วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 21:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปริศนา?ตึกกรอสส์บทเรียนอาจารย์ใหญ่
เคยได้ยินเรื่องหลวงพ่อคูณไหม...หลวงพ่อคูณท่านเขียนใบบริจาคร่างกายให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วลูกศิษย์ซึ่งตัดไม่ขาด ก็วิ่งไปขอร้องหัวหน้าภาควิชากายวิภาคให้ยกเลิก

อาจารย์ก็บอกว่า "ไม่ได้ แล้วแต่หลวงพ่อ"

หลวงพ่อคูณบอกว่า...ตายไปแล้วก็เน่า เอาไปให้เขาเรียนยังได้บุญ พวกมึงจะให้กูได้ทำบุญสมใจกูหน่อยไม่ได้หรือ

"ตายแล้วก็เน่า คือความจริง เอาร่างมาให้เรียนได้ประโยชน์กว่า เป็นการทำทาน"



ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์สรรใจ แสงวิเชียร อดีตหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล บอก

อาจารย์หมอสรรใจ บอกว่า ทานในพุทธศาสนามี 2 ระดับ ระดับที่หนึ่ง...อามิสทาน เห็นขอทานเอาเงินไปให้คืออามิสทาน ระดับที่สอง... ธรรมทาน ให้ความรู้

การบริจาคศพคือธรรมทาน ศิริราชพยาบาลมีอาจารย์ใหญ่เพียงพอ แล้วใช้ทำอย่างอื่นด้วย ด้วยความมุ่งหมายตามปรารถนาที่บริจาค

อาจารย์ใหญ่แต่ละท่าน ปัจจุบัน 100 เปอร์เซ็นต์เป็นร่างของผู้ที่ตั้งใจบริจาคได้เขียนพินัยกรรมไว้ ถือว่า...ใบบริจาคศพมีลักษณะเป็นพินัยกรรมทุกประการ

เคยมีการฟ้องร้อง ตัดสินกันถึงศาลฎีกา ว่าศพเป็นทรัพย์สินของผู้ตาย เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้ใครแล้ว ต้องเป็นของคนนั้น

"ที่จริง...ต้องเป็นอย่างนั้น ญาติพี่น้องเก็บไว้ไม่ถูก จะมาขอเลิกก็ไม่ได้ ที่ทำกันมาก็เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย จะไม่ใช่บังคับไปทั้งหมด ที่ผ่านมาจึงอะลุ่มอล่วยกันไปว่า ญาติพี่น้องต้องการอย่างไรก็เอาอย่างนั้น"

ถ้าเผื่อเป็นร่างของคนที่มีลูกศิษย์ลูกหามาก ก็จะมีปัญหาหน่อย อาจารย์ ใหญ่บางร่างเป็นพระ ลูกศิษย์แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งจะให้มา อีกฝ่ายจะไม่ให้มา ก็จะตัดสินด้วยการโหวต ฝ่ายไหนชนะก็ดำเนินการอย่างนั้น



"การได้มาซึ่งร่างอาจารย์ใหญ่...ในประเทศไทยถ้าตั้งต้นให้ถูก เราก็จะมีร่างอาจารย์ใหญ่เรียนไม่ขาด"

เมื่อคุณจะตั้งโรงเรียนแพทย์ ก็ต้องสร้างตึก ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการสำหรับเรียนกายวิภาค ในเวลาเดียวกันก็ต้องสร้างโรงเก็บศพ บ่อดองศพที่มีขนาดพอดี ขนาดยาว 2 เมตร กว้าง...ลึก 80 เซนติเมตร เพื่อจะได้ปิดสนิท ล้วงเอาร่างท่านขึ้นได้สะดวก

"ไม่ใช่สร้างใหญ่โตแบบสระว่ายน้ำ จนเอาร่างอาจารย์ใหญ่ขึ้นมาไม่ได้"

ประเด็นต่อมา เมื่อคุณหาอาจารย์ที่สอนกายวิภาค ก็ต้องหาคนงานที่จะทำศพได้พร้อมกันไป คนงานที่ทำศพได้ชื่อไพเราะว่า พนักงานรักษาศพ แต่ที่แท้ก็เป็นคนงาน มีค่าเท่ากับภารโรงธรรมดา...แต่อย่าลืมว่า คนเหล่านี้ มีความสำคัญเท่าเทียมกับอาจารย์

"วันที่จะเปิดเรียน ควรมีร่างอาจารย์ใหญ่อยู่ในมือ 2 เท่าของความต้องการ เพื่อที่ว่า...อย่างน้อยปีหน้าก็ยังมีเรียน"

อาจารย์หมอสรรใจ บอกว่า อาจารย์ใหญ่แต่ละท่าน ใช้เรียนไปเรื่อยๆ นานทั้งปี หมายความว่าเรียนตั้งแต่ผิวไปจนถึงกระดูก ทุกส่วน เปิดเทอมเดือนพฤษภาคม เรียนเสร็จก็กุมภาพันธ์ปีหน้า
ตึกกายวิภาคศาสตร์ หรือที่นักศึกษาแพทย์เรียกว่า...ตึกกรอสส์

มาจากคำว่า Gross Anatomy คือ วิชามหกายวิภาคศาสตร์ เป็นวิชาที่นักศึกษาแพทย์จะต้องเรียนโดยการชำแหละอาจารย์ใหญ่

ตึกกายวิภาคศาสตร์ ศิริราชพยาบาล สร้างเป็นตึก 2 ชั้น แต่วางแปลนให้ต่อเติมได้อีก 1 ชั้น โดยเงินจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ มีการก่อสร้างที่ซับซ้อน ออกแบบ...ก่อสร้างโดยช่าง กระทรวงธรรมการ
สร้างเสร็จ พ.ศ. 2468 เป็นตึกหลังแรกที่ใช้ในการเรียนการสอนวิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ลักษณะพิเศษ ก่อสร้างแบบไม่ใช้เสาเข็มเป็นฐานราก แต่เป็นแบบฐานแผ่ มีการสร้างรากฐานขึ้นก่อน เพื่อสร้างบ่อสำหรับขังน้ำฝนไว้ที่ชั้นใต้ถุน

ปัจจุบัน ตึกนี้เป็นที่ตั้งของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ และห้องปฏิบัติการเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ สุด แสงวิเชียร และพิพิธภัณฑ์กายวิภาคคองดอน

บรรยากาศห้องเรียนกายวิภาค คนภายนอกที่ฟังเรื่องเล่ามามากมาย อาจมองว่าน่ากลัว...วังเวง แต่ความเป็นจริงจากอาจารย์หมอสรรใจ บอกว่า ไม่มีอะไร เป็นห้องเรียนที่สบายๆที่สุด เด็กคุยกันก็ได้ ไม่น่ากลัว

"ไม่น่ากลัวเพราะอะไร เด็กจะทำพิธีไหว้ครู ไหว้อาจารย์ใหญ่ก่อน เด็กจะถือว่าร่างทุกร่างเป็นครู ทุกคนก็รู้ว่าครูไม่ทำร้ายลูกศิษย์ เมื่อนับถือท่านเป็นครูแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกครูทำร้าย"
มีบ้างไหม...ลูกศิษย์ขอครูให้สอบผ่านไปได้?

"อาจจะมี ผมไม่รู้...ไม่มีลูกศิษย์คนไหนมาบอกให้ฟัง" อาจารย์หมอสรรใจ ว่า "ที่บอกว่าอาจจะมี เพราะเห็นสอบเสร็จก็มีดอกไม้เยอะแยะไปหมด"

มีอยู่รายหนึ่งตอนนี้เรียนจบแล้ว คุณปู่เป็นหมอ คุณลุงก็เป็นหมอ สอบเข้าเรียนหมอได้ มาเรียนกายวิภาคพอดีกับที่คุณปู่ขึ้นมาพอดี ก็ถาม... ไปไหว้คุณปู่ไหม เขาก็บอกว่าไป ยังบอกด้วยว่า...ขอเปลี่ยนอาจารย์ใหญ่ได้ไหม

"คุณปู่สั่งไว้ว่า ถ้าสอบเข้าได้ คงจะพอดีได้เรียนปู่ ก็รู้สึกดี สบายใจที่ได้เรียนกับคุณปู่"

นักเรียนแพทย์คนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เวลาสอบก็รู้สึกว่าคุณปู่ช่วย ที่บอกว่าช่วย...ไม่รู้ว่าช่วยแบบไหน อาจเป็นด้านกำลังใจยังไงสักอย่าง

"นักเรียนแพทย์คนนี้ ชำแหละคุณปู่ในร่างอาจารย์ใหญ่ โดยที่ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นรู้"

ช่วงเวลาในการเรียน...ชั่วโมงเรียนกับอาจารย์ใหญ่ก็แล้วแต่ อาจเริ่มบ่ายสองโมงถึงสี่โมงเย็น แต่ที่สำคัญเราเปิดห้องเรียนให้ถึงสี่ทุ่ม เพื่อให้เรียนให้รู้เรื่อง

"ชำแหละเสร็จแล้ว นักเรียนกรุ๊ปที่ดี...ล้างมือเสร็จควรถามตัวเองวันนี้เรียนอะไร อะไรสำคัญ ทำความเข้าใจให้เรียบร้อยเพื่อวันรุ่งขึ้น แล็บหน้าจะได้เรียนต่อได้อย่างต่อเนื่อง"

อาจจัดเวลาให้ลงตัว สี่โมง...ห้าโมงไปพักกินข้าว เสร็จแล้วกลางคืนก็มาเรียนต่ออีกหน่อยก็ได้ไม่มีปัญหา

"นักเรียนแพทย์เริ่มต้นเรียนก็เหมือนๆกัน...มีกลัวบ้าง...ไม่กล้าบ้าง...ทำไม่ได้บ้าง...ไม่กล้าชำแหละก็มี"



อาจารย์หมอสรรใจ ย้ำทิ้งท้ายว่า...ไม่เคยมีสิ่งใดที่เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นในตึกนี้

หนึ่งประสบการณ์เกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ที่โพสต์ไว้ในอินเตอร์เน็ต เล่าว่า อาจารย์ใหญ่จะถูกแช่ไว้ในบ่อฟอร์มาลินเป็นปี จนเนื้อเยื่อต่างๆ เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และค่อนข้างแข็งคล้ายยาง แต่ยังคงโครงสร้างต่างๆไว้

"เวลาผ่า กลิ่นฟอร์มาลินค่อนข้างแรง ไม่มีเลือดเหลือแล้ว"

ศพปกติที่ตายแล้วฉีดฟอร์มาลิน...ไม่ได้ดูดเลือดออก แต่ผ่าเส้นเลือดใหญ่ที่ขาหนีบ ใส่ท่อเหมือนให้น้ำเกลือ แล้วหยดฟอร์มาลินเข้าไปตามเส้นเลือด...เนื้อเยื่อทำให้ไม่เน่าระยะหนึ่ง จะไม่คงทนเหมือนการดองในบ่อฟอร์มาลินนานๆ

จากความทรงจำกว่า 20 ปีมาแล้ว...กลอนอาจารย์ใหญ่ที่ติดอยู่กับข้างฝาห้องผ่าศพ นักศึกษาแพทย์เชียงใหม่ทุกคนคงคุ้นดี

ครั้งหนึ่งเขา.....เหล่านี้.....มีชีวิต มีความคิด.....เคลื่อนไหว.....ได้อย่างเก่ง

เคยหัวเราะ.....เริงรื่น.....เคยครื้นเครง เคยวังเวง.....โศกเศร้า.....ร้าวรานใจ

มาบัดนี้.....มีแต่ร่าง.....ร้างชีวิต เค้าอุทิศ.....นักศึกษา.....ได้อาศัย

ใช้ร่างเขา.....ศึกษา.....ก้าวหน้าไป จงตั้งใจ.....เคารพเขา.....เหมือนคราวเป็น

ร่างอาจารย์ใหญ่ มีความสำคัญสำหรับการเรียนแพทย์ เพราะขึ้นต้น ต้องรู้จักโครงสร้างของร่างกายอย่างถี่ถ้วน...ถูกต้อง เพื่อที่จะได้เรียนวิชาอื่นๆ...เป็นพื้นฐาน เหมือนคุณสร้างตึก คุณก็ต้องตีเข็มยามที่ศิษย์ก้าวผ่านไปยังชั้นที่สูงกว่าได้สำเร็จ คงไม่มีอาจารย์ คนไหนไปทวงบุญคุณ เพียงแต่หวังเล็กๆว่า...ศิษย์จะไม่ลืมอาจารย์ ใหญ่คนนี้.


จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เสาร์ที่ 6 มิ.ย. 52 .

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีความใฝ่ฝันว่า ชีวิตถ้ายังไม่ตาย
ก็พยายาม สั่งสมอุปนิสัย เพื่อให้ชีวิต
ในบั้นปลาย กลายเป็นชีวิตที่คู่ควรกับ สถูป

คงดีกว่า เป็นชีวิต ที่ใฝ่บุญจากการโดนชำแหละ
อีกอย่างเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมั่นใจคุณธรรมของหมอที่จบออกมา ว่าดีจริงรึเปล่า
คู่ควรรึเปล่ากับการเอาชีวิตไปให้เขาชำแหละ เขาจบออกมาแล้ว
จะเป็นหมอที่ดีและแท้จริง เหมือนหมอโฮจุนได้รึเปล่า
เพราะที่ผ่านมา ในช่วงแค่ 2-3 ปีนี้ ก็ทำให้ได้เห็นอะไรดีๆ เยอะจากหมอสมัยนี้


:b30: :b30: :b30: :b30: :b30:


แก้ไขล่าสุดโดย บัวศกล เมื่อ 07 มิ.ย. 2009, 17:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: สวัสดีค่ะคุณน้ำ เมื่อหลายวันก่อนดูข่าวสามมิติ เค้าก็ขอบริจาคร่างอาจารย์ใหญ่
และเมื่อคืนก็ดูอีก มีคนบริจาคเข้ามาอีกประมาณ 2,000 ร่างแล้ว
แต่ข่าวก็ยังบอกว่าไม่พอ เพราะนักเรียนแพทย์มีมากขึ้น ต้องการผู้บริจาคอีกค่ะ
:b48: ส่วนพี่บริจาคไว้ตั้งแต่ปี 42 ก็สิบปีพอดีแล้วค่ะ คิดว่าเราตายไปก็ขอร่างกายมีประโยชน์
กับเด็กๆนักเรียนแพทย์ก็ยังดี
:b48: อย่างน้อยก่อนเราตายเวลานั้นลูกหลานก็คงต้องส่งตัวเราให้หมอรักษาอยู่ดีน่ะค่ะ :b1:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
มีความใฝ่ฝันว่า ชีวิตถ้ายังไม่ตาย
ก็พยายาม สั่งสมอุปนิสัย เพื่อให้ชีวิต
ในบั้นปลาย กลายเป็นชีวิตที่คู่ควรกับ สถูป

คงดีกว่า เป็นชีวิต ที่ใฝ่บุญจากการโดนชำแหละ
อีกอย่างเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมั่นใจคุณธรรมของหมอที่จบออกมา ว่าดีจริงรึเปล่า
คู่ควรรึเปล่ากับการเอาชีวิตไปให้เขาชำแหละ เขาจบออกมาแล้ว
จะเป็นหมอที่ดีและแท้จริง เหมือนหมอโฮจุนได้รึเปล่า
เพราะที่ผ่านมา ในช่วงแค่2-3ปีนี้ ก็ทำให้ได้เห็นอะไรดีๆเยอะจากหมอสมัยนี้


:b30: :b30: :b30: :b30: :b30:


อ่านโพสของท่านหลายๆครั้งแล้ว...สิ่งนึงที่เห็นจนเป็นเอกลักษณ์ของท่านเลยก็คือความไม่ประมาท ที่มากจนดูว่าจะเป็นความระแวง..... :b13: :b13:

ท่านกล่ามมาเหมือนท่านจะเสียดาย...ทั้งที่ท่านเองก็รู้อยู่แล้วว่าเสียดายแค่ไหนมันก็ต้องจากกันอยู่ดี และท่านเองก็ไม่ได้อยากจะกลับมาใช้มันอีกแล้วด้วย...กระผมคิดว่างั้นนะ :b1:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยามที่คนรู้ทัน เราคงได้แต่หุบปาก และทำหน้าแดง


:b15: :b15: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b1: สวัสดีค่ะคุณน้ำ เมื่อหลายวันก่อนดูข่าวสามมิติ เค้าก็ขอบริจาคร่างอาจารย์ใหญ่
และเมื่อคืนก็ดูอีก มีคนบริจาคเข้ามาอีกประมาณ 2,000 ร่างแล้ว
แต่ข่าวก็ยังบอกว่าไม่พอ เพราะนักเรียนแพทย์มีมากขึ้น ต้องการผู้บริจาคอีกค่ะ
:b48: ส่วนพี่บริจาคไว้ตั้งแต่ปี 42 ก็สิบปีพอดีแล้วค่ะ คิดว่าเราตายไปก็ขอร่างกายมีประโยชน์
กับเด็กๆนักเรียนแพทย์ก็ยังดี
:b48: อย่างน้อยก่อนเราตายเวลานั้นลูกหลานก็คงต้องส่งตัวเราให้หมอรักษาอยู่ดีน่ะค่ะ :b1:


อนุโมทนา สาธุค่ะ :b8:

น้ำบริจาคไปนานแล้วค่ะ .. เพราะคิดว่า ไหนๆต้องตายอยู่แล้ว ..

ขอได้สร้างกุศลครั้งสุดท้าย ดีกว่าปล่อยให้ร่างถูกเผาแบบไร้ค่า ..

แม่น้ำเองก็บริจาคแล้วค่ะ แรกๆแม่ไม่เห็นด้วย แม่ได้เก็บเงินไว้สำหรับงานศพก้อนหนึ่ง

น้ำได้บอกกับแม่ว่า เอาเงินส่วนั้นไว้ทำบุญดีกว่า ถ้าแม่ตายแล้ว แม่ก็หมดโอกาสนะ

ให้รีบทำให้มากๆ เพราะยังมีชีวิตอยู่ ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่างเดียว

มีแต่บุญและบาปเท่านั้นที่ติดตัวเราไป .. แม่เลยยอมไปบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ค่ะ

เหมือนคนที่ทำงาน พ่อเขาป่วยเป็นโรคไต เข้าๆออกๆรพ.เป็นว่าเล่น

วันนั้นเขามาหาน้ำ มาเล่าอาการของพ่อให้ฟัง ว่าตอนนี้พ่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่

น้ำเลยแนะนำให้พ่อเขาได้สร้างกุศลครั้งสุดท้ายของชีวิต โดยบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่

เพื่อจะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายเรื่องงานศพด้วย คืองานศพเขาจัดทีเสียค่าใช้จ่ายเป็นแสน

น้ำบอกเขาว่า เอาเงินมาทำบุญเถอะ ดีกว่าเอาไปละลายทิ้งในงานศพ

เขากลับไปพูดให้พ่อเขาฟัง แล้วก็เป็นอะไรที่บังเอิญมากๆค่ะ

ตัวเขาเองตั้งใจว่าจะนั่งแท็กซี่ไปรพ.จุฬา พอดีมีเพื่อนโทรฯมาหา เขาบอกว่า ..

เพื่อนคนนี้ไม่เคยติดต่อกันเลย นานมากๆ แล้วเป็นอันให้เขาโทรฯมาวันนั้น

เพื่อนเขาเป็นพยาบาลอยู่ที่รพ.จุฬา กำลังจะลงเวรดึกพอดี .. เขาเล่าให้เพื่อนฟัง

เพื่อนเลยเตรียมเอกสารมาให้พร้อมหมดเลย เขาเลยไม่ต้องไปเอง

พ่อเขาเซ็นเอกสารบริจาคร่างกายทุกส่วนที่มีประโยชน์ .. ในวันต่อมา ..

อื่มม .. มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ วันรุ่งขึ้นพ่อเขาก็เสียชีวิตทันที ..

เขามาขอบคุณน้ำที่ทำให้พ่อเขาได้ทำบุญครั้งสุดท้าย และเสียชีวิตอย่างสงบ

คือ เขาไปได้กิติศัพท์ของน้ำมาว่า น้ำเป็นพวกส่งวิญญาณ

ที่บ้านถ้ามีใครป่วยเรื้อรัง ไม่หาย ถ้าน้ำไปเยี่ยมล่ะก็ เสียชีวิตทุกราย

ชีวิตน้ำมักจะมีอะไรแปลกๆแบบนี้แหละค่ะ ..

ขนาดเจ้านายแม่ป่วย เป็นมะเร็ง ..

จะไปหาแม่ แม่ยังไม่ให้ไปเลย กลัวเจ้านายเขาตาย :b5:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
มีความใฝ่ฝันว่า ชีวิตถ้ายังไม่ตาย
ก็พยายาม สั่งสมอุปนิสัย เพื่อให้ชีวิต
ในบั้นปลาย กลายเป็นชีวิตที่คู่ควรกับ สถูป

คงดีกว่า เป็นชีวิต ที่ใฝ่บุญจากการโดนชำแหละ
อีกอย่างเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมั่นใจคุณธรรมของหมอที่จบออกมา ว่าดีจริงรึเปล่า
คู่ควรรึเปล่ากับการเอาชีวิตไปให้เขาชำแหละ เขาจบออกมาแล้ว
จะเป็นหมอที่ดีและแท้จริง เหมือนหมอโฮจุนได้รึเปล่า
เพราะที่ผ่านมา ในช่วงแค่2-3ปีนี้ ก็ทำให้ได้เห็นอะไรดีๆเยอะจากหมอสมัยนี้


:b30: :b30: :b30: :b30: :b30:



คนนี้ไม่อนุโมทนาให้หรอกค่ะ โทษฐานขี้เหนียว และคิดมากค่ะ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 13:02
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเรียนถามผู้รู้หน่อยนะคะ

:b10: อยากทราบว่าการบริจาคร่างกาย จะบริจาคให้ได้เฉพาะโรงพยาบาลที่มีนักศึกษาคณะแพทย์ฯ หรือคณะทางวิทยาศาสตร์สุขภาพอื่น ๆ เท่านั้นใช่ไหมคะ ไม่ใช่โรงพยาบาลทั่วไป :b10: (ความจริงคิดจะบริจาคนานแล้วค่ะ แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการรับบริจาคเลย พอดีเห็นกระทู้นี้เลยเข้ามาอ่านดูค่ะ อนุโมทนากับคุณ walaiporn ที่ตั้งกระทู้นี้ค่ะ :b8: )

:b10: ต้องไปติดต่อกับหน่วยงานใดของโรงพยาบาลคะ คือคิดว่าโรงพยาบาลใดก็ตามที่รับบริจาคน่าจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านนี้เหมือน ๆ กันน่ะค่ะ
(โดยส่วนตัวแล้ว ตั้งใจว่าจะไปบริจาคที่ ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ เพราะเป็นโรงพยาบาลสังกัดคณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ และอยู่ใกล้กับที่ที่กำลังเรียนอยู่ด้วยค่ะ บอกรายละเอียดมาเผื่อมีใครอยู่เชียงใหม่อาจจะแนะนำได้มากขึ้นค่ะ)

:b10: คนที่มีโรคประจำตัวจะบริจาคได้ไหมคะ

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 พ.ค. 2009, 06:55
โพสต์: 43

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:

อ่านโพสของท่านหลายๆครั้งแล้ว...สิ่งนึงที่เห็นจนเป็นเอกลักษณ์ของท่าน

ท่านกล่ามมาเหมือนท่านจะเสียดาย......กระผมคิดว่างั้นนะ :b1:


คุณเป็นซินแสหรือครับ...อ่านผมบ้างสิ่...
บางทีเขาว่า...การที่เราจะรู้จักตัวเองได้ดีขึ้น...
ต้องอาศัยคนอื่นช่วยมอง...ช่วยชี้แนะ...และช่วยสะกิด...

แต่ผมยังเพิ่งมาไม่เท่าไร...เลย...คุณพอจะมองออกรึเปล่าครับ
:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณ walaiporn

ลูกโป่งก็บริจาคนานแล้วเหมือนกันค่ะ
...บริจาคอวัยวะ และบริจาคดวงตา...
อย่างน้อยร่างนี้ ตายไปแล้วก็พอมีประโยชน์กับใครบ้างค่ะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ...

แบบฟอร์ม บริจาคดวงตา+บริจาคอวัยวะ+บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์


แบบฟอร์ม บริจาคดวงตา+บริจาคอวัยวะ+บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์

1)ใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตา (ผ่านระบบเครือข่าย)

http://www.redcross.or.th/donation/eye_donate_form.php4

ใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตา (PDF)
http://www.redcross.or.th/donation/e...ation_form.pdf

แบบฟอร์มใบสำคัญแสดงการยินยอมมอบดวงตาให้สภากาชาดไทย (PDF)
http://www.redcross.or.th/donation/eye_ ... t_form.pdf

บริจาคดวงตา
คุณประโยชน์
ช่วยผู้ป่วยกระจกตาพิการ ซึ่งอาจแบ่งเป็น
- กระจกตาขุ่นเป็นฝ้าขาว เช่น เป็นแผลเป็น หรือกระจกตาบวมจากอุบัติเหตุสารเคมี การติดเชื้อ โรคกระจกตาที่เป็นแต่กำเนิด เป็นต้น
- กระจกตามีความโค้งนูนผิดปกติ
- กรณีฉุกเฉิน เช่น เป็นโรคติดเชื้อรุนแรง ไม่สามารถควบคุมด้วยการใช้ยารักษาได้ หรือรายที่กระจกตากำลังทะลุ หรือทะลุแล้ว สาเหตุใดก็ตาม ต้องรีบตัดกระจกตาส่วนที่ติดเชื้อ แล้วใส่กระจกตาบริจาคแทนที่เพื่อรักษาดวงตาไว้ก่อน
- ทำเพื่อความสวยงามเป็นการทำให้ฝ้าขาวที่ตาดำหายไปโดยไม่คำนึงว่ามองเห็นหรือ ไม่ วิธีนี้ไม่นิยมทำในเมืองไทย เพราะดวงตาบริจาคมีน้อย จำเป็นต้องเก็บไว้ทำการผ่าตัดให้ผู้ที่ทำแล้วจะทำให้เห็นดีขึ้นเท่านั้น

วิธีการ
ภายหลังถึงแก่กรรม ดวงตาจะเริ่มเสื่อมคุณภาพและเน่าเปื่อยเหมือนอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้นจำเป็นต้องรีบเก็บดวงตาให้เร็วที่สุด อย่างช้าไม่ควรเกิน 6 ชั่วโมง ถ้าช้าเกินไปดวงตาจะใช้ไม่ได้ และไม่ควรอนุญาตให้ฉีดน้ำยากันเน่าเปื่อยของศพ ก่อนที่จะผ่าตัดเก็บดวงตา
ขั้นตอนการแสดงความจำนงอุทิศดวงตา
1. กรอกรายละเอียดในใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตาให้ชัดเจน
2. เมื่อศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ได้รับใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตาจากท่านแล้ว ศูนย์ฯจะส่งบัตรประจำตัวให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้
3. หากย้ายที่อยู่หรือเปลี่ยนสถานภาพใดๆ กรุณาแจ้งศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
ข้อควรปฏิบัติภายหลังการอุทิศดวงตา
1. แจ้งสมาชิกในครอบครัวหรือญาติใกล้ชิดให้รับทราบ
2. เก็บบัตรอุทิศดวงตาไว้กับตัวหรือในที่หาง่าย
3. ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์

สถานที่ติดต่อ

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฒโน) ชั้น 7
ถนนอังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ 0-2252-8131-9 , 0-2258-8181-9, 0-2256-4039 และ 0-2256-4040
ต่อศูนย์ดวงตา ตลอด 24 ชั่งโมง
E-mail: eyebank@redcross.or.th

:b8: :b8: :b8:

2)ใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ (PDF)

http://www.redcross.or.th/donation/orga ... n_form.pdf

บริจาคอวัยวะ
คุณประโยชน์
ปัจจุบันมีผู้ป่วยในระยะสุดท้ายอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ทุกข์ทรมานจากการที่อวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด ฯลฯ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ วิธีรักษาทางการแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ คือ การปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ ด้วยอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะของบุคคลนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมาปลูกถ่าย จึงจะช่วยให้ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและ สังคมต่อไปได้
อวัยวะใหม่ที่สามารถนำมาปลูกถ่าย ได้แก่ หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด, ตับอ่อน, กระดูก ฯลฯ ซึ่งได้มาจากการนำอวัยวะใหม่เปลี่ยนแทนอวัยวะเดิมที่เสื่อมสภาพ จนไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ และการผ่าตัดนั้นจะเป็นการช่วยชีวิตผู้ป่วยในระยะสุดท้าย เพื่อให้อวัยวะใหม่นั้นทำงานแทนอวัยวะเดิม

ขั้นตอนการบริจาค
1. กรอกรายละเอียดในใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้ชัดเจน ที่อยู่ควรจะตรงกับทะเบียนบ้าน (หากต้องการให้ส่งบัตรประจำตัวไปยังสถานที่อื่น กรุณาระบุ)
2. พิมพ์ใบแสดงความจำนงบริจาค ส่งเอกสารมายังศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ตามที่อยู่ด้านล่าง และเมื่อศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้รับใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะของท่านแล้ว ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ จะส่งบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะให้ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้
3. หลังจากที่ท่านได้รับบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะจากศูนย์รับ บริจาคอวัยวะฯ แล้ว อย่าลืมกรอกชื่อ และรายละเอียดการบริจาคลงในบัตร
4. กรุณาเก็บบัตรประจำตัวผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้กับตัวท่าน หากสูญหายกรุณาติดต่อกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย

คุณสมบัติของผู้บริจาคอวัยวะ
1. ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี
2. เสียชีวิตจากสภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ
3. ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง
4. ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา
5. อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี
6. ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ
7. กรุณาแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลในครอบครัวหรือญาติให้รับทราบด้วย

สถานที่ติดต่อ
ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย
อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) ชั้น 5
ถ.อังรีดูนังต์ ปทุมวัน
กรุงเทพฯ 10330
โทร. 1666

:b8: :b8: :b8:

3)ใบแสดงความจำนงบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์ (PDF)

http://www.redcross.or.th/donation/self ... n_form.pdf

บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์
การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาสร้างกุศลทานอันยิ่งใหญ่ ด้วยการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาการให้ หรือ การบริจาคย่อมทำให้เกิดความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ผู้ให้มีความสุข มีความภาคภูมิใจในความเป็นผู้เสียสละ ผู้รับมีความสุข ที่ได้รับสิ่งจำเป็นที่สุดที่ตนเองยังขาดแคลน
การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษา ผู้บริจาคเป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ยอมสละร่างกายของตนเอง ให้ผู้ที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อนได้ศึกษาโดยเพียงแต่มุ่งหวังว่า ผู้ที่ศึกษาร่างของตนจะนำความรู้ที่ได้รับนั้นไปช่วยมวลมนุษย์ชาติต่อไป ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาได้สร้างกุศลทานครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุด โดยได้แต่หวังว่า ผู้อยู่เบื้องหลังจะไม่ต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วย ตนเองมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดใด นอกจากได้เป็นผู้"ให้"เท่านั้น

คุณประโยชน์
การอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา เป็นการสร้างประโยชน์ทั้งด้านวิชาการ ด้านสาธารณสุข ด้านจริยธรรมและการเสริมสร้างสังคมอันจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในการศึกษาทางการแพทย์บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่ง ต่างๆ จากร่างกายของมนุษย์เพื่อเป็นแนวทางสำคัญในการรักษาผู้ป่วยต่อไปในอนาคต
การศึกษาจากร่างกายผู้อุทิศร่างกาย ใช้ประโยชน์หลายกรณี อาทิเช่น
1. เพื่อใช้ในการศึกษาของนิสิตแพทย์
2. เพื่อใช้ในการศึกษาของแพทย์เฉพาะทาง
3. เพื่อใช้ในการศึกษาของนักศึกษาพยาบาล
4. เพื่อใช้ในการศึกษาของนิสิตเทคนิคการแพทย์
5. เพื่อใช้ในการศึกษาของนักศึกษารังสีเทคนิค
6. เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยทางการแพทย์
7. เพื่อใช้ในการจัดทำพิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์

วิธีการ
ผู้มีความประสงค์อุทิศร่างกายสามารถยื่นความจำนงได้ 2 แบบ คือ
1. ยื่นความจำนงโดยตรงที่ ฝ่ายอุทิศร่างกาย แผนกเลขานุการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
โดยกรอกข้อความ ตามแบบฟอร์ม ทั้ง 3 ฉบับ เก็บไว้ที่ผู้อุทิศร่างกาย 1 ฉบับพร้อมทั้ง ใบประกาศของโรง
พยาบาล 1 ฉบับ และให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้ 2 ฉบับ เจ้าหน้าที่จะออกบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกายให้ไว้เป็นหลักฐาน
2. ยื่นความจำนงทางไปรษณีย์ โดยกรอกข้อความในใบอุทิศร่างกายทั้ง 3 ฉบับ แล้วส่งมา
ทางไปรษณีย์ 2 ฉบับ เจ้าหน้าที่จะส่งบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกายให้ภายหลัง
เมื่อผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรม ทายาท มีสิทธิ์คัดค้านไม่มอบศพให้กับโรงพยาบาลได้โดยต้องแจ้ง
การคัดค้านไม่มอบศพกับโรงพยาบาลฯภายใน 24 ชั่วโมง
เมื่อผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรม และทายาทผู้รับมรดกยินยอมพร้อมใจกันจะมอบศพให้โรงพยาบาลฯ
ขอให้ติดต่อโรงพยาบาลฯเพื่อจัดเจ้าหน้าที่ไปรับศพ โดยเจ้าหน้าที่จะให้กรอกใบสำคัญยินยอมมอบศพให้
โรงพยาบาลเพื่อการศึกษาไว้เป็นหลักฐาน

โดยติดต่อแจ้งการรับศพได้ที่
1. ในเวลาราชการติดต่อที่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ หมายเลขโทรศัพท์
2564281 หรือ 2527028 หรือ 2528181-9 ต่อ 3247
2. นอกเวลาราชการติดต่อที่ ตึกห้องพักศพ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการรับศพ หมายเลขโทรศัพท์
2564317
โรงพยาบาลจะสามารถรับร่างของผู้อุทิศร่างกายได้ก็ต่อเมื่อ มีใบมรณบัตรซึ่งออกโดย นายทะเบียน
ท้องถิ่นที่ผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรมแล้วเท่านั้น
โรงพยาบาลจะจัดเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้อุทิศร่างกายเฉพาะที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
เมื่อโรงพยาบาลรับร่างผู้อุทิศร่างกายมาแล้ว ไม่สามารถอนุญาตให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศล
ก่อน เพราะจะทำให้ไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการศึกษา
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้อุทิศร่างกาย ทายาทควรให้ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวกที่สุดไว้กับเจ้าหน้าที่
เพื่อให้สามารถติดต่อได้เมื่อนิสิตศึกษาร่างผู้อุทิศร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้วและหากมีการเปลี่ยนแปลงที่
อยู่ต้องแจ้งให้ทราบ

ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ จะจัดให้มีการศึกษาร่างของผู้อุทิศร่างกายในกรณีต่างๆต่อไปนี้ ตามความ
เหมาะสม
1. เพื่อการศึกษาของนิสิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้าน
2. เพื่อการฝึกอบรมหัตถการต่างๆ และงานวิจัยทางการแพทย์
เมื่อฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศึกษาร่างผู้อุทิศฯศึกษาเรียบร้อยแล้ว
จะมีคณะกรรมการดำเนินการจัดงานฌาปนกิจ และขอพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ)

คุณสมบัติของผู้บริจาค

ผู้มีความประสงค์อุทิศร่างกายต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป กรณีที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องได้รับความ
ยินยอมจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษร
โรงพยาบาลจะไม่รับศพผู้อุทิศร่างกายในกรณีดังนี้
- ถึงแก่กรรมเกิน 24 ชั่วโมง ยกเว้นได้เก็บไว้ในห้องเย็นของโรงพยาบาล
- ผู้อุทิศร่างกายที่ได้รับการผ่าตัด หรือมีรอยเสียหายจากอุบัติเหตุ บริเวณศีรษะและสมอง
- ผู้อุทิศร่างกายที่ถึงแก่กรรมจากสาเหตุจากโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและ สมอง หรือติดเชื้อ โรคร้ายแรงเช่น เอดส์ ไวรัสลงตับ และวัณโรค
- ผู้อุทิศร่างกายที่มีคดี เกี่ยวข้องกับคดี หรือมีการผ่าพิสูจน์ ยกเว้นการผ่าพิสูจน์บริเวณช่องท้องที่แพทย์นำไปใช้ในทางการศึกษาทางการแพทย์ เท่านั้น
- ผู้อุทิศฯที่ผ่านกระบวนการเก็บรักษาด้วยน้ำยาแล้ว
ในกรณีที่รับร่างผู้อุทิศฯมาแล้ว มีการตรวจพบว่าอยู่ในกรณีดังกว่าวข้างต้น โรงพยาบาลจะติดต่อญาติให้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

สถานที่ติดต่อ
ฝ่ายเลขานุการ ตึกอำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
เขตปทุมวัน กทม. 10330 ในวัน เวลาราชการ
หลักฐานที่ต้องเตรียมมามีดังนี้
1. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป
2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ
3. สำเนาทะเบียนบ้าน

:b8: :b8: :b8:

...สาธุ สาธุ สาธุ กับทุกท่านที่บริจาคนะคะ...

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 13:02
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วถ้าอยู่ต่างจังหวัดล่ะคะ จะบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ได้ที่ไหนคะ หรือต้องไปถามที่โรงพยาบาลเอง :b5:

ความเห็นส่วนตัวก็คือคงไม่มีแค่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ที่รับบริจาคเพียงแห่งเดียว แล้วค่อยกระจายศพไปยังมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ เพราะแค่ไปรับศพก็คงใช้เวลาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ

ถ้าทำให้ขัดเคืองใจต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ลูกโป่งว่า ลองสอบถามที่รพ.ที่เราอยากจะบริจาคก็ได้ค่ะ
น่าจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ปทุมา เขียน:
แล้วถ้าอยู่ต่างจังหวัดล่ะคะ จะบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ได้ที่ไหนคะ หรือต้องไปถามที่โรงพยาบาลเอง

ความเห็นส่วนตัวก็คือคงไม่มีแค่ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ที่รับบริจาคเพียงแห่งเดียว แล้วค่อยกระจายศพไปยังมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ เพราะแค่ไปรับศพก็คงใช้เวลาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ


:b43: :b43: :b43:

เท่าที่พอทราบน่าจะมีสถานที่รับบริจาคในเขตภูมิภาคดังนี้ค่ะ

:b47: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (โรงพยาบาลศรีนครินทร์) จ. ขอนแก่น

(เมื่อคืนก่อนเพิ่งได้ดูข่าวว่ามีการพระราชทานเพลิงศพ "อาจารย์ใหญ่" ของนักศึกษาแพทย์ที่นี่น่ะค่ะ) :b20:

:b47: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ. สงขลา

:b47: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ. เชียงใหม่

:b43: :b43: :b43:

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้บริจาคดวงตา อวัยวะ และร่างกาย
และกำลังคิดจะบริจาคเป็นอย่างยิ่งด้วยนะคะ
:b8: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณสำหรับรายละเอียดที่นำมาเพิ่มเติมค่ะ :b8:

ขออนุโมทนากับกุศลจิตของทุกท่านด้วยค่ะ :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


จิงโจ้ เขียน:
คุณเป็นซินแสหรือครับ...อ่านผมบ้างสิ่...
บางทีเขาว่า...การที่เราจะรู้จักตัวเองได้ดีขึ้น...
ต้องอาศัยคนอื่นช่วยมอง...ช่วยชี้แนะ...และช่วยสะกิด...

แต่ผมยังเพิ่งมาไม่เท่าไร...เลย...คุณพอจะมองออกรึเปล่าครับ
:b1: :b1: :b1:


ปล่าวครับ...กระผมก็แค่เป็นคนนึงที่ติดตามอ่านโพสของท่าน บัวศกล อยู่เป็นประจำครับ...เพราะในความไม่ประมาทของเขาทำให้เราได้ละเอียดขึ้นครับ :b13:

ถ้ายังไงก็ลองให้ พระเอกขวัญใจวัยสีชมพู ทายดูซิครับ...เห็นว่าสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เขาน่าจะบอกได้นะ :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 63 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร