง ประดับตกแต่งร่างกายด้วยระเบียบดอกไม้ ของหอม

เครื่องย้อม เครื่องทาอันเป็นฐานะแห่งการแต่งตัว

งดเว้นจากการนั่งและการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่

งดเว้นจากการรับเงินทอง




และนอกจากนั้นสามเรณยังต้องประพฤติข้อวัตรต่างๆที่บรรพชิตควรกระทำ

เช่น การศึกษาพระธรรมวินัย การประพฤติวัตรปฏิบัติ มีอุปัชฌายวัตร อาจาริยวัตร

อาวาสิกวัตร ฯลฯ รวมถึงเสขิยวัตรสิกขาบทด้วย

ส่วนนักบวชนอกพุทธศาสนา มีปริพาชก เป็นต้น จัดเป็นบรรพชิต คือ

ผู้ไม่ครองเรื่อน ไม่รับเงินและทอง

ภิกษุผู้ปฏิบัติดี ใน ๓ ปิฎก

ได้ผลดีต่างกัน


อนึ่ง

ภิกษุผู้ปฏิบัติ ในพระวินัย

อาศัยสีลสมบัติ ย่อมได้บรรลุวิชชา ๓

ก็เพราะตรัสจำแนกประเภทวิชชา ๓ เหล่านั้นนั่นแลไว้

ในพระวินัยนั้น.


.


ผู้ปฏิบัติดี ในพระสูตร

อาศัยสมาธิสมบัติ ย่อมได้บรรลุอภิญญา ๖

ก็เพราะตรัสจำแนกประเภทอภิญญา ๖ เหล่านั้นไว้

ในพระสูตรนั้น.


.


ผู้ปฏิบัติดี ในพระอภิธรรม

อาศัยปัญญาสมบัติ ย่อมได้บรรลุปฏิสัมภิทา ๔

ก็เพราะตรัสจำแนกประเภทปฏิสัมภิทา ๔ นั้น ไว้

ในพระอภิธรรมนั้นนั่นเอง.


.


ผู้ปฏิบัติดีในปิฎกเหล่านี้

ย่อมบรรลุสมบัติ ต่างกัน

คือ วิชชา ๓ อภิญญา ๖ และ ปฏิสัมภิทา ๔ นี้

ตามลำดับ

ด้วยประการฉะนี้.


.
.
.


ผู้ปฏิบัติไม่ดีใน ๓ ปิฎก

ได้ผลเสียต่างกัน



ก็ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ในพระวินัย

ย่อมมีความสำคัญว่า หาโทษมิได้ ในผัสสะทั้งหลาย

มีสัมผัส ซึ่งรูปเป็นอุปาทินกะ เป็นต้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสห้ามแล้ว

โดยความเป็นอาการเสมอกับด้วยสัมผัสซึ่งวัตถุ

มีเครื่องลาดและผ้าห่ม เป็นต้น ซึ่งมีสัมผัสเป็นสุข

ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตแล้ว.


แม้ข้อนี้ ต้องด้วยคำที่พระอริฏฐะกล่าวว่า

เราย่อมรู้ทั่วถึงซึ่งธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว

โดยประการที่ว่า เป็นธรรมอันทำอันตรายได้อย่างไร

ธรรมเหล่านั้น

ไม่สามารถเพื่อกระทำอันตรายแก่บุคคลผู้เสพได้ ๑ ดังนี้.


ภิกษุนั้น ย่อมถึงความเป็นผู้ทุศีล

เพราะความปฏิบัติไม่ดีนั้น.


.


ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ในพระสูตร

ไม่รู้อยู่ซึ่งอธิบายในพระบาลี มีอาทิว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !

บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ดังนี้

ย่อมถือเอาผิด

ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายตรัสว่า

บุคคลมีธรรมอันตนถือผิดแล้ว ย่อมกล่าวตู่เราทั้งหลายด้วย

ย่อมขุดตนเองด้วย ย่อมได้ประสบบาปมิใช่บุญมากด้วย.


ภิกษุนั้น ย่อมถึงความเป็นผู้มีทิฏฐิผิด

เพราะการถือนั้น.


.


ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดี ในพระอภิธรรม

แล่นเกินไป ซึ่งการวิจารณ์ธรรม ย่อมคิด แม้ซึ่งเรื่องที่ไม่ควรคิด

ย่อมถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต เพราะคิดซึ่งเรื่องที่ไม่ควรคิดนั้น.

ข้อนี้ต้องด้วยพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !

บุคคล คิดอยู่เรื่องที่ไม่ควรคิดเหล่าใด

พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า แห่งความลำบากใจ

เรื่องที่ไม่ควรคิดเหล่านี้ ๔ ประการ

อันบุคคลไม่ควรคิดดังนี้.


.


ภิกษุผู้ปฏิบัติไม่ดีในปิฎก ๓ เหล่านี้

ย่อมถึงความวิบัติ

ต่างด้วยความเป็นผู้ทุศีล ความเป็นผู้มีทิฏฐิผิด และความฟุ้งซ่านแห่งจิตนี้

ตามลำดับ ด้วยประการฉะนี้.


ถึงพระคาถาแม้นี้ว่า

ภิกษุ ย่อมถึงซึ่งความต่างแห่งปริยัติก็ดี สมบัติ และ วิบัติ ก็ดี อันใด

ในปิฎกใด มีวินัยปิฎก เป็นต้น โดยประการใด

บัณฑิต พึงประกาศความต่างแห่งปริยัติ เป็นต้น แม้นั้นทั้งหมด

โดยประการนั้น ดังนี้


เป็นอันข้าพเจ้าขยายความแล้วด้วยคำเพียงเท่านี้

บัณฑิต ครั้นทราบปิฎกโดยประการต่าง ๆ อย่างนั้นแล้ว

ก็ควรทราบพระพุทธพจน์นั้น ว่า มี ๓ อย่าง

ด้วยอำนาจแห่งปิฎกเหล่านั้น.


ผ้าเช็ดทุลี ลูกคนจัณฑาล โคเขาขาด เป็นการเปลียบเทียบตัวเองของท่านพระ-

สารีบุตรต่อพระพุทธเจ้า จากสาเหตุที่มีพระรูปหนึ่งฟ้องพระพุทธเจ้าว่าท่านสารีบุตรได้

กระทบท่านแล้วจากไปไดยไม่ขอโทษ การเปรียบเทียบสอนพระรูปนั้นว่า ถ้าพระรูป

นั้นไม่มีปรกติเจริญสติปัฏฐาน ก็ย่อมมีการกล่าวกระทบแล้วจากไปโดยไม่ขอโทษ ภาย

หลังพระรูปนั้นก็กล่าวขออดโทษต่อพระสารีบุตร จากคำแนะนำของพระพุทธเจ้า

ผ้าเช็ดทุลี ลูกคนจัณฑาน โคเขาขาด เป็นลักษณะของผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2009, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สามเณรสิกขา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=20852

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 87 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร