วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 15:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2010, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ธ.ค. 2010, 14:56
โพสต์: 122

โฮมเพจ: chanachai20102553@gmail.com
แนวปฏิบัติ: ค้นหาธรรมของพุทธเจ้า
งานอดิเรก: มองธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่ม
ชื่อเล่น: แค่นามสมมุติ
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ดูก่อนท่านทั้งหลาย...............................

พึ่งมีพุทโธกันเทอญ ...
คือการเป็น ผู้ที่รู้ ผู้ที่ตื่น ผู้ที่เบิกบาน ในการณ์ปัจุบันหลีกหนี หรือ ละ ลด กิเลส ที่เป็นอำนาจของมารท่านทั้งหลายเอ๋ย.......ปุถุชนยังคงวนเวียนยังวุ่นวายกับตัวเราในเรื่อง กิน กาม เกียรติ ที่อยู่อาศัย การแข่งขัน การขวนขวายในสิ่งต่างๆ ความสุข ความทุกข์ ความเศร้า ความดีใจ ความเสียใจ ความโลภ ความโกรธ ความหลง แต่เมื่อท่านได้รู้ ท่านก็จะตื่นจากอำนาจของมาร และท่านก็พึ่งเบิกบานด้วยธรรม.

ขอให้ทุกท่านพึงพิจารณาและเห็นแจ้งในธรรมเทอญฯ สาธุ.....
:b42: :b44: :b42: :b44: :b42: :b44: :b42: :b44: :b42: :b44: :b42: :b44:

.....................................................
เราจักขออำนาจบุญกุศลที่ตัวเราได้กระทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
จงแผ่อำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหลายไปสู่ทั่วทั้งสากลโลก ทั้ง16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน วิญญาณที่มีรูป และ ไม่มีรูป ทั่วทั้งทุกอณูใน 3 โลกจงได้รับแห่งบุญกุศลที่เราได้จักกระทำไว้ด้วยเทอญ สาธุ.................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2010, 01:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็บอกได้เลยว่ามีแน่นอน(ผู้หลับใหล ลุ่มหลง) แต่วันนี้เปลี่ยนไปแล้วจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยที่เขียนแบบนี้ก็ยังมีสติตื่นรู้อยู่นะครับ เพราะแต่ก่อนผมจะคิดแบบตามกระแสโลกสังคมซึ่งทำให้เป็นทุกข์มาก แต่ตอนนี้ผมคิดตามแบบธรรมคือสวนกระแสโลกสังคมแต่ก็ไม่ได้ขวางโลกนะครับ เพียงแต่ดูความเป็นไปที่เกิดขึ้นในสังคมแล้วตามดูสภาพจิตของตนว่าเป็นเช่นไร เกิดกุศลหรืออกุศลจิตครับเพื่อจะได้เห็นสภาพความเป็นจริง(ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเห็นจากสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก แต่เห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติภายใน) เพราะสรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงไปตลอดครับ และที่ผมเปลี่ยนแปลงไปบอกได้เลยครับว่าเป็นเพราะอานุภาพของพระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกนั้นไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปได้เลยครับ ที่บอกได้แบบเต็มปากก็เพราะความทุกข์ที่มีอยู่ในใจนั้นลดน้อยลงมามากเลย
และถ้าทุก ๆ คนศึกษาพระธรรมและน้อมเข้ามาปฎิบัติตามหลักคำสอนของพุทธองค์แล้ว ก็จะเปลี่ยนแปลงไปเหมือนผมแน่นอน 100% ครับ

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 01:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


..มีแล้ว..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 12:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ถ้าเป็น ภาษา พุท-โธ ... เอกอนก็เห็นเหตุอันควรต้องวางแล้ว...
แม้แต่...การตั้ง พุท-โธ ไว้ในใจ ... เอกอนก็เห็นเหตุปัจจัยอันควรต้องวางแล้ว...

เพราะ... สัจจะไม่ใช่สิ่งที่จะต้องนำไปตั้งไว้...
ถ้าเปรียบ...สัจจะ...ก็ประหนึ่งผืนดินโดยธรรมชาติ...
แล้ว...เราก็เอากระถางใส่ดินไปตั้งไว้บนพื้น...แล้วก็ปลูกต้นไม้ในกระถาง...

และเราก็บำรุง...เฝ้าถอนวัชพืชในกระถางเพื่อประคบประหงมต้นไม้ในกระถาง...

ต้นไม้งอกโต...ใหญ่งาม...ออกดอก...ร่วงหล่นลง...พื้น...

ส่วนหนึ่งร่วงหล่นในขอบเขตแห่งกระถาง...
แต่ส่วนหนึ่งร่วงหล่นลงสู่พื้นที่พ้นขอบเขตไปจากกระถาง...แต่ยังอยู่ใต้ร่มเงา
...
และยังมีบางส่วน...ต้องกระแสลม...หล่นพ้นไปจาก...เงา...
...
นั่นคือ...โอกาสที่ก่อให้เกิดเป็น...ต้นโพธิ์ที่ไปโตอยู่ตามแห่งต่าง ๆ...ที่แปลก ๆ
...
แม้แต่ซอกอาคาร...หลังคาบ้าน...
...
แง่มุมหนึ่ง...กับการมองเห็น...ต้นโพธิ์ตรงรอยแยกกระเบื้องหลังคา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

วาง เพราะมีเหตุปัจจัยอันควร กับ วาง เพราะหมดเหตุปัจจัยอันควร

สองอันนี้ ต่างกันไหม คุณเอกอน

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 12:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ผงธุลีดิน เขียน:
ขออนุญาติท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

วาง เพราะมีเหตุปัจจัยอันควร กับ วาง เพราะหมดเหตุปัจจัยอันควร

สองอันนี้ ต่างกันไหม คุณเอกอน


ถ้าไม่เกิด...จะมีอะไรมาดับ...

ถ้าหมดเหตุ...จะวางอะไร...



:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 13:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เอกอนเคยพิจารณาเล่น ๆ ได้สองแง่...
หนึ่ง...คือ..ถ้าเราถือแจกันอยู่...ถ้าเรายังไม่เมื่อย...
หรือไม่มีสิ่งหนึ่งที่น่าจับถือมากกว่ามาเบี่ยงเบนความน่าจับถือ...เราก็คงจะจับมันไว้...ไม่วาง...
จนกว่าเราจะถือแจกันไปถึงเป้าหมายไว้...เช่นเอาไปล้าง หรือเอาไปวางบนชั้น..หรือเอาไปวางบนโต๊ะหมู่บูชา..

นั่นคือ...วาง...เพราะมีปัจจัยเข้ามาในเรื่องวาง...

กับอีกหนึ่งแง่...

เมื่อแจกันนั้น...เราไม่ได้เข้าไปจับถือ... เราจะวางแจกันอย่างไร...
...

เพลิน ๆ สองแง่...กับการพิจารณาการวาง...


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 16 ธ.ค. 2010, 13:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 13:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


และ ผง ผง มักจะจี้โกง...
ให้เอกอนแสดงฝ่ายเดียว...
...

:b13:

แบ่งปัน...กัน...มาซะดี ๆ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 14:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เอกอนเคยพิจารณาเล่น ๆ ได้สองแง่...
หนึ่ง...คือ..ถ้าเราถือแจกันอยู่...ถ้าเรายังไม่เมื่อย...
หรือไม่มีสิ่งหนึ่งที่น่าจับถือมากกว่ามาเบี่ยงเบนความน่าจับถือ...เราก็คงจะจับมันไว้...ไม่วาง...
จนกว่าเราจะถือแจกันไปถึงเป้าหมายไว้...เช่นเอาไปล้าง หรือเอาไปวางบนชั้น..หรือเอาไปวางบนโต๊ะหมู่บูชา..

นั่นคือ...วาง...เพราะมีปัจจัยเข้ามาในเรื่องวาง...

กับอีกหนึ่งแง่...

เมื่อแจกันนั้น...เราไม่ได้เข้าไปจับถือ... เราจะวางแจกันอย่างไร...
...

เพลิน ๆ สองแง่...กับการพิจารณาการวาง...


อิ อิ และยังมีอีกแง่...
คือ...มีปรากฎ แต่ ไม่ปรากฎการยึดถือ...

คือ...เมื่อแจกันนั้น...เราไม่ได้เข้าไปจับถือ...แล้วเราจะวางแจกันยังไงร... นั้นแง่มุมหนึ่ง...
นั่นเป็นแง่มุม...ที่เราเหมือนจะเริ่มเป็นผู้สักเกตเห็นวงจร...การจับ..การวาง...
และ...อาจจะเริ่มเข้าไปสู่กระบวนการ...
การไม่เข้าไปหยิบ-ไปจับ...

ซึ่งในการเข้าไปสู่กระบวนการนั้น...ด้วยประสบการณ์...บางครั้งอาจจะทำให้...
ผู้ปฏิบัติเกิดมุมมองได้ว่า... เราจะได้สัมผัสถึงแรงกระทำที่เป็นการคอยหน่วงคอยฝืน...

การเห็นกระบวนการหน่วง การฝืน...ถ้าเรายึดมั่นในพฤติกรรมนั้นว่าใช่...ทาง
เราก็จะพบกับความหน่วงความฝืน...แม้จะหน่วงจะฝืนจนชิน...เราก็ยังเห็นการ...เกิด-ดับ...

เราจะเห็น...การควบคุม...และการไม่ควบคุม...เกิด-ดับ...เกิด-ดับ...
จะต้องเกิด...บทธรรมมาคอยตามประกบพฤติกรรม...อยู่ตลอดเวลา...
บทธรรม...เกิด และบทธรรมก็ดับ...

เมื่อไร...ตราบเท่าที่เรายังเห็น เกิด-ดับ... เราก็อยู่ภายใต้การ ถือ-วาง (แจกัน)
คือเราจะเห็นพฤติกรรม...เดิม ๆ ซ้ำ ๆ
มันจะเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แค่เปลี่ยนสิ่งที่ยึดถือไป...
..ซึ่ง...มันก็เกิดแง่ขึ้นได้...ว่า...จริง ๆ แล้วเราจะออกจากวงจรการเกิด-ดับ จับ-วาง...
ได้อย่างไร...กันแน่...
ในเมื่อ...ยิ่งเราพิจารณา...เราก็เห็น...เกิด-ดับ จับ-วาง... ไม่จบไม่สิ้น...
ซึ่งมันจะ...ส่งให้ผู้สังเกต...มองช่องทางไปสู่การ ไม่เกิด ไม่จับ ในอีกแง่มุมหนึ่ง...

ซึ่ง...แม้จะใช้คำว่า...ไม่จับ หรือ ไม่เกิด...จากการมองในแง่มุมนี้...
ก็แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับคำว่า ไม่จับ หรือ ไม่เกิด ในแง่มุมก่อนหน้านี้...

เพราะ...มันเป็นแง่มุมที่...ผู้สังเกตเริ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณาหาแง่ในการ
ย่อยสลายแจกัน และย่อยสลายผู้กระทำต่อแจกัน


นี่เป็นแค่...การแลกเปลี่ยนแง่มุม...

กับการ...ปฏิบัติ...
เอกอน...ตระหนักถึง...พรหมาชาละสูตรมาตลอด...ควบคู่กับอริยสัจจ์ นั่นล่ะ...
นั่นคือ...เหตุผลว่าทำไม...พรหมาชาละสูตร...จึงเป็นพระสูตรที่ถูกนำมาวางไว้เป็นพระสูตรแรก...
เอกอนมองธรรมบทนี้เหมือนวัคซีนที่จำเป็นสำหรับการตนเองในการปฏิบัติ...
สำหรับคนที่มี...นิมิต...ประปรายตลอดเส้นทาง...

...เอกอน...ใช่ธรรมบทนี้เป็นเหมือนวัคซีน...
ป้องกันการหลงไปในนิมิต...ต่าง ๆ ...

คือ...นิมิตทางธรรม...นั้นเป็นคุณเพราะทำให้เอกอนรู้ในสิ่งที่จะเกิดตามกาลคร่าว ๆ...
จึงมี...เวลาศึกษาธรรมทั้งในแง่ของการรุก...การรับ...การบำรุง และการป้องกัน...
...และ...นิมิต...นั้นก็เป็นจุดอ่อนมาตลอดชีวิต...เพราะ...มันแฝงภัยจากการหลงในคุณ...
...เมื่อใช้มัน..เราเล่นอยู่กับมัน...แต่เราก็ต้องไม่ประมาทในสิ่งที่เราใช้...
และเราต้อง...ไม่จมปรักกับอาวุธที่เราใช้...ไม่ให้ความสำคัญกับอาวุธชนิดใดชนิดหนึ่ง...
และฝึกทักษะกับอาวุธด้านอื่น...เพื่อไม่ยึดติดในอาวุธใด ๆ..
แม้สู้ด้วยมือเปล่า...เราก็ต้องสู้ให้ได้...

เหมือนกับการรู้...เราไม่ได้ใช้เพียงแค่ตาเพื่อรู้...
ปรากฎอายตนะที่ไหน...เช่นไร...อย่างไร...
นั่นคือ...เรามีโอกาสใช้ช่องทางนั้นมาเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติได้ทั้งหมด...
...

...ซึ่งมันก็เป็น...นิมิต...อีกเช่นกัน...ที่ทำให้เอกอนเห็นว่าการศึกษาธรรมของพระพุทธองค์นั้น...
...ประหนึ่ง...เหมือนการเล่นกับงู...
ซึ่ง...เมื่อเราลงเล่น...เราต้องรู้จัก...ตำราที่เราใช้...อย่างตรงวัตถุประสงค์ของผู้ที่ได้มอบไว้...

ในการศึกษาธรรม...
ด้วยตำรา...เอกอนเห็นพระพุทธองค์สอนให้ยึดในคำสอน...
และ...ก็เห็นพระพุทธองค์สอนให้วางทาง...
การศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์...เอกอนจึงหยิบมาเป็นคู่...
เพราะ...ธรรมหนึ่งสะท้อนวัตถุประสงค์หนึ่ง...ส่วนธรรมอีกบทหนึ่ง...สะท้อนอีกวัตถุประสงค์หนึ่ง...
ประหนึ่ง...หยิบธรรมที่เป็นดั่งงู และหยิบธรรมที่เป็นดั่งวัคซีน...
และก็พบว่า...บางครั้งงูก็กลายเป็นวัคซีน และ วัคซีนก็กลายมาเป็นงู...

เอกอนจะเป็นดั่งปู...ก็ใช่...เพราะดูจะเดินให้ตรงไม่เป็น...
ซ้าย-ขวา-ซ้าย หมุนไปหมุนมา ซ้ายขวา นอกใน...

ตีความพลิกแพลง ... และปฏิบัติพลิกแพลง...
ไม่ใช่คนที่จะสอนใครได้ ... เพราะไร้ระเบียบ...แบบแผน...ตามครรลอง
เพราะไม่ได้ใช้ตัวอักษรเดิน... แต่ใช้ใจดำเนิน...

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เหอๆ :b12:

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2010, 15:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ผงธุลีดิน เขียน:
เหอๆ :b12:


ง๊าาาาาาา ผง ผง จี้โกงงงงง...
...
วิชาเอกอน...กระโดดกัดหัวววว...ผง ผง...
...
:b2: :b2: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบมังอยากตอบ ผู้รู้(รู้แจ้งในธรรมทั้งหลาย) ผู้ตื่น(ตื่นแล้วในธรรมทั้งหลาย) ผู้เบิกบาน(เบิกบานแล้วในศีลอันบริสุทธิ์ทั้งหลาย) สรณะไตรที่เป็นที่พึ่งอันมีดวงจิต คือพุทธะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 62 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร