ก็นั่นนะซิท่านกามฯ...อันประวัติศาสตร์ที่ท่านรู้ก็ไม่ต่างที่ดิฉันรู้....แต่ท่านบอกว่าวางเฉย....ท่านจะเฉยได้อย่างไร...."เมื่อมีผู้รู้มาประกาศ.......สอนให้ประชาชนทราบถึงเรื่องราวต่าง ๆในความถูกต้องนั้น....เพื่อบางคนที่เขาจะพยายามออกจากสิ่งผิด ๆ นั้นอยู่....เขาก็จะออกพ้นไปได้โดยอัตโนมัติ....ท่านกามฯขวางมาตลอด ....อันนี้เรียกวางเฉยหรือ....(ไม่ได้ว่าหรอกนะเปรียบเทียบเท่านั้น)....และก็ถ้ามีผู้คนอย่างท่านกามฯ ทั้ง ๆที่รู้....อะไรผิดถูกกลับวางเฉย...และออกมาต่อต้านซะด้วยซ้ำ...นี่ซิน่าคิด....จะให้แผ่นดินที่เราเกิดมาอาศัยอยู่....วิบัติเร็วขึ้นกว่าเดิมหรือค่ะ...การทำตัวเองให้หลุดพ้นดีอยู่แล้ว ...แต่ก็สอนผู้อื่นได้รู้ตาม...ด้วยวิธีที่ถูกต้องถูกธรรม.....ให้ครอบคลุมไปหมด....ไม่ใช่การเอาวิชาใดวิชาหนึ่งมาสอนให้เขารู้เพียงวิชาเดียว....ถ้าเขาไปเจอวิชาอื่นที่ไม่ได้เรียนเขาก็จะงง นะ..เช่น..การให้หัดอ่านพระไตรปิฎกกันเสียบ้าง....เพราะในหนังสือนั้น...ท่านผู้รู้ได้กล่าวและสอนครอบคลุมหมดทุกเรื่อง ในความสามารถของแต่ละคน....แต่ละวิชา แต่ละอาชีพ...ดึงหัวข้อเหล่านั้นมาให้เขาได้อ่านเป็นเรื่อง ๆและดูในปัญหาของเขาที่เขามาพึ่งวัด พึ่ง สำนัก...พึ่งท่าน ....เพราะชีวิตคนทั่วไป...ที่เข้ามาเรียนพุทธทธศาสนา มีปัญหาทั้งนั้น.....โดยส่วนมาก...นี่พอพูดถึงพระไตรปิฎก คุณก็ว่า เอาแต่ตัวหนังสือมาพูด...ไม่รู้นะค่ะ ...สำหรับตัวดิฉันเองได้อ่านแล้ว...มันรู้สึกว่านี่แหละหนังสือที่เราต้องการอ่าน และต้องการรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้บ้าง....เพราะดิฉันชอบอ่านหนังสือของทุกครุบาฯอาจารย์มาตลอดแต่ความรู้สึกว่า....เหมือนรู้ไม่หมด ไม่สุด....ความรู้...พอได้อ่าน...ก็รู้ว่าอ๋อ...อ๋อ..แล้วสำหรับการปฏิบัติก็ไม่ไปสงสัย สภาวะอะไร ที่มันเกิดขึ้นใช่หรือเปล่าค่ะ เพราะในหนังสือพระไตรปิฎก บอกไว้หมดแล้ว....ทุกเรื่อง.......จึงบอกว่าอยากให้ผู้มาถึงวัด สำนักแล้วสอนให้เขาอ่านพระไตรปิฎกบ้าง....อันนั้นเป็นพื้นฐาน..ที่เขาจะได้รู้และตรวจสอบครูบาฯอาจารย์ของเขาว่า....เป็นอย่างไร...เพราะพระพุทธเจ้าสอนว่าให้เตือนกันได้....แม้จะเป็นใครก็ตามถ้ารู้ว่า ผิด...และก็ขอขมา ขอโทษซึ่งกันและกัน....จริงป๊ะ..

แนะหลายหนแล้วให้รวมตัวกันไปเรียกร้อง เมื่อไม่ทำตามเราให้ประท้วงอย่างสงบ ด้วยการอดอาหาร จนกว่าจะยอมทำตามเงื่อนไขเรา หากไม่ยอมอีกจะอดอาหารจนตัวตาย

ขอสละสิทธิ์คนหนึ่งอิๆๆ ภูมิไม่ถึงครับ