วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 21:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2009, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


การเจริญสตินั้นเป็นการอบรมจิต

การอบรมจิตที่ดีนั้นต้องอาศัยสมาธิ

สมาธิที่ทำให้ได้บารมีเยอะที่สุดคือการเจริญวิปัสสนา

สมถะเป็นแค่ทำให้จิตสงบเท่านั้น

ซึ่งไม่ใช่ตัวให้เกิดปัญญา

เพราะฉะนั้นเมื่อเราปฏิบัติแล้ว

จะเป็นการสร้างบารมี 10 อย่าง(ถ้าไปบวชเนกขัมมะด้วยก็ ครบ 10 )

คือทานบารมีสละเวลา

ศีลบารมีมีการสำรวม สัจจะบารมีการกำหนดว่าขวาเดิน หรือซ้ายเดิน รสหนอเป็นสิ่งที่มีสัจจะ

อทิษฐานบารมีตั้งใจจะปฏิบัติต่อไป ขันติบารมีความอดทนต่อความเจ็บปวดไม่สบายใจ

วิริยะมีความเพียรต่อการปฏิบัติ........

เพราะฉะนั้นการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั้นมีข้อดีอย่างนี้นี่เอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: อาจจะยังเข้าไม่ถึงแก่นของธรรม จึงยังไม่เข้าใจในบางข้อความ หากอธิบายให้ชัดเจนขึ้นก็จะทำให้คนเขลา ได้เข้าใจมากขึ้น
ขออนุโมทนาบุญด้วยคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 21:43
โพสต์: 7

ชื่อเล่น: น้ำใส
อายุ: 29

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญครับ

สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 03:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาตค่ะ แก้ความเข้าใจผิดนิดหน่อย

การเจริญสตินั้นเป็นการอบรมจิต การอบรมจิตที่ดีนั้นต้องอาศัยสมาธิ - ถูกค่ะ

สมาธิที่ทำให้ได้บารมีเยอะที่สุดคือการเจริญวิปัสสนา - ผิดค่ะ --> ได้ปัญญาแล้วคิดต่อ ด้วยความจริงที่ปัญญาให้มา

สมถะเป็นแค่ทำให้จิตสงบเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวให้เกิดปัญญา ผิดค่ะ --> ได้จิตสงบ แล้วปัญญาเกิดค่ะ

ลำดับการฝึกสมาธิเป็นดังนี้ค่ะ
๑. ถือศีล (อย่างบริสุทธิ์ใจ)
๒. ทำดี (ด้วยเจตนาที่ดีบริสุทธิ์)
๓. ละชั่ว (ด้วยเจตนาดี)
๔. ทำใจให้เบิกบาน (ไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ ทั้งกายและใจ)
๕. ทำสมถะสมาธิ
ู๖. ปัญญาญานเกิด
๗. ฝึกวิปัสสนาสมาธิ
๘. ปัญญาญานมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้สติและความรู้ตัวตลอดนะคะ รู้เฉยๆ รู้แล้วปล่อย อย่าคิดอะไร นอกจากได้ปัญญาแล้ว ตอนฝึกวิปัสสนาค่อยคิด เพราะตอนนั้นจะรู้ถึงสัจธรรม ก็คิดโดยยึดสัจธรรมเป็นฐานค่ะ

สติปัฏฐาน ๔ ทำสมาธิโดย ๑. รู้กาย --> ๒. รู้สึก --> ๓. รู้อารมณ์ --> ๔. รู้ทั้งหมด
๑-๓ เป็นสมถะสมาธ ๔ เป็นวิปัสสนาสมาธิ รู้ในที่นี้คือรู้จริงนะคะ ไม่ใช่คิดให้รู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
สมาธิที่ทำให้ได้บารมีเยอะที่สุดคือการเจริญวิปัสสนา


chulapinan เขียน:
ผิดค่ะ --> ได้ปัญญาแล้วคิดต่อด้วยความจริงที่ปัญญาให้มา


คุณรสมนพูดน่ะถูกแล้วครับ
ปัญญา คือบารมีชนิดหนึ่ง
"สมาธิ ทำให้ได้บารมีเยอะที่สุด".... ก็ถูกอีก

ถ้าพูดเอาง่ายๆ พอเข้าใจเบื้องต้น
บารมี ก็คือสมรรถนะของจิตในด้านต่างๆ

บารมี มีหลายชนิด
ปัญญา เป็นบารมีชนิดหนึ่ง


ส่วนที่คุณว่า
chulapinan เขียน:
ได้ปัญญาแล้วคิดต่อด้วยความจริงที่ปัญญาให้มา


อันนี้ ผมว่ามันแปลกๆนะ
สามารถที่จะผิดอย่างแรงได้ทันที ถ้าหมายถึงภาวมัยปัญญา
ปัญญาประเภทที่ถอดถอนกิเลสน่ะ

แต่ถ้าหมายถึงปัญญาแบบ สุตมัย+จินตมัย
ก็จัดว่าพูดไม่ผิด
เหมือนเราเรียนหนังสือนั่นแหละ
คิดต่อยอดความรู้ไปเรื่อย


อ้างคำพูด:
รสมน - สมถะเป็นแค่ทำให้จิตสงบเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวให้เกิดปัญญา
chulapinan - ผิดค่ะ --> ได้จิตสงบ แล้วปัญญาเกิดค่ะ

คุณรสมนน่ะพูดถูกแล้ว ใช้คำถูกและรัดกุมแล้ว
แต่คุณ chula ต่างหาก ที่พูดผิด
เพราะ ไม่เสมอไป ที่จิตสงบ จะให้ผลผลิตเป้นปัญญา[/b]
ดังนั้น ถ้าพูดว่า " ได้จิตสงบ แล้วปัญญาเกิดค่ะ" จึงผิดทันที


:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


น้องชาติสยาม

ข้อมูลแน่นเหมือนเดิมครับ

ผมพเนจรอยู่ภาคเหนือตอนบน

รับจ้างทำธุระกิจไม่มีเวลาเข้าเวป

นอกจากวันอาทิตย์ครับ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
รสมน - สมถะเป็นแค่ทำให้จิตสงบเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวให้เกิดปัญญา



VS

อ้างคำพูด:
chulapinan - ผิดค่ะ --> ได้จิตสงบ แล้วปัญญาเกิดค่ะ




ขออนุญาตครับ


ที่คุณ รสมน กล่าว เป็น2ข้อแรก ในสมาธิภาวนา4ประเภท ครับ

ที่คุณ chulapinan กล่าว เป็น ข้อ 4 (และ 3) ในสมาธิภาวนา4ประเภท ครับ


http://www.84000.org/tipitaka/read/?21/41/57


[๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนา ๔ ประการนี้ ๔ ประการ
เป็นไฉน คือ

สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันมีอยู่

สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะมีอยู่

สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ ๑

สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะมีอยู่





ดังนั้น... ถ้านำ คห ของ2คน มารวมกัน ก็จะสมบูรณ์ครบ ตรงตามพระพุทธพจน์ดั้งเดิม ครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร