วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 06:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 102 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share

สมควรลบกระทู้นี้ไม่?
สมควรลบ 25%  25%  [ 2 ]
ไม่สมควรลบ 25%  25%  [ 2 ]
งดออกเสียง 50%  50%  [ 4 ]
โหวตทั้งหมด : 8
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
เฉลยให้ว่า

บ้าทุกคน ไม่ต้องแย่งกัน


ทำไมล่ะ?
เพราะ"เรา"ทุกคน ก็เป็นพวกสัญญาวิปลาส

หรือไม่จริงจ๊ะ


ขยายความหมาย สัญญาวิปลาสให้หน่อยดิขอรับ ยังไงสัญญาวิปลาส :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2004, 19:48
โพสต์: 1732

ชื่อเล่น: admin
อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


maw เขียน:
:b8:ไม่ทราบว่า K. ๆ ทั้งหลายโพสต์เรื่องอะไรกันล่ะ ข้าพเจ้ามีความรู้น้อยไม่เข้าใจว่า เดี๋ยวนี้ลานสนทนา :b7: เขามีการโพสต์อย่างนี้กันด้วยหรอ ผู้ดูแลบอร์ดช่วยอธิบายหน่อยซิค่ะ


มีอะไรหรอกคุณ maw เป็นแค่กระทู้ทดสอบภูมิธรรมของสมาชิกในบอร์ดเท่านั้นเอง

ที่จริงแล้วกระทู้นี้ได้ไปอยู่ในถังขยะตั้งแต่ 2 วันแรกที่โพสแล้ว (ถ้าจำไม่ผิด)
โดยผู้ดูแลบอร์ด ไม่ทราบว่าท่านนำไปทิ้งไว้ พอดีว่าไปเจอก่อนกระทู้นี้จะโดนลบไป
อ่านข้อความในกระทู้แล้ว พิจารณาเห็นคนตั้งกระทู้มีเจตนาที่บริสุทธิ์
แต่อาจจะใช้คำเพื่อการสื่อความหมาย อาจจะไม่ชัดเจน
แต่ก็มีสมาชิกเข้าไปแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจ
จึงได้พิจารณาเห็นว่ากระทู้ดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์ได้
ไม่น่าจะลบทิ้งให้เสียประโยชน์ จิตของผู้โพสก็ไม่ตก หรือเสียกำลังใจ
จึงได้ทำการเก็บขึ้นมาอีก แต่ด้วยว่าหัวข้อกระทู้นั้นมีความเสี่ยงล่อแหลม
อาจจะนำให้ผู้ที่แสดงความคิดเห็นแตกประเด็นไปต่างๆ นานาได้

จึงต้องจัดกระทู้ดังกล่าวเป็นกระทู้ที่ต้องมีให้คำแนะนำ กับผู้อ่าน
หรือไม่ผู้อ่านต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสิน
และได้ทำการโพล เพื่อโหวตกระทู้ว่าสมควรลบหรือไม่ เป็นทางเลือกการตัดสินของผู้อ่าน

หลังจากนำกระทู้ดังกล่าวขึ้นมาแล้ว admin ก็ทำการติดตามกระทู้ดังกล่าวมาตลอด
พิจารณาเห็นว่าความคิดหลายๆ ท่านก็ดีสมควรอนุโมทนาสาธุด้วย :b8:
แต่ก็มีความคิดหลายๆ ความคิดที่ grin สมควร Onion_L

คิดว่าคำตอบทั้งหมดนี้จะให้ความกระจ่างกับคุณ maw และผู้ที่สงสัยนะครับ
admin

.....................................................
-- วิธีใช้บอร์ด --
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=22930
- สมาชิกใหม่แนะนำตัวที่นี่
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=29
- กฎกติกาบอร์ด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19110
- เครื่องมือผู้ดูแลบอร์ด -
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=23048
facebook ลานธรรมจักร
http://www.facebook.com/larndhammajak


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ขยายความหมาย สัญญาวิปลาสให้หน่อยดิขอรับ ยังไงสัญญาวิปลาส :b16:



แหม คุณพี่

ตัวเป็นเจ้าของ"สวนมะพร้าว"
ยังทำเรียกเราให้เอามะพร้าวไปขายสวนอีกแน่ะ

แต่เอาน่า เดี๋ยวหาว่าเราทำเลี่ยงไม่ตอบคำถาม

ขอตอบแบบความหมายตรงกันข้ามก็แล้วกันนะครับ
เอาเป็นว่า คนที่ไม่เป็น "สัญญาวิปลาส" ก็มีจำพวกเดียว
คือพระอรหันต์ขีนาสรพ มีสัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ จึงเรียกว่าสัญญาไม่วิปลาส

ที่เหลือนี่ สัญญาวิปลาสหมด

โอเคนะ จะต้องไปนั่งทางในแจกหวยต่อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 22:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f54802676.gif
f54802676.gif [ 16.55 KiB | เปิดดู 2720 ครั้ง ]
ชาติสยาม เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ขยายความหมาย สัญญาวิปลาสให้หน่อยดิขอรับ ยังไงสัญญาวิปลาส :b16:



แหม คุณพี่

ตัวเป็นเจ้าของ"สวนมะพร้าว"
ยังทำเรียกเราให้เอามะพร้าวไปขายสวนอีกแน่ะ

แต่เอาน่า เดี๋ยวหาว่าเราทำเลี่ยงไม่ตอบคำถาม

ขอตอบแบบความหมายตรงกันข้ามก็แล้วกันนะครับ
เอาเป็นว่า คนที่ไม่เป็น "สัญญาวิปลาส" ก็มีจำพวกเดียว
คือพระอรหันต์ขีนาสรพ มีสัมมาทิฏฐิบริบูรณ์ จึงเรียกว่าสัญญาไม่วิปลาส

ที่เหลือนี่ สัญญาวิปลาสหมด

โอเคนะ จะต้องไปนั่งทางในแจกหวยต่อ



:b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



อ่านแล้วงงๆ กับสิ่งที่คุณชาติสยามนำมากล่าว ตรงที่ว่า มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่

ไม่เป็นสัญญาวิปลาสน่ะค่ะ ...

แล้วถ้าจำไม่ผิดนะคะ คำว่าสติวิปลาสกับสัญญาวิปลาสนี่ ครูบาฯจะใช้กับผู้ปฏิบัติ

ในกรณีเข้าใจสภาวะผิดๆ แบบพวกหลงสภาวะอะไรประมาณนี้ค่ะ


คุณเข้าใจว่าคนธรรมดาๆแบบทั่วๆไปล้วนแต่มีสัญญาวิปลาสหรือคะ :b14:


สัญญาวิปลาส สัญญาคลาดเคลื่อน หมายรู้ผิดพลาดจากความเป็นจริง

เช่น คนตกใจเห็นเชือกเป็นงู กา และกวางป่า

มองหุ่นฟางสวมเสื้อกางเกงมีหม้อครอบ เห็นเป็นคนเฝ้านา

คนหลงทางเห็นทิศเหนือเป็นทิศใต้ เห็นทิศใต้เป็นทิศเหนือ

คนเห็นแสงไฟโฆษณากระพริบอยู่กับที่ เป็นไฟวิ่ง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 22:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

อ่านแล้วงงๆ กับสิ่งที่คุณชาติสยามนำมากล่าว ตรงที่ว่า มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่

ไม่เป็นสัญญาวิปลาสน่ะค่ะ ...

แล้วถ้าจำไม่ผิดนะคะ คำว่าสติวิปลาสกับสัญญาวิปลาสนี่ ครูบาฯจะใช้กับผู้ปฏิบัติ

ในกรณีเข้าใจสภาวะผิดๆ แบบพวกหลงสภาวะอะไรประมาณนี้ค่ะ


คุณเข้าใจว่าคนธรรมดาๆแบบทั่วๆไปล้วนแต่มีสัญญาวิปลาสหรือคะ :b14:


สัญญาวิปลาส สัญญาคลาดเคลื่อน หมายรู้ผิดพลาดจากความเป็นจริง

เช่น คนตกใจเห็นเชือกเป็นงู กา และกวางป่า

มองหุ่นฟางสวมเสื้อกางเกงมีหม้อครอบ เห็นเป็นคนเฝ้านา

คนหลงทางเห็นทิศเหนือเป็นทิศใต้ เห็นทิศใต้เป็นทิศเหนือ

คนเห็นแสงไฟโฆษณากระพริบอยู่กับที่ เป็นไฟวิ่ง


สัญญา ที่ว่า กายนี้เป็นของเรา ... ก็คือเห็นผิดจาก"ความจริง"
สัญญา ที่ว่า ใจนี้เป็นของเรา ...... ก้คือเห็นผิดจาก"ความจริง"
ความจริงคือกายนี้ใจนี้ ไม่ใช่ของเรา ไม่มีเราอยู่ในจักรวาล จึงจะเป็นสัมมาทิฏฐิ
เป็น"ความเห็น"ที่ "ตรงกับความจริง"

ดังนั้นผู้เห็นว่า กายนี้เป็นเรา ใจนี้เป็นเรา นี้สมบัติของเรา นี้ชื่อเสียงของเรา นี้ตำแหน่งของเรา
นี้คนไทย นี้ฝรั่ง นี้ชาย นี้หญิง นี้เลว นี้ดี ฯลฯ
ล้วนแล้วแต่"เห็นผิด"ไปจาก"ความจริง"
ดังนั้นทุกคนบนโลกก็สัญญาวิปลาสด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ
นอกจากผู้แจ้งอริยสัจ แจ้งในความจริงอันยิ่งยงว่าแม้กายก็ไม่ใช่เรา แม้จิตก็ไม่ใช่เรา
อันนี้ถึงเรียกว่าสัญญาปกติดี

โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ก็ยังมีสัญญาวิปลาสนะครับ
แม้จะมีปัญญาแจ้งในความจริงว่ากายนี้ไม่ใช่เรา แต่ยังเหลือความเห็นที่ว่าจิตนี้เป็นเรา
เมื่อไหร่แจ้งว่าจิตนี้ไม่ใช่เรา เมื่อนั้นสัญญาก็ปกติ คือรู้เห็นทุกสิ่งได้ตรงกับความจริง


เห็นผิดจากความจริง คือ วิปลาส
สัญญา ที่ว่า นี่คือเรา กายของเรา ใจของเรา ชื่อของเรา ของของเรา ทั้งหมดก็เป็นสัญญาที่วิปลาส

อย่างนี้พอใช้ได้ไหมครับ



ส่วนสติวิปลาส อันนี้เพิ่งได้ยินครั้งแรกน่ะครับ เลยไม่ทราบว่าโดยแท้จริงแล้ว
พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้ยังไง อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับผม
แต่ถ้าหมายถึงพวกขี้เหล้า เมาแล้วกร่าง เห็นช้างเท่ามด จะไปตีช้าง
อันนี้สงสัยต้องใช้คำว่าสติวิปลาสท่าจะได้นะครับ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ เฮ้อ... รับกันไปถ้วนหน้าเจ้าค่ะ Onion_L grin

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



รู้สึกว่า คุณบีวิช ค่อนข้างจะวิตกกังวลนะคะ :b1:

แต่ก็ชอบเข้ามาในกระทู้นี้ แสดงว่าส่วนดีจริงไหมคะ? :b32:

เวลาอ่าน .. คุณบีวิช ชอบอ่านไม่ละเอียดนะคะ อ่านข้ามๆรูปประโยคไป

เลยทำให้เข้าใจเนื้อหาในรูปประโยคนั้นแบบผิดๆ :b1:

ลองย้อนกลับไปอ่านดูใหม่นะคะ กับประโยคที่คุณตอบๆมาน่ะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:

โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ก็ยังมีสัญญาวิปลาสนะครับ
แม้จะมีปัญญาแจ้งในความจริงว่ากายนี้ไม่ใช่เรา แต่ยังเหลือความเห็นที่ว่าจิตนี้เป้นเรา
เมื่อไหร่แจ้งว่าจิตนี้ไม่ใช่เรา เมื่อนั้นสัญญาก็ปกติ คือรู้เห้นทุกสิ่งได้ตรงกับความจริง





รู้สึกว่าคุณชาติกำลังเข้าข่ายละเมิดอริยะแล้วนะคะ

คุณเป็นพระอรหันต์หรือคะ ถึงทราบวาระจิตของท่านเหล่านี้

ว่าท่านเข้าใจว่าอย่างไร ...


ถามคุณนะ คำถามง่ายๆ คุณว่า กายนี้เป็นของคุณใช่ไหมคะ?

จิตคุณนี้คุณว่าเป็นของคุณใช่ไหมคะ?

ถ้าคุณตอบว่าใช่ แสดงว่าคุณมีสัญญาวิปลาส ถูกใช่ไหมคะ?

ส่วนเราในฐานะคนธรรมดาๆนี่แหละ ตอบแบบง่ายๆเลยว่า

ไม่มีอะไรเป็นของเราเลยสักอย่างเดียว รวมทั้งกายและใจด้วย

เพราะถ้ามันเป็นของเราจริง เราต้องบังคับบัญชาให้มันทำตามคำสั่งหรือเป็นไปตามที่เราต้องการได้

นี่เราไปบังคับบงการอะไรมันไม่ได้เลย ...

ตอบแบบนี้เป็นคนมีสัญญาวิปลาสหรือเปล่าคะคุณชาติเจ้าขา :b14:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
[color=#0040FF]
รู้สึกว่าคุณชาติกำลังเข้าข่ายละเมิดอริยะแล้วนะคะ

คุณเป็นพระอรหันต์หรือคะ ถึงทราบวาระจิตของท่านเหล่านี้

ว่าท่านเข้าใจว่าอย่างไร ...


คุณแม่ครัวพลาดได้ยังไงนี่ครับ

สังโยชน์ 10

ข้อแรกชื่อ สักกายทิฐิ (ทิฐิว่ากายนี้เป็นเรา)
ละสักกายทิฐิได้ ก็โสดาบันไงครับ

พระโสดาับันละสักกายทิฐิได้ แต่ยังมีความเห็นผิดอยู่ว่าจิตนี้เป็นเรา
เพราะยังเหลือสังโยชน์อีก 9 ข้อที่ยังไม่ได้ตัด และที่ยังตัดไม่ขาด

ลองดุลำดับการตัดดังนี้ครับ
อ้างคำพูด:
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

[164] มรรค 4

1. โสดาปัตติมรรค (มรรคอันให้ถึงกระแสที่นำไปสู่พระนิพพานทีแรก, มรรคอันให้ถึงความเป็นพระโสดาบัน เป็นเหตุละสังโยชน์ได้ 3 คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส )

2. สกทาคามิมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระสกทาคามี เป็นเหตุละสังโยชน์ได้ 3 ข้อต้น กับทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง )

3. อนาคามิมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระอนาคามี เป็นเหตุละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ทั้ง 5 )

4. อรหัตตมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เป็นเหตุละสังโยชน์ได้หมดทั้ง 10).
http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=164



ทีนี้คำว่า "จิตนี้ก็ไม่ใช่เรา"

ถ้าจิตนี้เป็นเรา จิตก็เป็น"อัตตา"น่ะสิครับ
จิตเป็นอนัตตา ถึงไม่ใช่เรา ไม่มีเรา
หาว่าอะไรคือเรา หายังไงก็ไม่เจอ เพราะจิตเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนจริงๆของมันเอง



walaiporn เขียน:
ถามคุณนะ คำถามง่ายๆ คุณว่า กายนี้เป็นของคุณใช่ไหมคะ?

เป็นสิครับ ใครมาขอไตไปขายข้างนึงผมก็ไม่ยอม ใครมาขอแบ่งผมก็ไม่ให้
ใครจะมาจูบผม ถ้าผมไม่ชอบ ผมก็ไม่ยอม
ผมหวงของผม
อย่าว่าแต่ร่างกายผมเลย เงินในกระเป๋าใครมาขอก็ไม่ใช่ให้นะ ของผมหมด


walaiporn เขียน:
จิตคุณนี้คุณว่าเป็นของคุณใช่ไหมคะ?

แน่นอนครับ มันเป็นของผม ถ้าไม่ใช่ผมแล้วใครล่ะดีใจเสียใจอยู่ทุกวัน
มีคนมาชมชาติสยามดีอย่างนี้เก่งอย่างนี้ ... ถ้าไม่ใช่ผมแล้วใครล่ะที่ดีใจ
มีคนมาด่าชาติสยาม ชาตสยามไม่พอใจ ...ถ้าไม่ใช่ผมแล้วใครล่ะที่เสียใจ
ผมทั้งนั้น ใจนี้เป็นเราทั้งนั้น

walaiporn เขียน:
ถ้าคุณตอบว่าใช่ แสดงว่าคุณมีสัญญาวิปลาส ถูกใช่ไหมคะ?

ถูกครับ

walaiporn เขียน:
ส่วนเราในฐานะคนธรรมดาๆนี่แหละ ตอบแบบง่ายๆเลยว่า
ไม่มีอะไรเป็นของเราเลยสักอย่างเดียว รวมทั้งกายและใจด้วย

เราคิดไปได้ ว่าไม่ใช่ของเรา เราพูดได้ว่าไม่ใช่เรา
พูดไปตามปริยัติ ตามหลักการ ตามแผนที่

แต่ถามว่าเราได้มรรคทั้ง 4 แล้วหรือ
เราได้โสดาปัตติมรรคก่อน.. เราถึงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าว่า กายนี้ไม่ใช่เรา
เราได้อีก 3 มรรคที่เหลือ เราถึงพูดได้ว่า จิตนี้ไม่ใช่เรา

ถ้าเราพูดตอนที่เรายังไม่ได้มรรคอะไรเลย
ก้นับว่าเป็นสัญญาปริยัติ ไม่ใช่สัญญาในขั้นปฏิเวธ
เมื่อไปรู้ความจริงเห้นความจริง ก็เกิดเป็นสัญญาที่ถูกต้องใช่หรือไม่




walaiporn เขียน:
เพราะถ้ามันเป็นของเราจริง เราต้องบังคับบัญชาให้มันทำตามคำสั่งหรือเป็นไปตามที่เราต้องการได้
นี่เราไปบังคับบงการอะไรมันไม่ได้เลย ...

ได้สิครับ สังเกตุดีๆจะพบว่าเราบังคับอยู่ตลอดนั่นแหละั

อันที่บังคับไม่ได้ เช่นร่างกายเสื่อม ป่วย ... พระอรหันต์ก็บังคับไม่ได้เหมือนกัน
พระพุทธเจ้ายังต้องมีหมอ แล้วก็ต้องตายเหมือนกัน อันนี้ไม่มีใครบังคับ

แต่มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม .... ถ้าไม่ใช่"เรา"บังคับ ..แล้วใครบังคับ?
เราว่าเราบังคับใจตัวก็ไมไ่ด้ ... แล้วใครบังคับ?
มโนกรรม วจีกรรม และกายกรรมนี้... เกิดโดยปราศจากผู้บังคับหรือ
ถ้ามีผู้บังคับ ผู้นั้นคือใคร? ก็เรานี่แหละ ไม่ใช่ใคร

walaiporn เขียน:
ตอบแบบนี้เป็นคนมีสัญญาวิปลาสหรือเปล่าคะคุณชาติเจ้าขา :b14:

ไม่ต้องห่วง เราแก๊งเดียวกัน
แถมมีเพื่อนอีก 30 ภูมิ ....แก๊งสัญญาวิปลาสเหมือนกันหมด :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 03:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

รู้สึกว่า คุณบีวิช ค่อนข้างจะวิตกกังวลนะคะ :b1:

แต่ก็ชอบเข้ามาในกระทู้นี้ แสดงว่าส่วนดีจริงไหมคะ? :b32:

เวลาอ่าน .. คุณบีวิช ชอบอ่านไม่ละเอียดนะคะ อ่านข้ามๆรูปประโยคไป

เลยทำให้เข้าใจเนื้อหาในรูปประโนคนั้นแบบผิดๆ :b1:

ลองย้อนกลับไปอ่านดูใหม่นะคะ กับประโยคที่คุณตอบๆมาน่ะค่ะ

:b8: ขอบคุณค่ะคุณ walaiporn

เป็นจริงตามคุณบอกนั่นแหละค่ะ
อย่าเพิ่งถือสานะคะ เห็นว่ากำลังฮอตๆ อยู่ก็เลยแวะมาดู
รอว่าท่านเจ้าของกระทู้กลับมา คงจะเข้าเนื้อหากันกระมัง

ดิฉันแวะเข้ามาในกระทู้ต่างๆ เป็นเพียงสังเกตการณ์น่ะคะ
ไม่ใช่ผู้รู้อะไรหรอกค่ะ ยังไม่สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจอะไรได้
จากความเห็นต่างๆ ในกระทู้ ทั้งกระทู้นี้และกระทู้อื่นๆ
เพราะเห็นว่ามีทั้งความเห็นต่างและความเห็นแย้งเยอะแยะมากมาย
เนื่องจากดิฉันยังขาดหลักการที่ถูกต้องเป็นพื้นฐาน
อีกทั้งเพิ่งจะเทคคอร์สระดับอนุบาลกับอาจารย์กรัชกายเมื่อวานนี้เองค่ะ

ต้องขออโหสิกรรมต่อความเห็นที่ไม่เข้าท่าที่ได้แสดงไว้ ณ ที่ลานนี้นะคะ
ไม่มีเจตนาป่วนกระทู้ (จริงๆ ค่ะ)
เคยเรียนให้อาจารย์กรัชกายทราบครั้งหนึ่งว่าเห็นบัณฑิตถกกันแบบจริงจัง
แล้วก็อดเป็นห่วงสุขภาพ(หัว)ใจ ไม่ได้....จึงแวะมาคุยกับอาจารย์ให้ผ่อนคลาย
เท่านั้นเองค่ะ
:b44: ประโยชน์ที่ได้รับจากการสังเกตการณ์มาตลอดหลายๆ เดือน
เท่าที่อ่านๆ ดู คือผู้ปฏิบัติหลายท่านมีวิธี รักษาใจ ที่ยอดเยี่ยมแตกต่างกันไป
น่ายกย่องและเอาเป็นแบบอย่าง ดิฉันรู้สึกได้เองว่า น่าจะเป็นผู้ที่รักษาศีลโดยเคร่งครัด
เป็นระยะเวลานานพอสมควร จึงระมัดระวังกายใจและวาจาได้ดีขนาดนี้ :b44:

เป็นเพียงความเห็นของผู้ไม่รู้ (เริ่มเรียน) :b8:
แต่ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่นี่ในการจรรโลงพระพุทธศาสนาค่ะ

อ้างคำพูด:
ก็มีความคิดหลายๆ ความคิดที่ grin สมควร Onion_L


อย่างน้อยที่สุดความคิดหนึ่งที่สมควรจะได้รับ Onion_L คนแรกหรือคนเดียวนี่น่าจะเป็นดิฉันเอง :b10: :b14: :b5:
ขออนุโมทนาสาธุค่ะ :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แก้ไขล่าสุดโดย Bwitch เมื่อ 03 ส.ค. 2009, 03:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 03:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:


สังโยชน์ 10

ข้อแรกชื่อ สักกายทิฐิ (ทิฐิว่ากายนี้เป็นเรา)
ละสักกายทิฐิได้ ก็โสดาบันไงครับ

พระโสดาับันละสักกายทิฐิได้ แต่ยังมีความเห็นผิดอยู่ว่าจิตนี้เป็นเรา
เพราะยังเหลือสังโยชน์อีก 9 ข้อที่ยังไม่ได้ตัด และที่ยังตัดไม่ขาด

ลองดุลำดับการตัดดังนี้ครับ
อ้างคำพูด:
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

[164] มรรค 4

1. โสดาปัตติมรรค (มรรคอันให้ถึงกระแสที่นำไปสู่พระนิพพานทีแรก, มรรคอันให้ถึงความเป็นพระโสดาบัน เป็นเหตุละสังโยชน์ได้ 3 คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส )

2. สกทาคามิมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระสกทาคามี เป็นเหตุละสังโยชน์ได้ 3 ข้อต้น กับทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง )

3. อนาคามิมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระอนาคามี เป็นเหตุละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ทั้ง 5 )

4. อรหัตตมรรค (มรรคอันให้ถึงความเป็นพระอรหันต์ เป็นเหตุละสังโยชน์ได้หมดทั้ง 10).
http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=164


walaiporn เขียน:
ตอบแบบนี้เป็นคนมีสัญญาวิปลาสหรือเปล่าคะคุณชาติเจ้าขา :b14:

ไม่ต้องห่วง เราแก๊งเดียวกัน
แถมมีเพื่อนอีก 30 ภูมิ ....แก๊งสัญญาวิปลาสเหมือนกันหมด :b32:




อ่านยังไงๆก็ยังหาไม่เจอกับคำว่า พระโสดาับันละสักกายทิฐิได้ แต่ยังมีความเห็นผิดอยู่ว่าจิตนี้เป็นเรา :b1:

เอาเถอะ .. ต่างคนต่างก็มีครูบาฯกัน ..

ถกไปก็เท่านั้น ... ถ้าเรานำคำกล่าวของครูบาฯมาโพส ก็จะมีปัญหาอีก

เอาเป็นว่าใครจะว่าเหล่าอริยะยังไงก็แล้วแต่ละกันค่ะ

จริงเท็จยังไงก็ไม่รู้ นี่ก็แค่ตัวหนังสือ หาใช่กล่าวโดยสภาวะที่แท้จริงไม่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 03:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Bwitch เขียน:

:b8: ขอบคุณค่ะคุณ walaiporn

เป็นจริงตามคุณบอกนั่นแหละค่ะ
อย่าเพิ่งถือสานะคะ เห็นว่ากำลังฮอตๆ อยู่ก็เลยแวะมาดู
รอว่าท่านเจ้าของกระทู้กลับมา คงจะเข้าเนื้อหากันกระมัง

ดิฉันแวะเข้ามาในกระทู้ต่างๆ เป็นเพียงสังเกตการณ์น่ะคะ
ไม่ใช่ผู้รู้อะไรหรอกค่ะ ยังไม่สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจอะไรได้
จากความเห็นต่างๆ ในกระทู้ ทั้งกระทู้นี้และกระทู้อื่นๆ
เพราะเห็นว่ามีทั้งความเห็นต่างและความเห็นแย้งเยอะแยะมากมาย
เนื่องจากดิฉันยังขาดหลักการที่ถูกต้องเป็นพื้นฐาน
อีกทั้งเพิ่งจะเทคคอร์สระดับอนุบาลกับอาจารย์กรัชกายเมื่อวานนี้เองค่ะ

ต้องขออโหสิกรรมต่อความเห็นที่ไม่เข้าท่าที่ได้แสดงไว้ ณ ที่ลานนี้นะคะ
ไม่มีเจตนาป่วนกระทู้ (จริงๆ ค่ะ)
เคยเรียนให้อาจารย์กรัชกายทราบครั้งหนึ่งว่าเห็นบัณฑิตถกกันแบบจริงจัง
แล้วก็อดเป็นห่วงสุขภาพ(หัว)ใจ ไม่ได้....จึงแวะมาคุยกับอาจารย์ให้ผ่อนคลาย
เท่านั้นเองค่ะ

เป็นเพียงความเห็นของผู้ไม่รู้ (เริ่มเรียน) :b8:
แต่ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่นี่ในการจรรโลงพระพุทธศาสนาค่ะ

อ้างคำพูด:
ก็มีความคิดหลายๆ ความคิดที่ grin สมควร Onion_L


อย่างน้อยที่สุดความคิดหนึ่งที่สมควรจะได้รับ Onion_L คนแรกหรือคนเดียวนี่น่าจะเป็นดิฉันเอง :b10: :b14: :b5:
ขออนุโมทนาสาธุค่ะ :b8:




คุณบีวิชเป็นคนค่อนข้างจะคิดมากนะคะ

ในลานนี้ทุกคนมีสิทธิ์แสดงข้อคิดเห็นเท่าเทียมกันค่ะ

ที่ติงคุณไปนั้น ไม่ได้มีเจตนาจะว่ากล่าวอะไรทำนองนั้น

เพียงชี้ให้เห็นบางจุดที่คุณมองพลาดไป

เราเองไม่ใช่ผู้รู้อะไรมากมาย แต่ก็ชอบแสวงหาความรู้เหมือนคนอื่นๆ

รู้ไม๊ ... จริงๆแล้ว เราไม่ค่อยจะชอบพูดคุยกับผู้หญิงเท่าไหร่นัก

เพราะผู้หญิงนี่แตะนิดแตะหน่อยไม่ค่อยจะได้ ..

กลายเป็นว่าเราไปรังแกผู้หญิงทุกที ทั้งๆที่เราเองก็เป็นผู้หญิง :b9:

ใครติงเรามา เราย้อนกลับไปดูหมด ใครพูดอะไรมา เรารับฟังหมด

คุยกับผู้ชายดีอย่าง เขาพูดตรงๆ มีอะไรพูดกันตรงๆ

เราไม่ต้องมานั่งระวังคำพูด ตบแต่งเพื่อให้มันดูดี

อันนี้ไม่ได้ว่าใครนะคะ เดี๋ยวจะไปกระเทือนกันอีก

แล้วเราก็ค่อนข้างจะได้ความรู้ตรงนี้กลับคืนมามากพอสมควร

คุณโพสข้อความมา เราอ่านแล้ว บอกตามตรง เราสะอึก

นี่ช้านกำลังรังแกผู้หญิงอีกแล้วหรือนี่

แค่ความปรารถนาดี เพื่อชี้ให้เห็นว่าเขาพลาดอะไรไป

เอาเป็นว่า ต่อไปเราจะไม่ไปชี้อะไรให้คุณดูอีก คุณจะโพสอะไรก็เรื่องของคุณค่ะ

เราขออภัยคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ :b8:

ตามสบายค่ะคุณผู้หญิง :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 07:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
รักยาวให้ต่อ รักสั้นให้ตัด
เราสองคนเคยสร้างเหตุที่ไม่ดีมาต่อกันอย่างแน่นอน ผลจึงเป็นเช่นนี้
ดับให้ดับที่เหตุ เหตุคือ ปัจจุบัน ดับที่ปัจจุบัน
เอาเป็นว่า เราไม่ต้องการที่จะสร้างเหตุร่วมกับคุณอีกต่อไป

ส่วนคุณยังอยากสร้างต่อไปนั่นเรื่องของคุณ เราอโหสิกรรมให้
เพราะเราเชื่อว่า กรรมอันใดก็แล้วแต่ ผู้ใดทำ ผู้นั้นรับ
เราไม่ก่อต่อซะอย่าง ผลย่อมไม่มีกับเรา ใครคิดทำต่อ คนนั้นรับไป
walaiporn


โอ! อดนอนเก่งจริงๆ นะฉาวๆ :b30:

ก่อนหน้า คุณวลัยพรว่าตัวเองกับกรัชกายเคยสร้างเหตุไม่ดีต่อกันมาแน่นอน จึงมีผลเช่นนี้ๆ
แต่ เอ...
คห. ท้ายๆนั่นเหมือนว่า น่าจะเคยสร้างเหตุไม่ดีกับใครมาอีกคับ :b16: :b12:
อดีตชาติบ้านคงอยู่ชุมชนหลังคาบ้านติดกันกำแพงบ้านก็ติดกันแน่ๆ

รักยาวให้ปั่น :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
รักยาวให้ต่อ รักสั้นให้ตัด
เราสองคนเคยสร้างเหตุที่ไม่ดีมาต่อกันอย่างแน่นอน ผลจึงเป็นเช่นนี้
ดับให้ดับที่เหตุ เหตุคือ ปัจจุบัน ดับที่ปัจจุบัน
เอาเป็นว่า เราไม่ต้องการที่จะสร้างเหตุร่วมกับคุณอีกต่อไป

ส่วนคุณยังอยากสร้างต่อไปนั่นเรื่องของคุณ เราอโหสิกรรมให้
เพราะเราเชื่อว่า กรรมอันใดก็แล้วแต่ ผู้ใดทำ ผู้นั้นรับ
เราไม่ก่อต่อซะอย่าง ผลย่อมไม่มีกับเรา ใครคิดทำต่อ คนนั้นรับไป
walaiporn


โอ! อดนอนเก่งจริงๆ นะฉาวๆ :b30:

ก่อนหน้า คุณวลัยพรว่าตัวเองกับกรัชกายเคยสร้างเหตุไม่ดีต่อกันมาแน่นอน จึงมีผลเช่นนี้ๆ
แต่ เอ...
คห. ท้ายๆนั่นเหมือนว่า น่าจะเคยสร้างเหตุไม่ดีกับใครมาอีกคับ :b16: :b12:
อดีตชาติบ้านคงอยู่ชุมชนหลังคาบ้านติดกันกำแพงบ้านก็ติดกันแน่ๆ

รักยาวให้ปั่น :b32:




หรือคะ ... จำไม่ได้เลยหรือคะว่าบ้านเราสองคนน่ะหลังคามันเกยกัน :b32:

อย่ามาแหย่เรื่องผู้หญิงหน่อยเลย :b1:

อ้อ .. ลูกศิษย์คุณนี่ เขาเข้ามาให้กำลังใจคุณ :b24:

เคยเรียนให้อาจารย์กรัชกายทราบครั้งหนึ่งว่าเห็นบัณฑิตถกกันแบบจริงจัง
แล้วก็อดเป็นห่วงสุขภาพ(หัว)ใจ ไม่ได้....จึงแวะมาคุยกับอาจารย์ให้ผ่อนคลาย
เท่านั้นเองค่ะ


อ่านแล้วรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจจะตายไป จริงมั๊ยจ๊านนน :b9:

หัวใจอ่อนแอหรือคะจ๊าน !!!!!!!!! :b32:

ลืมบอกคุณบีวิชไปว่า เขารู้จักคุณน้อยเกินไป

จริงมั๊ยคะคุณกรัชกาย :b28:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 102 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 96 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร