วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 23:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 01:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
ผมอธิบายตามความเข้าใจส่วนตัวนะครับ คุณ moddam
ส่วนจะผิดหรือจะถูกนั้น ให้คุณอย่าเพิ่ง มาคิดว่าตามผม หรือเชื่อผม
ผมแค่เพิ่มแง่มุมการตีความซึ่งผมเข้าใจอย่างนี้ หากมีท่านอื่นเขาเข้าใจอย่างอื่น
ก็จะได้มี สักหลายๆแง่ ให้คุณมอง


คำว่าสังขาร ในปฏิจจสมุปบาท ถ้าว่ากันตามคำตรัสจากพระโอษถ์โดยตรงของ
พระพุทธเจ้า ท่านให้ความหมายไว้ว่า

กายสังขาร คือลมปรุงแต่งกาย
วจีสังขาร คือ วิตก วิจารณ์
จิตสังขาร คือ สัญญา เวทนา เจตนา ผัสสะ มนสิการ

ความเข้าใจของผม ถ้าไม่มีลมหายใจปรุงแต่งกาย กายก็ดับ
ถ้าไม่มี วจีสังขาร ความคิดก็ดับ
ถ้าไม่มี จิตตสังขาร สัญญา เวทนาก็ดับ

ถ้ารูปดับ ความคิดดับ ความจำดับ ความรู้สึกดับ
วิญญาณรู้ ก็จะไม่มี อารมณ์เป็นที่ตั้ง ดังนั้น วิญญาณก็จะดับพร้อมไปด้วย

ที่คุณว่า ถ้า รูปดับ แล้วเหลือแต่นาม วิญญาณยังจะคงมีอยู่อันนี้ย่อมถูกต้อง

ลองสังเกตุตัวรู้ให้ดี จะพบว่า ตัวรู้ จะมีได้ ก็เมื่อมีสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้น
ถ้าปราศจากสิ่งถูกรู้ ตัวรู้ก็จะไม่มี เช่น

เมื่อคิด ก็มีรู้คิด เมื่อรู้สึก ก็มีรู้รู้สึก เมื่อมีจำ ก็มีรู้ต่อความจำ
เมื่อรูปทางตาทำหน้าที่ ก็รู้ทางตา เสียงมาทางหู ก็รู้ทางหู
เมื่อความรู้สึกของร่างกายเกิด ก็รู้ความรู้สึกของกาย

วิญญาณรู้ เกิดโดยอาศัยรูปขันธ์ ได้5 ทางคือ ตาหูจมูกลิ้นกาย
และอาศัย กิริยาของทุกเจตสิก ในภายในเป็นที่อาศัย

อย่างคนเข้าฌาณ ถึงระดับหนึ่ง ความระงับของลม ทำให้จิตตัดขาดจาก
ตาหูจมูกลิ้นกาย วิญญาณจะไม่ตั้งอยู่ที่ รูป แต่จะไปตั้งอยู่ที่เจตสิก
ของมันเอง ซึ่งก็คืออารมณ์ธรรมภายในใจล้วนๆ เช่นหากจิตยังหยาบ
มันก็ยังมีความคิดเป็นที่ตั้ง

สมาธิสูงขึ้น วิตกวิจารดับ ความคิดก็ดับ เมื่อไม่มีความคิด
ตัวรู้ก็จะตั้งอยู่กับองค์ธรรมอื่นที่ยังเหลือคือ สัญญา เวทนา

สมาธิสูงไปอีก สัญญาก็เริ่มเหลือน้อยลง ตัวรู้ก็ยังคงอยู่
โดยตั้งอาศัยบนสัญญาที่เหลือน้อยนั้น

จนถึงที่สุดของสมาธิ คือ สัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญา เวทนา
เจตนา ผัสสะ มนสิการ ก็ถึงความดับลง ระงับลงโดยสนิท

จิตในขณะนี้ จึงไม่มีทั้ง ตาหูจมูกลิ้นกาย ของรูปขันธ์เป็นที่ตั้ง
ไม่มีความคิด จาก วิตกวิจารณ์ มาเป็นที่ตั้ง
ไม่มีสัญญา เวทนา เจตนาผัสสมนสิการ ซึ่งก็คือจิตสังขารเหลืออยู่สำหรับเป็นที่ตั้ง

เมื่อไม่มีรูปเพราะลมระงับ
ไม่มีความคิด เพราะ วิตกวิจารณ์ระงับ
ไม่มี สัญญา เวทนา เพราะจิตสังขารระงับ

ภาวะนี้จึงคือ สัญญาเวทยิตนิโรธ หรือ ความระงับโดยสนิทของสังขาร3
เป็นทั้งความดับของนามรูป และเป็นความดับของวิญญาณ6 และเป็นนิพพานดิบ

เมื่อมีรูป วิญญาณก็ยังอาศัยรูปเป็นที่เกิดได้
ถ้าไม่มีรูป มันก็มาอาศัย ความคิด เป็นที่ตั้งอยู่ได้
ถ้าไม่มีความคิด มันก็มาอาศัยสัญญา เวทนา เป็นที่ตั้งได้

ถ้าไม่มี ทั้งรูป คือกายแตกดับ ประสาทดับ สิ้นลมลงไป
ถ้าจิตยังมี สัญญา เวทนา มีความคิด อยู่ วิญญาณขันธ์ก็ยังจะคงอยู่
โดยอาศัยอาการของนามที่เหลือเป็นที่ตั้ง โดยไม่ต้องอาศัยรูปขันธ์อีก
เช่น โอปาติกะ ทั้งหลาย ที่สังขารทั้ง3 ดับลงไม่สนิท

เมื่อคนตาย กายสังขารจะดับไป แต่ หากยังไม่สิ้นอุปาทาน
จิตสังขาร และวจีสังขาร ก็จะยังไม่ดับไปและคงอยู่เช่นเมื่อยังไม่ตาย
เรียกการตายอย่างนี้ว่า ตายไม่สนิท สังขารดับไม่สนิท ยังคงความเป็น
คงความเป็นภพเอาไว้อยู่ เพราะผู้ที่จะสนิทได้มีเพียง ผู้ที่ปรินิพพานเท่านั้น

เมื่อสังขารทั้ง3 ยังมีส่วนเหลืออยู่ วิญญาณก็จะอาศัยส่วนที่เหลือนั้น
เป็นที่เกิด และหล่อเลี้ยงตัวมันเอาไว้ ไม่ให้ดับสนิทไป


สรุปว่า ถ้ายังมีสังขาร แม้เพียงอย่างใดอย่างเดียว วิญญาณก็ยังคงอยู่

ถ้าสังขารทั้ง3 ดับสนิท วิญญาณก็ดับ และนั่นก็คือนิพพานทันที

ในภาวะที่สังขาร3ดับ วิญญาณ6ดับ ภาวะอันเดียวกันนี้ ก็คือสภาพ
ความดับลงของนามรูปด้วยในที่เดียวกัน


ผมรู้สึกไม่สามารถอธิบายได้อย่างใจ รู้สึกว่ายาก และขอให้ท่าน
ที่รับทราบข้อมูล โปรดเข้าใจด้วยว่า นี่เป็นแค่การตีความตามความคิดส่วนตัวของผม
ท่านอย่าเพิ่งมาเชื่อตามผม ผมแค่เข้าใจของผมอย่างนี้ ก็เท่านี้เองครับ

ขออภัยด้วยครับถ้ามันวกไปวนมามากไปหน่อย และอาจจะแหกคอกไปบ้าง

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:





อิอิ ...ชอบๆๆๆ :b32:

คือแบบว่าเข้าใจ .. แต่ให้พูดเองพูดไม่เป็นค่ะ :b9:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 01:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ
แล้วถ้าคนที่ตายเพราะอุบัติเหตุ จะปรินิิพานได้ไหมอ่ะคับ
แบบว่าสงสัย ถ้ามาเข้านิิพานไม่ทัน


แต่สังเกตุคำนึง "ดับขันธ์ปรินิิพาน"

หมายความว่าจะนิพพานได้ ต้องมีการดับขันธ์ต่างๆลงเสียก่อน
มั๊ง ยังไง

อุ๊บลืม

ผมตั้งใจว่าจะไปวิเคราะห์วิจัยเรื่องที่ยังไม่มีสมรรถนะจะไปเข้าใจ
แต่โพสต์แล้วก็กลัว

อะ โพสต์เลยละกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
เอ
แล้วถ้าคนที่ตายเพราะอุบัติเหตุ จะปรินิิพานได้ไหมอ่ะคับ
แบบว่าสงสัย ถ้ามาเข้านิิพานไม่ทัน


แต่สังเกตุคำนึง "ดับขันธ์ปรินิิพาน"

หมายความว่าจะนิพพานได้ ต้องมีการดับขันธ์ต่างๆลงเสียก่อน
มั๊ง ยังไง

อุ๊บลืม

ผมตั้งใจว่าจะไปวิเคราะห์วิจัยเรื่องที่ยังไม่มีสมรรถนะจะไปเข้าใจ
แต่โพสต์แล้วก็กลัว

อะ โพสต์เลยละกัน



มีเรื่องในสมัยพุทธกาลนะคะ

แต่ขี้เกียจพิมพ์อ่ะ มันยาว ... คือพระพุทธเจ้าทรงเล็งพระญาณว่ามีใครที่พระองค์จะทรงโปรดได้

ก็ให้เห็นชายผู้ยากไร้คนหนึ่ง ที่พระองค์จะทรงโปรดได้

พระองค์ทรงเสด็จไปที่บ้านหลังนั้น ทำทีไปขอพัก แต่เจ้าของบ้านบอกว่า

มีคนพักอยู่แล้ว พระองค์จะพักรวมกับเขาได้ไหม ( เจ้าของบ้านก็ไม่รู้จักว่านี่คือพระพุทธเจ้า )

แล้วพระองค์ก็ทรงพักร่วมกับคนเข็ญใจ แล้วทรงสนทนาด้วย

คือว่า ท่านนี้ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วสำเร็จอรหันต์

ทีนี้ท่านไม่มีจีวรกับบาตหรือไงเนี่ยแหละค่ะ

ท่านไปวิ่งหา สุดท้ายโดนวัวขวิดตาย ..

แต่ทานก็ไปนิพพานนะคะ

เรื่องมันยาวจริงๆค่ะ ไล่ไปตั้งแต่ชายคนนี้สำเร็จโสดา สกทาคา อนาคา จนถึงอรหันต์

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
โดยยังมีตัวรู้ แต่เป็นตัวรู้ที่ไม่มีการปรุงแต่ง และไม่มีคลองแห่ง
กิริยาทั้งปวง เป็นรู้ที่ทรงอยู่บนความดับ ความหยุด ความระงับ บนการเพิกถอน
ถ้อยคำ และเจตนาของจิต เหมือนจิตที่กำลังพ้นจากการเป็นจิต

ความรู้ที่อาจดูแปลกๆไปบ้าง ผมก็เอามาจากพระรูปหนึ่งที่ผมรู้จัก
อาจเติมแต่งคำพูดให้ดูเหมือนจริงไปบ้าง ก็โปรดอภัย

:b8: :b8: :b8:


ใช่ แปลก
ผมคิดว่า ตัวรู้ที่ทรงอยู่บนความดับ มันคงจะสะดุ้งเฮือก
:b14: :b14: :b14:
เมื่ออยู่ ๆ มันก็ประจักษ์ว่ามันไม่ได้มีอะไรต่างไปจากกาฟาก
:b2: :b2: :b2:
มันก็เลยตรอมใจ... จนต้องเข้าสู่กระบวนการปลดระวางตัวเอง

:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 08:25
โพสต์: 19

อายุ: 0
ที่อยู่: เชียงใหม่

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ ๆ ๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร