วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 10:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิ และ นิวรณ์ 5
หมายถึง การที่จิตตั้งมั่นจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การอ่านหนังสือจิตก็จะรวมมาอยู่ที่หนังสือเป็นสมาธิ
ก็จะได้สมาธิระดับขนิกสมาธิ เป็นต้น สมาธิมีลักษณะหินทับหญ้า คือ เมื่อไม่มีสมาธิกิเลสก็จะงอกเงยขึ้นมาได้อีก การทำสมาธิจะเรียกกว่าการเจริญสมถะกรรมฐาน สมาธิที่ควรใช้ในวิปัสสนากรรมฐานคือ ขณิกสมาธิ เท่านั้น สมาธิแบ่งเป็น 3 ระดับคือ
ขณิกสมาธิ คือ สมาธิชั่วขณะ สมาธิที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวในปุถุชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่การงานในชีวิตประจำวันให้ได้ผลดี เป็นสมาธิที่เกิดชั่วขณะหนึ่งแล้วก็หายไป เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
อุปจารสมาธิ คือ สมาธิที่เป็นระดับใกล้ฌาน เป็นสมาธิที่มีความตั้งมั่นใกล้จะถึงปฐมฌานหรือ ปฐมสมาบัตินั่นเอง อุปจารสมาธิคุมอารมณ์สมาธิไว้ได้นานพอสมควร มีอารมณ์ใสสว่างพอใช้ได้ อันเป็นภาวะจิตที่ทำให้เกิด "ฌาน" คือภาวะที่จิตสุขสงบผ่องใส ไม่มีความเศร้าหมองขุ่นมัว
อัปปนาสมาธิ คือ เป็นสมาธิจิตที่แน่วแน่และแนบแน่นมาก เป็นสมาธิระดับฌานซึ่งผู้ปฎิบัติส่วนใหญ่จะต้องผ่านเมื่อผู้ปฏิบัติผ่านมาถึงระดับนี้จะรู้ได้ว่าจิตจะรวมเป็นหนึ่ง (เอกัค คตาจิต=มหากุศลจิตในทางพระอภิธรรม) แล้วจะไม่ได้ยินเสียงสิ่งใดทั้งสิ้นจิตจะพักจะสบายอยู่ตลอดไม่เหนื่อยไม่ง่วงมักจะเป็นเครื่องพักจิตของผู้ที่ผ่านธรรมะแล้ว
นิวรณ์ 5
นิวรณ์5 เป็นเครื่องทำลายสมาธิและกุศลธรรม เมื่อมีนิวรณ์5จะไม่เกิดสมาธิ มี 5 ประการคือ
กามฉันท์ คือ ความอยากได้ อยากเอา พอใจในกามคุณทั้ง 5 คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นกิเลสพวกโลภะ คิดอยากได้โน่นอยากได้นี่
ความพยาบาท คือ ความขัดเคือง แค้นใจ เกลียดชัง หงุดหงิด ฉุนเฉียว ขัดใจ ไม่พอใจ เป็นกิเลสพวกโทสะ
ถีนมิทธะ คือ ความหดหู่ เซื่องซึม เฉื่อยชา ง่วงเหงา ไม่คล่องตัว ไม่เหมาะแก่การใช้งาน ไม่อาจเป็นสมาธิได้
อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ความคิดฟุ้งซ่านวุ่นวายใจ กลุ้มใจ คิดระแวง จิตย่อมไม่สงบเป็นสมาธิได้
วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสังสัย ในคุณพระรัตนตรัย อันมี พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ และในเรื่องราวต่างๆ ย่อมไม่สามารถทำสมาธิได้

***********************************************

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร