ขึ้นอยู่กับจิตคิดจะให้จ๊ะ
ว่าประทับใจ ซึ่งใจ รู้สึกกับอันไหนแรงกว่ากัน

แต่ตามคัมภีร์ท่านยกให้ว่าสังฆทานมีดีกว่า
เพราะเป็นการทำให้กับสงฆ์ส่วนรวม (ตักบาตรนี้เป็นส่วนตัว คือให้เฉพาะคนที่ตักบาตร)

แต่แม้ว่าสังฆทานจะมีผลมากกว่า แต่ถ้าให้แบบโง่ๆ แบบไม่มีความตั้งใจ
ตอนให้ก็มัวแต่พะวงว่าขออะไร หันหน้าถูกมุมกล้องหรือยัง คนจะเห็นเราไหม
หลังให้ก็ยังมาสงสัยอีกว่าทำแล้วบุญมีจริงหรือ ได้เยอะจริงหรือ

ก่อนให้ ระหว่างให้ หลังให้ หาดีไม่ได้เลย
อันนี้ก็ไม่ได้บุญอะไรมาสู่ใจ ไม่ประทับใจ ไม่รู้ แป๊บๆก็ลืม
กรณีนี้ ถึงไม่ได้บุญมากนัก
แต่ทานที่ให้แล้วก็ยังนับว่ามีผล คือยังไงก็ได้รับผลจากทานแน่นอน
แยกกันนะ ผลบุญกับผลทานนั้น โดยละเอียดแล้วมันแยกกัน


แหม แต่คุณบัวไฉนหัวใสนะเนียะ



ไม่มีกรรม คือไม่มีจิต
จิตเป็นฐานของกรรม เป็นต้นกำเนิดของกรรมทั้งปวง
ไม่มีจิต จะเกิดได้อย่างไร
ก้อนหินไม่มีจิต ก้อนหินไม่มีทั้งบุญทั้งบาป

ต้องถามอย่างนี้ว่า ถ้าถามว่าไม่มีบุญไม่มีบาป จะมาเกิดได้ไหม
ตอบว่าไม่มีบุญไม่มีบาปก็ไม่มาเวียนว่ายอีก
เพราะที่เวียนว่ายนั้น เวียนว่ายเพราะแรงบุญแรงบาป

ผมชอบเด็กถามแบบนี้นะ ตรงๆ ง่ายๆ ซื่อๆ
แล้วถ้าตอบเขาได้ดี ได้เคลียร์ ต่อไปภายหน้า
คนพวกนี้จะเป็นพวกที่พระศาสนาพึ่งได้ คือมีปัญญา ช่างสงสัย

แต่ถ้าไปบอกว่า ถามอย่างนี้ลบหลู่ บาป ไม่ดี อะไรทำนองนี้
ผมว่านี่แหละยิ่งผลักเด็กๆออกไปจากศาสนา เขาก็จะยิ่งมองว่าเรานี้เลอะเทอะ
ลับๆล่อๆ ไม่มีเหตุผล

สมัยนี้ผมไปพูดกับใครว่าผมสนใจศาสนานะ คนเขาจะทำหน้าแบบเหมือนจะถามผมว่า
"เป็นอะไรมากมั๊ยนาย"
เนียะ ค่านิยมเป็นอย่างนี้ เพราะเราไปห้ามเด็กถาม ห้ามคนสงสัย

แต่ประเภทถามหาเรื่อง ถามหาช่องมาทะเลาะด้วย
อันนั้นอย่าไปพูดด้วยเลย เสียเวลา

ธรรมะสวัสดี ท่าน "ชาติสยาม"

ไม่เสียแรงเป็น แควนเก่ากัน จริงๆ (ติดตามการตอบปัญหามาตลอด)
คำตอบของคุณ ช่วยเปิดปัญญาได้มาก ทำให้ข้าพเจ้าได้แนวคิด
ที่จะนำไปตอบเด็กข้างบ้านได้

ไชๆๆโยๆๆ... เด็กฉลาด ชาติ(จะ)เจริญ

เชื่อเถอะค่ะ มนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม
ทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว

ตอบข้อ1
สังฆทาน](มีพระสงฆ์รับตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป)มีอานิสงฆ์มากกว่าครับ

การที่เราซื้อถังสีเหลืองที่มีของอุปโภค บริโภค บรรจุอยู่แล้วหิ้วไปประเคนให้กับพระสงฆ์ตามกุฏิ นั่นไม่เป็นสังฆทานครับ เป็นเพียงบุคลิกทาน ไม่ต่างกันกับการใส่บาตร

ตอบข้อ2
คนไม่มีกรรม ก็ไม่มีปัจจัยในการเกิด เพราะการเกิดนั้นเป็นกฏแห่งกรรม เมื่อไม่มีกรรม กฏแห่งกรรมก็ไม่รู้จะไปใช้ที่ไหน เพราะไม่มีกรรมให้ใช้ ดังนี้แล้ว คนไม่มีกรรมจึงไม่มีเกิดอีกต่อไป

....อาจจะมีคำถามตามมาได้ว่า ถ้าคนที่ไม่มีกรรมต้องการจะมาเกิดได้ไหม....
คำตอบก็คือ ความต้องการนั้นแล คือกรรม ดังคำกล่าวที่ว่า "เจตนา คือ กรรม"

ขอตอบตามประสาคนไม่มี "วิบากกรรม" แต่มีกรรมค่ะ

จุฬาภินันท์ไม่มีวิบากกรรมแล้ว เพราะชดใช้มาหลายชาติเหลือเกิน แต่ยังมีกรรมผูกติดกับใครก็ยังไม่รู้ ต้องรอปฏิบัติไปเรื่อยๆก่อน คงรู้ซักวัน จุฬาภินันท์ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ รู้แต่ตอนนี้ ทำบุญ ทำดี ลดกรรมอื่นๆที่จะเกิดขึ้นในชาตินี้

อยากไปนิพพานน่ะค่ะ ไม่ได้เพ้อนะคะ อยากไปจริงๆเพราะรู้และเข้าใจสภาวะที่เรียกว่านิพพานค่ะ สุดยอดจริงๆ ประเสริฐเหนือสิ่งใดทั้งหมด

คนสมัยนี้หันหน้าเข้าหาธรรมะเพราะมีปัญหา อยากมีอะไรเป็นตัวยึดว่าเราสงบใจเพราะธรรมะนะ ซึ่งที่แท้เราไม่ได้สงบ ธรรมะลึกซึ้งค่ะ แต่ก็ไม่เกินปัญญาคนเราจะเข้าถึง อย่ายึดติดกับภาษาบาลี ยึดติดกับการปฏิบัติตาม ศีล สมาธิ ปัญญา ดีกว่าเป็นไหนๆ

เพราะจุฬาภินันท์ยึดติดกับการปฏิบัติ วันนี้เลยได้ปัญญามามากพอสมควรค่ะ แล้วก็ไม่สนใจว่ามากยังไง จะมากอีกเท่าไหร่ สนแต่เพียรทำไปเรื่อยๆน่ะค่ะ

เพราะธรรมะมหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ เลยอยากให้เราๆปฏิบัติน่ะค่ะ

คุณ chulapinan

ชอบประโยคนี้ของคุณจัง

" เพราะธรรมะมหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ เลยอยากให้เราๆปฏิบัติน่ะค่ะ "

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะจ๊ะ

จาก..สหายธรรมของคุณ