วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 21:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 14:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


อะไรอื่น..................

ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ ละ "ความเป็นตัวตน" ได้.



จะให้ทาน หรือ รักษาศีล มากสักเท่าไร

ก็ ละ "ความเป็นตัวตน" ไม่ได้.



ถ้า "เข้าใจ" เรื่อง ของ กรรม

นี่คือ "หนทาง" ที่จะช่วยได้

คือ

"สะสมเหตุปัจจัย"

ที่ทำให้เกิด "ปัญญา"



และ ถ้าจะช่วยใคร........จริง ๆ

ก็คือ ช่วยให้เขาเกิด "ปัญญา"



มิฉะนั้น

เขาก็มี "อกุศลกรรม"ไปเรื่อย ๆ



"หนทางเดียว"

คือ ช่วยให้เขาเกิด "ปัญญา"



อย่างอื่น...ช่วยไม่ได้เลย.!

ช่วยอย่างไร......ก็ ไม่จบ.!



เพราะ ตราบใด

ที่เขายังมี "อกุศลกรรม"

เขาก็มี "เหตุ" ที่จะ "ต้องเกิด"

จะเกิดเป็นอะไร

ก็ไม่มีใครรู้ได้.!



ดีที่สุด คือ

ความเข้าใจ ที่ว่า

มี การเกิด มาแล้ว แสนโกฏิกัปป์

และ ในแสนโกฏิกัปป์ นั้น........

ก็ เกิด เป็นอะไร ๆ ได้ทุกอย่าง.!



บางท่าน....ขอให้เทวดาช่วย.!



แต่ควรทราบว่า

แม้ เทวดาจะมา.....ก็เพราะมี "เหตุ"

ท่านจะมา........ก็เป็นเรื่องของท่าน

ท่านมา....ก็มาอนุโมทนาในความดี

และ ไม่ใช่เรื่องอะไร ของเราเลย.!



ข้อสำคัญ คือ

เทวดา ท่านมาเพื่อจุดประสงค์อะไร.?

ท่านมีกิจ มีภาระอะไร ที่ต้องมา.......?



เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคฯ ยังไม่ดับขันธปรินิพพาน

เทวดา ท่านก็มาเฝ้าพระองค์.......เพื่อ ทูลถามปัญหา.



เพราะฉะนั้น

หน้าที่ของเรา คือ เจริญกุศลทุกประการ

โดย ไม่ต้องสนใจ ว่า

เทวดาท่านจะทำอย่างไร.!



และที่สำคัญ

ต้องไม่ "หลงติด" ตาม "ความคิด"



เพราะว่า ส่วนใหญ่

เรา รัก ตัวเอง

และ เรา ต้องการ ผูกพัน กับ สิ่งที่ ตัวเรา คิดว่า ดี.!

เช่น เรา เป็นลูก ของคนนั้น เรา เป็นหลาน ของคนนี้.!



แต่ข้อสำคัญที่สุด คือ

ต้องเข้าใจจริง ๆ ว่า ไม่ใช่ "ตัวเรา"



และใครจะบอกได้อย่างนี้ ถ้าไม่ใช่..........

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า.!



เพราะฉะนั้น

คำพูดของใคร ก็ไม่สำคัญ ไม่มีความหมาย

ถ้าคำพูดนั้น............

ทำให้ "หลง"......."ทำให้ "ติด"



ต้องเป็น "ปัญญา" เท่านั้น

จึงจะรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน

แม้ มีความกลัว ก็ไม่ใช่ตัวตน ที่กลัว.!


แต่เป็น "จิต"

ที่เกิดขึ้น ขณะสั้นนิดเดียว

แล้วก็ดับไป ๆ ๆ



ตราบใด ที่ "ปัญญา"

ยังไม่ถึงขั้น ที่เป็น "สติปัฏฐาน"

ความ รัก ตัว...ก็จะแสดงออกมา ทุกรูปแบบ.!


เช่น ติด ใน ลาภ

ติด ใน ยศ

ติด ใน สรรเสริญ

ติด ใน สุข.



เพราะฉะนั้น

"สติ"

จึงต้อง ระลึก ตรง "ลักษณะ" ของส่งที่กำลังปรากฏ

ขณะนั้น...ก็สบาย ไร้กังวล

เพราะมี "เกาะ" อยู่ตรงนี้

"เกาะ" คือ "สติปัฏฐาน"

เมื่อมี "เกาะ" แล้ว....ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น ความคิดที่เกิดขึ้น

ด้วยความกังวล หรือ ไม่กังวล.



"สติ"

ก็สามารถที่จะ ระลึก ตรง "ลักษณะ" ดังกล่าวนั้น ได้

ตามปกติ ตามความเป็นจริง.



แม้ "สติ" จะไม่ใช่สิ่งที่เกิดง่าย

แต่ "ความเข้าใจ" สภาพธรรม ตามความเป็นจริง

เป็น "ปัจจัย" ที่ทำให้ "สติ" เกิดได้


เพราะฉะนั้น

จึงต้องศึกษาเรื่องของธรรมะ คือ ปริยัติ

เพื่อ "ความเข้าใจ"

ในสภาพธรรม คือ ปรมัตถธรรม

หรือ สิ่งที่มีจริง ที่กำลังปรากฏ.

ขณะนี้.!


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 75 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร