วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 00:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 104 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาล

ก็เหมือนกับคำว่า กิน นี่แหละ จะอธิบายไปใยให้มากความหละท่าน ก็ในเมื่อ กิน ก็คือ กิน

อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาล มันก็คือ อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาล เอาแบบง่ายๆ นี่แหละ

อธิบายให้ลึกลับซับซ้อนไปให้คนอื่นเขาชมว่าเก่ง ว่าฉลาด ว่ารอบรู้ (แต่เอาตัวไม่รอดนะเหรอขอรับท่าน)

เอาง่ายๆๆๆๆๆ ก็ได้ ธรรมที่เป็น อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาล คือ ทำดี ก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่วนี่แหละ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f54802676.gif
f54802676.gif [ 16.55 KiB | เปิดดู 3786 ครั้ง ]
ประชด ประชันอีก :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากมองให้ดีๆ เหตุที่พระคุณเจ้าบางท่าน ต้องทำอะไรผิดเพี้ยนไปจากพระวินัย
เพราะ พุทธศาสนา กลายเป็นสิ่งที่ ต้องปรับโครงสร้างตัวเองมานานแล้ว

พุทธศาสนา เข้าไปในจีน จะตั้งอยู่ในจีนได้ ก็ต้องปรับตัว
ตัดทอนบางอย่าง เพิ่มเติมบางอย่าง และเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเขาได้

ศาสนา เข้าไปในธิเบต ก็ไปอย่าง พม่าก็อย่าง ญี่ปุ่นก็อย่าง
ไทยก็อย่าง ศรีลังกาก็อย่าง ในหลายๆที่ส่วนปลีกย่อยล้วนแตกต่าง
แต่แก่นจะยังคงถูกรักษาไว้อย่างมั่นคง

พุทธศาสนาในประเทศไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็มีการปรับตัวมาตลอด
และเริ่มมีทิศทางที่ชัดขึ้นในด้านหลักธรรม แต่ล้มเหลวในด้านการบริหารคณะสงค์
ล้มเหลวด้านการสร้างพระภิกษุให้เป็นพระที่ดี เดี๋ยวนี้เป็นเหมือนการปล่อยตามยถา


หากจะกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของนักบวช ที่ทำไมไม่ทำตนให้อยู่ในกรอบ
ผมว่าก็ควรจะกล่าวตำหนิ เหล่าฆราวาสด้วย ที่มีส่วนทำให้พระยากต่อการเปลี่ยนแปลง

เพราะชาวบ้านเป็นอันมาก ติดพิธีกรรม ขาดพิธีกรรมไม่ได้ และนับวัน
ก็ขยันจะสรรหาเคล็ดลับใหม่ๆมาอยู่เรื่อยๆ

และพระคุณเจ้าโดยมาก ก็อาจจะเป็นผู้ชอบตามใจญาติโยม ไม่กล้าขัด
จึงทำให้เกิดธรรมเนียมปฏิบัติ แปลกๆใหม่ๆขึ้นมามากมายในสังคมนักบวช
และนั่นก็เป็นสิ่งที่ขัดกับพระไตรปิฎกมากมายหลายข้อ

บางครั้งฆราวาส ก็เหมือนบังคับ กดดันนักบวช ว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ทำอย่างนี้
บางครั้งนักบวช ก็ไม่พยายามให้ความรู้ที่ถูกแก่ ฆราวาส
และบางครั้ง ฆราวาส ก็ไม่ต้องการความรู้ที่ถูกของนักบวชที่มีตามไตรปิฎก
แต่เขาต้องการที่ถูกตามที่คนเขาทำตามๆกันมาอยู่ก่อนแล้ว ถ้าผิดไปจากที่เขา
ทำตามๆกันมา นั่นก็คือผิด และนักบวชบางคนก็ไม่มีปัญญาไปแก้ไขเปลี่ยนแปลง

หากจะมีพระอาจารย์บางท่านสามารถเปลี่ยนแปลงชาวบ้านได้ ให้รู้จักอะไรถูกผิด
นั่นก็มีแต่ยังเป็นส่วนน้อย

บางครั้งการตำหนิแต่นักบวช เห็นแต่โทษความผิดของนักบวช
เราก็ควรย้อนกลับมาดูด้วยว่า ฆราวาสเราเอง ที่ขาดปัญญา งมงาย
เมาความรู้ และมีอิทธิพลในสังคมเหนือนักบวช ได้มีอะไรถูกต้องดีแล้วรึยัง

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 22:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
บัวศกล
บางครั้งการตำหนิแต่นักบวช เห็นแต่โทษความผิดของนักบวช
เราก็ควรย้อนกลับมาดูด้วยว่า ฆราวาสเราเอง ที่ขาดปัญญา งมงาย
เมาความรู้ และมีอิทธิพลในสังคมเหนือนักบวช ได้มีอะไรถูกต้องดีแล้วรึยัง


แล้วทำไมไม่หันมาจริงจังกันเสียทีหละขอรับ เห็นหลายท่านมีความรู้ดีแต่ขาดความกล้าหาญพอ
ที่จะยึดในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่คล้อยตามสิ่งที่ถูกใจ แล้วอ้างเหตุว่า ขาดกำลังหรือกำลังมีน้อย

ก็ต่างคนต่างคิดว่า ไม่ไหว ไม่เอา ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่มต้นเสียทีหละขอรับ
เอาเป็นกลุ่มคนผู้ส่งเสริมพระพุทธศานาอย่างถูกต้อง รวมกลุ่มกัน แล้วเผยแพร่ความรู้ออกไปสู่สังคม
ในสิ่งที่ถูกที่ควรไม่ดีเหรอขอรับ

ที่ตำหนินักบวชก็เพราะ สังคมไทยนั้นเคารพนับถือนักบวช แบบไม่ลืมหูลืมตา บางคนเมื่อบวชเข้าไปแล้ว
พอชาวบ้านยกมือกราบไหว้หน่อยก็ชอบทำตนเป็นผู้วิเศษไปซะงั้น ไม่สนใจศึกษาพระธรรมวินัยเอาเสียเลย
แต่หันไปสนใจว่า ชาวบ้านเขาชอบอะไรตนเองจะได้จัดให้เพื่อ ลาภ ยศ สรรเสริญ มันบ้าๆๆๆ
โยมมีรถยนต์ พระก็ต้องมี โยมมีอะไรพระก็ต้องมี อย่างนั้นเหรอ โยมต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพแต่พระนั้น
เลี้ยงชีพด้วยการขอทานเขากิน ไม่ใช่เลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างสวดตามงานเพื่อเงิน ทำรูปทำเหรียญขาย
สร้างวัตถุให้ใหญ่โตเป็นที่ 1 ของโลกเพื่อเอื้อต่อการมาทำบุญของโยม แต่จิตใจของตนเองกลับเล็กคับแคบไม่เอื้อต่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่สอนโยมในสิ่งที่ถูกต้องแต่มุ่งสอนเพื่อตนเองจะได้
อยู่อย่างมั่งมีศรีสุข เอ้อ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 00:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอ๋..คุณคนขวางโลก

ผมนะเป็นคนรู้ไม่มาก..รู้แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านให้เรารบแต่กับกิเลสของเรา..ส่วนหน้าที่ต่าง ๆ ในพระศาสนา..เมื่อหมดกิเลสคือเครื่องเศร้าหมองแล้ว..ท่านเหล่านั้นจะรู้เอง..ว่าแต่ละท่านมีหน้าที่ต้องทำอะไร..

พอจะมีตัวอย่าง..เช่น..

สมัยหนึ่ง..พระอรหันต์ปฏิสัมภิทา..499 รูป..ประชุมทำสังคายนา พระไตรปิฎก..แต่พระปิฎกภาษามคธไม่มีแล้ว..มีแต่ในลังกาเป็นภาษาสิงหค..เพราะด้วยปฏิสัมภิทาจึงรู้ว่าใครจะเป็นผู้แปล..และตอนนี้อยู่ที่ใด..และด้วยปฏิสัมภิทาจึงรู้ว่าใครจะต้องเป็นผู้ไปอาราธนาลงมา..ดังนั้นทั้ง 499 รูปจึงไปปรากฎที่ที่องค์ที่ 500 ท่านอยู่..องค์ที่ 500 ท่านก็ปฎิสัมภิทา..ก็ทราบนัย..จึงกล่าวว่าท่านจะไปอาราธนาเอง..เมื่อผู้ที่ต้องแปลมาเกิดในวงศ์พราหมณ์..ก็ได้พระองค์ที่ 500 แสดงธรรมได้ประทับใจพราหมณ์ผู้นั้นจนเปลี่ยนมาบวช..และได้เป็นผู้ที่ไปแปลพระไตรปิฎกภาษาสิงหคมาเป็นภาษามคธ..ก่อนจะได้รับอนุญาติให้แปล..พระลังกาจึงทดสอบภูมิของท่าน โดยให้ท่านรถจนาหนังสือมาให้ดูก่อน..ท่านได้แต่งหนังสือเล่มหนึ่งแต่มี 3 ฉบับที่มีเนื้อหาเหมือนกันทุกประการ..หนังสือเล่มนั้นชื่อ..วิสุทธิมรรค..

คำถาม..ก็พระอรหันต์ปฏิสัมภิทา..499 รูป..แปลภาษาไม่ได้หรือ..ตอบ..ปฏิสัมภิทามีหรือจะแปลไม่ได้..แปลได้แต่ไม่ทำ

คำถาม..ทำไมจึงไม่ทำ..ตอบ..เพราะรู้ว่าใครมีหน้าที่ทำงานตรงนี้..ท่านไม่แย่งหน้าที่กัน

พระพุทธองค์สอนว่า...ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัย..
ผู้รู้แจ้ง..ทำตามเหตุตามปัจจัย..ด้วยใจที่บริสุทธิ..ใจตั้งในธรรม..ผลที่ได้จึงเป็นธรรม..ผลจึงดีมีผลกว้าง

ผู้รู้ยังไม่แจ้ง..มักทำตามกิเลสตันหาราคะมานะของของตน..ใจตั้งบนกิเลส..ผลจะเป็นธรรมได้อย่างไร..เมื่อผลไม่เป็นธรรม..กรรมไม่ดีก็ตามมา..ก็ฉุดก็รั้งตัวตนให้เวียนว่ายในวัฏฏะ..ตกอยู่ในอำนาจของกิเลสมารต่อไป..ไม่รู้จบ

เหล่านี้เป็นความเห็นของผม..ไม่คิดจะเป็นสามเณรสอนสังฆราช..แค่หวังกระตุ้นต่อมคิดเท่านั้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Onion_L


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คล้ายๆกระทู้นี้เลย
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 34351.html

ลองเข้าไปดูหน่อยก็ดี

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
Onion_L
อ้างคำพูด:


smiley
โปรดเมตตาด้วยก้าบบ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ชาติสยาม เขียน:
Onion_L
อ้างคำพูด:


smiley
โปรดเมตตาด้วยก้าบบ.


5555

ไม่ได้ให้ตะเองนะ อย่าคิดมาก
เราแค่หยิบมาโชว์เล่นๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
5555

ไม่ได้ให้ตะเองนะ อย่าคิดมาก
เราแค่หยิบมาโชว์เล่นๆ


ชั่งหยิบมาเล่น ๆ ได้ถูกที่..จังเลย..พ่อคู้ณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วท่าน กบ คิดไงหละขอรับ

จะปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรม ทั้งๆ ที่ท่านก็สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างนั้นเหรอขอรับ
หรือว่า ไงก็ช่าง เอาตัวเองให้รอดก็พอ ลูก หลาน เหลน โหลน ภายหน้าก็ให้มันสู้ชีวิตของมันเอาเองอย่างนั้นเหรอขอรับ แล้วคิดว่า สิ่งที่เขาจะได้รับรู้ จะยังคงเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือถูกบิดเบือนไปมากขนาดไหนหละขอรับท่านกบ :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ด้วยข้อมูลที่อ้างอิงจากพระไตรปิฎก ภัททาลิสูตร

เกริ่นเรื่องคร่าวๆ คือ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรื่องคุณของการฉันอาหารหนเดียวแล้วจะทรงบัญญัติสิกขาบท แต่ท่านพระภัททาลิกราบทูลแย้งพระศาสดาว่า ท่านไม่สามารถฉันอาหารหนเดียวได้แล้วก็ไม่ทำตามสิกขาบทนั้น

เมื่อเวลาผ่านไป ท่านพระภัททาลิได้สำนึกถึงการกระทำผิดขึ้นมาได้ จึงไปขอขมาพระศาสดา

พระพุทธเจ้าทรงตำหนิพระภัททาลิ ว่า ดูก่อนภัททาลิ เราขอเตือน โทษได้ครอบงำเธอ ผู้เป็นคนพาล เป็นคนหลง ไม่ฉลาด ซึ่งได้ประกาศความไม่อุตสาหะขึ้นแล้วบัญญัติสิกขาบท ในเมื่อภิกษุสงฆ์กำลังสมาทานอยู่ซึ่งสิกขา

และตรัสให้อภัยโทษว่า แต่เพราะเธอเห็นโทษโดยความเป็นโทษ แล้วทำคืนตามธรรม เราจึงรับโทษของเธอนั้น ข้อที่บุคคลเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว ทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป
นี้เป็นความเจริญในวินัยของพระอริยะ.

หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสถึง การที่ภิกษะไม่สามารถบรรลุคุณวิเศษใดๆ ได้ เมื่อศีลไม่บริบูรณ์
ดังเนื้อความที่นำมาให้ท่านทั้งหลายได้อ่านศึกษากันนะขอรับ


เล่ม 20 หน้า 325-326


ผู้ไม่ทำให้บริบูรณ์ในสิกขา

ดูก่อนภัททาลิ ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่ทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา เธอมีความดำริอย่างนี้ว่า ถ้ากระไรเราพึงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่า โคนไม้ ภูเขา
ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟางเถิด บางทีเราพึงทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษ
คือความรู้ความเห็นของพระอริยะผู้สามารถยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ได้ดังนี้
เธอเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง
ลอมฟาง

เมื่อเธอหลีกออกอยู่ด้วยประการนั้น พระศาสดาก็ทรงติเตียนได้ เพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้ทั้งหลายใคร่ครวญแล้วก็ติเตียนได้ เทวดาก็ติเตียนได้ แม้ตนเองก็ติเตียนตนได้ เธออันพระศาสดาติเตียนบ้าง เพื่อนพรหมจรรย์ผู้รู้ทั้งหลายติเตียนบ้าง เทวดาติเตียนบ้าง ตนเองติเตียนตนบ้าง ก็ไม่ทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษ คือความรู้ความเห็นของพระอริยะผู้สามารถ ยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ได้
ข้อนั้นเพราะเหตุไร ดูก่อนภัททาลิ ข้อนั้นเป็นเพราะภิกษุไม่ทำให้บริบูรณ์ในสิกขาในศาสนาของพระศาสดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้ฟังจากหลวงพ่อว่า...

ไม่ต้องไปถาม ว่า ใครจะแก้ไขหรือไม่ ใครจะแก้ไขอย่างไร และก็อย่าไปคิดที่จะแก้ไขใคร
ให้พวกเราทั้งหลาย ศึกษาพระไตรปิฎก แล้ว ประกาศคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าออกมา

พระพุทธเจ้าตรัสสั่งไว้ว่า ธรรมวินัยนี้เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดไว้ไม่รุ่งเรือง
ดังนั้นเราจึงควรจะทำตามคำสั่งของพระพุทธเจ้า

ปรากฏอยู่ในเล่มที่ 10 หน้า 465

สิ่งที่เปิดเผยไม่กำบังจึงรุ่งเรืองมี ๓ คือ
ดวงจันทร์เปิดเผย ไม่กำบังจึงรุ่งเรือง ๑
ดวงอาทิตย์เปิดเผยไม่กำบังจึงรุ่งเรือง ๑
ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผยไม่กำบังจึงรุ่งเรือง ๑

ประกาศความจริงออกมาเท่านั้น ประกาศออกมาให้ชัดว่า สิ่งไหนผิด สิ่งไหนถูก
และถ้าใครถามว่า ทำไมเราถึงทำแบบนี้ ก็ตอบว่า "ข้าพเจ้าชอบแบบนี้ ข้าพเจ้าจะถือตามนี้ เพราะคิดว่าทางนี้ปลอดภัย"

ให้พวกเค้ารู้ว่ามีรถไฟขบวนนี้อยู่ รถไฟคันนี้กำลังขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นขบวนที่มั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย ถือไปตาม พุทธ ธรรม สงฆ์ จุดมุ่งหมายปลายทางมีอยู่ข้างหน้า ถึงปลายทางแน่นอน
แล้วใครจะร่วมขบวนไปกับเราก็รับขึ้นมา แต่ไม่เชิญชวนใครให้มาขึ้น ไม่ได้บังคับให้ใครขึ้น

ให้เราถือตามแนวทางที่พระพุทธเจ้ากระทำ
ซึ่งพระพุทธเจ้าก็กระทำแบบนี้ เป็นเพียงผู้บอกทาง ชี้ทาง ส่วนใครจะถือปฏิบัติตามหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่

เล่ม 67 หน้า 171

สมจริงตามพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
ดูก่อนพราหมณ์นิพพานก็ตั้งอยู่อย่างนั้นแหละ หนทางนิพพานก็ตั้งอยู่
เราผู้แนะนำก็ตั้งอยู่ ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ สาวกทั้งหลายของเรา เราก็ตักเตือนอย่างนี้
พร่ำสอนอย่างนี้ บางพวกบรรลุนิพพานอันมีความสำเร็จส่วนเดียว บางพวกก็ไม่บรรลุ

ดูก่อนพราหมณ์ ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไรได้ ดูก่อนพราหมณ์ ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกทาง
ใครถามทางแล้วก็บอกให้ บุคคลทั้งหลายปฏิบัติอยู่ด้วยตน พึงพ้นได้เอง
แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ จึงชื่อว่าเราไม่อาจปลดเปลื้อง.

ดังนั้น ผมขอปิดกระทู้นี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอรับ ขอบคุณที่ให้ความคิดเห็นดีๆ หลายเรื่อง
หวังว่าคงจะรอดปลอดภัยกันทุกคนนะขอรับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 11:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาด้วยนะครับคุณขวาง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 104 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร