วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 01:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2009, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ในธัมมโชติ

ภิกษุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ (เพราะ) ข้าพระองค์ใคร่จะพ้นจากทุกข์จึงได้บวช, พระอาจารย์ของข้าพระองค์นั้นกล่าวอภิธรรมกถา, พระอุปัชฌาย์กล่าววินัยกถา. ข้าพระองค์นั้นได้ทำความตกลงใจว่า 'ในพระพุทธศาสนานี้ สถานเป็นที่เหยียดมือของเราไม่มีเลย, เราเป็นคฤหัสถ์ก็อาจพ้นจากทุกข์ได้, เราจักเป็นคฤหัสถ์' ดังนี้ พระเจ้าข้า.

พระศาสดา. ภิกษุ ถ้าเธอจักสามารถรักษาได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น, กิจคือการรักษาสิ่งทั้งหลายที่เหลือ ย่อมไม่มี.

ภิกษุ. อะไร ? พระเจ้าข้า.

พระศาสดา. เธอจักอาจรักษาเฉพาะจิตของเธอ ได้ไหม ?

ภิกษุ. อาจรักษาได้ พระเจ้าข้า.

พระศาสดาประทานพระโอวาทนี้ว่า " ถ้ากระนั้น เธอจงรักษาเฉพาะจิตของตนไว้, เธออาจพ้นจากทุกข์ได้ " ดังนี้เเล้ว จึงตรัสพระคาถานี้

สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ ยตฺถ กามนิปาตินํ
จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ.


"ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิต ที่เห็นได้แสนยาก
ละเอียดยิ่งนัก มันตกไปในอารมณ์ตามความใคร่,
(เพราะว่า) จิตที่คุ้มครองไว้ได้ เป็นเหตุนำสุขมาให้."


.............................................................................................................


คราวนี้มาถึงประเด็นของกระทู้นี้: " รักษาเฉพาะจิต=พ้นทุกข์ รักษาพระวินัยทั้งหมด=ไม่พ้นทุกข์ " เพราะเหตุว่าอะไร?

เพราะจุดมุ่งหมายหลักสำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนาคือ นิพพาน หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหมด คนที่จะเข้าถึงนิพพาน หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหมดได้ต้อง:

1. ไม่มีความยึดถือ ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า นี่เป็น ตัวกู ของกู เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นว่า นี่เป็น ตัวกู ของกู ผลก็คือ
2. ความคิดปรุงแต่งย่อมไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อความคิดปรุงแต่งไม่เกิดขึ้นอีก ผลก็คือ
3. อะไรมันจะเกิดขึ้นกับกูและของกูมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ เป็นอย่างนั้นแหละ=เป็นไปตามกรรมของแต่ละคนแต่ละชีวิต ผลก็คือ
4. จิตปล่อยวาง จิตว่างจากการยึดติดสิ่งภายนอก เมื่อจิตว่างไม่ยึดติดสิ่งภายนอกใดๆแล้ว ผลก็คือ
5. จิต(สังขาร)หลุดจากขบวนการปฏิจจสมุปบาท หลุดพ้นจากทุกภพภูมิใน 3 ภพ ผลก็คือ
6. จิตพุทธะ ที่บริสุทธิ์เป็นประภัสสรจะกลับคืนมาสู่ท่านผู้นั้น เนื่องจากจิตเดิมแท้ของพวกเราทุกคนล้วนเป็นจิตพุทธะทั้งสิ้น เพียงแต่จิตพุทธะของพวกเราถูกกิเลส อวิชชา ความโลภ โกรธ หลง และการยึดมั่นถือมั่นต่างๆมาบดบังเอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นจิตพุทธะของตัวเอง และทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด

จิตพุทธะ ท่านอุปมาเหมือนพระอาทิตย์และแสงอาทิตย์ที่ดำรงอยู่ หากแต่กิเลสคือเมฆหมอกบังแสงและดวงอาทิตย์ไว้ เราจึงไม่อาจเห็นมันได้ ตราบเมื่อเราขจัดหมอกเมฆนั้นไปแล้ว แสงอาทิตย์(จิตพุทธะ)ก็จะปรากฏสว่างขึ้นทันที

แต่ผู้ที่รักษาพระวินัยต่างๆเต็มไปหมด ก็เหมือนกับที่ภิกษุตัดพ้อกับพระพุทธเจ้าว่า

" (พระวินัยที่เยอะแยะเต็มไปหมด)ข้าพระองค์นั้นได้ทำความตกลงใจว่า 'ในพระพุทธศาสนานี้ สถานเป็นที่เหยียดมือของเราไม่มีเลย, และก็อาจจะไม่สามารภพ้นจากทุกข์ได้

นี่แหละที่ผมเขียนกระทู้ว่า " รักษาเฉพาะจิต=พ้นทุกข์ รักษาพระวินัยทั้งหมด=ไม่พ้นทุกข์ "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2009, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธศาสนา หากเปรียบเป็นต้นไม้ใหญ่

ความหลุดพ้นที่ไม่กำเริบ ก็เปรียบเหมือนแก่นไม้

ส่วนแห่งวินัย เป็นดังรากแก้วของต้นไม้

คนพ้นทุกข์ได้ เพราะเข้าถึงแก่น

แต่แก่นจะยังอยู่ เพราะต้นไม้นี้ มีรากแก้วที่แข็งแรง

หากไม่รักษารากแก้ว หวังเพียงแสวงหาแต่แก่นไม้
นานเข้าเมื่อรากแก้วตาย ต้นไม้ก็ตายตาม

เมื่อสิ้นไร้ต้นไม้ ก็สิ้นไร้หนทางในการได้มาซึ่งแก่น

ความดับทุกข์ที่แท้จริงในเขตแห่งพุทธศาสนา
ก็ถึงกาลขาดช่วง

หลักธรรม เป็นสิ่งนำคนให้พ้นทุกข์
วินัย ก็เป็นสิ่งค้ำยันศาสนา ให้มั่นคง

ความมั่นคงของศาสนา
เป็นเครื่องรักษาแก่นธรรมให้คงอยู่ เพื่อประโยชน์
สำหรับผู้ต้องการแสวงหาความพ้นทุกข์อีกมาก ในวันข้างหน้า

นักปฏิบัติมีการรักษาวินัย ด้วยจุดมุ่งหมายสองส่วน

ส่วนแรก รักษาวินัยเพื่อ จัดกรอบชีวิตตนเองให้เป็นผู้มีศีล
เพื่อเป็นรากฐานของการอบรมภาวนาเบื้องสูงขึ้นไป

ส่วนที่สอง ไม่ได้รักษาวินัยเพื่อพัฒนาตัวเอง
แต่รักษาวินัย เพื่อการสืบทอด และเป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลัง

ผู้มีใจบริสุทธิ ในระดับพระอรหันต์ ถึงแม้จิตจะพ้นจากเครื่องเศร้าหมอง
โดยประการทั้งปวงแล้ว ท่านก็ยังรักษาวินัยอยู่ เพราะเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง
ของท่าน ที่ต้องช่วยกันรักษา เพื่อความมั่นคงและการสืบทอดศาสนา

ทุกวันนี้ ความเสื่อมของศาสนา เริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัด
เพราะ นักบวชในพุทธศาสนา ที่ละเลยการศึกษาและปฏิบัติตน
ให้อยู่ในกรอบของวินัย


:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: k. บัวศกล :b4: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2009, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20: :b20:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 53 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร