ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=25368 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงชู [ 01 ก.ย. 2009, 20:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร |
*ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร (ขำมากกกกกกกกกกก)*** *1. นิมนต์พระ* หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่ ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ" ( ใช้คำไฮโซมาก) มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์ " ( เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว) การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ทำไมต้องตะคอกด้วย) การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง " ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์ หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ *2. จบ* อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า ?" *3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า* จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืน สูงกว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" ( สูงกว่าเดิมอีก) บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า) เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควร ถอดรองเท้าใส่บาตร นะ" โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล) พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่ *4. ใส่บาตร* อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ ก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี" กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" ( อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ) คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง" การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55) *5. รับพร* หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก) ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้ ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะครับ พี่น้อง ที่มา::FW mail |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 02 ก.ย. 2009, 01:23 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร | ||
.....บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่ให้ทานเพราะเหตุแห่งสุข อันก่อให้เกิดอุปธิเพื่อภพต่อไป แต่บัณฑิตเหล่านั้นย่อมให้ทาน เพื่อความหมดสิ้นอุปธิ เพื่อนิพพานอันไม่มีภพอีกต่อไปโดยส่วนเดียว .....บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่รักษาศีลเพราะเหตุแห่งสุข อันก่อให้เกิดอุปธิเพื่อภพต่อไป แต่บัณฑิตเหล่านั้นย่อมรักษาศีล เพื่อความหมดสิ้นอุปธิ เพื่อนิพพานอันไม่มีภพอีกต่อไปโดยส่วนเดียว .....บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่เจริญฌานเพราะเหตุแห่งสุข อันก่อให้เกิดอุปธิเพื่อภพต่อไป แต่บัณฑิตเหล่านั้นย่อมเจริญฌาน เพื่อความหมดสิ้นอุปธิ เพื่อนิพพานอันไม่มีภพอีกต่อไปโดยส่วนเดียว .....บัณฑิตเหล่านั้นมุ่งนิพพาน มีจิตเอนไปในนิพพาน น้อมจิตไปในนิพพาน ย่อมให้ทาน ย่อมรักษาศีล ย่อมเจริญฌาน บัณฑิตเหล่านั้นย่อมเป็นผู้มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า เหมือนแม่น้ำทั้งหลายไหลไปสู่ทะเลฉะนั้น เจริญในธรรมครับ
|
เจ้าของ: | moddam [ 02 ก.ย. 2009, 07:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร |
ขอบคุณคุณลุงมากเลยครับ มีประโยชน์มากเลยครับ |
เจ้าของ: | damjao [ 02 ก.ย. 2009, 08:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร |
ทานที่ให้ผลมาก 1.มีจิตคิดจะให้(ศรัทธา) 2.ขณะให้จิตแจ่มใสเบิกบาน เหมาะที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ 3.ให้แล้วไม่เสียดาย เป็นการกำจัดโลภะ ฉะนั้นการใส่บาตรจึงควรถึงพร้อมทั้ง กาย วาจา ใจ การถอดรองเท้าจึงเหมาะสมเป็นการเคารพพระสงฆ์ เคารพในทานบารมี ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ...... |
เจ้าของ: | O.wan [ 02 ก.ย. 2009, 08:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร |
น้องลุงชู แบบมีสาระทำให้จำได้ไม่ลืม เอาไว้ให้ลูก หลานอ่านได้ ขอบคุณค่ะ |
เจ้าของ: | sasikarn [ 03 ก.ย. 2009, 01:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร |
ลุงชู...ชอบมากเลยค่ะ นอกจากได้ความรู้แล้ว ยังมีความสุขในการอ่านอีกง่ะ...55555555 เอิ๊ก !!! ( หัวเราะจนสำลัก ) ชอบมากที่สุดก็ตรงถอดรองเท้าใส่บาตรเนี่ยแหล่ะ555555555... วันนี้ลุงชูได้บุญไปหนึ่งอย่าง คือการทำให้ผู้อื่นหัวเราะและมีความสุข...อนุโมทนาจ้า... นู๋เอเองจ้า... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |