วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 15:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 19:18
โพสต์: 160

ที่อยู่: นนทบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวกระผมเองมีเพื่อนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่สองคน ผมจึงอยากจะสอนธรรมะให้ครับ แต่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เมื่อ...

เพื่อนคนแรกเก่งวิทยาศาสตร์ เห่ออเมริกา (นิสัยก็ดีครับ) เขาก็(ท่าทาง)จะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมอยู่ ๆ (มั้ง)ครับ [ไม่แน่ใจว่าเชื่อเท่าไหร่] แต่ไม่เชื่อในสวรรค์นรก ตอนถามเขาเขาก็ตอบว่า "นายเคยไปที่นรกสวรรค์หรือ ถึงมาพูดได้" กรณีนี้จะพูดในแง่วิทยาศาสตร์กับคนสมัยใหม่ ให้เขาเข้าใจง่าย ๆ แต่เชื่ออย่างไรดีครับ (อ้างด้วยว่า "เราเชื่อในวิทยาศาสตร์ เราไม่เชื่อในพระเจ้า - ยังไม่รู้เลยครับว่าพุทธศาสนาสอนอะไร)

เพื่อนคนที่สอง มีนิสัยดีกว่าคนแรก แต่ชอบวิทยาศาสตร์เหมือนกัน เขาก็เป็นคนดีครับ แต่ว่าเนื่องจากว่าเขาอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่มีใครสอนเรื่องศาสนา เลยเข้าใจว่าพุทธศาสนาคือสอนเรื่องพระเจ้า ผมก็เลยอธิบายเขาว่าไม่ใช่ ๆ สอนเรื่องวัฏสงสาร และการพ้นทุกข์ เขาก็เข้าใจดีนะครับ (พออธิบายไปถึงตอนเทวดาลงมาจุติใหม่ได้ อ้าปากค้างไปเลย) อย่างไรก็ดี เขาไม่ใช่เรื่องกฎแห่งกรรมและภพภูมิครับ

จะอธิบายให้เพื่อนทั้งสองคนเข้าใจอย่างไรดีครับ (ให้เปลี่ยนจากมิจฉาทิฎฐิมาเป็นสัมมาทิฏฐิ) ทั้งงัดกลยุทธ์กฎของนิวตัน และไอนสไตน์ ก็ท่าทางยังไม่ได้ผลครับ เพื่อนคนแรกเขามองผมแบบว่าผมเป็นคน "งมงาย" หรือว่าผมน่าจะวางเฉยดีครับ

ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบพระคุณมาก ๆ ครับ :b16:

.....................................................
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่น
สอนตัวเราให้ดีก่อน เอาตัวเรารอดก่อน เอาตัวเราให้เข้าใจก่อน
ตัวเราเข้าใจดีแล้ว ค่อยช่วยคนอื่น
จึงจะชื่อว่าเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า

อ้างคำพูด:

๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา

สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทรมานฝึกหัดพระองค์จนได้ตรัสรู้
พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พุทฺโธ ผู้รู้ก่อน

แล้วจึงเป็น ภควา ผู้ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์

สตฺถา จึงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์
เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้มีอุปนิสัยบารมีควรแก่การทรมานในภายหลัง

จึงทรงพระคุณปรากฏว่า กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ชื่อเสียงเกียรติศัพท์อันดีงามของพระองค์ย่อมฟุ้งเฟื่องไปในจตุรทิศจนตราบเท่าทุกวันนี้

แม้พระอริยสงฆ์สาวกเจ้าทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นเดียวกัน
ปรากฏว่าท่านฝึกฝนทรมานตนได้ดีแล้ว
จึงช่วยพระบรมศาสดาจำแนกแจกธรรม สั่งสอนประชุมชนในภายหลัง

ท่านจึงมีเกียรติคุณปรากฏเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถ้าบุคคลใดไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้
ก็จักเป็นผู้มีโทษ
ปรากฏว่า ปาปโกสทฺโท คอเป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ
เพราะโทษที่ไม่ทำตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์สาวกเจ้าในก่อนทั้งหลาย


จาก มุตโตทัย รจนาโดยพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร)
ลูกศิษย์ผู้ติดตามปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่มั่นอย่างใล้ชิดเป้นเวลานาน
ได้รวบรวมคำสอนของหลวงปู่มั่นออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้
http://www.fungdham.com/download/book/a ... un/024.pdf



วิธีสอนธรรมะอย่างหนึ่งที่ดีที่สุดคือสอนด้วยความเงียบ
กล่าวคือไม่ต้องไปสอน
แต่เราทำให้ดู ปฏิบัติให้ดู ว่าชาวพุทธที่เข้าถึงพระธรรมเป็นอย่างนี้อย่างนี้
ใช้ชีวิตอย่างพุทธให้ดู
มองโลกอย่างพุทธให้ดู
วางตัวอย่างพุทธให้ดู

คนที่เขาได้รับความเย็น ความสงบ ไม่วุ่นวายจากเรา เขาเห็นกับตา
แล้วเด๊่ยวเขาก็จุดธูปถามเอง

ขนาดคุณแม่ผม ผมยิ่งอยากจะให้ท่านรู้อะไรอย่างที่ผมรู้ให้หมด
ผมพยามยังไง ก้ยังไม่เอานะ ยังไม่สามารถจะรับได้
ผมเลยเลิกพูด แต่แสดงธรรมด้วยความเงียบ แสดงด้วยการคิด พูด ทำ อย่างพุทธ


ถ้าเขาด่าเรา เราด่าตอบ อันนี้ยังใช้ไม่ได้
เพราะชาวพุทธ ต้องไม่ผิดศีล 5 ต้องไม่ด่าตอบ
ต้องอดทนอยู่แล้วเฝ้าดูความคิดความรู้สึกเหล่านั้นไป
จึงจะเรียกว่าชาวพุทธ

ขนาดพระพุทธเจ้า ยังไม่สามารถจะพาพระมารดาแจ้งในนิพพานได้เลย
ดลบันดาลให้พระบิดาแจ้งนิพพานก้ยังไม่ได้
เรื่องธรรมะนี้ ถ้าคนรับเขาไม่พร้อม ทำยังไงเขาก็ไม่รับ รับไม่ได้

คนให้ต้องวางอุเบกขา ถ้าไม่วางแปลว่าตันหาจัด อยากบงการจิตใจผู้อื่น

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 21 เม.ย. 2009, 20:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธศาสนามีคำสอนมากมายหลายมุม เราเองพึงเลือกหยิบเอาตรงที่เหมาะแก่ผู้ฟังสิครับ แม้
พระพุทธเจ้าเองจะแนะนำใครก็ดูอัธยาศัยของผู้ฟังเช่นกัน เมื่อเป็นดังนี้เราเองก็พึ่งศึกษาหลักธรรมให้กว้างขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


การเสนอธรรมะให้แก่บุคคลอื่นนั้น ต้องระมัดระวังเหมือนกัน...ประการแรก เราต้องมั่นใจในความเข้าใจของเราว่า เราเรียนและศึกษาไว้ดีแล้ว เห็นประโยชน์ พึงจะนำประโยชน์นี้ให้เกิดแก่บุคคลอื่น.....ประการที่สอง เมื่อเห็นประโยชน์แล้ว ย่อมกระทำการเลือกบุคคลที่จะให้ด้วย เหมือนชาวนาผู้มีพันธ์พืชดี ย่อมเลือกสรรที่นาอันอุดมนั้นลงหว่านเมล็ดพืชลง ย่อมได้ผลไพบูลย์ยิ่งนัก..

การที่จะพิจารณาบุคคลที่จะให้นั้น การให้ทุกชนิด อย่าว่าแต่จะเป็นการให้ธรรมทานเลย แม้การให้ข้าวของเงินทอง ผู้ให้ก็ต้องพิจารณาบุคคลที่จะรับด้วย กาลด้วย เทศะด้วย ชุมชน บริษัทด้วย...หากให้ผิดบุคคล ผิดกาล ผิดเทศะ ผิดชุมชน ผิดบริษัท ย่อมก่อทุกข์ทั้งผู้ให้และผู้รับ จึงต้องใช้การพิจารณาอย่างรอบคอบ...ยิ่งเป็นการให้ธรรมะอันเป็นเรื่องที่ ต้องอาศัยปัจจัยร่วมหลายๆอย่างแล้ว ยิ่งต้องพิจารณามากขึ้นไปอีก ......บางคนพอพูดเรื่องธรรมะ เขาก็เกิดโทสะ ดูหมิ่นเหยียดหยามพระธรรมคำสอน หรือล่วงเกินศาสนาในแง่ต่างๆก็มี...หรือบางคนฟังแล้วก็เกิดรำคาญในผู้ให้ เสียจริงๆ พูดอะไรขัดใจมาก..หรือบางคนมีศรัทธา แต่ยึดมั่นในตัวบุคคล เช่นศรัทธาพระรูปนี้รูปนั้น ก็หาความพิจารณาในแง่ธรรมยาก เอาแต่พระของฉันเป็นเกณฑ์ ....หรือแม้แต่บางคน ความเข้าใจของเขาคลาดเคลื่อนแต่เขาก็ยึดในความเห็นนั้นไม่เปิดใจรับฟังผู้ อื่น.... อย่างนี้ ผู้ฟังอาจเกิดความดูแคลนในผู้ให้ ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่เกิดบาปขึ้นโดยไม่ควร...

ในโลกนี้ สิ่งที่รับได้ยากแม้เป็นการให้ฟรีๆ แต่ก็หาผู้รับยากเต็มที ได้แก่ พระสัทธรรมนั่นเอง..ใครที่มีบุญเก่าที่ทำไว้ด้วยดีแล้ว ย่อมแสวงหา ขวนขวาย เพียงหยอดถ้อยคำอิงอรรถ อิงธรรมเพียงเล็กน้อย ก็เฝ้าติดตามถามไถ่ เฝ้าหาความรู้เพิ่มเติม อย่างนี้ ก็รู้ทันทีว่า เขาเป็นที่นาอุดม คือเมล็ดพืชที่หว่านลงไปแล้วไม่แห้งตาย หรือไม่เน่าไปเสีย ก่อให้เกิดผลทั้งผู้ให้และผู้รับ....

.บุคคลที่จะมาเป็นผู้รับธรรมะนั้น ผู้ให้ย่อมฉลาดพิจารณาว่า สมควรให้เท่าใด..บางคนพอเห็นผู้รับสนใจก็ว่ากันยาวตั้งแต่ทาน ศีล ภาวนา อริยสัจสี่ ไปโน่นทีเดียว ผู้ฟังครั้นพอจะเกิดศรัทธาบาง ก็เกิดปริวิตกไปกันเสียมากว่า โอหนอ ช่างยากเย็นเสียจริงๆ ชะรอยเราจะไม่ใช่เป็นคนมีบุญพอหรอกกระมัง...ศรัทธาที่พอจะตั้งขึ้นก็มีอัน มอดลงไปด้วยความขาดการพิจารณาของผู้ให้ไปเสียก็มี อย่างนี้ก็มีเยอะ.....
ค่อยๆเริ่ม ค่อยๆแนะ ดูอัธยาศัยของผู้รับด้วยไปในที ก็จะเกิดความเข้าใจเองว่า เท่าไร เมื่อไหร เรื่องอะไร จึงจะเหมาะ จึงจะควร..

ส่วนการฟังธรรมนั้น ผู้ฟังจะไม่สามารถจะเข้าถึงอรรถความหมายอันลึกซึ้งได้เพียงชั่วการฟังครั้ง หรือสองครั้งเลย ต้องฟังกันเรื่อยไป เพราะเป็นเรื่องนามธรรมเป็นส่วนมาก แง่มุมที่ฟังแต่ละครั้งแม้จะเป็นเรื่องเดิม ผู้ฟังก็เกิดรู้เพิ่มไปต่างๆกันเพราะปัจจัยของผู้ฟังนั้นต่างกันไปด้วย... ดังนั้น พึงเห็นคุณของการฟังธรรม ศึกษาธรรมให้ดีเถิด เพื่อจิตที่เป็นกุศลประกอบปัญญาจะเกิดขึ้นแก่เราเพื่อเป็นที่พึ่งต่อไปในภาย ภาคหน้าตลอดกาลนาน... ..

ขออนุโมทนาในกุศลจิตคิดเกื้อกูลคนอื่นครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
ก่อนอื่น
สอนตัวเราให้ดีก่อน เอาตัวเรารอดก่อน เอาตัวเราให้เข้าใจก่อน
ตัวเราเข้าใจดีแล้ว ค่อยช่วยคนอื่น
จึงจะชื่อว่าเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า

อ้างคำพูด:

๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา

สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทรมานฝึกหัดพระองค์จนได้ตรัสรู้
พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พุทฺโธ ผู้รู้ก่อน

แล้วจึงเป็น ภควา ผู้ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์

สตฺถา จึงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์
เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้มีอุปนิสัยบารมีควรแก่การทรมานในภายหลัง

จึงทรงพระคุณปรากฏว่า กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ชื่อเสียงเกียรติศัพท์อันดีงามของพระองค์ย่อมฟุ้งเฟื่องไปในจตุรทิศจนตราบเท่าทุกวันนี้

แม้พระอริยสงฆ์สาวกเจ้าทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นเดียวกัน
ปรากฏว่าท่านฝึกฝนทรมานตนได้ดีแล้ว
จึงช่วยพระบรมศาสดาจำแนกแจกธรรม สั่งสอนประชุมชนในภายหลัง

ท่านจึงมีเกียรติคุณปรากฏเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถ้าบุคคลใดไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้
ก็จักเป็นผู้มีโทษ
ปรากฏว่า ปาปโกสทฺโท คอเป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ
เพราะโทษที่ไม่ทำตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์สาวกเจ้าในก่อนทั้งหลาย


จาก มุตโตทัย รจนาโดยพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร)
ลูกศิษย์ผู้ติดตามปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่มั่นอย่างใล้ชิดเป้นเวลานาน
ได้รวบรวมคำสอนของหลวงปู่มั่นออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้
http://www.fungdham.com/download/book/a ... un/024.pdf



วิธีสอนธรรมะอย่างหนึ่งที่ดีที่สุดคือสอนด้วยความเงียบ
กล่าวคือไม่ต้องไปสอน
แต่เราทำให้ดู ปฏิบัติให้ดู ว่าชาวพุทธที่เข้าถึงพระธรรมเป็นอย่างนี้อย่างนี้
ใช้ชีวิตอย่างพุทธให้ดู
มองโลกอย่างพุทธให้ดู
วางตัวอย่างพุทธให้ดู

คนที่เขาได้รับความเย็น ความสงบ ไม่วุ่นวายจากเรา เขาเห็นกับตา
แล้วเด๊่ยวเขาก็จุดธูปถามเอง

ขนาดคุณแม่ผม ผมยิ่งอยากจะให้ท่านรู้อะไรอย่างที่ผมรู้ให้หมด
ผมพยามยังไง ก้ยังไม่เอานะ ยังไม่สามารถจะรับได้
ผมเลยเลิกพูด แต่แสดงธรรมด้วยความเงียบ แสดงด้วยการคิด พูด ทำ อย่างพุทธ


ถ้าเขาด่าเรา เราด่าตอบ อันนี้ยังใช้ไม่ได้
เพราะชาวพุทธ ต้องไม่ผิดศีล 5 ต้องไม่ด่าตอบ
ต้องอดทนอยู่แล้วเฝ้าดูความคิดความรู้สึกเหล่านั้นไป
จึงจะเรียกว่าชาวพุทธ

ขนาดพระพุทธเจ้า ยังไม่สามารถจะพาพระมารดาแจ้งในนิพพานได้เลย
ดลบันดาลให้พระบิดาแจ้งนิพพานก้ยังไม่ได้
เรื่องธรรมะนี้ ถ้าคนรับเขาไม่พร้อม ทำยังไงเขาก็ไม่รับ รับไม่ได้

คนให้ต้องวางอุเบกขา ถ้าไม่วางแปลว่าตันหาจัด อยากบงการจิตใจผู้อื่น

ผมรับไม่ได้ที่คุณดูถูกพ่อแม่ตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมรับไม่ได้ที่คุณดูถูกพ่อแม่ตัวเอง


โอย ผมหัวเราะ post ข้างบน จนไม่มีแรงแล้วครับ ...5555555+++ :b12: :b12: :b13: :b13: :b13: :b22: :b22: :b32: :b32: :b12: :b12: :b12: :b13: :b13: :b13:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 22 เม.ย. 2009, 01:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: บาปหนาจริงเว้ยพวกนี้
the-hulk-superhero-400a062507.jpg
the-hulk-superhero-400a062507.jpg [ 22.01 KiB | เปิดดู 4965 ครั้ง ]
dd เขียน:
โอย ผมหัวเราะ post ข้างบนจนไม่มีแรงแล้วครับ ...5555555+++ :b12: :b12: :b13: :b13: :b13: :b22: :b22: :b32: :b32: :b12: :b12: :b12: :b13: :b13: :b13:

ผมแค่อยากสอนหน่ะ มีแต่ลูกทรพีเท่านั้นแหละที่ดูถูกพ่อแม่ตัวเองหน่ะ :b15:


แก้ไขล่าสุดโดย ผู้ดูแลสัตว์วิเศษ เมื่อ 21 เม.ย. 2009, 21:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 19:18
โพสต์: 160

ที่อยู่: นนทบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


หมายเหตุ: ผมไม่ได้ตั้งกระทู้นี้เพื่อให้ทะเลาะกันนะครับ ขออนุโมทนาความเห็นที่เป็นประโยชน์ทั้งหลายด้วยครับ :b8: ผมตาสว่างขึ้นเยอะเลยครับ

.....................................................
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 19:18
โพสต์: 160

ที่อยู่: นนทบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


boom_manman เขียน:
dd เขียน:
โอย ผมหัวเราะ post ข้างบนจนไม่มีแรงแล้วครับ ...5555555+++ :b12: :b12: :b13: :b13: :b13: :b22: :b22: :b32: :b32: :b12: :b12: :b12: :b13: :b13: :b13:

ผมแค่อยากสอนหน่ะ มีแต่ลูกทรพีเท่านั้นแหละที่ดูถูกพ่อแม่ตัวเองหน่ะ :b15:


ขออนุญาตให้สตินะครับ การที่ส่อเสียดคนอื่นนั้นเป็นมิจฉาวาจา ดังนั้นกรุณาไตร่ตรองดี ๆ ว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่นะครับ ก่อนที่ท่านจะผิดศีลไปมากกว่านี้

.....................................................
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 22 เม.ย. 2009, 02:40, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ จขกท ลองดูนี่เพิ่มนะครับ
การเผยแผ่ธรรมะแก่บุคคลอื่น - หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
viewtopic.php?f=7&t=21530


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2009, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
คุณ จขกท ลองดูนี่เพิ่มนะครับ
การเผยแผ่ธรรมะแก่บุคคลอื่น - หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
viewtopic.php?f=7&t=21530

รู้สึกคุณจะเน้นว่าคุณหวังดีกับผมจังนะ หวังดีกับตัวเองก่อนเถอะ พระท่านว่า ทำตัวเองให้ดีพร้อมเสียก่อนจะไปตักเตือนผู้อื่น คุณบกพร่องหลายจุดเลย เส้นผมบังภูเขา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2009, 00:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนะนำเท่าที่รู้จริง เฉพาะในยามที่เขาตั้งใจถามด้วยความอยากรู้

สรรหาปัญหา ตามแนวของธรรมะ ยิงใส่ให้เขาตอบ

เช่นอาจถามว่า แกรู้รึเปล่า ว่าจิตของแกอยู่ตรงไหน
ทำงานยังไง

ขยันถามไปเรื่อยๆตามโอกาส ให้เขาเป็นผู้ฉลาด

ที่สำคัญ ควรเน้นหาคำถาม ที่สามารถทำให้เขาต้อง
ลำบากลำบน และทำให้จนให้ได้

การเสนอตัวเป็นผู้ถาม น่าจะดีกว่าการดึงความสนใจเขาเข้ามา
ด้วยการสอน

เขาอาจต้องไปค้นคว้า หลักคำสอนของศาสนา
หากเจอคำถามที่ฉลาด และถูกจังหวะ ถูกเวลา สักหลายๆครั้ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2009, 06:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Passa เขียน:
ตัวกระผมเองมีเพื่อนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่สองคน ผมจึงอยากจะสอนธรรมะให้ครับ แต่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เมื่อ...

เพื่อนคนแรกเก่งวิทยาศาสตร์ เห่ออเมริกา (นิสัยก็ดีครับ) เขาก็(ท่าทาง)จะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมอยู่ ๆ (มั้ง)ครับ [ไม่แน่ใจว่าเชื่อเท่าไหร่] แต่ไม่เชื่อในสวรรค์นรก ตอนถามเขาเขาก็ตอบว่า "นายเคยไปที่นรกสวรรค์หรือ ถึงมาพูดได้" กรณีนี้จะพูดในแง่วิทยาศาสตร์กับคนสมัยใหม่ ให้เขาเข้าใจง่าย ๆ แต่เชื่ออย่างไรดีครับ (อ้างด้วยว่า "เราเชื่อในวิทยาศาสตร์ เราไม่เชื่อในพระเจ้า - ยังไม่รู้เลยครับว่าพุทธศาสนาสอนอะไร)

เพื่อนคนที่สอง มีนิสัยดีกว่าคนแรก แต่ชอบวิทยาศาสตร์เหมือนกัน เขาก็เป็นคนดีครับ แต่ว่าเนื่องจากว่าเขาอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่มีใครสอนเรื่องศาสนา เลยเข้าใจว่าพุทธศาสนาคือสอนเรื่องพระเจ้า ผมก็เลยอธิบายเขาว่าไม่ใช่ ๆ สอนเรื่องวัฏสงสาร และการพ้นทุกข์ เขาก็เข้าใจดีนะครับ (พออธิบายไปถึงตอนเทวดาลงมาจุติใหม่ได้ อ้าปากค้างไปเลย) อย่างไรก็ดี เขาไม่ใช่เรื่องกฎแห่งกรรมและภพภูมิครับ

จะอธิบายให้เพื่อนทั้งสองคนเข้าใจอย่างไรดีครับ (ให้เปลี่ยนจากมิจฉาทิฎฐิมาเป็นสัมมาทิฏฐิ) ทั้งงัดกลยุทธ์กฎของนิวตัน และไอนสไตน์ ก็ท่าทางยังไม่ได้ผลครับ เพื่อนคนแรกเขามองผมแบบว่าผมเป็นคน "งมงาย" หรือว่าผมน่าจะวางเฉยดีครับ

ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบพระคุณมาก ๆ ครับ :b16:



พอๆกันเลยค่ะ เมื่อก่อนเคยเจอสถานการณ์แบบที่คุณพูดมา คือ ถ้าตัวเราเองรู้แค่ไหน เราก็บอกหรือแนะนำเพื่อนได้แค่นั้น ก็ขนาดตัวเราเองบางอย่างยังคลุมเครือเลย ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแล้วจะพูดให้เพื่อนเชื่อได้ยังไง พูดเท่าที่คุณเข้าใจชัดเจนมากที่สุดสิคะ อะไรที่ยังไม่ชัดเจนก็อย่าไปพูด พูดแล้วเห็นว่าขัดใจกัน ก็อย่าไปพูด รักษามิตรภาพไว้ก่อนค่ะ ปล่อยเพื่อนไปก่อน :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2009, 07:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ด้วยกับใจจริงกับคุณpassaมีใจที่เป็นกุศลค่ะ เราก็เคยแนะนำเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันนะคะ เหมือนกันค่ะ
พูดไปเค้าก็ไม่ใส่ใจฟังเลยหยุด :b21:
:b1: ตอนนี้เราเลยเปลี่ยนใหม่ค่ะ สอนลูกเราเนี่ยแหละค่ะ กำลังวัยรุ่นเราก็ปล่อยเค้าตามสมัยไป
นอนดึกได้ แต่เช้าปิดเทอมนี้ ต้องตื่นใส่บาตรกับแม่นะ วันพระยิ่งต้องใส่ เสาร์-อาทิตย์ ยกให้
ถ้าไปวัดก็สอนตั้งแต่การแต่งตัวให้เหมาะสม ความนอบน้อม อาจจะไม่ถูกใจเราบ้าง
ก็ต้องทำไม่รู้ไม่เห็นนะ เราหมั่นสอนกึ่งสั่ง อย่างน้อยเค้าก็จะเริ่มซึมซับไป 10-20% ก็ยังดี กว่าเค้าจะโตเป็นผู้ใหญ่ รู้อะไรมากขึ้นเค้าก็จะทำได้เอง เพราะเราเคยถูกพ่อสอนมาแบบนี้
โดยเฉพาะสวดมนต์ก่อนนอน เวลาเค้าไปโรงเรียนยังสวดแบบนกแก้วนกขุนทองทุกเช้า
แม่ก็ขอสั้นๆก่อนนอน ไหว้คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระคุณพ่อแม่ และครูบาร์อาจาย์
แค่นั้นเพราะเด็กวัยนี้ก่อนนอนต้องฟังเพลง เราก็จะอยู่กับเค้า
แม่ขอแค่2นาที เพื่อแม่ให้เค้ามีสมาธิตั้งใจจริง :b15:
แต่กว่าจะได้แบบนี้เราต้องเย็นเถอะโยมนะคะ :b33:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร