วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 17:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


บุญกุศลทำให้มีกิน บาปอกุศลทำให้ไม่มีกิน


ไม่ว่าคุณจะอยู่เกิดในภพภูมิใดก็แล้วแต่ จะเป็นวัว ควาย เปรต ฯลฯ

การทำบุญกุศลจะทำให้มีสุข เป็นสุข = มีอาหารของภพภูมินั้นกิน ไม่ขาดแคลน เป็นสุข

บาปอกุศลจะทำให้มีทุกข์ เป็นทุกข์ = ไม่มีอาหารของภพภูมินั้นกิน ขาดแคลน เป็นทุกข์


ตัวอย่าง


เมื่อมีชีวิตใช้จ่ายส่วนตัวฟุ่มเฟือย แต่มีใจอกุศลตระหนี่ถี่เหนียวไม่ยอมให้ทาน จะต้องไปเกิดเป็นเปรต (คูถขาทาเปรต ที่กินอุจจาระปัสสาวะเป็นอาหาร) ทนทุกข์กับความหิวกระหาย ต้องเที่ยวได้ไปหาอุจจาระปัสสาวะกิน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่ก็หาอาหารกินไม่ได้ แม้ได้อาหารมา พอเข้าปากก็กลายเป็นเถ้าถ่านเสียสิ้น

- การขาดแคลนอาหารของเปรตประเภทนี้ เป็นทุกข์
- การที่อาหาร(อุจจาระปัสสาวะ)กลายเป็นเถ้าถ่านเสียสิ้น ยิ่งเป็นทุกข์เพิ่มขึ้น

ทั้งหมดล้วนเกิดจากบาปอกุศล

ส่วนตัวอาหารนั้น ถ้าเป็นมนุษย์ก็จะบริโภคพืชและซากศพของสัตว์เป็นอาหาร แต่เพราะเขาไม่มีจิตใจเป็นมนุษย์ มีจิตใจเหมือนเปรตประเภทนี้ กฎแห่งกรรมก็จัดสรรให้เขาเกิดเป็นคูถขาทาเปรต ที่กินอุจจาระปัสสาวะเป็นอาหารแทน

ถ้าเขาเป็นคนที่รักษาศีล ละอายใจต่อบาป อย่างน้อยก็จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา บริโภคอาหารทิพย์จากธัญพืช บางครั้งก็เสพแค่กลิ่นก็อิ่มแล้ว แต่ถ้าเป็นคนที่สมานสามัคคี เกื้อกูลคนอื่น หรือรักษาอุโบสถศีลสม่ำเสมอ ฯลฯ ก็จะมีอาหารทิพย์เป็นของบริโภค

ถ้าเป็นผู้ทำสมาธิ โดยเฉพาะผู้ตายในฌาน เมื่อตายแล้วก็จะพรหมในชั้นต่างๆ พรหมชั้นล่างๆจะเสพอุเบกขาเป็นอาหารบ้าง เสพสุขประณีตเป็นอาหารบ้าง ถ้าเป็นพรหมชั้นสูงก็จะเสพปิติเป็นอาหาร ในขณะที่พรหมในชั้นสุทธาวาสจะเสพธรรมรสเป็นอาหาร

สรุป

บุญกุศลทำให้มีกิน บาปอกุศลทำให้ไม่มีกิน ส่วนจะกินอาหารแบบไหน ภูมิไหน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของผู้นั้น ว่าจะสอดคล้องกับภพภูมิไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยิ่งศึกษาธรรมของพุทธะ เหมือนยิ่งออกห่างๆ ชีวิตในปัจจุบันออกไปๆๆ ห่างเหตุแห่งความเสื่อมความเจริญ
ในปั้จจุบันออกไป ไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 04:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ยิ่งศึกษาธรรมของพุทธะ เหมือนยิ่งออกห่างๆ ชีวิตในปัจจุบันออกไปๆๆ ห่างเหตุแห่งความเสื่อมความเจริญ
ในปั้จจุบันออกไป ไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ :b1:



ตรงนี้เคยได้ยินว่า

ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวนะงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร