นรก สวรรค์มีจริงหรือไม่ โดยท่านพุทธทาสภิกขุ

หลายคนคงเคยเห็นภาพนรก อย่างที่มีหม้อทองแดง มีหอก มีหลาว มีแหลน มีอะไรเหมือนที่เขียนไว้ไปดูซิ นั้นเป็นเพียงอุปมาของนรก

ทีนี้สวรรค์ก็เหมือนกัน ต้องเขียนเป็นวิมานมีนางฟ้าอยู่เหนือเมฆ อยู่ที่ก้อนเมฆก็มี ภาพเขียนตามฝาผนังโบสถ์เป็นอย่างนี้ แล้วเราก็ได้เรียนวิทยาศาสตร์กันมาแล้ว ว่าเมฆนี่มันจะมีอยู่อย่างมากก็หนาขึ้นไปสัก 20 กิโลเมตรเท่านั้นแหละ เลยนั้นขึ้นไปไม่มีหรอก หากเขียนสวรรค์วิมานไว้บนก้อนเมฆ มันก็โง่ทั้งคนเขียนและคนเชื่อ

นี่พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสว่า นรกทุกชั้นทุกชนิด สวรรค์ทุกชั้นทุกชนิด มันก็อยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะว่าเราอาจจะมีความทุกข์ร้อนได้ หลายๆแบบ หลายๆอย่าง นั่นแหละคือนรกหลายๆชนิด เรามีความพอใจสนุกสนานเอร็ดอร่อยได้ หลายๆแบบหลายอย่าง มันจึงจะมีสวรรค์หลายๆชนิด

ทีนี้ท่านยังตรัสเลยกว่านั้นไปอีกว่า แม้สิ่งที่เรียกว่า มรรค ผล นิพพาน นั่นแหละ มันก็เนื่องกันอยู่ที่การจัดการทำ อันเกี่ยวกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นเอง เมื่อใดเราทำได้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่เย็นสนิท ไม่มีร้อนเลย เมื่อนั้นเป็นนิพพาน

ดังนั้น เรื่องนรก เรื่องสวรรค์ มันก็เป็น POSITIVE, NEGATIVE คู่ฟัดคู่เหวี่ยงกันอยู่อย่างนั้นแหละ
นี่ขอให้เข้าใจเคล็ดลับ ของสิ่งที่เรียกว่า "ชีวิต" ถึงขนาดนี้เถอะ พระไตรปิฎกจะ ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์ หรือจะกี่ล้านๆธรรมขันธ์ก็ตาม สรุปอยุ่ที่คำๆนี้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำผิดเป็นนรก ทำถูกเป็นสวรรค์ ทำได้เหนือผิดเหนือถูกก็เป็นนิพพาน

แหม๋...ก็นะ ท่านพุทธทาส.

กับท่านผู้ตั้งกระทู้ค่ะ แหม ...ดิฉันอยากรู้พอดีว่าใครจะมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวเรื่องนี้ค่ะ...แต่ในพระไตรปิฎกในพระสูตรต่าง ๆ ก็มีอยู่นะคะ และเห็นมีอยู่กระทู้หนึ่งเกี่ยวกับภูมิในวัฏฏสงสารมีดังนี้ค่ะ (อรูปพรหม4+รูปพรหม 16+มนุษย์โลก1+อบายภูมิ 4) แต่เคยอ่านหลวงพ่อพุทธทาสท่านกล่าวว่าพระพุทธองค์ใช้เป็นคำเปรียบเทียบ เปรียบเปรยอะไรประมาณนี้ค่ะ แต่ก็มีพระสูตรที่ยันกันได้ก็มีนะคะเพราะว่าเวลาทำบุญทำทาน ทุกครั้งที่พระจะกล่าวว่า ยะทา... สัพพี.......... ถ้าไม่มีก้ไม่รู้จะท่องทำไมนะคะ ท่องเล่น ๆ หรือค่ะ

เล่ม 39 หน้า 284

....เปรตพวกนั้น พากันไปยืนที่นอกฝาเรือนเป็นต้น ด้วยหวังว่า
วันนี้พวกเราคงได้อะไรกันบ้าง. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทำโดยอาการที่เปรตพวกนั้น
จะปรากฏแก่พระราชาหมดทุกตน.

พระราชาถวายน้ำทักษิโณทก (ถวายน้ำเป็นทาน) ทรงอุทิศว่า ขอทานนี้จงมีแก่พวกญาติของเรา.
ทันใดนั้นเอง สระโบกขรณีดารดาษด้วยปทุม ก็บังเกิดแก่เปรต พวกนั้น.
เปรตพวกนั้นก็อาบและดื่มในสระโบกขรณีนั้น
ระงับความกระวนกระวายความลำบากและหิวกระหายได้แล้ว มีผิวพรรณดุจทอง.

ลำดับนั้น พระราชาถวายข้าวยาคู ของเคี้ยว ของกินเป็นต้น แล้วทรงอุทิศ.
ในทันใดนั้นเอง ข้าวยาคูของเคี้ยวและของกินอันเป็นทิพย์ ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น.
เปรตพวกนั้น ก็พากินบริโภคของทิพย์เหล่านั้น มีอินทรีย์เอิบอิ่ม.

ลำดับนั้น พระราชาถวายผ้าและเสนาสนะ (ที่อาศัย) เป็นต้น ทรงอุทิศให้
เครื่องอลังการต่าง ๆ มีผ้าทิพย์ ยานทิพย์ ปราสาททิพย์ เครื่องปูลาดและที่นอนเป็นต้น
ก็บังเกิดแก่เปรตพวกนั้น. สมบัติแม้นั้นของเปรตพวกนั้น ปรากฏทุกอย่างโดยประการใด
พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงอธิษฐาน (ให้พระราชาทรงเห็น) โดยประการนั้น.
พระราชาทรงดีพระทัยยิ่ง.....

ยังขาดตอนจบไปครับ คุณไม่สายเกินไป ตอนจบสูตรจะมีว่า ผู้ฟังได้บรรลุโสดาบันเท่านั้นเท่านี้โกฏิ
พระสูตรจะสรุปท้ายอย่างนั้น

อั่นแน่ๆๆ คุณอภิพลใบสุวิชัยโพธิอนุพุทธ 2009

คุณอภิพลในสุวิชัยโพธิอนุพุทธ 2009

หากคุณศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ให้เข้าใจ จะรู้ทำไมสามีภรรยาจึงปกปิดนิสัยอันเคยชินของตนไม่ได้
ทั้งที่ตอนจีบๆกันก็พยายามปิด
ดูครับ

ช.ผมเป็นสุภาพบุรุษนะคร้าบ
ญ. ฉันเป็นสุภาพสตรีค่ะ
ช. ผมไม่กินเหล้าไม่สูบยานะ
ญ. ฉันก็ไม่ยุ่งไม่ขี้บ่น

ฯลฯ
ปกปิดนิสัยเคยชินกันและกัน ว่าตนเป็นสุภาพบุรุษ เป็นสุภาพสตรี ฯลฯ
สุดท้ายจึงแต่งงานกันเพราะกลกามเทพ

แต่งงานแต่งการกินนอนด้วยกันอยู่บ้านเดียวกัน ฯลฯ สิ่งที่ปิดๆไว้ก่อนหน้าก็โผล่
ต่างแสดงนิสัยเคยชินออกมา
อีกท่อนหนึ่ง

ช. ผมไปกินเหล้ากับเพื่อนมานะ
ญ. ฉันไปงานเลี้ยงที่ทำงานย่ะ
ช. ผมเหลือเงินให้คุณแค่นี้พอน่ะ
ญ. ฉันก็มีภาระใช้มากกว่าเก่า

"บาปบริสุทธิ์"

http://music.cm108.com/player.php?id=116

สุดท้ายชาวบ้านรู้ว่า สองสามีภรรยาปิดนิสัยเคยชินไม่มิด รู้ความจริงจนได้
โอย...ร่ายมาสะยาว คุณอพิสิต เข้าใจไหมไม่รู้

แต่มีคำถาม คุณอพิสิตไปบุรีรัมย์ นั่งรถคุณแต๊นหัวสั่นด๊อกแด๊กๆ กลับถึงบ้านเป็นไข้ไหมขอรับ

นรกสวรรค์เป็นเพียงความปรารถนาของผู้คน
ที่ใฝ่ฝันอยากสุขอยากสบาย อยู่ในห้วงความสุขอันนิรันดร์
สวรรค์จึงเกิดขึ้นมา

ประกอบกับเรื่องของ Planet X การมาของ Annunaki
ทำให้มนุษย์ลิงในสมัยนั้นตอกย้ำเรื่องเทพเจ้า สวรรค์ มากขึ้นไปอีก

นรกแบบที่น่ากลัวเหมือนในหนังและสวรรค์แบบน่าอยู่เหมือนในหนังยังไม่เคยเห็นครับ แต่ถ้าพอจะอุปมาอุปไมยคือถ้านรกคือดินแดนแห่งความทุกข์พอจะเห็นครับอย่างเช่นโรงฆ่าสัตว์น่าจะเป็นนรกของเหล่าสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าก็น่าจะเปรียบเป็นนรกได้เหมือนกันะ ถ้ามนุษย์ก็อาจจะเวลาที่ได้รับโทษติดคุกประมาณนี้แหละก็เห็นจะได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็น่าจะเป็นไปได้ครับเวลาที่เราได้รับความทุกข์และความสุขก็คงจะเป็นนรกสวรรค์ได้ครับ ส่วนนรกสวรรค์แบบอื่นก็ต้องรอหน่อย แต่อย่าประมาทดีกว่าเร่งทำความดีกันเถอะ

ฟังเพลงก่อนค่อยคุยกัน

“รังรักในจินตนาการ”

http://www.esnips.com/doc/c1f72bdd-84aa ... F%3F%3F%3F



ผู้อ่านคงงงว่า “อภิพลใบสุวิชัยโพธิอนุพุทธ 2009” เป็นใครมาจากไหน

กรัชกายเรียกผู้ใช้นามว่า apisit555

ตัดมาจากไหนบ้างดูครับ
อภิ+พล+ใบ+สุวิชัย+โพธิ+อนุพุทธ2009

-อภิ - ตัดมาจาก “apisit555”
-พล – ตัดมาจาก “พลศักดิ์”
-ใบ- ตัดจาก “ใบไม้นอกกำมือ”
-สุวิชัย – ชื่อสุดท้ายที่ถูกแบบ
-โพธิ- ตัดมาจาก “โพธิสัตว์โต…” (อะไรอีกจำไม่ได้ยาว ชื่อที่ใช้ในเวปพลังจิต)
-อนุพุทธ - ท่านเรียกตัวเอง
-ส่วน 2009 มีสมาชิกท่านหนึ่งเสริมให้ เพราะเป็นฤดูโรคไข้หวัดระบาดปี 2009

กรัชกายจึงรวบรวมชื่อทั้งหมด (เท่าที่นึกได้) ตั้งชื่อให้ท่านใหม่ว่า “อภิพลใบสุวิชัยโพธิอนุพุทธ 2009”
ก๊ากกๆๆ

กล่าวอย่างนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ เพราะในโลกมนุษย์นี้ยังเห็นได้น่ากลัวขนาดนี้ ในปรโลกที่เราไม่รู้ว่ามันจะน่ากลัวไปอีกหรือเปล่า แต่ก็ผู้ที่ยืนยังหนักแน่นจริงจังหลายท่านเช่น เป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์หลายท่านได้มาบวชในพระพุทธศาสนาและปฏิบัติตนให้อยู่ตามหลักพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ท่านสามารถเข้าถึงภาวนามยปัญญา ได้พิสูจน์กับเรื่องนี้ด้วยสัมผัสของตัวเองและเอามาสอนธรรมะ อย่างชัดเจนว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ยอดเยี่ยม และอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้ (ไม่มั่ว ๆ )ตอบแบบผู้อื่น ๆ ที่แสดงว่าเป็นผู้รู้ ในที่นี้ (แต่อย่าประมาทดีกว่าเร่งทำความดีกันเถอะ)ข้อนี้ถูกต้องค่ะ แต่ทำความดีต้องถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยของพุทธบัญญัติด้วยนะคะจะเป็นกุศลที่แรงกล้า เพราะไม่มีสิ่งอื่นปลอมปนเปื้อน

ผู้อ่านคงงงว่า “อภิพลในสุวิชัยโพธิอนุพุทธ 2009” เป็นใครมาจากไหน



ถ้าเป็นท่านพลศักดิ์ ก็คงจะโดนแบนอีก ดิฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องแบน ๆ กันด้วย .....เพราะท่านพลศักดิ์ปรารถนาพุทธภูมิจริง ๆ ท่านก็คงเป็นของท่านอย่างนั้นแหละ ....คงไม่เดินตามพระพุทธองค์อย่างเต็มตัวหรอกค่ะ....."ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านะคะ" ......(เข้าใจคำนี้ค่ะ)

คุณไม่สายเกินไป ยึดติดในอารมณ์แล้วล่ะขอรับ

"ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านะคะ" ..(เข้าใจคำนี้ค่ะ)


กรัชกายก้พอๆเข้าใจ ที่บอร์ดหนึ่ง ...เดี๋ยวปรารถนาพุทธภูมิ
เดี๋ยวก็บอกลาพุทธภูมิ

เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ตามความคิดไม่ทัน หลงอารมณ์ ตกเป็นทาสความคิดเป็นทาสอวิชชา ตัณหา
อุปาทาน
เช่น ...
พอได้อ่านปฏิปทาของผู้ที่ตนศรัทธา... ก็อยากได้อยากเป็นเช่นนั้นบ้าง ก็ปรารถนาความเป็นอย่างนั้น
หาคำท่องคำสวดความเป็นพุทธะ ...ทำไปทำมา ไม่ไหว ๆๆๆ เหนื่อยยากลำบาก หรือ ประสบกับสาเหตุที่ทำให้เบื่อให้เซ็ง... ก็ถามหาคำลาพุทธภูมิ บอกลาพุทธภูมิ

สรุปก็คือตกเป็นทาสอารมณ์ เป็นทาสความคิดแต่ละขณะๆๆๆ ก็เท่านี้เอง

สาธุ รับทราบค่ะอาจารย์ แต่....