วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันอยากทราบว่าการบริโภคเนื้อสัตว์
เป็นการผิดศีล หรือเป็นบาปไหมค่ะ
จะได้เลิกบริโภคเนื้อสัตว์หันว่ารับประทานผักแทน
:b2: :b2: :b2: :b2:

ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำนะค่ะ
:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่หรอก... คิดมากฉี่เหลืองนะ อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
0000001.jpg
0000001.jpg [ 69.17 KiB | เปิดดู 5633 ครั้ง ]
เรื่องปาบไม่ปาบ ผิดศีลไม่ผิดศีล ข้าพเจ้าไม่กล้าตอบจริงๆ
แต่อยากให้ท่านเจ้าของกระทู้ใช้วิจารญาณเอาเองน่ะครับ
ถ้าคิดจะเลิกทานเนืัอสัตว์เพราะมีจิตเมตตาสงสารต่อสรรพสัตว์
เพื่อนร่วมโลก ก็ขออนุโมทนาครับ :b8:

เอาคำสอนของท่านพุทธทาสมาฝากครับ พอดีโพสต์ไว้ที่กระทู้อาหารเจ

ข้อคิดพิจารณาธรรม
พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
(พ.ศ.๒๔๔๙-๒๕๓๖)


ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์?

เพราะเป็นการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม
การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นทางก้าวหน้าของสัมมาปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลมาก
โดยลงทุนทางวัตถุน้อยที่สุด แต่ให้ผลมากทางใจ


ประโยชน์ทางฝ่ายธรรม

ข้อที่ 1. เป็นการเลี้ยงง่ายยิ่งขึ้น

เพราะพวกพืชผัก เป็นของหาง่ายในหมู่คนยากจนเข็ญใจ ซึ่งมีการปรุงอาหาร
ด้วยผักเป็นพื้น นักกินผักย่อมไม่มีเวลาไปกระวนกระวาย เพราะอาหารไม่ค่อย
จะถูกปากถูกลิ้นนักเลย ในขณะที่นักกินเนื้อมักต้องเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้ได้มา
ซึ่งภัตตาหารเนื้อบ่อยๆ ญาติโยมเสียไม่ได้ในท่าที ก็พยายาม หามาถวาย
ศรัทธาญาติโยมที่มีใจเป็นกลาง เคยปรารภกับข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้งว่า
เขาสามารถเลี้ยงพระได้ถึง 50 รูป โดยไม่ต้องรู้สึกลำบากอะไรเลย หากเป็นอาหาร
ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อกับปลา แต่ที่ผ่านมาต้องฝืนใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างมากๆ ไม่ใช่ว่า
จะคิดว่าเนื้อมีราคาแพงกว่าผัก แต่เป็นเพราะรู้ว่าสัตว์ถูกฆ่าตายเพื่อการทำบุญ
เลี้ยงพระของเรา

มีอีกหลายคนที่ทีแรกค้านว่า การทำอาหารมังสวิรัติวุ่นวายลำบาก แต่เมื่อได้ทดลอง
ทำไป 2-3 ครั้ง กลับสารภาพว่า เป็นการง่ายเสียกว่าง่าย เพราะบางคราวไม่ต้องไป
ติดไฟเลยก็มี ตัณหาของนักกินผักกับกินเนื้อมีความแตกต่างกันอย่างไร จะกล่าว
ในข้อหลัง เพราะข้อนี้ขอจงทราบไว้ว่า


"คนกินเนื้อสัตว์ เพราะแพ้รสตัณหา
กินเพราะตัณหา ไม่ใช่เพราะเลี้ยงง่าย"


ข้อที่ 2. เป็นการฝึกในส่วน "สัจธรรม"

คนเราห่างไกลจากความพ้นทุกข์ ก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลต่อตัวเอง สัจจะในการ
กินผักนั้น เป็นแบบฝึกหัดที่น่าเพลินบริสุทธิ์ ได้ผลสูงเกินกว่าที่คนไม่เคยทดลองจะคาดถึง
พืชผักเป็นอาหารที่จะหล่อเลี้ยง "ดวงธรรมแห่งสัจจะ" ในใจของเราให้สมบูรณ์แข็งแรง
ดังนั้นการฝึกกินผัก อาหารพืชผักจึงเป็นแบบฝึกหัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ที่ยอดเยี่ยม
กว่าแบบฝึกหัดอย่างอื่นๆ เพราะแบบฝึกหัดบางอย่างค่อนข้างง่าย แต่บางอย่างก็ยาก
เกินจะฝึก ทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นเกมฝึกหัดประจำทุกๆ วัน แต่เราผู้ปฏิบัติธรรม
ต้องฝึกทุกวันจึงจะได้ผลเร็ว เหตุฉะนี้ การฝึกใจด้วยเรื่องอาหารอันเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภค
อยู่ทุกวันจึงเหมาะมาก อย่าลืมพระพุทธะภาษิตที่มีใจความว่า


"สัจจะเป็นคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์"

ข้อที่ 3. เป็นการฝึกในส่วน "ทมะ" ธรรม

"ทมะ" คือการข่มใจให้อยู่ในอำนาจ คนเราเป็นทุกข์เพราะตัณหาอันได้แก่ ความอยาก
ที่ข่มใจไว้ไม่อยู่ มีข้อพิสูจน์ เฉพาะเรื่อง ผักกับเนื้อ ง่ายๆ เช่น

ข้าพเจ้าเคยเห็นชาวบ้านที่มาจากป่าดอนสูง ๆ อุตส่าห์หาบเอาพวกพืชผักลงมาแลก
ปลาแห้งๆ จากชาวบ้านแถบริมทะเลขึ้นไปกิน ทั้งๆที่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ ในขณะที่
กลางบ้านของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟัก มะพร้าว ฯลฯ อย่างอุดมสมบูรณ์
อีกทั้งอาหารเหล่านี้ยังเป็นของสด สามารถบำรุงร่างกายได้มากกว่าปลาแห้งๆและขึ้นรา
ที่พวกเขาอุตส่าห์ลงมาหามหิ้วขึ้นไปเก็บไว้กินเป็นไหนๆ

ดังนั้น...ผู้ที่ไม่มีการข่มรสตัณหา จักต้องเป็นทาสของความทุกข์ และถอยหลังต่อการ
ปฏิบัติธรรม เหตุนี้การข่มจิตด้วยเรื่องอาหารการกินจึงเหมาะมาก เพราะจะมีการข่มได้
ทุกวัน การข่มจิตอยู่เสมอเป็นของคู่กับ ผ้ากาสาวพัสตร์เช่นกัน

โปรดทราบ ว่ามันเป็นการยากยิ่งที่คนแพ้ลิ้นจะข่มตัณหา โดยพยายามเลือกกินแต่ผัก
จากจานอาหารที่เขาปรุงด้วยเนื้อและผักปนมา จงยึดเอาเกมกีฬาฝึกข่มจิตที่เป็นเครื่อง
ชนะตน อันนี้เถิด

การเลี้ยงพระในงานต่างๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยินเสียงเอ็ดตะโร เรียกเอาแต่
อาหารเนื้อ ส่วนอาหารผักล้วนดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะถูกเลือกกับเขา มิหนำซ้ำ
ยังเหลือกลับไปอีก แม้กระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกันมาก็หายไปแต่ชิ้นเนื้อ คงเหลือแต่
ผักติดจานกลับไป และยิ่งไปกว่านั้นก็คือควรรู้ไว้ด้วยว่า บรรดาพ่อครัวแม่ครัวและเจ้าภาพ
เขารู้ตัวก่อนด้วยซ้ำไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตว์เอาไว้ให้มากกว่าอาหารผักหลายเท่านัก
ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาทั้งของฝ่ายแขกเหรื่อชาวบ้านและฝ่ายบรรพชิตทั้งหลายร่วมมือกัน
"แบ่งอิทธิพล"


ข้อ 4. เป็นการฝึกในส่วน "สันโดษ"

สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ตามฐานะของตน โดยทั่วไปชีวิตของผู้ออกบวช
ย่อมดำรงอยู่ด้วยอาหารชั้นเลว ทว่าข้าพเจ้าเคยเห็นบรรพชิตบางองค์ เว้นไม่ยอมรับอาหาร
จากคนจน เพราะเห็นว่าเลวเกินไป คือเป็นเพียงผักหรือผลไม้ชั้นต่ำ และถึงแม้จะรับมาก็
เพื่อทิ้ง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่เคยมีความสันโดษหรือถ่อมตน

ดังนั้น...การฝึกเป็นนักกินผัก กินอาหารอย่างง่ายๆ จะแก้ได้หมด


"สันโดษ เป็นทรัพย์อย่างเอกของบรรพชิต"

ข้อที่ 5. เป็นการผึกในส่วน "จาคะ"

จาคะ คือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบหรือความพ้นทุกข์ นักกินผักที่แท้จริงมี
ดวงจิตบริสุทธิ์ผ่องใสเกินกว่าที่จะมีใจนึกอยากในเรื่องจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย
เพราะผักไม่ยั่วในการบริโภคมากไปกว่าการกินเพื่ออย่าให้ตาย ซึ่งต่างไปจากเนื้อสัตว์ที่ยั่ว
ให้ติดรสและมัวเมาอยู่เสมอ

ความอยากในรสที่เกินจำเป็นของชีวิต ความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไม่มีเนื้อ
ที่อร่อยมาเป็นอาหาร ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ารับรองได้ว่า ไม่มีในดวงจิตของนักกินผักเลย
ส่วนนักกินเนื้อนั้นท่านจะทราบของท่านได้เอง เป็น ปัจจัตตัง เช่นเดียวกับธรรมะอย่างอื่นๆ


ข้อที่ 6. เป็นการฝึกในส่วน "ปัญญา"

ปัญญา คือ ความรู้เท่าทันดวงจิตที่กลับกลอก การใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษของการ
ยึดมั่น ในการกินอาหาร แบบฝึกหัดที่ยากและเป็นก้าวที่ใหญ่ของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ ไม่มี
อะไรดีไปกว่าการฝึกบริโภคอาหารผักที่จะเป็นอารมณ์ อันบังคับให้ท่านต้องใช้พิจารณาตัวเอง
อยู่เสมอทุกมื้อ เพราะเนื้อ ทำให้หลงในรส ส่วนผักทำให้ยกใจขึ้นไป ซึ่งเหมาะแก่สันดานของ
สัตว์ผู้มีกิเลสย้อมใจ จนจับแน่นเป็นน้ำฝาดมาแต่เดิม


ปัญญาของท่านต้องรู้อยู่เสมอว่า ไม่ใช่จะไปนิพพานได้เพราะกินผัก
เป็นแต่การกินผักจะช่วยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน


แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้มีความเห็นว่า ฝ่ายที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจต้องเป็นผัก ความจริง
อาจจะถือว่าผักเป็นอาหารชั้นเลวหรือไม่ประณีตก็พอแล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญให้ดีแล้ว
มันมาตรงกับอาหารผัก เพราะจะทำอย่างไร เนื้อก็เป็นของชวนกิน เพียงแต่ต้มเฉย ๆ พอได้กลิ่น
มันก็ยั่วตัณหาอยู่ดี!

เพราะฉะนั้นฝ่ายที่จะปราบตัณหา จึงกลายเป็นเกียรติยศของผักไป อาหารผักเป็นอาหารที่ข่ม
ตัณหาได้ และมีแต่ความบริสุทธิ์ จึงเหมาะสมสำหรับผู้ที่ระแวงภัย และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
อยู่เสมอ


ผลดีในฝ่ายโลก

อาหารผักมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งกว่าเนื้อสัตว์หรือไม่? เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันก็บอกแก่เราชัดแจ้งอยู่แล้วว่า อาหารผัก จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลัง แข็งแรง โรคน้อย ดวงจิตสงบช่วยให้ความกระหายในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเป็นอันมาก....

*******************************************************

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคุณrawisada อยากได้ประโยชน์ ทั้งทางธรรม และทางโลก
ตามที่ท่าน อมิตาพุทธ เอาคำสอนของท่านพุทธทาสมาฝาก ไว้

ขอได้ลอง เลิกบริโภคเนื้อสัตว์หันว่ารับประทานผักแทน สักสามเดือน
ถ้าจะพิสูจน์กันจริงๆ ก็น่าจะตรวจดูสภาพจิตใจ และร่างกายตัวเองก่อน
เมื่อครบสามเดือนแล้วตรวจดูอีกทีคุณอาจจะเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ตลอดไปก็ได้

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2009, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขึ้นอยู่กับวิธีคิดและวิธีกิน
วิธีคิด ถ้าไม่ได้ไปเจาะจงให้เขาฆ่าเพื่อเราจะได้กิน อันนี้ก็ไม่ผิดหรอก ไม่รู้ไม่เห็นว่าเขาฆ่า
วิธีกิน ก็กินไปแบบสักว่าอาหารไม่ได้เมามันกับรสชาติ
แต่ถ้าจะกล่าวว่า เพราะเรายังกินอยู่ เขาเลยต้องฆ่า อันนี้โมเมพูดเอาเอง ลองคิดเล่นๆ ถ้าไม่ฆ่ามา
คนกินก็ไม่มีหรอก เพราะไม่มีจะให้กิน มีมาให้กิน มีมาขาย คนซื้อคนกินก็สุจริตซื้อไปกินไป เข้าทำนอง
อยากให้เลิกสูบยา แต่ก็ยังมียาสูบผลิตขายออกมา อยากให้เลิกเหล้า แต่ก็ยังมีการผลิตเหล้านำเข้าเหล้า
อยากให้นักการเมืองไม่โกง แต่ก็เลือกคนโกงเข้ามา(ข้อนี้เกี่ยวป่าวไม่รู้ :b12: )

ลองดูข้อคิดอันนี้ ผมว่าดี

ทานมังสวิรัติ ทานเจ แต่ทำฟองเต้าหู้เหมือนชิ้นปลาชิ้นหมู ปรุงแต่งรสชาดให้คล้ายหรือเหมือนกับแกงหรือ
กับที่ทำจากเนื้อ บางคนกินแล้วชมอีกว่า อร่อยมาก เหมือนกับใส่เนื้อเลย อันนี้ผมเห็นว่าไม่กินไม่ทานเนื้อ
ก็จริง แต่ผลก็เหมือนกับกินนั่นแหละ กินอุปาทาน กินกิเลสเข้าไปคำโตเลย

ฉนั้น วิธีคิดวิธีกิน พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนไว้แล้ว เรื่อการพิจารณาอาหารและทรงแนะไว้ในเรื่องพระ
เทวทัตทูลขอให้ภิกษุฉันงดเว้นเนื้อ นำเอาหลักธรรมตรงนี้มาปฏิบัติดีกว่าครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2009, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กินเนื้อสัตว์ กินผักผลไม้
ก็ให้รู้ว่ากินเพื่อบำรุงธาตุขันธ์
กินโดยสำรวมอินทรีย์ มีสติสัมปชัญญะ
มิใช่ติดที่รสชาติ และที่สุดไม่ต้องคิดว่าเป็นเนื้อสัตว์
และเราไม่มีจิตคิดจะฆ่า เราไม่ได้สั่งให้ใครฆ่ามาให้เรากิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เคยอ่านในหนังสือ มีญาติโยมคนหนึ่ง
ถามหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ว่า "หลวงปู่ครับผมกินเจมาได้
สิบห้าปีแล้ว ผมจะได้ขึ้นสวรรค์ไหม?"
หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า "ช้าง ม้า วัว ควาย มันก็กินหญ้า
มาตลอดชีวิตเหมือนกัน" คำตอบอยู่ในคำตอบ เอวังค่ะ :b13:
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 11:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
เคยอ่านในหนังสือ มีญาติโยมคนหนึ่ง
ถามหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ว่า "หลวงปู่ครับผมกินเจมาได้
สิบห้าปีแล้ว ผมจะได้ขึ้นสวรรค์ไหม?"
หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า "ช้าง ม้า วัว ควาย มันก็กินหญ้า
มาตลอดชีวิตเหมือนกัน" คำตอบอยู่ในคำตอบ เอวังค่ะ :b13:
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:


ฟังแล้วฟ้าผ่าเลย
สว่างวาบบบบบบบบบบบบบ


สาธุ สาธุ สาธุ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2009, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ละเอียดอ่อนมากครับเรื่องนี้เป็นอันว่าใครอยากทานอะไรก็ทานนะครับไม่มีอะไรผิดถูในเรื่องนี้ อย่าฆ่า ไม่ยินดีในการฆ่า อย่ายึดติด มีแกงอยู่เนื้ออยู่ถุงหนึ่งจะกินมั้ยถ้าไม่กินก็โยนทิ้งไปหรือปล่อยให้มันเน่าเป็นธาตุกลับสู่ธาตุเดิม แต่ถ้ากินก็บรรเทาความหิวบำรุงร่างกายได้ เลืกเอานะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2009, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การตั้งใจไม่ทานเนื้อสัตว์ ก็มี หลายเหตุปัจจัย ถ้าตั้งใจเพื่อไปสวรรค์ก็เหมื่อนที่หลวงปู่ว่านั่นแหละ
บางคนแค่ไม่ชอบเฉยๆ บางคนก็ทานเพื่อสุขภาพ บางคนก็เพียงเมตตาสงสารสัตว์
บางคนไม่อยากผิดศีล บางคนตั้งใจเพื่อลดกิเลส หรือมีเหตุผลอื่นๆอีกก้ได้

ดังนั้นการไม่ทานเนื้อสัตว์ จึงมีหลายรูปแบบ หลายระดับขั้น ความเข้มงวด ความยึดถือก็ต่างๆ
เช่น บางคนไม่กินสัตว์ใหญ่ บางคนไม่ทานสัตว์ปีก บางคนทานสัตว์น้ำได้ บางคนทานแต่ปลาเท่านั้น
บางคนทานไข่ได้ บางคนเว้นไข่ทานนมได้ บางคนทานแต่พืชเท่านั้น ก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน

มีบางคนสั่งอาหารตามปรกติ แล้วตักชิ้นเนื้อให้เพื่อน ตัวเองกินแต่ผัก
บางคนยึดมากนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนก็ไม่ได้

ดังนั้นท่านจะเลือกทานเนื้อสัตว์ หรือไม่ทานแบบไหนก็แล้วแต่เหตผลของท่าน
แต่ก่อนทานน่าจะลองพิจารณาดูบ้าง ดังนี้

ข้าพเจ้าพิจารณาแล้วโดยแยบคาย จึงบริโภคอาหาร (โดยรู้ตระหนักว่า) มิใช่เพื่อจะสนุกสนาน
มิใช่เพื่อเห็นแก่เอร็ดอร่อยบันเทิงมัวเมา มิใช่เพื่อสวยเก๋อวดโก้ (แต่) เพื่อให้ร่างกายนี้ดำรงอยู่
ให้ชีวิตดำเนินไปได้ เพื่อระงับความหิวกระหาย (หรือการขาดอาหาร) เพื่อเกื้อหนุนชีวิตที่ดีงาม
(จะได้มีร่างกายที่แข็งแรงดีซึ่งสามารถทำประโยชน์ เช่นไปศึกษาพัฒนาทำงานสร้างสรรค์ต่างๆ)

ด้วยการรับประทานโดยตระหนักรู้อย่างนี้ เราจะระงับเวทนาเก่า (คือความเดือดร้อนเนื่องจากความหิว)
กับทั้งจะไม่ให้เกิดเวทนาใหม่ (เช่น ไม่อึดอัด แน่น จุกเสียด ท้องเสีย เป็นต้น)
และเราก็จะมีชีวิตดำเนินไปได้ พร้อมทั้งจะเป็นการบริโภคที่ปราศโทษภัยไร้ข้อเสียหาย
(เช่น ไม่ต้องทำการแสวงหาโดยทางทุจริตผิดธรรม ไม่เบียดเบียนทั้งตนเอง ผู้อื่น สังคม และธรรมชาติแวดล้อม)
พร้อมทั้งเป็นอยู่ผาสุก

นั่นแบบพระ(แปลมา)หรือแบบคนก็มีแบบนี้

กินข้าว เคี้ยวทุกคำ เราจดจำ กินเพื่อชาติ
อย่ากิน อย่างเป็นทาส เหงื่อทุกหยาด ของชาวนา

จงกินเพื่อเป็นไท กินด้วยใจ ที่รู้ค่า
บรรพบุรุษ สร้างสืบมา ร่วมรักษาคุณความดี

ขยันงาน การสร้างสรร มีสัมพันธ์ฉันน้องพี่
สมัครสมาน สามัคคี อุทิศพลี เพื่อชาติไทย

(สำหรับนักเรียนสัมมาสิกขา)...
ขอขอบพระคุณ ชาวนา ที่ปลูกข้าวให้พวกเรารับประทาน
และขอขอบพระคุณ พ่อครัวแม่ครัว ที่ทำอาหาร
ให้พวกเรารับประทาน ในมื้อนี้

(สำหรับผู้ใหญ่)...
รวมน้ำใจให้เป็นหนึ่ง ทำที่พึ่งให้สังคม
สร้างนาวาบุญนิยม เพื่อกอบกู้มนุษยชน.

ขอให้ท่านได้รับประโยชน์จากการทาน ตามที่ท่านต้องการ เทอญ

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อันตรายอาหารเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งร้ายหลาย ๆ ชนิด
----ยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ และ ทีมคณะแพทย์ชื่อดังระดับโลกที่ทำการศึกษาวิจัยจากผู้ ป่วยกว่า 500000 คนท่วโลก ใช้เวลากว่า 7 ปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ กว่า 12000 คน

น่ากลัวคาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่ ๆ เพิ่มอีกกว่า
เนื้อสัตว์ เป็นบ่อเกิด ต้นตอของนานาโรคร้ายหลากหลายชนิด
เช่นโรคมะเร็ง เต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
และจากการวิจัยล่าสุดโดยมหาวิทยาลัยแพทย์ ฮาวาด์ แห่งสหรัฐ และ
มหาลัยแพทย์ ลีด แห่ง ประเทศอังกฤษ เนื้อสัตว์ ยังเป็นต้นเหตุหลัก ๆ ของ
มะเร็งต่อมลูกหมาก และ มะเร็งรังไข่

ข้อมูลโดยมหาลัยแพทย์ชื่อดังระดับโลก
มหาลัยเทกซัส สหรัฐ
มหาลัยชิคาโก สหรัฐ
มหาลัยฮาวาย สหรัฐ
มหาลัยฮาววาด สหรัฐ
มหาลัยแพทย์ แห่งออสเตอเรีย
มหาลัยคิวเบค แห่งแคนาดา
มหาลัยออกฟอร์ด แห่งอังกฤษ
มหาลัยลีด แห่งอังกฤษ
มหาลัยแฟงค์เฟิต แห่งเยอรมัน

โดยการสนับสนุนสถาบันวิจัย โรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ
National Cancer Research Institue - USA
สถาบันโรคมะเร็ง แห่ง WHO
The World Cancer Research Fund ( WCRF )
และวารสารสุขภาพชื่อดังระดับโลกกว่า 100 ฉบับรวมถึง
เอกสารทางการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้องโลก

ไม่กินเนื้อสัตว์ แล้วเราจะตายหรือไม่ (พุทธศาสตร์+วิทยาศาสตร์

มุมมองความเห็นจากพระสงฆ์ไทย

และจากพระ อาจารย์ บัญฑิต พระฝรั่งชาวอังกฤษ

อดีตผู้อุปถาฐพระอาจารย์ สุเมโท พระฝรั่งตะวันตกพระลูกศิษย์ รุ่นบุกเบิก
พระอาจารย์ ชา แห่งวัดป่านานาชาติ
ขณะนี้จำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ประเทศอังกฤษ ประชากรกว่า40% หรือเกือบ 30 ล้านคน
ได้ละเลิกการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารมังสะวิรัติ
ปลอดเนื้อสัตว์ เพื่อสุขภาพ และ หวั่นเกรงมหันตภัยโรคร้าย
จากเนื้อสัตว์ ที่เคยคุกคามฆ่าชีวิตชาวอังกฤษเป็นจำนวนมากจากโรคมะเ ร็ง ไขมันอุดตัน โรคหัวใจ ปีละจำนวนมาก ๆ ต่อเนื่องด้วยโรควัวบ้าระบาด เมื่อ 6 ปีก่อน และอีก 3 ปีถัดมาโรคไข้หวัดนกระบาด ทำให้ชาวอังกฤษหวาดผวาภัยจากเนื ้อสัตว์

ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง

http://www.watisan.com/wizContent.as...&txtmMenu_ID=7

http://www.watisan.com/showdetail.asp?boardid=1080


**********************************************

ยังมีข้อมูลอีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจมากกว่า 100 บทความ
ที่มีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางทั้งในยุโรป อเมริกา แคนาดา และออสเตอเรีย
ถึงผลร้ายของการบริโภคเนื้อสัตว์ในเชิง สุขภาพ และการระบาดของโรคมะเร็งร้าย นอกจากโรคไขมันอุดตัน โรคหัวใจ อันเป็นผลจากเนื้อสัตว์

แต่ไทยเรากลับปิดปากเงียบ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูล อันน่ารู้นี้ มีแต่เฉพาะ
วงการแพทย์ ที่หันหลังการบริโภคเนื้อสัตว์ มาเป็นอาหารปลอดเนื้อสัตว์

ที่แน่ ๆ การบริโภคเนื้อสัตว์ นอกจากผลดีต่อสุขภาพ ยังเป็นการละบ่วงเวรกรรม
จากการร่วมทำลายล้าง สัตว์อื่น ๆ

โรคมะเร็ง ต้นเหตหลักที่แท้จริงจากงานศึกษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุษย์

จากงานศึกษา วิจัยโรคมะเร็ง สาเหตุหลัก ของการก่อตัวของโรคร้ายต่อมนุษย์
โดยคณะนักวิทยาศาสตร์ ทีมคณะแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากหลายหลาย
มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้องโลก โดยทุนสนับสนุนจาก สถาบันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งโลก (The World Cancer Research Fund (WCRF)

รายละเอียดหาอ่านได้จากข้อมูลในเวป

http://www.dhammajak.net:80/board/viewtopic.php?t=14583

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17241

http://www...agalico.com/ board/showthread.php?t=22743



http://board.palungjit.com/showthread.php?t=145201

http://www...agalico.com/board/showthread.php?t=22040





////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว




xx.jpg
xx.jpg [ 53.2 KiB | เปิดดู 5328 ครั้ง ]
ชีวิตในวฎสงสาร ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ " แด่ชีวิตเพื่อนร่วมโลก ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ
บ้างประสบ ถูกเขาฆ่า บ้างฆ่าเขา
ยุติธรรม คือกรรม ที่ตามเรา
วิบากเก่า ไม่ลืมชาติ ไม่ขาดอายุความ



ชีวิต ในวฎสงสาร


ต่างเวียนว่าย วัฏฏะชาติ อนาถภพ
บ้างประสบ ถูกเขาฆ่า บ้างฆ่าเขา
ยุติธรรม คือกรรม ที่ตามเรา
วิบากเก่า ไม่ลืมชาติ ไม่ขาดอายุความ อ่านจากเวปข้างล่าง น่าสนใจ


http://www.watsai.net/webb/view.php?No=126&visitOK=1
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าทำได้อนุโมทนาด้วยจริงๆเพราะทำได้ยาก แต่ถ้าถามว่าทานบาปหรือไม่ตอบชัดๆนะครับไม่บาปมีหลายท่านได้ให้เหตุผลไว้ดีแล้วเพียงแตสนับสนุนคำตอบครับว่าไม่บาป และก็ไม่ใช่ตัวขวางกันการบรรลุธรรมด้วยครับ แต่ถ้าคุณทำได้ดีมากๆครับ สาธุๆ

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 08:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2004, 08:57
โพสต์: 154


 ข้อมูลส่วนตัว




Copy (3) of phromjan.gif
Copy (3) of phromjan.gif [ 14.74 KiB | เปิดดู 5300 ครั้ง ]
Copy (3) of Vanicha.gif
Copy (3) of Vanicha.gif [ 15.47 KiB | เปิดดู 5299 ครั้ง ]
tammajak-bhuto.gif
tammajak-bhuto.gif [ 33.17 KiB | เปิดดู 5298 ครั้ง ]
.......................................
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมสัตว์ถูกกิน เป็นที่เขาต้องกินนิยมกิน

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 68 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร