วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 05:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2009, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสุขคือเป้าหมายที่แท้แห่งชีวิต

ใครไม่ต้องการความสุขก็ไม่จำเป้นต้องอ่านหนังสือนี้ ใครที่ต้องการความสุข จงอ่านหนังสือนี้ให้ดี นีคือบทเพลงแห่งความสุข
ทุกชีวิตล้วนต้องการความสุขดังนั้นความสุขจึงเป็นเป้าหมายที่แท้ของชีวิต จะดูว่าใครประสบความสำเร็จในชีวิตเพียงใดนั้น สามารถวัดได้ที่ระดับความสุขของบุคคลนั้น ๆ
ถ้ามีความสุขบริสุทธิ์อันมั่นคง ชีวิตถึงจุดสุดยอดแห่งความสำเร็จแล้ว
ถ้ามีความสุขมหาศาล ชีวิตประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว
ถ้ามีความสุขบ้าง ชีวิตกำลังไต่เต้าสู่ความสำเร็จ
ถ้าไม่มีความสุขเลย ชีวิตยังไม่ได้เริ่มต้นอย่างจริงจังเลย ที่เป็นอยุ่เป็นดังซากศพเดินได้
ถ้ามีแต่ความทุกข์ แสดงว่าขาดทุนที่เกิดมามีชีวิต
ความสุขนั้นคือมาตรวัดความสำเร็จแห่งชีวิตที่ดีที่สุด
เพราะคือเป้าหมายที่แท้ ไม่ว่าจะเกิดในชาติตระกูลใด มีฐานะอย่างไร
จบการศึกษาระดับไหน ทำงานอะไร ไม่สำคัญ ที่สำคัญชีวิตจิตใจมีความสุขเพียงใดต่างหาก
ถ้าเป็นสุข ก็ชื่อว่าประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าไม่เป็นสุข แม้มีอะไร เป็นอะไรแค่ไหน ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ถ้าเป็นทุกข์ แม้มีหรือไม่มีอะไร เป็นหรือไม่เป็น

การจะได้มาซึ่งความสุข
คนบางคนสามารถทำตนให้เป็นสุขได้เสมอ
คนบางคนสามารถทำตนให้เป็นทุกข์ได้เสมอ
คนบางคนทำตนให้สุก ๆ ดิบ ๆ คือทุกข์ ๆ สุข ๆ ได้ตลอดเวลา
การจะได้มาซึ่งความสุขนั้นอยู่ที่กลยุทธ์บริหารดวงใจ
บางคนไม่มีอะไรก็ดีเป็นสุขได้
บางคนต้องมีให้ได้จึงเป็นสุขดี
บางคนอยู่คนเดียวก็ดีเป็นสุขได้
บางคนอยู่หลายคนก็ได้เป็นสุขดี
ดังนั้นความสุขจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมี การไม่มี การเป็น หรือการไม่เป็น แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารใจและการสร้างสัมพันธภาพอันเหมาะสมกับความสุขโดยตรง
ผู้ปรารถนาความสุขทุกคนจึงต้องรู้จักธรรมชาติและลีลาแห่งความสุขและรู้วิธีจะสร้างสัมพันธภาพอันดีกับความสุขโดยสมควร

ผู้ให้กำเนิดความสุข
เมื่อความปรารถนาดีได้รับการยอมรับด้วยดี
ความสุขที่ดีย่อมบังเกิด

เมื่อความรักได้รับรักตอบความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อความสนุกสนานผสานความเป็นมิตรแท้
ความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อความฝันสะท้อนออกมาจากความตั้งใจหรือจิตใต้สำนึก
ความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อเมตตาเป็นที่เข้าอกเข้าใจกันดี
ความสุขย่อมบังเกิด
เมื่อปรารถนาใด ๆ ได้บรรลุซึ่งความสำเร็จ
ความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อความยินดีดูดซับสิ่งที่มีที่เป็น
ความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อการเพ่งพินิจผสานกับการผ่อนคลาย
ความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อปัญญาจับคู่กับความทุกข์
ความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อดื่มด่ำในความสงบ
ความสุขย่อมบังเกิด

เมื่อความบริสูทธิ์ประกาศอิสรภาพจากสิ่งทั้งปวง
ความสุขสูงสุดย่อมปรากฏ

แหล่งแห่งความสุข
การแสวงหาความสุขจากสังคม
อันตรายบรม

การแสวงหาความสุขจากคนอื่น
ย่อมเสี่ยงต่อความขื่นขม

การแสวงหาความสุขในตัวเอง
ง่ายที่จะบรรเลง

การแสวงหาความสุขจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ดี ถ้าทำตัวให้ได้มีสิทธิ์

การแสวงหาความสุขจากความบริสุทธิ์
ปลอดภัยและประเสริฐสุด

คู่แห่งความสุข

เมื่อความสุขเริงระบำกับความทุกข์
ดวงใจจักเป็นดั่งดวงไฟในไอหมอก

เมื่อความสุขเริงระบำกับตัวตน
ดวงใจจักเป็นดั่งนักโทษผู้หยิ่งผยองในที่คุมขัง

เมื่อความสุขเริงระบำกับความสนุกสนาน
ดวงใจจักเป็นดั่งนักโต้คลื่นที่กำลังโต้กับคลื่นลูกแล้วลูกเล่า

เมื่อความสุขเริงระบำกับความพอใจ
ดวงใจจักเป็นดั่งห่วงโซ่แห่งความผูกพันอันต่อเนื่อง

เมื่อความสุเริงระบำกับความชื่นชมศรัทธา
ดวงใจจักเป็นดั่งเครื่องดูดซับคุณค่า

เมื่อความสุขเริงระบำกับความสงบ
ดวงใจจักเป็นดั่งเรือนอยู่เรือนนอนแห่งความสุข

เมื่อความสุขเริงระบำกับความบริสุทธิ์
ดวงใจจักเป็นดั่งผู้ฉายแสงแห่งควาใสขนิรันดร์

ลีลาแห่งความสุข
เมื่อความสุขตื่น
ดวงใจจักเต็มไปด้วยความหวัง

เมื่อความสุขทำหน้าที่
ดวงใจจักเต็มไปด้วยมิตรไมตรี

เมื่อความสุขแผ่กระจาย
ดวงใจจักเต็มไปด้วยความเมตตา

เมื่อความสุขขยันจนเกินไป
ดวงใจจักเต็มไปด้วยความเกียจคร้านต่อสิ่งอื่นสิ่งใด

เมื่อความสุขอยู่ในความเฉย
ดวงใจจักเต็มไปด้วยศานติ

เมื่อความสุขหลับไหล
ดวงใจจักอยู่ในความสงบ

เมื่อความสุขจากไป
ดวงใจจักโหยหา

เป้าหมายปริศนา

เมื่อโหยหาความสุข
ย่อมรู้สึกโหวงเหวงในดวงใจ

เมื่อออกล่าความสุข
ย่อมรู้สึกทุกข์ตรมในดวงใจ

เมื่อรอคอยความสุข
ย่อมรุ้สึกเหงาหงอยในดวงใจ

เมื่อไขว่คว้าความสุข
ย่อมรู้สึกสนุกในดวงใจ

เมื่ออยุ่กับความสุข
ย่อมรู้สึกเป็นสุขในดวงใจ

เมื่อหลอมรวมความสุขเป็นหนึ่งเดียวภายใน
ดวงใจย่อมรู้สึกเจิดจรัสแจ่มใส

ความเข้าใจในความสุข
ผู้ที่เข้าใจว่าความสุขคือสิ่งที่ต้องดิ้นรนหา
เขาย่อมเห็นแค่ชื่อของความสุข

ผู้ท่เข้าใจว่าความสุขคือสิ่งที่ต้องขอจึงจะได้มา
เขาย่อมเห้นแค่เงาวูบไปวูบมาของความสุข

ผู้ทีเข้าใจว่าความสุขคือสิ่งที่ต้องสร้างเอา
เขาย่อมเห็นแค่องค์ประกอบของความสุข

ผู้ทีเข้าใจว่าความสุขคือตัวตน
เขาย่อมเห็นความสุขเป็นนาย ใจกลายเป็นทาส ความสุข

ผู้ที่เข้าใจว่าความสุขคือธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และหายไป
เขาย่อมเห็นกฎเกณฑ์และเป็นนักเล่นเกมกลแห่งความสุข

ผุ้ทีเข้าใจว่าความสุขคือความบริสุทธิ์แห่งดวงใจ
เขาย่อมเป็นดั่งพระเจ้าแห่งความสุข

ศัตรูแห่งความสุข
ความหลงใหลคือศัตรูตัวน้อยของความสุข
มนย่อมดูดพลังจนความสุขเล็กลงเสมอ

ความกระหายอยากคือศัตรูตัวชนของความสุข
มันย่อมพาความสุขไปสู้วิถีทุกข์ร่ำไป

ความลังเลใจคือศัตรูผู้ไม่เคยจริงใจต่อความสุข
มันมักพาความสุขไปสู่แพร่งแห่งความเสี่ยงเสมอ

การมองโลกในแง่ร้ายคือศัตรูที่ไร้มรรยาทของความสุข
มันจะตีกรอบขังความสุขให้อึดอัดในความคับแคบ

ความโกรธคือศัตรูตัวร้ายของความสุข
มันชอบทำร้ายความสุขให้เจ็บปวดเสมอ

ความเกลียดชังคือศัตรูตัวฉกาจของความสุข
มันทำให้ความแคแกร็นพิการไป

ตัวตนคือศัตรูที่อันตรายที่สุดของความสุข
มันเลี้ยงความสุขด้วยความหวังนานาจนความุสุขโตได้เต็มที่ก็จฆ่าทิ้งเสีย

พัฒนาการแห่งความสุข
เมือความสุขเยี่ยมกรายมาปรากฏ
จงดูดซับพลังความสุขให้เต็มที่

เมื่อความสุขเติบโต
จงยินดีกับความเจริญแห่งความสุข

เมื่อความสุขอ่อนแอลง
จงเห็นใจความสุข

เมื่อความสุขทำท่าจะจากไป
จงปรารถนาดีให้เต็มที่กับการเดินทางของความสุข

ด้วยการทำเช่นนี้ ความสุขจักถ่ายพันธุ์ไว้ในดวงใจ
และลูกหลานของความสุขที่คงอยู่จะฉลาดกว่าความสุขรุ่นเก่า ๆ

คุณค่าสัมพัทธ์
ค่าสัมพัทธ์แห่งความสุขและสิ่งต่าง ๆ มีดังนี้

ชุดที่หนึ่ง
เมื่อความสุขมากขึ้น ความทุกข์จะลดลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน
เมื่อความทุกขืมากขึ้น ความสุขจะลดลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน

ชุดที่สอง
เมื่อการยึดถือ(ใด ๆ) มากขึ้น ความสุขจะลดลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน
เมื่อความสุขมากขึ้น การยึดถือจะลดลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน

ชุดที่สาม
เมื่อตัวตนใหญ่ขึ้น ๆ ควมสุขจะลดลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน
เมื่อความสุขใหญ่ขึ้น ตัวตนจะเล้กลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน

ชุดที่สี
เมื่อเพ่งโทษผู้อื่นมากขึ้น ความสุขจะลดลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน
เมื่อความสุขมากขึ้น การเพ่งโทษผู้อื่นจะลดลงเป็นปฏิภาคผกผันกัน

ชุดที่ห้า
เมื่อการปล่อยวางมากขึ้น ความสุขจะมากขึ้น ผันแปรตามกัน
เมื่อความสุขมากขึ้น การปล่อยวางจะมากขึ้น ผันแปรตามกัน

ชุดที่หก
เมื่ออิสรภาพทางใจมากขึ้น ความสุขจะมากขึ้น ผันแปรตามกัน
เมื่อความสุขมากขึ้น อิสรภาพทางใจจะมากขึ้น ผันแปรตามกัน

ชุดที่เจ็ด
เมื่อสมาธิมากขึ้น ความสุขจะมากขึ้นผันแปรตามกัน
เมื่อความสุขมากขึ้น สมาธิจะมากขึ้นผันแปรตามกัน

ชุดที่แปด
เมื่อธรรมปัญญามากขึ้น ความสุขจะมากขึ้น ผันแปรตามกัน
เมื่อความสุขมากขึ้น ธรรมปัญญาจะมากขึ้น ผันแปรตามกัน

ชุดที่เก้า
เมื่อความบริสุทธิ์มากขึ้น ความสุขจะมากขึ้น ผันแปรตามกัน
เมื่อความสุขมากขึ้น ความบริสุทธิ์จะมากขึ้น ผันแปรตามกัน

โดยสรุป

จะเห็นได้ว่าความสุขเป็นธรรมชาตหลายชั้น มีหลายระดับแต่ไม่ซับซ้อน
หากยิ่งพยายามทำให้ซับซ้อนมากเรื่อง จะยิ่งห่างไกลความสุขแท้
อย่างไรก็ตาม ความสุขเป็นสิ่งที่สร้างได้ รักษาได้ พัฒนาได้
หรืออยากทำลายก็ทำลายได้ เช่นเดียวกับธรรมชาติอื่น ๆ

อย่างไรก็ดี การละเล่นกับความสุขเป็นกิจกรรมที่คุ้มค่าที่สุดของชีวิต
มนุษย์จำนวนมากแม้ปรารถนาความสุขแต่ก็มัวเล่นอยู่กับความทุกข์
เลยไม่สมปรารถนาสักที
ดังนั้นเมือทราบศาสตร์แห่งความสุขดังนี้แล้ว
ใครใคร่สร้าง สร้าง
ใครใคร่รักษา รักษา
ใครใคร่ทำลาย ทำ
ใครใคร่จัดสัมพันธภาพต่าง ๆ อย่างไร ในสัดส่วนไหน เชิญตามอัธยาศัยเถิด
แต่พึงจำไว้เสมอว่า
"เป็นอะไรไม่สำคัญเท่าเป็นสุข"

ไชย ณ พล

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


แก้ไขล่าสุดโดย kokorado เมื่อ 19 ธ.ค. 2009, 13:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร