วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

phrabud001.jpg
phrabud001.jpg [ 28.35 KiB | เปิดดู 1859 ครั้ง ]
เตโชกสิณ เอาไฟมาเป็นกรรมฐาน ทำได้ทุกจริต โดยการนำเอา ดวงไฟมาเพ่ง หรือ เจาะเป็นรูเล็กๆ พอให้เห็นแสงสว่างแล้วบริกรรมว่า ไฟๆ จนกระทั่งเกิดอุคคติหนิมิตติดตา เห็นชัดทั้งหลับตาลืมตา บริกรรมไปจนกระทั่งเกิดปฏิภาคนิมิต ติดตา เห็นชัดทั้งหลับตาและลืมตาบริกรรมไปจนกระทั่งเกิดปฏิภาคนิมิตร ขยายให้ใหญ่ได้เล็กได้ ตามอำนาจของบริกรรมจนเป็นอุปจารสมาธิ มีสมาธิเฉียดๆ ใกล้เป็นองค์ฌาน เพ่งไปๆ จนเป็นอัปปนาสมาธิแน่วแน่ มีองค์ฌานเข้าประกอบข่มนิวรณ์ไม่ไห้เกิด ได้เลยฝึกจนเป็นวสีชำนาญ ผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน ผ่านจตตุถฌาน ถึงปัญจมฌาน ตามลำดับ ผู้ฉลาดย่อมไม่ติดอยู่เพียงแค่นี้ ย่อมเจริญวิปัสสนา ต่อไป ยกรูปธรรมนามธรรมในองค์ณานขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ จนมีณาน เข้าไปรู้เห็นว่านึกถึงไฟ รูปนามเกิดหยุดนึกถึงไฟ รูปนามดับ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง เป็นทุกขังทนอยู่ไม่ได้ เป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้ จนผ่านณาน 16 ไป สิ้นอาสวะ โอนโครตจากปุถุชนไปสู่อริยโครต มี
พระนิพพานเป็นอารมณ์เป็นพระอริยะประเภทณานลาภีบุคคล (มีเตโชกสิณเป็นกรรมฐานอาจสามารถทำให้ไฟออกจากกาย ทำให้ไฟใหม้ ทำให้ควันออก ทำให้ร้อน ทำให้คนอื่นสิ้นกำลัง ทำให้แสงสว่างเกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อตายก็ทำใฟให้เผาศพของตนเองได้)

4 วาโยกสิณ เอาลมมาเป็นกรรมฐาน เหมาะแก่จริตทั่วไป โดย เพ่งเอาการเคลื่อนไหวของลมที่มากระทบวัตถุสิ่งของ หรือต้นไม้ ใบไม้ ไม้ไหว แล้วบริกรรมว่า ลมๆ จนเกิดอุคคหนิมิต ลมปรากฏทั้งหลับตา ลืมตา บริกรรมไปจนกระทั่งเกิดปฏิภาคนิมิต ให้ลมใหญ่ลมเล็ก[/size]ได้จนเป็นอุปจารสมาธิ มีสมาธิใกล้ความเป็นณาน เพ่งลมไปแน่วแน่เป็นอัปปนาสมาธิมีองค์เข้าประกอบข่มนิวรณ์ไว้เสียได้ ฝึกจนเป็นวสีชำนาญ ผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน จตตุถฌาน และปัญจมฌาน ไปโดยตลอด ผู้เป็นบัณฑิตไม่ยับยั้งอยู่เพียงเท่านั้น เจริญวิปัสสนาต่อไป โดยเอารูปนามในองค์ณานขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ มีญาณเข้าไปรู้เห็นว่า เมื่อนึกถึงลม รูปนามเกิด เมื่อหยุดนึกถึงลม รูปนามดับ เห็นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อยุ่เช่นนั้นจนผ่านญาณ 16 ไปโอนโครตจากปุถุชนไปสู่อริยะ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ เป็นพระอริยะประเภทณานลาภีบุคล (มีวาโยกสิณเป็นกรรมฐาน อาจสามารถทำให้ลมเกิด ทำให้ลมหยุดได้ทันที ไปบนลมได้เร็ว เหมือนลม ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับลมได้ วัตถุที่มีน้ำหนักทำให้เบา ที่เบา ทำให้หนักได้

5 นีลกสิณ ทำกสิณสีเขียวให้เป็นกรรมฐาน เหมาะแก่บุคคลผู้มี โทสจริต โดยนำสีเขียวมาเพ่งคล้ายปฐวีกสิณ หรือจะเพ่งสีเขียวของใบไม้ก็ได้ แล้วนั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย ตั้งสติกำหนดรู้ เพ่ง นีลกสิณบริกรรมว่า เขียวๆ ไปจนกระทั่งเกิด อุคคหนิมิตติดตา เห็นชัด ทั้งหลับตาและตา บริกรรมเพ่งไปจนเกิดปฏิภาคนิมิต ขยายให้ใหญ่ได้ เล็กได้ จนเข้าถึงอุปจารสมาธิใกล้ต่อความเป็นณาน เพ่งต่อไปจนถึงอัปปนาสมาธิ องค์ฌานเข้าประกอบสมบูรณ์ ข่มนิวรณ์เสียได้ ทำจนเป็นวสีชำนาญ ผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน ผ่านจตุตถฌาน จนถึงปัญจมฌานตามลำดับ เมื่อถึงที่สุดแห่งณานเช่นนี้ ผุ้เป็นนักปราชญ์ไม่พึง ยัยยั้งอยู่แค่นี้โดยเจริญวิปัสสนาต่อไป คือยกเอารูปนามในองค์ณานขึ้น สู่พระไตรลักษณ์ จนเห็นแจ้งชัดว่า นึกถึงสีเขียว รูปนามเกิด
หยุดนึกถึง สีเขียว รูปนามดับ มีคติไม่เที่ยงเป็นลักษณะ มีทุกข์ทนอยู่ไม่ได้เป็นลักษณะ มีอนัต
ตาบังคับบัญชาไม่ได้เป็นลักษณะ มีญาณเกิดขึ้นตามลำดับญาณ 16 ข้ามจากโครตปุถุชนไปสู่อริยะโครต ปิดประตูอบายทั้ง 4 ถึงกระแสพระนิพพาน มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ จิตใจย่อมโอนไป น้อมไป ไหลไปสู่พระนิพพาน เท่านั้น ได้ชื่อว่าเป็นพระอริยะประเภทฌานลาภีบุคคล (มีนีลกสิณเป็นกรรม ฐาน อาจสามารถทำให้รัสมีสีเขียวออกจากกายทำให้ดลกมืด วัตถุต่างๆทำให้เป็นสีเขียวได้ทั้งหมด)

6 ปีตกสิณ ทำกสิณสีทองคำหรือสีเหลืองเหมาะแก่บุคคลที่มีโทสจริต โดยการนำเอาสีเหลืองของวัตถุใดๆ ก็ได้ หรือจะเพ่งสีทองคำพระพุทธรูป ก็ได้ เพ่งบริกรรมว่า เหลือง ๆ จนกระทั่งเกิดอุคคหนิมิตติดตา ทั้งลืมตาทั้งหลับตา บริกรรมเพ่งไปจนเกิดปฏิภาคนิมิต ขยายให้ใหญ่ได้ เล็กได้ จนเข้าถึงอุปจารสมาธิใกล้ต่อความเป็นฌาน เพ่งต่อไปจนถึงอัปปนาสมาธิ แน่วแน่เป็นเอกัคคตา
ผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน ผ่านจติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ตลอดไปจนถึงปัจมฌานตาลำดับ ไม่ยับยั้งอยู่เพียงเท่านั้น เจริญต่อไปโดยการยกรูปนามในองค์ฌานขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ จนเห็นแจ้ง ชัดว่า เมื่อนึกถึงสีเหลืองรูปนามเกิด หยุดนึกรูปนามดับ ซึ่งเป็นรูปนาม
ทางใจ เห็นลักษณะไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้ อย่างนี้ผ่าน ญาณ 16 ข้ามจากโคตรปุถุชนสู่อริยะ เป็นผู้สำเร็จมรรคผลด้วยสมถยานิกะ เป็นพระอริยบุคคลประเภทฌานลาภีบุคคล( มีปีตกสิณเป็นกรรมฐาน อาจสามารถทำรัศมีเหลือง สีทองคำออกจากกาย ทำให้วัตถุ
ต่างๆสำเร็จเป็นทองคำได้)

7 โลหิตกสิณ ทำกสิณสีแดง เหมาะแก่ผู้ที่มีโทสจริต โดยนำเอาวัตถุสิ่งของสีแดงหรือผ้าแดง มาบริกรรมว่า แดงๆ จนเกิดอุคคหนิมิต ติดตาทั้งลืมตาทั้งหลับตา บริกรรมต่อไปจนเกิดปฏิภาคนิมิต ขยายให้ใหญ่ได้เล็กได้ จนเป็นอุปจารสมาธิแน่วแน่เป็นอารมณ์เดียว มีองค์ฌานเข้าประกอบ
จนสมบูรณ์ ข่มนิวรณ์เสียได้ จนเป็นวสีชำนาญ จนผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน ผ่านจติยฌาน ตติยฌาน จนถึงปัญจมฌาน แล้วแยกรูปนามในองค์ฌานขึ้นสู่พระไตรลักษณ์
เป็นวิปัสสนาต่อไป จนเห็นแจ้งชัดว่า นึกถึงสีแดง หยุดนึก รูปนามดับ เป็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา จนผ่าน ญาณ 16 โอนโครตจากปุถุชนไปสู่อริยะ ชื่อว่า สมถยานิกะ เป็นพระอริยะ
ประเภทฌานลาภีบุคคล (อาจสามารถทำให้รัศมีสีแดงออกจากกาย เนรมิต แก้วมณี ทำวัตถุต่เป็นสีแดงใด้)

8 โอทาตกสิณ ทำกสิณสีขาว เหมาะแก่ผู้มีโทจริต โดยนำวัตถุ สีขาวสะอาดมา หรือผ้าขาวก็ได้
บริกรรมว่า ขาวๆ จนเกิดอุคคหนิมิต ติดตา บริกรรมไปจนเกิดปฏิภาคนิมิต ขยายให้ใหญ่ได้เล็กได้ จนเป็นอุปจารสมาธิแน่วแน่เป็นอารมณ์เดียว มีองค์ฌานเข้าประกอบ ข่มนิวรณ์เสียได้ จนเป็นวสีชำนาญ จนผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน ผ่านจติยฌาน ตติยฌาน จนถึงปัญจมฌาน ตามลำดับ แล้วเจริญวิปัสสนาต่อไป ให้แจ้งชัดว่า นึกถึงสีขาว รูปนามเกิด หยุดนึก รูปนามดับ ญาณเกิดขึ้นต่อไปตลอด 16 ญาณ โอนโครตจากปุถุชนไปสู่อริยะ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ชื่อว่า สมถยานิกะ เป็นพระอริยะประเภทฌานลาภีบุคคล (มีโอทาตกสิณเป็นกรรมฐานอาจจะสามารถทำให้ รัศมีสีขาวออกจากกาย เนรมิตเงิน กำจัดความมืดของโลก ทำให้แสงสว่างเกิดขึ้นได้)

9 อากสกสิณ ทำกสิณอากาศเหมาะแก่ผู้มีโทจริต โดยการแบ่งความว่างของช่องและรูต่างๆหรือหน้าต่างๆ หรือเจาะรูเส้นผ่านศูนย์กลาง ยาวประมาณ 1 คืบ แล้วบริกรรมว่า อากาศๆ หรือว่างๆ จนเกิดอุคคหนิมิต ติดตา บริกรรมไปจนเกิดปฏิภาคนิมิต ขยายให้ใหญ่ได้เล็กได้ จนเป็นอุปจารสมาธิใกล้ต่อความเป็นฌาน เพ่งต่อไปจนเป็นอัปปนาสมาธิ แน่วแน่เป็นอารมณ์เดียว มีองค์ฌานเข้าประกอบ ข่มนิวรณ์เสียได้ จนผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน ผ่านจติยฌาน ตติยฌาน จนถึงปัญจมฌาน ตามลำดับแล้วเจริญวิปัสสนาต่อไป โดยยกเอารูปนามขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ จนเห็น แจ้งชัด นึกถึงอากาศ รูปนามเกิด หยุด นึก รูปนามดับ มีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นลักษณะ จนผ่านญาณ 16 โอนโครตจากปุถุชนไปสู่อริยะ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์
ชื่อว่า สมถยานิกะ เป็นพระอริยะประเภทฌานลาภีบุคคล (มีอากาสกสิณเป็นกรรมฐาน อาจสามารถทำให้มีอากาศในดินในน้ำได้ ทำวัตถุต่างๆ ในดินน้ำ หรือในที่ไม่มีใครเห็นได้ กำบังกายได้)

10 อาโลกกสิณ ทำกสิณแสงสว่างเหมาะแก่ผู้มีโทจริต โดยเพ่งรัศมี ของไฟหรือแสงพระอาทิตย์ แสงพระจันทร์ก็ได้ แล้วบริกรรมว่า อาโลกะๆ แสงสว่างๆ จนเกิดอุคคหนิมิต ติดตา บริกรรมไปจนเกิดปฏิภาคนิมิต ขยายให้ใหญ่ได้เล็กได้ จนเป็นอุปจารสมาธิใกล้ต่อความเป็นฌาน เพ่งไปจนเป็นอัปปนาสมาธิ แน่วแน่เป็นอารมณ์เดียว มีองค์ฌานเข้าไปประกอบ ข่มนิวรณ์เสียได้จนเป็นวสีชำนาญ จนผ่านปฐมฌาน ผ่านทุติฌาน ผ่านตติฌาน ผ่านจติยฌาน ตติยฌาน จนถึงปัญจมฌานตลอดแล้วเจริญวิปัสสนาต่อไป โดยเอารูปนามในองค์ฌานขึ้นสู่พระไตรลักษณ์ จนมีญาณเข้าไปเห็นแจ้งชัดว่า นึกถึงแสงสว่าง รูปนามเกิด หยุดนึก รูปนามดับ มีลักษณ์ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีฌาน 16 ญาณผ่านไป โอนโครตจากปุถุชนไปสุ่พระอริยะ ได้พระนิพพานเป็นอารมณ์ชื่อว่า สมถยานิกะ เป็นพระอริยะประเภทฌานลาภีบุคคล (มีอาโลกกสิณเป็นกรรมฐาน อาจสามารถทำโลกนี้ให้สว่างได้ ภูเขาหรือกำแพงก็ตาม สามารถมองทุลุได้)

:b42: ครับขอท่านทั้งพึงเจริญให้มากเพื่อความสงบของกายและจิตครับ :b42:
:b52: หากมีข้อความพิมพ์ขาดตกขออภัย กัลญาณมิตรทุกท่านครับ :b48:

:b53: เทพบุตร :b48:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 21:25
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุนะคร้า :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ศัตรูของคนเราที่แท้จริงแล้ว คือ โลภ โกรธ หลง
ต้องแก้ด้วยมี ศีล สมาธิ ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร