วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 12:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วก็เป็นหลักฐานยืนยันว่า apisit555 นี่คือพลศักดิ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นส่วนตัวนะครับไม่ขัดแย้งกับผู้ใดทั้งสิ้น นิพพานมีแน่นอนนั้นก็หมายความว่า มีแบบเป็นสภาวะ แต่สภาวะนั้นก็ไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนเป็นตัวตนไม่เกิดไม่ดับคงที่ถาวร อมตะนิรันตกาล ไม่เหมือนสภาวธรรมทั้งหลายที่มี แต่มีลักษณะอนิจจัง ทุกข์ อนัตตา ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


แก้ไขล่าสุดโดย dhama เมื่อ 20 ก.ค. 2009, 07:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


dhama เขียน:
ความเห็นส่วนตัวนะครับไม่ขัดแย้งกับผู้ใดทั้งสิ้น นิพพานมีแน่นอนนั้นก็หมายความว่า มี(อัตตา)แบบเป็นสภาวะ แต่สภาวะนั้นก็ไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนเป็นตัวตนไม่เกิดไม่ดับคงที่ถาวร อมตะนิรันตกาล ไม่เหมือนสภาวธรรมทั้งหลายที่มี แต่มีลักษณะอนิจจัง ทุกข์ อนัตตา ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ


นิิพานเป็น"ธรรม"ชนิดหนึ่งใช่หรือไม่?

"สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ"
ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา


คำว่าอัตตา ไม่ได้ยากอะไรหรอก
หลวงตาบัวท่านถวายวิสัชนาพระเจ้าอยู่หัว
ท่านก้บอกว่า นิพพานก็เหมือน"วัดบ้านตาด"
แต่จะมาชี้ไปที่กุฏิว่าเป้นวัดป่าบ้านตาด ก็ไม่เจอตัววัดป่าบ้านตาด
ชี้ไปที่กำแพง ก็ไม่เจอตัววัดป่าบ้านตาด ไม่ใช่ตัววัดป่าบ้านตาด
หาตัววัดป่าบ้านตาดนั้น หายังไงก็ไม่เจอ
แต่เรียกทุกสิ่งทุกอย่างรวมกันนั้นว่าวัดป่าบ้านตาด
-----
หรืออย่างตัวเรา มีชื่ออย่างนี้ นิสัยอย่างนี้ แต่จะหาความเป็นตัวเราจริงๆนั้นไม่มี
ในแง่รูป ..จิ้มไปตรงไหนก้ไม่เจอ"ตัว"ที่ว่าเป็น"เรา" .....
ในแง่นาม ... ก็หาตรงไหนไม่เจอเหมือนกันว่าเป้น"ตัว" หรือที่ว่าเป็น"เรา"

อัตตาคือ "วัดป่าบ้านตาด" ,"ชาติสยาม" ,"ประเทศไทย","ความดี", "ความชั่ว"
อัตตามัน"มีอยู่" แต่มัน"ไม่จริง"

อนัตตา คือ อัตตานั้น เมื่อมองเข้าไป สืบเข้าไป ชำแหละเข้าไปจนถึงที่สุดของมันแล้ว
มันไม่มีอยู่จริงๆ มันแค่เป้นการประชุมกันของรูปนาม การประชุมกันของเหตุและปัจจัย
แล้วเราไปยึดถือสิ่งเหล่านั้นว่าเป้น วัด บ้าน ชาติสยาม ประเทศไทย ความดี ความชั่ว ฯลฯ

ส่วนสิ่งที่คุณเข้าใจว่านิพพานเป็ฯอัตตานั้น เพราะไม่เข้้ใจศัพท์เท่านั้นเอง แต่เข้าใจถูกแล้ว
ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่จริงตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ว่ามีเขตแดน มีตัวมีตน

เช่น "ความตาย"
ความตายมันมีอยู่จริงๆนะ ไม่ใช่ว่าเราตายไปคนเดียวแล้วไม่มีความตายเหลือแล้ว
คนอื่นก้ต้องตาย โลกนี้ก้ต้องตาย ความตายนี้เป็นสิง่ที่มีมาแต่อดีต ปัจจุบันก้มี อนาคตก้จะมีต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ความตายมันไม่มีตัวไม่มีตน มันเป้นอนัตตา แต่มันมีอยู่จริง
แต่เขาไม่ใช้คำว่าอัตตา

คำว่าอัตตา เขาใช้เรียกสิง่ที่ถูกปรุงขึ้น เช่น วัดป่า้นตาดก็ดี ชาติสยามก็ดี ประเทศไทยก็ดี ความดีความชั่วก็ดี
ทั้งหมดนี้คอการปรุงสร้าง เขาตั้งชื่อสมมุติกันไปต่างๆนาๆ
มันเป้นธรรมะประเภทที่ถูกปรุงถูกสร้างขึ้นมา
มีคนสร้างขึ้นมา จิตนี่แหละ สร้างมันขึ้น

แต่ความตายมันไม่มีใครสร้าง มันมีอยู่ของมันมาแต่ไหนแต่ไร
มีก่อนพระพุทธเจ้า มีมาก่อนโลกจะเกิด มีตลอดเวลา จริงตลอดเวลา
ความตายนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง ใครไปปรุงแต่งมันก็ไม่ได้ ดัดแปลงก็ไม่ได้
เป็นสัจจะธรรม

นิพพานก็เช่นกัน เป็นอนัตตา
พระพุทธเจ้าท่านว่า อัตตามันจะไม่เที่ยง แปรปรวน บังคับไม่ได้
แล้วท่านก็ไม่ได้พูดกลับกันเอาไว้นะ ท่านพูดแค่นี้
แต่คนบางประเภทเอาคำพูดนี้ไปกลับข้าง แล้วเข้าใจไปเองว่าถ้างั้นสิง่ที่ตรงกันข้ามก้คือ
ถ้างั้น สิ่งที่เที่ยง ที่ไม่แปรปรวน บังคับได้ ก็ต้องเป้นอนัตตาน่ะสิ
คิดได้อย่างนั้นแล้วก้กลายเป้นอรหันต์อินเตอร์เน้ตขึ้นมาทันทีเลย
ไปหาเถอะ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้พูดไว้เลย ท่านพูดไว้แค่นั้น ไม่ได้กลับข้าง

คิดง่ายๆนะ พุทธพจน์มีอยู่ 3 พจน์
คือ ไม่เที่ยง แปรปรวน บังคับไม่ได้ ..... 3 อย่างนี้รวมกันอยู่ ท่านถึงเรียกว่า อัตตา
สิ่งใดมีคุณสมบัติครบสามอย่างนี้ ถึงเรียกว่าอัตตา

แต่คำพูดของอรหันต์อินเตอร์เน้ต ก็เอา 3 พจน์นั้นไปนิเสธ
ไม่เที่ยง กลายเป็น เที่ยง
แปรปรวน กลายเป้นไม่แปรปรวน
บังคับไมไ่ด้ กลายเป้นบังคับได้
แล้วไปเหมาว่า สิง่ที่ตรงกันข้ามนี่แหละ คืออนัตตา

ดูเผินๆผมก็เคยคล้อยตามหมอนี่นะ
แต่ดูดีๆนะ



ไม่เที่ยง แปรปรวน บังคับไม่ได้ <---- อันนี้พุทธพจน์
เที่ยง ไม่แปรปรวน บังคับได้ <---- อันนี้พลศักดิ์ในร่าง apisit555

แล้วสิ่งต่อไปนี้ล่ะ จะเรียกว่าอะไร

ไม่เที่ยง ไม่แปรปรวน บังคับไม่ได้ <----?
ไม่เที่ยง ไม่แปรปรวน บังคับได้ <----?
ไม่เที่ยง แปรปรวน บังคับได้ <----?
เที่ยง ไม่แปรปรวน บังคับไม่ได้ <----?
เที่ยง แปรปรวน บังคับไม่ได้ <----?
เที่ยง แปรปรวน บังคับได้ <----?

ตลกนะ เอาคณิตศาสตร์มาเอาถูกเอาผิดกับธรรมะ มันไม่ได้ผล

ธรรมะอะไรถ้ามันมีด้านกลับ พระพุทธเจ้าจะพูดกลับเอาไว้เลย อย่างละเอียด
แต่ถ้าท่านไม่พูดไว้ ก็ไม่ใช่ว่าเอาไปกลับข้างเองแล้วจะถูก


คุณศึกษานายคนนี้ต่อไปคุณจะพบว่า เขาบอกว่าเข้าๆออกๆนิิพพานได้ด้วย
บอกว่าเขาไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย ได้รับโองการมาแสดงธรรมด้วย
เรียกตัวเองว่าเป้นพระโพธิสัตวืที่เป้นผู้ชายด้วย
แล้วก้สอนให้ล้างบาปได้ด้วย เรียกว่าก้าวล่วงบาปกรรม
สอนคนให้ผิดศีลถ้าแล้วไม่บาป โดยที่ใจเราไม่ต้องไปคิดว่ามันผิด ก้จะไปบาป อะไรทำนองนั้น
แบบที่แกล้งแปลงร่างเป็นคนอื่นมาเชียตัวเองอยู่นี่แหละครับ คือโกหกแบบว่าไมรู้สึกอะไรเลย
หิริโอตัปปะไม่เหลือแล้ว
แล้วจะมีอีกเยอะ สารพัดสารเพ



ที่พูดนี่ พูดตามความเข้าใจเหมือนกันนะครับ
แล้วก้ที่ผมมาพูดเพราะว่าไม่อยากให้คุณไปเสียเวลากับนายคนนี้ เปลืองเวลา
เคยมาแล้ว รู้ไส้รู้พุงดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาเถอะครับไหนๆก็ยังไม่มีใครเห็นพระนิพพานกันเลย ยังไงก็ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกท่านนะครับ ที่แสดงความรู้เพื่อบอกสอนซึ่งกันและกัน ต่างคนก็ต่างเห็นกันคนละแบบอีกคนใส่แว่นสีหนึ่งอีกคนใส่แว่นสีหนึ่งก็ต้องเห็นกันคนละแบบ แต่ผมเชื่อว่าปรารถนาดีกันทั้งนั้น ถกเทียงกันบ้างในธรรมะดีกว่าไปมีความสุขกันในเทคในบาร์ เดินหน้าต่อสู้ๆ

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ส่วนสิ่งที่คุณเข้าใจว่านิพพานเป็ฯอัตตานั้น เพราะไม่เข้้ใจศัพท์เท่านั้นเอง แต่เข้าใจถูกแล้ว
ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่จริงตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ว่ามีเขตแดน มีตัวมีตน


:b8: อ่านแล้วรู้สึกชอบการตอบท่านนี้ของคุณชาติสยาม จริง ๆค่ะ ไม่รู้ว่าเหมือนกับที่ดิฉันเข้าใจหรือเปล่าไม่ทราบนะค่ะ คือ จะบอกความรู้สึกได้เองว่า มีแน่ ๆ ....แต่ไม่มีเขตแดน มีตัวตนอะไรได้อย่างที่มีบางสำนักเข้าใจและไปถวายของอะไรนั่น.....ถ้าดิฉันเข้าใจอย่างนี้ว่าเช่น คำว่าอำนาจของพระรัตนตรัย นี้ได้หรือเปล่าค่ะ "มีอำนาจ มีความสามารถ " ที่ไม่มีตัวตนจับต้องได้ แต่นำมาใช้ได้เช่น ที่เราได้นับถือพระพุทธศาสนอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก็น่าจะเรียกว่า"มีจริง"แต่ไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้แต่สามารถนำมาใช้ได้อะไรประมาณนี้ค่ะ ...ต้องขอประทานโทษค่ะที่มาคุยกับระดับเบอร์ 1.เพราะอยากนั่นเอง ...ตัวอยาก(ที่ถูกต้อง)ทำให้รู้...ได้ในกาลต่อไปค่ะ.. :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 23:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่สายเกินไป เขียน:
...ต้องขอประทานโทษค่ะที่มาคุยกับระดับเบอร์ 1.



กรีตํ กรีตํ (กรี๊ด กริ๊ด... เป็นภาษาบาลี)
เป็นเบอร์หนึ่งเลยเหรอนี่ แหมไม่อยากรับนะ แต่ไม่อยากขัดศรัทธา
รับเลยละกัน ชักช้าเด๊่ยวคนให้จะเปลี่ยนใจ คนรับจะเสียลาภ
:b32: :b32: :b32:

---------------------

ได้ยินคนเขาร่ำลืิอกันมานานว่า มียาวิเศษณ์แก้โรคสารพัด
แต่เขาเล่าสืบกันมาเฉพาะวิธีปรุงยานะ

ถ้าเราปรุงยาแล้วไม่ได้ผล เราก้จะสงสัยอยู่นั่นแหละ
ว่าเราปรุงผิด หรือยานี้ไม่มีจริงแค่เล่าๆกันมา

แต่เถ้าเราปรุงถูก แล้วยามันได้ผลจริง
แปลว่ายานี้มีจริง ดังนั้นสุตรนี้ก็เป็นเรื่องจิงไม่ได้โม้
ที่สำคัญ คนค้นยาก็ต้องมีอยู่จริงๆสิ ถึงจะมีสูตรนี้ขึ้นมาได้

ผู้เข้าถึงธรรม ก็เหมือนปรุงยากินแล้วสำเร้จ หมดสงสัยว่าว่ายานี้รักษาได้จริง
ตัวเราเป้นพยานได้กับตัวได้ ไม่ต้องพึ่งใครมายืนยันอีก

พระสงฆ์ (อริยะสงฆ์) ก้คือผู้ถึงธรรม ปรุงยากินเองได้แล้ว รักษาตัวเองได้แล้ว
ตัวเองเป็นพยานในความมีอยู่จริงของพระธรรม
เืมื่อพระธรรมมีอยู่จริง คนที่พูดพระธรรมนี้ ก้ย่อมมีอยู่จริง
จึงไม่มีสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อีกต่อไป


:b8: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 00:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยๆฝากไปบอกพี่พลศักดิ์ของคุณด้วยว่า
คุณพลศักดิ์บังเอิญอะไรยังไงก็ได้
วันนี้บังเอิญเป็นคนนึง พรุ่งนี้บังเอิญเป็นอีกคนอะไรยังไงก็ได้
แล้วแต่อยากจะพูดอยากจะเป้น

แต่พระพุทธเจ้าพูดอะไร ไม่มีบังเอิญ ไม่มีพูดเพราะอยาก

ไม่มีหรอกครับ ระดับพระญานอย่างพระพุทธเจ้า
ที่ว่าพูดตรงนี้อย่างหนึ่ง ตรงนั้นว่าอีกอย่างหนึ่ง


ถ้าท่านพูดคำว่า สัพเพ
มันคือสัพเพ คือทั้งปวง จริงๆ

ถ้ามีข้อยกเว้นท่านไม่ใช้คำว่าสัพเพหรอก

คำพูดพระพุทธเจ้านี้อัศจรรย์มาก
อภิมหาสมาธิ+รู้แจ้งเห็นจริงเท่านั้นถึงจะพูดอย่างนี้ได้

ผมไม่รู้หรอกนะ ว่านิิพานเป้นยังไง
แต่ผมรู้แน่ๆว่าไม่ใช่อย่างที่คุณพูด

สภาวะที่ไม่มีอะไรที่ไม่มีอะไร
มันก็ไม่มีอะไรที่จะมาแปรปรวน
ไม่มีอะไรที่จะมาบังคับหรือไม่บังคับ
ไม่มีอะไรที่จะมาเที่ยง หรือไม่เที่ยง

แต่ผมก้ยอมรับว่าคิดเอานะ นิพพานของผมมันคิดเอา มีถูกมีผิด
แต่รู้แน่ๆว่าไม่ใช่อย่างที่คุณมาเล่นกลแบบนี้หรอก
นิพพานอะไรเข้าๆออกๆ มีการมา มีการไป
ไร้สาระ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 00:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


apisit555 เขียน:
ด้วยเหตุนี้ อนัตตา จึงเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ผมขอถามว่า ถ้านิพพานเป็นอนัตตา (ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวน) เราจะเข้านิพพานไปทำไม? เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ไม่ดีหรือ?


อีกประการหนึ่ง
พระพุทธเจ้าพูดแค่ว่า

สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ


ไม่ได้พูดว่า สัพเพ ทุกข์ อนิจจัง อนัตตาติ

ท่านพูดว่า ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา
ไม่ได้พ่วงคำว่าทุกข์ อนิจจัง ใส่เข้ามาสักหน่อยนึง

ธรรมที่เที่ยงก็มี ไม่เที่ยงก้มี
ธรรมที่เป้นทุกขังก็มี ไม่เป้นทุกขังก็มี
แต่ธรรมสั้งสองพวกนั้นแหละ รวมกันแล้วเป้นสัพเพธัมมา
สังขตธรรมและอสังขตธรรมรวมกันเป้นสัพเพ
สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 04:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ได้ยินคนเขาร่ำลืิอกันมานานว่า มียาวิเศษณ์แก้โรคสารพัด
แต่เขาเล่าสืบกันมาเฉพาะวิธีปรุงยานะ

ถ้าเราปรุงยาแล้วไม่ได้ผล เราก้จะสงสัยอยู่นั่นแหละ
ว่าเราปรุงผิด หรือยานี้ไม่มีจริงแค่เล่าๆกันมา

แต่เถ้าเราปรุงถูก แล้วยามันได้ผลจริง
แปลว่ายานี้มีจริง ดังนั้นสุตรนี้ก็เป็นเรื่องจิงไม่ได้โม้
ที่สำคัญ คนค้นยาก็ต้องมีอยู่จริงๆสิ ถึงจะมีสูตรนี้ขึ้นมาได้

ผู้เข้าถึงธรรม ก็เหมือนปรุงยากินแล้วสำเร้จ หมดสงสัยว่าว่ายานี้รักษาได้จริง
ตัวเราเป้นพยานได้กับตัวได้ ไม่ต้องพึ่งใครมายืนยันอีก

พระสงฆ์ (อริยะสงฆ์) ก้คือผู้ถึงธรรม ปรุงยากินเองได้แล้ว รักษาตัวเองได้แล้ว
ตัวเองเป็นพยานในความมีอยู่จริงของพระธรรม
เืมื่อพระธรรมมีอยู่จริง คนที่พูดพระธรรมนี้ ก้ย่อมมีอยู่จริง
จึงไม่มีสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อีกต่อไป


อ้างคำพูด:
แต่พระพุทธเจ้าพูดอะไร ไม่มีบังเอิญ ไม่มีพูดเพราะอยาก

ไม่มีหรอกครับ ระดับพระญานอย่างพระพุทธเจ้า
ที่ว่าพูดตรงนี้อย่างหนึ่ง ตรงนั้นว่าอีกอย่างหนึ่ง


:b8: ประโยคเหล่านี้ก็ช๊อบ ชอบ...คิดว่ายังไงเสียก็ไม่เปลี่ยนใจแน่ค่ะ..... :b27: ถ้าตอบแบบนี้เชียร์ใจขาดค่ะ...... :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเจตนาดีกันทั้งนั้นขอให้ถึงจุดหมายกันทุกคนนะครับ สาธๆ

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


apisit555 เขียน:
1. (บาลี มหา.ที. ๑๐/๑๑๘ /๙๓) (บาลี มหาวาร สํ. ๑๙/๒๐๕/ ๗๑๒-๓) ว่า
"อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่ง กายในกาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ... มีสติ.... เป็นผู้ตามเห็นซึ่งธรรมในธรรม ฯลฯ

อานนท์ อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า มี อัตตา เป็นเกาะ มี อัตตา เป็นสรณะ (ที่พึ่ง) ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง"

กายในกาย มีความเพียร มีสัมปชัญญะ... มีสติ.... เป็นผู้ตามเห็นซึ่งธรรมในธรรม = กายที่อยู่ภายในกาย เมื่อเรามีสัมปชัญญะ... มีสติ นั่นแหละ "อัตตา"


2. . จากพรหมชาลสูตร


" ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดา และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ "

แล้วตรัสต่ออีกว่า

"เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."

.......................................

ผมย้ำท่อนนี้อีกที เพราะมารมันบังตาพวกเราไว้ให้ผ่านท่อนนี้ไป แต่คราวนี้เน้นเลย เอาอำนาจมารที่บังตาออกไปให้หมด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต (มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว) ยังดำรงอยู่ มนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

กายของตถาคต ยังดำรงอยู่ = กายที่ยังดำรงอยู่ นี่แหละ "อัตตา"
...


3. คราวนี้มาดูอนัตตลักขณสูตรบ้าง ผมขอตัดตอนที่อำนาจมารที่บังตาออกไปให้หมด นะครับ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตา(มีตัวตน หรือเป็นของตัวตน อย่างแท้จริง)แล้ว รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ(ความเสื่อม ความเจ็บไข้ ความแปรปรวน) และบุคคลพึงได้(หมายถึง ย่อมบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา)ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเวทนานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว เวทนานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของ เราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สัญญานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสังขารเหล่านี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของ เราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว วิญญาณนี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย


จะเห็นว่า สิ่งที่จะเป็น อัตตาได้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (สิ่งนั้น)ต้องไม่อาพาธ (เสื่อม เจ็บไข้ ความแปรปรวน) และสามารถบังคับบัญชาสิ่งนั้นได้ตามปรารถนา


สรุป

ตอนนี้พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทุกองค์ในนิพพาน มีอยู่ ยังดำรงอยู่ และอายตนะนิพพาน(ธรรมกาย)ของพวกท่าน ก็มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (สิ่งนั้น)ที่ไม่อาพาธ (เสื่อม เจ็บไข้ ความแปรปรวน) และสามารถบังคับบัญชาสิ่งนั้นได้ตามปรารถนาด้วย

ย้ำ!!! สิ่งที่จะเป็น อัตตาได้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (สิ่งนั้น)ต้องไม่อาพาธ (เสื่อม เจ็บไข้ ความแปรปรวน) และสามารถบังคับบัญชาสิ่งนั้นได้ตามปรารถนา

ด้วยเหตุนี้ ธรรมกายที่เป็นอายตนะนิพพาน ก็เป็นอัตตา

อัตตานี้มีขันธ์ 5 เป็นธรรมที่เรียกว่า ธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย


4. ในจักกวัตติสูตร ๑๑/๘๔ ขันธสังยุต ๑๗/๕๓๓๓๓. มหาปรินิพพานสูตร ๑๐ มีความว่า:


(๑) “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอจงมีตนเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย จงมีธรรมเป็นที่พึงเถิด อย่างมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย

ย้ำ! ! พวกเธอจงมี ตน เป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่ถึงเลย จงมี ธรรม เป็นที่พึงเถิด อย่างมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย

หลักฐานนี้ชัดครับ

อัตตา = ตน ที่พระพุทธเจ้าหมายถึง คือ ธรรม ตน(อัตตา) กับ ธรรม จึงเป็นสิ่งเดียวกัน เรามีอัตตา(ธรรม)เป็นที่พึ่ง

เบญจขันธ์ = อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ธรรมขันธ์ = นิจจัง สุขขัง อัตตา


5. ข้อ 5 นี่ชัดเจนที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรชัดกว่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้มีพุทธพจน์ปรากฏในพระไตรปิฎกบาลี ที.ปา.๑๓/๔๙/๘๕ ว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเป็นผู้มีอัตตา (ตน) เป็นที่พึ่ง มีอัตตาเป็นสรณะ จงเป็นผู้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะอยู่เถิด

(อตฺตทีปา ภิกฺขเว วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา)"


อัตตา(ตน)นั้นแท้จริงก็คือธรรม



เมื่อก่อนไม่กล้าคุยด้วย เพราะไม่มีข้อมูลมาอ้างอิง การที่นำข้อความมากล่าวตามทิฏฐิของตัวเองนั้น เป็นอันตรายยิ่งนัก คุณควรไปศึกษาภาษาบาลีเพิ่มนะคะ เพราะแต่ละในประโยคของคำนั้น คำๆนั้นเขาจะเปลี่ยนไปตามรูปแบบของประโยค เห็นเขียนเหมือนกัน ตัวหนังสือตัวเดียวกันแท้ๆ แต่ความหมายคนละเรื่องกันเลยนะคะ ว่างๆจะนำมาลงให้อ่านนะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดถึงคณิตศาสตร์

เราก็ร่ำเรียนมาทั้งหลักสูตรเก่าและหลักสูตรใหม่

จะไม่แสดงความคิดเห็นเลยก็กระไรอยู่ เสียศรัทธา อภิสิทธิ์น้องพลศักดิ์เพื่อนยุติธรรมเสียหมด

ว่าจะไปตอบที่ทุ่งกุลา

บังเอิญท่านอภิพลใบสุวิชัย555ชอบที่แออัด


อันตำราคญิตศาสตร์นั้น

๐ = ไม่มีค่า

เอา 0 มาคูณ 0 จะได้เท่ากับ 0

แต่เอา 0 มาหาร 0 หารไม่ได้เพราะอะไร


ท่านอภิพลใบสุวิชัย555วานตอบที


อัตตานั้นไม่มี มีแต่เหตุปัจจัย ทั้งสิ้น

เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงดับ



ของหรือสรรพสิ่งอยู่ในรูปของกระแส

คือเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา


เมื่องของที่ไม่มีเปลี่ยนแปลงไป

เกิดเป็นของมี มีมาจากไหนกันละ

อัตตานั้นไม่มี ที่เรียกอัตตา คือ การเปรียบเทียบเป็นสมมุติบัญญัติ


ตี๋ต่างว่า เหมือนเงาในกระจก


ในเมื่อตัวตนเจ้าของเงาไม่มี แล้วตัวตนเงาจะม่ได้อย่างไร


เหมือน ๐ หาร ๐ นั่นเหละ


เอาคณิตศาสตร์อีกข้อหนึ่ง เป็นลอจิกติกน่ะ

ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะมาหาเธอทุกวัน

ถ้าฉันเป็นนก แล้วฉันมาหาเธอทุกวัน อันนี้เป็นจริง

แต่ถ้าฉันเป็นนก แล้วไม่มาหาเธอทุกวัน อันนี้เป็นเท็จ

ถ้าฉันไม่เป็นนก ฉันก็มาหาเธอทุกวัน อันนี้เป็นเท็จ



สัพเพ ธรรมา อนัตาติ คือ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

นิพพานเป็นธรรมด้วย นิพพานจึงเป็นอนัตตา

ในโลกนี้ไม่มีอัตตา

มีแต่ อิทัปจจยตา

อัตตาคือนามสมมุติของอิทัปจจยตา

แล้วอยู่ๆอัตตามาจากไหน

ใครเสกมา

อีกอย่าง นิพพานไม่ใช่ตัวตน

เมื่อไม่ใช่ตัวตน ก็ยิ่งไม่ใช่อัตตา

ถ้าเป็นอัตตา


ท่านอภิพลใบสุวิชัย555ลองจับนิพพานตัวเป็นๆมาให้ดูหน่อยเป็นไร


จากmes5555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เงิน เราสมมุติให้มีอัตตาคือค่าที่ซื้อของได้

จำนวนเงินเป็นอนัตตา เพราะ เดี๋ยวหาได้ เดี๋ยวใช้จ่ายไป ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย รวมทั้งเงินหมดด้วย

คือมีจำนวน ๐

นิพพานคือเงินหมด

ถามว่า ถ้าคุณอภิพลใบสุวิชัย555มีเงินมีค่าเท่าบกับ ๐ คุณอภิพลใบสุวิชัย555มีเงินอยู่ไหม

๐ ก็มีค่าน่ะ คือค่า ๐


คุณอภิพลใบสุวิชัย555 อธิบายหน่อย

พี่mesอายุอานามปีนี้ใกล้แซหยิกแล้วคิดช้า คิดไม่ออก


ตามคำถามข้างต้น

๐ ควรป็น อัตตา หรือ อนัตตา จ๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2006, 12:38
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
พูดถึงคณิตศาสตร์

เราก็ร่ำเรียนมาทั้งหลักสูตรเก่าและหลักสูตรใหม่

จะไม่แสดงความคิดเห็นเลยก็กระไรอยู่ เสียศรัทธา อภิสิทธิ์น้องพลศักดิ์เพื่อนยุติธรรมเสียหมด

ว่าจะไปตอบที่ทุ่งกุลา

บังเอิญท่านอภิพลใบสุวิชัย555ชอบที่แออัด


อันตำราคญิตศาสตร์นั้น

๐ = ไม่มีค่า

เอา 0 มาคูณ 0 จะได้เท่ากับ 0

แต่เอา 0 มาหาร 0 หารไม่ได้เพราะอะไร


ท่านอภิพลใบสุวิชัย555วานตอบที


อัตตานั้นไม่มี มีแต่เหตุปัจจัย ทั้งสิ้น

เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงดับ



ของหรือสรรพสิ่งอยู่ในรูปของกระแส

คือเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา


เมื่องของที่ไม่มีเปลี่ยนแปลงไป

เกิดเป็นของมี มีมาจากไหนกันละ

อัตตานั้นไม่มี ที่เรียกอัตตา คือ การเปรียบเทียบเป็นสมมุติบัญญัติ


ตี๋ต่างว่า เหมือนเงาในกระจก


ในเมื่อตัวตนเจ้าของเงาไม่มี แล้วตัวตนเงาจะม่ได้อย่างไร


เหมือน ๐ หาร ๐ นั่นเหละ


เอาคณิตศาสตร์อีกข้อหนึ่ง เป็นลอจิกติกน่ะ

ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะมาหาเธอทุกวัน

ถ้าฉันเป็นนก แล้วฉันมาหาเธอทุกวัน อันนี้เป็นจริง

แต่ถ้าฉันเป็นนก แล้วไม่มาหาเธอทุกวัน อันนี้เป็นเท็จ

ถ้าฉันไม่เป็นนก ฉันก็มาหาเธอทุกวัน อันนี้เป็นเท็จ



สัพเพ ธรรมา อนัตาติ คือ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

นิพพานเป็นธรรมด้วย นิพพานจึงเป็นอนัตตา

ในโลกนี้ไม่มีอัตตา

มีแต่ อิทัปจจยตา

อัตตาคือนามสมมุติของอิทัปจจยตา

แล้วอยู่ๆอัตตามาจากไหน

ใครเสกมา

อีกอย่าง นิพพานไม่ใช่ตัวตน

เมื่อไม่ใช่ตัวตน ก็ยิ่งไม่ใช่อัตตา

ถ้าเป็นอัตตา


ท่านอภิพลใบสุวิชัย555ลองจับนิพพานตัวเป็นๆมาให้ดูหน่อยเป็นไร


จากmes5555

เข้าใจง่ายมากครับ กระจ่างแจ้งแท้จริง อนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2009, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




probmue-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.gif
probmue-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.gif [ 15.74 KiB | เปิดดู 5002 ครั้ง ]
สาธุๆแจ่ม :b32:

น้องอภิสิทธิ์ ใครเขาจะเรียก อภิพลใบสุวิชัย555
หรือ อภิพลใบสุวิชัยโพธิ์อนุพุทธ์ 2009 ก็เอาหูไปนาเอาตาไปซ่อนเสีย ยืนกระต่ายขาเดียว เล่นบท
น้องอภ้สิทธิ์คนเลื่อมใสคุณพลศักดิ์ไว้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร