วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 04:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b13: ถ้ามีฤาษีผู้มีฤิทธ์ตนหนึ่งใช้ไม้เท้ากายาสิทธิ์แปลงร่างของคุณเป็นเสือโคร่งไปในชั่วพริบตา

รูปภาพ

ตั้งคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณตอนนี้ :b21:

1.อยู่อย่างเป็นเสือโคร่งต่อไป

2.พยายามหาทางแก้มนต์ของฤาษีและรีบเร่งกลับสู่ความเป็นคน


เห็นได้ชัดว่าคำตอบมีอยู่เพียงข้อเดียวเท่านั้น
คือต้องรีบแก้มนต์และหาทางกลับคืนสู่ความเป็นคนให้เร็วที่สุด

คนที่จะแก้มนต์ให้ได้ จะต้องเป็นอีกผู้หนึ่งที่รู้ว่าเสือตัวนี้มิใช่เป็นเสือจริง

แต่เป็นเสือเพราะถูกแปลงร่างจากความเป็นคน :b41: :b41: :b41:

ด้วยความเมตตาของคนผู้นี้
เขาจึงเสาะหาจนเจอสูตรแก้มนต์ของฤาษี
และกลับมาแปลงร่างของเสือให้กลับเป็นคนเช่นเดิม



มนต์ของฤาษีคืออวิชชา
ชายในนิทานคือสภาวะของจิตเดิมแท้หรือจิตประภัสสร
ซึ่งเป็นจิตที่ปราศจากความทุกข์อันมีอยู่แล้วในคนทุกคน

เสือโคร่งคือสภาวะที่สูญเสียจิตเดิมแท้
คือจิตที่ถูกครอบงำด้วยอวิชชาและความทุกข์

ชายอีกคนหนึ่งที่มีความเมตตาคือพระพุทธเจ้าผู้เสาะแสวงหาจนเจอสูตรแก้มนต์
คือเจอหนทางแห่งความดับทุกข์ และสามารถนำจิตเดิมแท้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

สถานการณ์ของมนุษย์ในขณะนี้คือ
เราได้สูญเสียจิตบริสุทธ์ หรือจิตเดิมแท้อันเนื่องจากอวิชชา


หลายคนอยากจะถามว่า แล้วพวกเราไปได้อวิชชามาตั้งแต่เมื่อไร
นี่เป็นคำถามเดียวกับถามว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของสังสารวัฎที่พระพุทธองค์เตือนว่าอย่าถาม .....

เพราะเป็นเรื่องอจินไตย รู้ไม่ได้ ถามแล้วก็ไม่มีประโยชน์ :b34:
ครั้นพระพุทธเจ้าได้มาบอกข่าวดีกับพวกเราแล้ว
เราควรจะรับฟังท่านโดยดุษณี ...............

ท่านตรัสว่าหน้าที่ของความเป็นมนุษย์มีเพียงข้อเดียวคือต้องปลดเปลื้องอวิชชาและกลับไปสู่ความสมบูรณ์ของชีวิตที่เป็นมาแต่ดั้งเดิมคือจิตหลุดพ้นจากความทุกข์อย่างสิ้นเชิง
หรือความเป็นพระอรหันต์ ..................

ผู้ที่มาปลดเปลื้องอวิชชาให้เราได้คือพระพุทธเจ้านั่นเอง


:b39: :b39: :b39:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ปัญหาอยู่ที่ว่า

เมื่อชายใจดีมาบอกข่าวดีต่อเสือโคร่งว่าเขาได้มนต์ตรามาแล้ว....
ขอให้เสือโคร่งยืนนิ่ง ๆ สักอึดใจ
จะได้ท่องบ่นมนตราพร้อมเอาไม้เท้ากายสิทธิ์ชี้ไปที่ตัวเพื่อเสือโคร่ง
จะได้กลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์ดังเดิม .....


****เสือโคร่งกลับอวดเก่ง

บอกว่าไม่จริงและเถียงว่าเขาก็เป็นเสือโคร่งมาแล้วแต่เดิม .....
ไม่จำเป็นต้องกลับไปเป็นอะไรอีก

นี่คือคนประเภทที่ไม่เอาธรรมะเลย....
และคิดว่าธรรมะไม่มีความจำเป็น.....
และไม่สำคัญต่อการอยู่รอดของชีวิต....

หาเงินพออยู่รอดได้ก็ดีแล้ว :b22:
เป็นกลุ่มคนที่ให้ความเชื่อมั่นต่อข้อเท็จจริงและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องศาสนาที่เขาคิดว่าเป็นเรื่องงมงายและพิสูจน์ไม่ได้

คนประเภทนี้เปรียบเหมือนกับอยู่ในห้องมืดแล้วยังเลือกใส่แว่นตาดำ :b11: :b11:
ความมืดของอวิชชาจึงรัดตัวมันเองแน่นยิ่งขึ้น เป็นบุคคลประเภทที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง....


****คนอีกประเภทหนึ่งที่หวังทำบุญเพื่อไปสวรรค์ก็เปรียบได้ว่า

อยากจะเปลี่ยนจากความเป็นเสือโคร่งมาเป็นเสือลายเท่านั้นเอง ภพภูมิต่าง ๆ ในสังสารวัฏจากพระพรหม เทวดา มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรกนั้น
ล้วนแล้วแต่มีความเป็นเสืออยู่ทั้งสิ้น ต่างกันที่ชนิดหรือพันธ์เท่านั้นเอง



****ข้อแตกต่างอีกข้อหนึ่งคือ ในหมู่แห่งพระพรหม เทวดาและมนุษย์นั้น

ยังมีเสือบางตัวที่อยู่ในขั้นตอนแห่งการกลับกลายสู่ความเป็นมนุษย์
ผู้ที่สนใจศาสนาพุทธมากจนถึงขั้นการฝึกสมาธิวิปัสสนาคงจะได้ยินเรื่องญาณ๑๖ ญานที่ ๑๓
มีชื่อเรียกว่า โคตรภูญานหรือญานข้ามโครต

นั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คือการข้ามจากโครตแห่งความเป็นมนุษย์
ไปสู่โครตแห่งความเป็นพระอริยะบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์
เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจของปัญญาชน ..... :b41: :b41: :b41:


จะขออธิบายว่าโดยบุคลาธิษฐานแล้ว

พระโสดาบันคือเสือที่กลับกลายเป็นมนุษย์ได้ ๒๕%

พระสกิทาคามีคือเสือที่กลับกลายเป็นมนุษย์ได้ ๕๐%

พระอนาคามีคือเสือที่กลับกลายเป็นมนุษย์ได้ ๗๕%

พระอรหันต์คือเสือตัวที่สามารถกลับกลายเป็นมนุษย์ได้๑๐๐%


รูปภาพ


เป็นผู้ที่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มเปี่ยม คือสามารถหลุดพ้นจากความทุกข์อย่างสิ้นเชิงและกลับสู่ความเป็นธรรมดาของชีวิต (ตถตา) แน่นอน โดยความเป็นจริงแห่งการปฏิบัติแล้วไซร้ ไม่อาจจะบอกเป็นตัวเลขเช่นนี้ได้ นี่เป็นเพียงสื่อแห่งการทำให้ผู้อ่านประเภทปัญญาชนเข้าใจเท่านั้น

ข้อเปรียบเทียบดังกล่าวทำให้สามารถมองเห็นโครงสร้างของชีวิตชัดมากขึ้นว่าความสมบูรณ์ที่เต็มเปี่ยมของชีวิตหรือเป้าหมายของชีวิตอยู่ที่ความเป็นพระอรหันต์นั่นเอง

ฉะนั้น อย่าว่าแต่พอใจที่จะเป็นเพียงเทวดาซึ่งอาจจะยังเป็นเสือโคร่งเต็มตัวเลย
การพอใจอยู่เพียงแค่เป็นพระอริยบุคคลในสาม ระดับก็ยังเป็นสิ่งไม่ควร

เพราะยังไม่ถึงความสมบูรณ์แห่งชีวิต


การเกิดมาในภพชาติแห่งความเป็นมนุษย์หมายความว่ามนุษย์สามารถสร้างบารมีอย่างเต็มเปี่ยมโดยการเร่งรีบปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะการทำสมาธิวิปัสสนา หากไม่สามารถหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิงได้ในชาตินี้ บุญบารมีที่สร้างไว้จะได้เป็นปัจจัยหรือทุนรอนที่จะทำให้ก้าวใกล้ความเป็นพระอรหันต์ได้มากขึ้นในชาติต่อไป

แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์แล้วไซร้ ความพากเพียรพยายามของมนุษย์จะหยุดนิ่งไม่ได้
สิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องถามตนเองคือ พวกเรารู้หรือยังว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไรอย่างแท้จริง

การไม่สนใจธรรมะและการไม่ปฏิบัติธรรมนั้นก็เท่ากับการยอมรับฐานะความเป็นเสือโคร่งของตนเอง
ซึ่งเป็นสภาวะแห่งความโง่เขลาและมืดบอด


:b8: (นิทานเรื่องนี้จากเทปธรรมะของอาจารย์โกวิท เขมานันทะ) :b8:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อุ๊ย ถ้าโดนสาปจริงๆคงสยองนะ

เป็นคนนี่เขายังไม่มาไล่ฆ่า
แต่เป้นเสือโดนล่าเอาจู๋ เอาหัว เอาหนัง ... กึ๋ย เจี๋ยวววว.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 09:06
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


คน(บางคน) โหดร้ายยิ่งกว่าเสือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2009, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมขอตั้งคำถามบ้างนะ ถ้าคุณขับรถไป ระหว่างทาง เจอคนสามคน ดังนี้ 1.คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต 2.คนแก่บาดเจ็บ 3.ผู้หญิงที่คุณรอคอยมาตลอดชีวิต คุณจะทำอย่างไร จะให้ใครขึ้นรถ

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2009, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2009, 17:17
โพสต์: 38


 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
อุ๊ย ถ้าโดนสาปจริงๆคงสยองนะ

เป็นคนนี่เขายังไม่มาไล่ฆ่า
แต่เป้นเสือโดนล่าเอา* เอาหัว เอาหนัง ... กึ๋ย เจี๋ยวววว.


เป็น "เสือ" นะ คุณ คามินธรรม ไม่ใช่ "แมว"
ยังจะกลัวอีก ใครจะไม่กล้าล่าเสือ(หิว) ฮึ..ฮึ..หยอกเล่น
:b13:

.....................................................
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 07:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


kokorado เขียน:
ผมขอตั้งคำถามบ้างนะ ถ้าคุณขับรถไป ระหว่างทาง เจอคนสามคน ดังนี้ 1.คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต 2.คนแก่บาดเจ็บ 3.ผู้หญิงที่คุณรอคอยมาตลอดชีวิต คุณจะทำอย่างไร จะให้ใครขึ้นรถ



ฟังสักหนึ่งคำตอบได้ไหมคะ :b12:

ให้คนแก่บาดเจ็บขึ้นรถก่อนสิคะ ส่วนคนอื่นๆ เขาช่วยเหลือตัวเองได้ :b1:

หมายถึงว่า ถ้าบอกว่า รับได้แค่คนเดียวนะคะ จริงๆแล้ว รถออกจาะกว้าง ก็รับไปทั้งหมดเลย :b1:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 10:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่งเพิ่มได้อีกคนเดียวครับ คำถามนี้คล้าย ๆ กับ ลากเส้นผ่านจุด 9 จุด ขอบคุณที่ร่วมสนุก

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมขอตั้งคำถามบ้างนะ ถ้าคุณขับรถไป ระหว่างทาง เจอคนสามคน ดังนี้ 1.คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต 2.คนแก่บาดเจ็บ 3.ผู้หญิงที่คุณรอคอยมาตลอดชีวิต คุณจะทำอย่างไร จะให้ใครขึ้นรถ
*****************************************************************







ถ้าเราเป็นผู้ชายคนนั้น.............เราจะเลือกรับคนแก่บาดเจ็บขึ้นรถค่ะเพราะ :b32: :b32:

(1)คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต......วันหลังเราคงมีโอกาสตอบแทนท่าน

(2)ผู้หญิงที่รอคอยมาตลอดชีวิต....ก็ไม่รู้ว่าใช่คนนี้แน่หรือปล่าว
อาจจะพูดทุกๆครั้งที่เจอผู้หญิง

(3)คนแก่บาดเจ็บนี่....เราอาจจะช่วยชีวิตของท่านได้.

นี่คือเหตุผลที่เราคิดว่ารับคนแก่บาดเจ็บขึ้นรถค่ะ! :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ฮัลโหล..ฮัลโหลเทสสส....

ผมมาเก็บค่าเช่าพื้นที่กระทู้ครับว่าเมื่อท่านเป็นสัตว์จะทำอย่างไร....

ไฉนมีคำถามรับใครขึ้นรถดี....เฮ้อ.. :b10:

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ....คิดค่าเช่าเป็นเหรียญทองคนละ 1 เหรียญ ก็พอครับ... :b22: :b11:

เอ้าร่วมสนุกด้วยครับทุกท่าน....


อ้างคำพูด:
kokorado เขียน:
ผมขอตั้งคำถามบ้างนะ ถ้าคุณขับรถไป ระหว่างทาง เจอคนสามคน ดังนี้ 1.คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต 2.คนแก่บาดเจ็บ 3.ผู้หญิงที่คุณรอคอยมาตลอดชีวิต คุณจะทำอย่างไร จะให้ใครขึ้นรถ



ผมเลือกหมอที่เคยช่วยชีวิตครับ


ถ้าไม่มีหมอผู้ให้ชีวิตผมแล้ว ผมคงไม่มีโอกาสได้มาขับรถชมวิว
ถ้าผมเจ็บหรือตายไปก่อน โอกาสเกิดเป็นมนุษย์นั้นก็แสนยาก.......

ผู้ช่วยชีวิตเรา ถือเป็นเจ้าของชีวิตเรา(เช่นเจ้าชายสิทธัตถะเคยช่วยชีวิตนกที่เทวทัตยิง)

ถือว่าได้กรรมสิทธิ์ที่เราครอบครอง


พระสารีบุตร

ท่านนึกถึงคุณของพระอัสสชิ อาจารย์คนแรก เวลานอนก็หันศรีษะไปทางที่พระอัสสชิอยู่

ในครั้งพุทธกาล มีพระสาวกรูปหนึ่งที่พระพุทธเจ้า ทรงยกย่องว่ามีความกตัญญูเป็นยอด ท่านคือ พระสารีบุตร

พระสารีบุตรนั้น ท่านเป็นพระอรหันต์ อัครสาวก สอนคนให้บรรลุธรรมมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ยังมีคนๆ หนึ่งที่ท่านยังไม่ได้สอน และหากท่านยังไม่ได้สอนคนๆ นี้ ท่านก็ยังนิพพานไม่ได้ คนที่ว่านี้ก็คือ โยมแม่ของท่านนั่นเอง

วันหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ท่านได้กราบทูลลาพระพุทธองค์เพื่อกลับบ้านเกิด เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้ว ท่านจึงออกเดินทางทั้งๆ ที่ร่างกายระงมด้วยพิษไข้ แต่ถึงกระนั้น ท่านก็บุกบั่นเดินทางไปจนพบหน้าโยมมารดา

คืนนั้น ท่านแสดงธรรมโปรดโยมมารดาจนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล เมื่อท่านชำระหนี้ศักดิ์สิทธิ์นี้เสร็จสิ้นแล้ว เช้าตรูวันนั้นท่านก็นิพพานอย่างสงบ

ตัวอย่างชีวิตของพระสารีบุตร เตือนให้เราตระหนักรู้ว่า



“ถึงจะทำดีกับคนทั้งโลกมาแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำดีกับมารดาบิดาของตน ความดีที่ทำมา ก็ยังนับว่า เป็นความดีอย่างธรรมดาสามัญเท่านั้นเอง แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ลูกสามารถประดิษฐานมารดาบิดาบังเกิดเกล้าของตนไว้ในดินแดนแห่งธรรม เมื่อนั่นแหละ จึงจะนับว่า ลูกได้ทำความดีที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง”


ความกตัญญู พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในสังยุตตนิกายว่า ความกตัญญูเป็นภูมิหรือพื้นฐานของสัตบุรุษ

คนดีตัดสินกันได้ที่ความกตัญญู ใครขาดกตัญญูหรือคนเนรคุณนั้นไม่เรียกว่าเป็นคนดี เป็นคนชั่ว ไม่ควรคบ โบราณว่า คนเนรคุณเป็นคน "ทำมาหากินไม่ขึ้น ไม่เจริญ"

ความกตัญญูนี้ ถ้าดูเพียงขอบเขตแคบๆ ก็คือรู้คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ กตเวทีก็คือตอบแทนคุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ขอบเขตของกตัญญูกตเวทีนั้นไม่ควรแคบแค่นี้ ควรขยายออกไปถึงบุคคลอื่นที่มีบุญคุณต่อเรา และต่อมนุษย์ทั้งหลาย ครอบคลุมถึงสัตว์ สภาพแวดล้อม และธรรมชาติทั้งหลายที่มีคุณต่อมนุษยชาติด้วย


พระอานนท์

พระอานนท์เป็นผู้มีเมตตามาก ท่านมักเก็บเอาเด็กขอทานที่ไร้ที่พึ่งมาฝึกฝนอบรมศีลธรรม เมื่อเห็นควรบวชได้ ท่านก็บวชให้เป็นสามเณร มีภิกษุรูปหนึ่งบวชเป็นศิษย์พระอานนท์ รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่ท่านได้อนุเคราะห์ตนให้มีโอกาสบวชปฏิบัติธรรมจึงเอาใจใส่อุปัฏฐากดูแลท่านพระอานนท์ในฐานะอุปัชฌาย์อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการตักน้ำฉัน น้ำใช้ ปัดกวาดอาสนะ รับบาตร จีวร

วันหนึ่งพระอานนท์รับนิมนต์ไปฉันในพระราชวัง พระเจ้าปเสนทิโกศลถวายจีวรแก่พระเถระหลายผืน พระเถระได้มาแล้วก็มอบให้แก่พระภิกษุลูกศิษย์รูปนั้นทั้งหมด ไม่เก็บไว้ใช้ส่วนตัวเลย

พระหนุ่มรูปนั้นก็นำเอาจีวรเหล่านั้นไปแจกจ่ายแก่เพื่อนพระด้วยกันจนหมดเช่นกัน การกระทำของพระอานนท์ ตอนแรกถูกพระภิกษุด้วยกันนินทาว่า เป็นการเห็นแก่หน้า พระอานนท์มีฉันทาคติ คือ รักลูกศิษย์รูปเดียว ได้จีวรมาก็ให้แก่ลูกศิษย์ที่ตนรักรูปเดียว ยังดีที่ลูกศิษย์เป็นคนใจกว้าง นำจีวรมาแจกให้พระรูปอื่นได้ใช้ด้วย

พระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องนั้น จึงเรียกภิกษุทั้งหลายมาเข้าเฝ้า ตรัสว่า อานนท์มิได้มีฉันทาคติ แต่อานนท์เธอมีความกตัญญู เธอรู้ว่าพระลูกศิษย์นั้นได้ปรนนิบัติเธอเป็นอย่างดี เธอซาบซึ้งในความดีของลูกศิษย์ จึงได้มอบจีวรทั้งหมดแก่ลูกศิษย์

ภิกษุทั้งหลาย อานนท์เห็นแก่คุณธรรมความดียิ่งชีวิต

เมื่อครั้งพระเทวทัตสั่งปล่อยช้างนาฬาคิรีแล่นมาหมายจะเหยียบพระตถาคตนั้น อานนท์มีความกตัญญูรู้คุณของพระตถาคตไม่คิดถึงชีวิตของตน ออกไปขวางหน้าช้างตกมัน จนตถาคตต้องแผ่เมตตาจิตสยบพญาช้างนั้นเสีย

นี้แสดงว่าอานนท์มีความกตัญญูกตเวทีต่อตถาคต ความมีกตัญญูกตเวทีนั้น เป็นคุณสมบัติประจำตัวอีกประการหนึ่งของอานนท์ ที่พึงสรรเสริญยิ่ง...


. .คัมภีร์กตัญญูของจีนกล่าวไว้ว่า

"ความกตัญญูเป็นเป็นรากฐานของคุณธรรมทั้งปวง"

ต่อให้คุณเป็นคนดีอย่างไรก็ตามชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก คนแก่คนเจ็บ บริจาคเงินสร้างวัดวาอารามหลายร้อยหลัง.....

แต่ปราศจากความกตัญญูแล้วไซร้......ยังเรียกว่าคนดีอยู่หรือ....?????????


พูดมายืดยาว......ฟันธงเลยนะ.....

ผมช่วยเหลือหมอที่เคยช่วยชีวิตผมครับ

แล้วผมจะสละที่นั่งให้คนแก่ที่เจ็บขึ้นรถไปกับหมอ.....ให้หมอขับรถไปเพื่อหมอจะได้รักษาคนแก่ท่านนั้น


ส่วนผมลงมาอยู่เป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิต...สวีทหวานแหววววว....ไม่มี ก ข ค และ ง.

:b4: :b4: :b4:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


1. อยากจะตอบว่า":ยุงร้ายกว่าเสือ"ครับ ได้ยินมาจากนิทานพื้นบ้านอีสาน :b44:

2. ผมขอเลือก "คนแก่ที่กำลังป่วย" เหตุผลมีอยู่ข้อเดียวหากไม่ช่วยแกคงตาย
โดยก่อนขึ้นรถ ผมจะให้หมอที่รออยู่รักษาเบื้องต้น หรือให้ยาแก้ปวดไปก่อน
ส่วนหญิงที่รอมาทั้งชีวิต ผมจะให้นามบัตรหรือเบอรโทร แทนครับ หากเป็นคนที่รอทั้ง
ชีวิตเขาต้องติดต่อมาหาผม ส่วนหมอเขาคงเข้าใจเหตุผลผม ที่เลือกคนเจ็บก่อนเพราะ
อาชีพนี้ ผู้ป่วยต้องมาก่อนเสมอ

หุๆๆๆๆ เลือกยากเหมือนกัน ระหว่างบุญคุณกับความสงสาร ..... :b6:

ปล....ขอตอบแบบไม่อ้างอิงพุทธศาสนานะครับ :b31:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2009, 21:36
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าผมขับรถไปเจอทั้งสามคน ผมยินดีจะให้ทั้งสามคนขึ้นรถครับ มีที่เยอะแยะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2009, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ฌาณ เขียน:
ฮัลโหล..ฮัลโหลเทสสส....

ผมมาเก็บค่าเช่าพื้นที่กระทู้ครับว่าเมื่อท่านเป็นสัตว์จะทำอย่างไร....

ไฉนมีคำถามรับใครขึ้นรถดี....เฮ้อ.. :b10:

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ....คิดค่าเช่าเป็นเหรียญทองคนละ 1 เหรียญ ก็พอครับ... :b22: :b11:

เอ้าร่วมสนุกด้วยครับทุกท่าน....


อ้างคำพูด:
kokorado เขียน:
ผมขอตั้งคำถามบ้างนะ ถ้าคุณขับรถไป ระหว่างทาง เจอคนสามคน ดังนี้ 1.คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต 2.คนแก่บาดเจ็บ 3.ผู้หญิงที่คุณรอคอยมาตลอดชีวิต คุณจะทำอย่างไร จะให้ใครขึ้นรถ



ผมเลือกหมอที่เคยช่วยชีวิตครับ


ถ้าไม่มีหมอผู้ให้ชีวิตผมแล้ว ผมคงไม่มีโอกาสได้มาขับรถชมวิว
ถ้าผมเจ็บหรือตายไปก่อน โอกาสเกิดเป็นมนุษย์นั้นก็แสนยาก.......

ผู้ช่วยชีวิตเรา ถือเป็นเจ้าของชีวิตเรา(เช่นเจ้าชายสิทธัตถะเคยช่วยชีวิตนกที่เทวทัตยิง)

ถือว่าได้กรรมสิทธิ์ที่เราครอบครอง


พระสารีบุตร

ท่านนึกถึงคุณของพระอัสสชิ อาจารย์คนแรก เวลานอนก็หันศรีษะไปทางที่พระอัสสชิอยู่

ในครั้งพุทธกาล มีพระสาวกรูปหนึ่งที่พระพุทธเจ้า ทรงยกย่องว่ามีความกตัญญูเป็นยอด ท่านคือ พระสารีบุตร

พระสารีบุตรนั้น ท่านเป็นพระอรหันต์ อัครสาวก สอนคนให้บรรลุธรรมมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ยังมีคนๆ หนึ่งที่ท่านยังไม่ได้สอน และหากท่านยังไม่ได้สอนคนๆ นี้ ท่านก็ยังนิพพานไม่ได้ คนที่ว่านี้ก็คือ โยมแม่ของท่านนั่นเอง

วันหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ท่านได้กราบทูลลาพระพุทธองค์เพื่อกลับบ้านเกิด เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้ว ท่านจึงออกเดินทางทั้งๆ ที่ร่างกายระงมด้วยพิษไข้ แต่ถึงกระนั้น ท่านก็บุกบั่นเดินทางไปจนพบหน้าโยมมารดา

คืนนั้น ท่านแสดงธรรมโปรดโยมมารดาจนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล เมื่อท่านชำระหนี้ศักดิ์สิทธิ์นี้เสร็จสิ้นแล้ว เช้าตรูวันนั้นท่านก็นิพพานอย่างสงบ

ตัวอย่างชีวิตของพระสารีบุตร เตือนให้เราตระหนักรู้ว่า



“ถึงจะทำดีกับคนทั้งโลกมาแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำดีกับมารดาบิดาของตน ความดีที่ทำมา ก็ยังนับว่า เป็นความดีอย่างธรรมดาสามัญเท่านั้นเอง แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ลูกสามารถประดิษฐานมารดาบิดาบังเกิดเกล้าของตนไว้ในดินแดนแห่งธรรม เมื่อนั่นแหละ จึงจะนับว่า ลูกได้ทำความดีที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง”


ความกตัญญู พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในสังยุตตนิกายว่า ความกตัญญูเป็นภูมิหรือพื้นฐานของสัตบุรุษ

คนดีตัดสินกันได้ที่ความกตัญญู ใครขาดกตัญญูหรือคนเนรคุณนั้นไม่เรียกว่าเป็นคนดี เป็นคนชั่ว ไม่ควรคบ โบราณว่า คนเนรคุณเป็นคน "ทำมาหากินไม่ขึ้น ไม่เจริญ"

ความกตัญญูนี้ ถ้าดูเพียงขอบเขตแคบๆ ก็คือรู้คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ กตเวทีก็คือตอบแทนคุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ขอบเขตของกตัญญูกตเวทีนั้นไม่ควรแคบแค่นี้ ควรขยายออกไปถึงบุคคลอื่นที่มีบุญคุณต่อเรา และต่อมนุษย์ทั้งหลาย ครอบคลุมถึงสัตว์ สภาพแวดล้อม และธรรมชาติทั้งหลายที่มีคุณต่อมนุษยชาติด้วย


พระอานนท์

พระอานนท์เป็นผู้มีเมตตามาก ท่านมักเก็บเอาเด็กขอทานที่ไร้ที่พึ่งมาฝึกฝนอบรมศีลธรรม เมื่อเห็นควรบวชได้ ท่านก็บวชให้เป็นสามเณร มีภิกษุรูปหนึ่งบวชเป็นศิษย์พระอานนท์ รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่ท่านได้อนุเคราะห์ตนให้มีโอกาสบวชปฏิบัติธรรมจึงเอาใจใส่อุปัฏฐากดูแลท่านพระอานนท์ในฐานะอุปัชฌาย์อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการตักน้ำฉัน น้ำใช้ ปัดกวาดอาสนะ รับบาตร จีวร

วันหนึ่งพระอานนท์รับนิมนต์ไปฉันในพระราชวัง พระเจ้าปเสนทิโกศลถวายจีวรแก่พระเถระหลายผืน พระเถระได้มาแล้วก็มอบให้แก่พระภิกษุลูกศิษย์รูปนั้นทั้งหมด ไม่เก็บไว้ใช้ส่วนตัวเลย

พระหนุ่มรูปนั้นก็นำเอาจีวรเหล่านั้นไปแจกจ่ายแก่เพื่อนพระด้วยกันจนหมดเช่นกัน การกระทำของพระอานนท์ ตอนแรกถูกพระภิกษุด้วยกันนินทาว่า เป็นการเห็นแก่หน้า พระอานนท์มีฉันทาคติ คือ รักลูกศิษย์รูปเดียว ได้จีวรมาก็ให้แก่ลูกศิษย์ที่ตนรักรูปเดียว ยังดีที่ลูกศิษย์เป็นคนใจกว้าง นำจีวรมาแจกให้พระรูปอื่นได้ใช้ด้วย

พระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องนั้น จึงเรียกภิกษุทั้งหลายมาเข้าเฝ้า ตรัสว่า อานนท์มิได้มีฉันทาคติ แต่อานนท์เธอมีความกตัญญู เธอรู้ว่าพระลูกศิษย์นั้นได้ปรนนิบัติเธอเป็นอย่างดี เธอซาบซึ้งในความดีของลูกศิษย์ จึงได้มอบจีวรทั้งหมดแก่ลูกศิษย์

ภิกษุทั้งหลาย อานนท์เห็นแก่คุณธรรมความดียิ่งชีวิต

เมื่อครั้งพระเทวทัตสั่งปล่อยช้างนาฬาคิรีแล่นมาหมายจะเหยียบพระตถาคตนั้น อานนท์มีความกตัญญูรู้คุณของพระตถาคตไม่คิดถึงชีวิตของตน ออกไปขวางหน้าช้างตกมัน จนตถาคตต้องแผ่เมตตาจิตสยบพญาช้างนั้นเสีย

นี้แสดงว่าอานนท์มีความกตัญญูกตเวทีต่อตถาคต ความมีกตัญญูกตเวทีนั้น เป็นคุณสมบัติประจำตัวอีกประการหนึ่งของอานนท์ ที่พึงสรรเสริญยิ่ง...


. .คัมภีร์กตัญญูของจีนกล่าวไว้ว่า

"ความกตัญญูเป็นเป็นรากฐานของคุณธรรมทั้งปวง"

ต่อให้คุณเป็นคนดีอย่างไรก็ตามชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก คนแก่คนเจ็บ บริจาคเงินสร้างวัดวาอารามหลายร้อยหลัง.....

แต่ปราศจากความกตัญญูแล้วไซร้......ยังเรียกว่าคนดีอยู่หรือ....?????????


พูดมายืดยาว......ฟันธงเลยนะ.....

ผมช่วยเหลือหมอที่เคยช่วยชีวิตผมครับ

แล้วผมจะสละที่นั่งให้คนแก่ที่เจ็บขึ้นรถไปกับหมอ.....ให้หมอขับรถไปเพื่อหมอจะได้รักษาคนแก่ท่านนั้น


ส่วนผมลงมาอยู่เป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิต...สวีทหวานแหววววว....ไม่มี ก ข ค และ ง.

:b4: :b4: :b4:


สาธุค่ะน้องฌาน :b8:

ถูกนะคะความคิดนี้ .. พอดีไม่ทันฉุกคิดค่ะว่า ให้หมอขับรถไปกับคนแก่ที่บาดเจ็บ ส่วนตัวเอง รออยู่กับผู้หญิงก็ได้ อย่างน้อยมีอะไรเกิดขึ้นกับคนเจ็บ หมอยังมีความสามารถช่วยชีวิตได้

อื่มมมม .. จะบอกว่า ไม่เกียวกับบทความธรรมะที่น้องฌานนำมาอ้างอิงนะคะ พี่น้ำพูดตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นค่ะ ให้เหรียญและให้การอนุโมทนากับความคิดนี้ค่ะ :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2009, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
แมว...โดนสาปเป็นเสือโคร่ง กำลังหมอบราบคาบแก้วให้ช่วยถอนคำสาปอยู่อ่ะค่ะ :b2: :b2: :b2:

แต่ว่าต้องฝึกท่องมนต์เอง... ลำพังให้เสือ รู้จักภาษาก็ยากจะแย่อยู่แระ...
ต้องฝึกท่องมนต์แก้คำสาปอีก.. ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยังต้องมาเกิดแล้วเกิดอีกอยู่นี่..เฮ้อ...

ขอเล่นตอบคำถามด้วยคนค่ะ

....ถ้าคุณขับรถไป ระหว่างทาง เจอคนสามคน ดังนี้ 1.คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต 2.คนแก่บาดเจ็บ 3.ผู้หญิงที่คุณรอคอยมาตลอดชีวิต คุณจะทำอย่างไร จะให้ใครขึ้นรถ

แมวเลือกที่จะรับคุณหมอค่ะเพราะใน 3 คนนี้
1.คุณหมอที่เคยช่วยชีวิต ...สามารถกลับไปช่วยเหลือบุคคลอื่นๆได้อีกหลายร้อยชีวิต..มีประโยชน์แก่คนหมู่มาก
2.คนแก่บาดเจ็บ ...ใกล้ฝั่งแล้ว ยังประโยชน์แก่คนหมู่มากไม่ได้แล้วให้แกอยู่อย่างสงบ...ถ้าเป็นเรานะเราก็อยากละสังขารไปเลยหล่ะ..
3.ผู้หญิงที่คุณรอคอยมาตลอดชีวิต...ถ้ารับมาก็มีแต่เราที่ได้ชื่นใจสมใจแค่คนเดียว..ให้รอคันหลังละกัน เพราะเราทำใจได้นานแย้ว

:b20: :b20: :b20:

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 65 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร