วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 04:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองถามดู


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


"เจริญสติปัฏฐาน 4" เป็น "บุญหนัก" สุดๆ
เพราะให้ผลลัพธ์คือนิพพาน


ลองถามดู แล้วต้องลอง ทำ ดูด้วย

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วทำไงหล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากรู้ธรรม จะรอให้คนมาป้อนไม่ได้นะ

ความรู้ในธรรมนี้ ถ้ามันเอาหัวมาชนกันแล้วให้มันไหลไปหากันได้
ผมก็ไม่เกี่ยงนะ จะแบ่งให้เลย
แต่ในโลกความจริงไม่ใช่


คนที่เขาอยากรู้จริงๆ เขาได้แนวทางแล้วเขาจะรีบขวนขวายลงมือหาคำตอบ
เขาจะไม่มารอให้คนเอามาป้อนถึงปาก

อัตตาหิ อัตโนนาโถ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


...

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


"แล้วแต่จะคิด"
วาทะคุณกุหลาบสีชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2009, 23:12
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


ค้นมาให้อีกเช่นกันค่ะ :b18:

สติปัฏฐาน คือ สติที่จดจ่ออย่างต่อเนื่องที่สภาวะธรรมทางกายและจิต ทำให้นักปฏิบัติตามรู้เท่าทันปัจจุบันอารมณ์ได้โดยละเอียดไม่ขาดช่วง ไม่ลืมกำหนดรู้อารมณ์ที่ปรากฏรู้ทางทวารทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อมีรูปกระทบที่ตา มีเสียงกระทบที่หู มีกลิ่นกระทบที่จมูก มีรสกระทบที่ลิ้น มีสัมผัสกระทบที่กาย มีความคิดเกิดที่ใจ ก็สามารถตามรู้เท่าทันปัจจุบันอารมณ์นั้นๆ ได้ตลอดเวลาในเวลายืน เดิน นั่ง นอน และเคลื่อนไหวในอิริยาบถย่อยในชีวิตประจำวัน

การเจริญสติปัฏฐาน คือ การมีสติจดจ่ออย่างต่อเนื่องตามรู้เท่าทันอาการต่างๆ ที่กำลังเกิดอยู่ในกายกับจิตตามความเป็นจริง เมื่อเกิดอาการทางกาย เช่น อาการพอง อาการยุบ หรืออาการเดิน นักปฏิบัติพึงตามรู้อาการเหล่านั้นตามความเป็นจริงว่า อาการพองกำลังเกิดขึ้นอยู่ อาการยุบกำลังเกิดขึ้นอยู่ หรืออาการเดินกำลังเกิดขึ้นอยู่ พึงใช้คำบริกรรมเป็นเครื่องช่วยให้รู้ตัวตามอาการนั้นๆ ว่า พองหนอ ยุบหนอ ยุบหนอ ย่างหนอ หรือ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เป็นต้น เมื่อเกิดอาการทางจิต เช่น ความรู้สึกเป็นสุข เป็นทุกข์ วางเฉย จิตที่โลภ จิตที่โกธร จิตที่ฟุ้งซ่าน หรือสภาวะธรรมการเห็นเป็นต้น ก็พึงตามรู้อาการเหล่านั้นตามความเป็นจริง โดยกำหนดว่า สุขหนอ ทุกข์หนอ เฉยหนอ โลภหนอ โกธรหนอ ฟุ้งหนอ เห็นหนอ เป็นต้น

ref. http://xchange.teenee.com/lofiversion/i ... 34639.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2009, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผมว่าคุณคามินธรรมรู้เรื่องการภาวนาดีและขยันภาวนาด้วยแหละ :b32:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำบุญ ก็ไปเสวยผลบุญ ทำบาปก้ไปรับผลบาป ทางที่ดีที่สุดคือไม่ต้องเกิดอีก ซึ่งก็ต้องทำพระนิพพานให้แจ้ง หากได้ถึงขั้นโสดาบัน ก็ปิดอบายภูมิ แน่นอน จะไม่ไปนรกอีกเด็ดขาด

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


บุญหนักที่สุดคือการช่วยพ่อแม่ตังหากฮ้าๆๆ :b28: แกล้งถามไปงั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


"บุญหนัก" ที่สุด คือ รู้ว่าสิ่งนั้นผิดศีล 5 แต่ก็กล้าทำสิ่งที่ผิดศีล 5 ถือเป็นการเสียสละเพื่อช่วยคนอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
"บุญหนัก" ที่สุด คือ รู้ว่าสิ่งนั้นผิดศีล 5 แต่ก็กล้าทำสิ่งที่ผิดศีล 5 ถือเป็นการเสียสละเพื่อช่วยคนอื่น


ถ้าผมรู้สึกว่าคุณพลศักดิ์เป็นอันตรายแก่พระศาสนาเหลือเกิน อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าไงฆ่าคุณพลศักดิ์ให้ตายเสีย เผื่อว่าจะได้ไปกลับมาเกิดใหม่ เผื่ออะไรจะดีขึ้น
อย่างนี้ผมก็เลยลงมือฆ่า
อย่างนี้คือกล้าทำผิดศีล 5 เพื่อเสียสละช่วยคนอื่น เป็นบุญที่สุดหรือเปล่าครับ

แล้วถ้าผมมีทิฐิว่าคนประเภทคุณพลศักดิ์ที่นี้ ไหนๆก็แ่ก่แล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว
อยู่ไปเปลืองทรัพยากร สมควรจะเสียสละให้คนที่ยังหนุ่มยังแน่นและลูกหลายได้ใช้ประโยชน์ดีกว่า
ผมเลยจัดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนที่อายุมากแล้ว ที่ทำงานไ่ม่ได้แล้ว เพื่อช่วยให้คนที่เกิดใหม่มีกินมีใช้
อย่างนี้เป้นบุญหรือเปล่าครับ

แล้วที่พระพุทธเจ้าว่า ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีคนไม่มีสัตว์
สัตว์ทุกสัตว์ในวัฏฏะสงสาร ก็เท่ากันหมด
ถ้างั้นความเป้นพ่อแม่ก็ไม่มีสิครับ เราแค่อาศัยท้องเขามาเกิด

ผมคิดด้วยความบริสุทธิ์ใจนะครับ บุญหนักไหมครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


"บุญหนักกว่านั้นคือช่วยพ่อแม่พ้นอบายภูมิ..ถ้าถามว่าต้องทำไงก็ย้อนกลับไปยังคำตอบข้างบน
คือเจริญสติปัฏฐาน 4" พุทธศาสนาเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งมาก
ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ นะ K -จขกท..

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




250px-Golden_Rock.jpg
250px-Golden_Rock.jpg [ 23.96 KiB | เปิดดู 6342 ครั้ง ]
พระธาตุอินทร์แขวน
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A2

พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย (อังกฤษ: Kyaikhtiyo) ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ที่เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า บนยอดเขา Paung Laung เหนือระดับ น้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ (สุนัข) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต

[แก้] ตำนาน
มีตำนานเล่าขานกันในสมัยพุทธกาลว่า ฤๅษีติสสะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ ส่วนฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขารเต็มที เขาตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของเขา ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยเสาะหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้ท้องมหาสมุทรและนำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน บางตำนานก็เล่าว่า มีฤๅษีองค์หนึ่งซ่อนพระเกศาที่ได้รับมาจากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้นมาโปรดสัตว์ในถ้ำไว้ในมวยผมมาเป็นเวลานาน เมื่อใกล้ถึงวาระที่จะต้องละสังขารจึงตัดสินใจมอบพระเกศาให้กับพระเจ้าติสสะ กษัตริย์ผู้ครองนครแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรของลูกศิษย์ที่นำมาฝากให้ฤๅษีช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก แต่ก่อนอื่นพระเจ้าติสสะต้องหาก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายศีรษะของฤๅษี โดยมีพระอินทร์เป็นผู้ช่วยค้นหาจากใต้สมุทรนำมาวางไว้ที่หน้าผา

-----

เท่าที่เคยอ่านตำรามา บุญของผู้สร้างพระธาตุนี้ มีน้ำหนัก มากที่สุด..
ตาม แนวอารมณ์ เจ้าของกระทู้นะ :b12:

.....
ส่วน linkนี้
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20488

เรื่องบุญๆ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2009, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ไงครับ

ปฏิบัติตามนั้นให้มากๆ ทีละเล็กทีละน้อย บุญก็จะค่อยๆหนักขึ้นเองครับ

ชีวิตของคนเรา หากยังต้องเกี่ยวข้องอยู่กับการเกิด ตาย ก็ควรหมั่นสั่งสมบุญ
ให้ครบทุกๆด้าน เพราะเกิดมาแล้วจะได้ สมบูรณ์พร้อมไม่บกพร่องไม่ขาดแคลน
ในด้านใดด้านหนึ่ง

บุญแต่ละตัวให้อานิสงค์ที่แตกต่าง แต่ให้ความรู้สึกอันเดียวกัน คือ อิ่ม สุข
สะอาด บุญเป็นพลังซ่อนเร้นชนิดหนึ่งที่คอยตบแต่งชีวิต ให้เป็นไปตาม
วิธีการกระทำ เป็นตัวตบแต่งรูปร่างของจิต และเป็นแรงขับดันวิถีจิต
ให้ไปสู่ ฐานะ ภาวะ และมิติ ที่แตกต่างกัน เป็นเงื่อนไขสำคัญ
ในการสร้างภพ และ สร้างภูมิ ทั้งที่หยาบดีเลวประณีต

บุญเป็นเหมือนเสบียง เป็นเหมือนเครื่องเติมพลัง ที่ช่วยแรงขับเคลื่อน
ในการแสวงหามรรคผลนิพพาน คนจะถึงนิพพานได้ ต้องสั่งสมบุญ
และบารมีมาแล้วอย่างเต็มเปี่ยมทั้ง10ประการ

พลังของบุญ เมื่อยิ่งสั่งสมมากเข้า จะทำให้อาสวะเบาบาง
ในส่วนของจิตก็มีความบริสุทธิของบุญ คอยเป็นพลังช่วยหนุนส่งให้การทำลาย
อาสวะนั้นง่ายขึ้น

พระพุทธองค์ตรัสว่า อย่าหมิ่นบุญที่เห็นว่าเพียงเล็กน้อย
เหมือนดังน้ำที่หยาดมาทีละหยดย่อมเต็มตุ่มได้ฉันใด
ผู้สั่งสมบุญทีละเล็กทีละน้อย ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น

อย่าแค่เลือกทำเฉพาะบุญหนักเลยครับ ถ้าใจเป็นมหากุศล
จะชอบที่จะทำความดี แม้ที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ต้องการบุญ
เป็นเครื่องตอบแทน

ทำบุญแต่ไม่ต้องการบุญ ทุกการทำบุญ คือบุญแท้และบุญสะอาด
ที่คุญไม่ต้องการแต่คุณก็ได้ อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
เว้นเสียแต่...........จะรีบนิพพาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 136 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร