วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 17:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะฉะนั้น จะต้องไม่ลืมที่ได้ยินได้ฟัง แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็น

อนัตตาเห็นไหม ไม่มีความมั่นคงที่จะรู้ว่าแม้แต่คิด ขณะไหนก็ตามก็เป็น

ธรรม ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นธรรมทั้งหมด ห้ามไม่ให้คิดอย่างที่กำลังคิดได้

ไหม?ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัจจัยสะสมมาที่จะทำให้คิดอย่างนั้นเกิดขึ้นกับ

แต่ละคนไม่เหมือนกันเลย เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมลืมไม่ได้ว่าเป็นธรรม

ซึ่งเป็นอนัตตา ลืมเมื่อไหร่ก็คือคุ้นเคยกับการที่เคยยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็น

เราแม้คิดก็เข้าใจว่าเป็นเรา แม้ความจงใจและความตั้งใจเจตนาต่าง ๆ ก็เข้า

ใจว่าเป็นเราแม้โทสะหรือโลภะก็เข้าใจว่าเป็นเรา นี่ก็คือการฟังที่เคยได้ยินได้

ฟังยังไม่พอที่จะเป็นปัจจัยที่จะให้ประพฤติปฏิบัติตามได้ ถึงแม้คนที่กำลังฟัง

ในขณะนี้ก็รู้ว่ายังเป็นคนที่มีกิเลสทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเวลาที่มีคำพูดที่เกิดจาก

อกุศลแสดงให้เห็นถึงว่ายังมีอกุศลนั้น ๆ ที่ยังไม่ได้ดับไปนี่คือ การเห็นถูกว่า

เป็นธรรมไม่ใช่เราแต่พอมีคำพูดหรือมีวาจาที่เป็นไปด้วยอกุศลแล้วก็มีตัวตน

ที่จะทำอย่างอื่นก็หมายความว่าการฟังยังไม่พอที่จะละคลายการยึดถือสภาพ

ธรรมว่าเป็นตัวตนด้วยเหตุนี้ ต้องมีความมั่นคงแล้วก็ไตร่ตรองธรรมคือ สิ่งที่

กำลังมีจริง ๆปรากฎในขณะนี้ ที่กล่าวว่าจริงปฏิเสธไม่ได้เลยมีความมั่นคงว่า

นี้เป็นธรรมแน่ ๆหรือเปล่า เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมเห็นเป็น

ธรรม แล้วคิดนึกล่ะเป็นเราหรือเป็นธรรมนี่ก็แสดงให้เห็นว่า ทำไมบางครั้งคิด

เป็นกุศล บางครั้งเป็นอกุศลบังคับบัญชาได้ไหม ไม่ได้ทุกคนอยากจะให้หมด

อกุศลแม้คิดก็อยากจะให้เป็นกุศลพยายามที่จะบังคับให้เห็นกุศล แต่ถ้าตราบ

ใด ที่ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง จะหมดอกุศลที่ยึดถือ

สภาพว่าเป็นเราไม่ได้อกุศลทั้งหลาย จะหมดไปไม่ได้เลย



อะไรเป็นทุกข์เราหรือธรรม ?ธรรม เพราะฉะนั้นก็ตรงกับที่ทรง

แสดงว่าธรรมทั้งหลายเกิดแล้วดับแต่ยังไม่รู้จักว่า “นี้เป็นธรรม” แล้วจะไป “นี้

ทุกข์”ได้ไหมในเมื่อธรรมเกิดธรรมดับถ้าเป็นเราไม่เกิดดับแน่เพราะเป็นเรา






ความเข้าใจถูก จะทำให้ประพฤติปฏิบัติตามธรรม โดยไม่ใช่เรา

ประพฤติ



ไม่ใช่เราด้วยคะเข้าใจค่ะถึงอย่างไรก็ตามแต่ทั้งหมดก็ยังมีความมั่น

คง เราจะขยัน เราจะมีสติ เราจะเพียร ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้นนะคะไม่ใช่เราแต่เริ่ม

เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ว่าเป็นธรรมและสภาพของโสภณเจตสิกทั้งหลาย ก็จะ

เจริญขึ้นจะไม่เห็นผิดโสภณเจตสิกหรือโสภณธรรม ต้องเกิดพร้อมกันขณะนี้

ปัญญาเข้าใจถูกต้องเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ไม่ต้องห่วงสติเพราะแม้กำลังเข้าใจก็

มีโสภณเจตสิกอื่น ๆเกิดร่วมด้วยทั้งสติทั้งศรัทธา

เพราะฉะนั้น การเข้าใจจะเป็นปัญญาส่องให้เห็นลักษณะของสภาพ

ธรรมที่เป็นธรรมยิ่งขึ้น มิฉะนั้นแล้วความมืดคืออวิชชาจะเอาออกได้อย่างไร

มากมายหนาแน่นฟังนิดหนึ่งก็ลืมว่าเป็นธรรมฟังอีกหลายๆครั้งฟังเข้าใจขณะ

ที่กำลังฟังไม่มากต้องใช้คำว่า ไม่มากเพราะอะไรคะ แล้วก็ลืมว่าเป็นธรรมแต่

ถ้ามากแม้ขณะนี้สติสัมปชัญญะก็เกิดได้ ที่จะกล่าวว่าเป็นสติปัฏฐานหรือสติ

สัมปชัญญะก็คือว่า ไม่มีใครทำแต่ว่ามีความเข้าใจ ที่จะรู้ว่าแม้ขณะนั้นก็เกิด

แล้วระลึกแล้วเลือกสิ่งที่สติกำลังระลึกรู้ก็ไม่ได้ และความที่จะค่อย ๆ เข้าใจ

ของสภาพธรรมก็จะเห็นได้ว่า ถ้ามีตัวตนเข้าไปแทรกเมื่อไรก็คือกั้น จะไม่

สามารถเห็นว่าเป็นธรรม ความสงสัยเป็นธรรม ความจงใจเป็นธรรม ความ

ต้องการเป็นธรรม ทุกอย่างทั้งกุศลธรรมและอกุศลธรรม ทั้งหมดเป็นธรรม

เพราะฉะนั้นฟังเพื่อที่จะละความเป็นตัวตน โดยการที่รู้ว่าขณะใดที่

หลงลืมสติไม่ใช่ขณะที่สติเกิดจะไปพยายามที่จะให้เกิดผิด
มีพระพุทธภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้อันวิจิต

ตระกรดุจจะราชรถที่พวกคนเขลาหมกมุ่นอยู่แต่พวกผู้รู้หาข้องอยู่ไม่

โลกนี้อีกคำหนึ่งที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมุ่งหมายถึง คือ ตา, หู,

จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ โลกทางตา,ทางหู,ทางจมูก,ทางลิ้น,ทางกาย,ทางใจ โลก

ซึ่งทุกคนมีอยู่แล้วท่านจึงบอกให้ดูไม่ได้บอกให้ไปดูที่ป่า,ที่เขาที่ไหนนะตาม

ถ้ำที่ไหนทุกคนมีอยู่นี้ดูหรือยังต้องเสพจนคุ้น ต้องทำให้เจริญไม่ใช่ครั้งสอง

ครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะเป็นความเข้าใจจริง ๆ ของเราจนเป็นความรู้ของ

เราเองจนเข้าถึงของจริงที่มีอยู่และขณะกำลังปรากฎในขณะนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ความรู้มากค่ะ :b20: :b20:

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 05:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตา
คือเห็นต่อไปว่า ทุกข์ในใจคือทุกข์อันเกิดจากความยึดมั่นถือมั่น
ในสิ่งต่างๆ ด้วยความหลงผิด ด้วยความเข้าใจผิด
เพราะความหลงผิดเข้าใจผิดจึงทุกข์
เราจึงควรจะทำความเข้าใจให้ถูกในสิ่งนั้นๆ
ไม่เข้าไปยึดอะไรว่าเป็นสิ่งที่ให้เกิดความสุขความสบาย

ก็เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้น มันไม่มีตัวตนที่แท้จริง :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร