ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=21029
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  อธิคม [ 12 มี.ค. 2009, 13:53 ]
หัวข้อกระทู้:  พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

:b52: :b53: จะกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสภาวะสูญญตา คือว่างเปล่าจากสิ่งทั้งปวง ดั่งคำที่ว่า :b44: นิพานัง ปรมัง สูญญัง :b44: จึงกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสูญญัง จิตที่ไปนิพพานคือจิตเดินคือจิตประภัตรสรจิตพุทธะ เมื่อนอกจากพระนิพพานเป็นสภาวะที่เที่ยงแต่ไม่ใช่ตัวตน ทุกสิ่งในโลกนี้จะกล่าวได้ว่าไม่ใช่ตัวตนแต่ไม่เที่ยง นิพพานจัดเป็นธรรมเช่นกัน และธรรมก็หมายถึงทุกสิ่ง เมื่อธรรมหมายถึงทุกสิ่งเนื่องจากธรรมอยู่ในกฎ อนัตตา จึงเป็นคำที่ว่า สัพเพธรรมาอนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดั้งนี้ เมื่อทุกสิ่งไม่ใช่ตัวตนแล้วก็แสดงว่าพระนิพพานนั้นมีอยุทุกที่ จริงอย่าง :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: ไร :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 12 มี.ค. 2009, 15:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

อ้างคำพูด:

อุบาสกผู้คงแก่เรียนผู้หนึ่ง สนทนากับหลวงปู่ว่า
"กระผม เชื่อว่า แม้ในปัจจุบันพระผู้ปฏิบัติถึงขั้นได้บรรลุมรรคผลนิพพานก็คงมีอยู่ไม่น้อย
เหตุใดท่านเหล่านั้นจึงไม่แสดงตนให้ปรากฎ
เพื่อให้ผู้สนใจปฏิบัติทราบว่าท่านได้บรรลุถึงคุณธรรมนั้นแล้ว
เขาจะได้มีกำลังใจและความหวัง เพื่อเป็นพลังเร่งความเพียรในทางปฏิบัติให้เต็มที่" ฯ


หลวงปู่กล่าวว่า
"ผู้ที่เขาตรัสรู้แล้ว เขาไม่พูดว่าเขารู้แล้วซึ่งอะไร
เพราะสิ่งนั้นมันอยู่เหนือคำพูดทั้งหมด
"






จาก หนังสือหลวงปู่ฝากไว้ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
http://www.nkgen.com/pudule.htm

เจ้าของ:  palungwat [ 12 มี.ค. 2009, 16:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

ผู้รู้แล้วบอกก็มี ผู้รู้แล้วไม่บอกก็มี
ผู้รู้แล้วบอกได้ก็มี ผู้รู้แล้วบอกไม่ได้ก็มี
ผู้ไม่รู้แล้วบอกก็มี ผู้ไม่รู้แล้วไม่บอกก็มี
ผู้รู้บอกแล้ว(ผู้นั้น)ดื้อก็มี ผู้รู้บอกแล้ว(ผู้นั้น)ไม่ดื้อก็มี

ให้ไว้เป็นข้อคิดเพิ่มเติมนะท่าน..."คามินธรรม" จากเพื่อนเก่า

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 12 มี.ค. 2009, 17:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

palungwat เขียน:
ผู้รู้แล้วบอกก็มี ผู้รู้แล้วไม่บอกก็มี
ผู้รู้แล้วบอกได้ก็มี ผู้รู้แล้วบอกไม่ได้ก็มี
ผู้ไม่รู้แล้วบอกก็มี ผู้ไม่รู้แล้วไม่บอกก็มี
ผู้รู้บอกแล้ว(ผู้นั้น)ดื้อก็มี ผู้รู้บอกแล้ว(ผู้นั้น)ไม่ดื้อก็มี

ให้ไว้เป็นข้อคิดเพิ่มเติมนะท่าน..."คามินธรรม" จากเพื่อนเก่า



ใครเอ่ย :b23:

ผมขอเพิ่มนิดนึง
ผู้ที่ไม่รู้ แต่เข้าใจผิดว่าตนรู้ ... ก็เที่ยวพร่ำบอก...ก็มี
ผู้ที่"รู้จำ"มา....แล้วมาใช้คำว่า"รู้แจ้ง" .... แล้วเที่ยวพร่ำบอกว่าตน"รู้" ..ก็มี



เรื่องที่ท่านแสดงความเป้นห่วงมานี้ ผมทราบดีครับ
มันเหมือนกับเรื่องนิทาน "ปลา กับ เต่า" นั่นแหละ

เต่าไปเห็นอะไรต่อมิอะไรแล้วก็มาเล่าให้ปลาฟัง
แต่ปลามันไม่ได้มีขา ไม่ได้ขึ้นบกไปดูด้วย

ถ้าปลาไม่เชื่อ ท่านจะบอกว่าปลาดื้อไม่ได้ ... ที่จริงเต่านั่นแหละดื้อ ตันหาจัดเกินไป
รู้ทั้งรู้ว่าปลาไม่มีขา ไม่ได้ไปเห็นเหมือนเต่า ยังจะมาบังคับให้ปลาเชื่่อในสิ่งที่พูด
ก้น่าสังเกตุว่า เต่าผุ้แจ้งในนิพพาน ทำไมยังมีอัตตาขนาดนี้


ถ้าเป็นเต่าพระพุทธเจ้า ท่านจะไม่มาเสียเวลาอธิบายว่านิพพานคืออะไร
แต่ท่านจะสอนปลาให้ปลามันวิวัฒนาการตัวเองจนมีขาขึ้นมา แล้วไปดูเอง เห็นเอง รู้เอง

และถ้าเป้นเต่าลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ก้จะทำอย่างเดียวกัน
คือไม่มาเสียเวลาอธิบายเรื่องที่คนฟังไม่มีทางเข้าใจ
เรื่องนิพพาน มันเป็นธุระของอริยชน เป็นสมรรถนะของอริยชนที่เขาเห็นแจ้งอริยสัจ

ป่วยการที่คนธรรมดาจะมาขบคิดเคี่ยวเข็ญให้เข้าใจ

เหมือนปลาสองตัวเถียงกันจะเป็นจะตายว่ามีโลกข้างบนน้ำ มีตึกรามบ้านช่อง มีเครื่อบิน มีอินเตอร์เน็ต .. ต่างๆนาๆ
ปลาสองตัวนี้ก็ได้แต่ฟังทางนั้นทีทางนี้ที แล้วเอามาเถียงกัน
เถียงกันจนกระดูกเป้นผงก้ตาม ก็ไม่มีทางเข้าใจเรื่องที่เต่าเล่ามา
เพราะปลาลืมตัวไปว่าไม่มีขาเหมือนเต่า

แล้วพระพุทธเจ้าก็อุตส่าห์สอนวิธีปฏิบัติเอาไว้้แล้วว่า
การที่เราจะวิวัฒนาการตัวเองให้มันมีขาขึ้นมาแบบเต่าต้องทำยังไงบ้าง ท่านก็สอนเอาไว้หมด
แล้วบอกร่องรอยเอาไว้ด้วยว่า ถ้ามีขาแล้วให้เดินไปทางนั้น เลี้ยวตรงนี้
แล้วเด๊่ยวจะเจออย่างนี้อย่างนั้น ตรงนั้นแหละ เรียกว่านิพพาน

ก็น่าสงสารปลาที่เสียเวลาเถียงกันอยู่นานสองนาน ไม่ได้อะไรเลย

เจ้าของ:  palungwat [ 12 มี.ค. 2009, 17:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

ผู้รู้แล้วมาบอกสิ่งที่รู้ ธรรมจักรจึงหมุนไป
ผู้รู้แล้วแสดงตน ธรรมจักรจึงหมนุไป
ผู้รู้แล้วไม่บอกสิ่งที่รู้ ธรรมจักรมิอาจหมุน
ผู้รู้แล้วไม่บอกสิ่งที่รู้ พุทธศาสนามิอาจเกิดขึ้น

*

ผู้รู้จำเป็นต้องบอก ก็ต้องบอก
ผู้รู้ไม่จำเป็นต้องบอก ก็ไม่ต้องบอก
บอกนี่ไม่ใช่อวด แต่บอกนี่เพื่ออนุเคราะห์แก่ปวงสัตว์

*

ลึกซึ้งนะท่าน

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 12 มี.ค. 2009, 17:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

palungwat เขียน:
ผู้รู้แล้วมาบอกสิ่งที่รู้ ธรรมจักรจึงหมุนไป
ผู้รู้แล้วแสดงตน ธรรมจักรจึงหมนุไป
ผู้รู้แล้วไม่บอกสิ่งที่รู้ ธรรมจักรมิอาจหมุน
ผู้รู้แล้วไม่บอกสิ่งที่รู้ พุทธศาสนามิอาจเกิดขึ้น

*

ผู้รู้จำเป็นต้องบอก ก็ต้องบอก
ผู้รู้ไม่จำเป็นต้องบอก ก็ไม่ต้องบอก
บอกนี่ไม่ใช่อวด แต่บอกนี่เพื่ออนุเคราะห์แก่ปวงสัตว์

*

ลึกซึ้งนะท่าน


เห็นด้วยครับ ไม่มีอะไรขัดแย้งเลย
ผมเข้าใจว่า เราเข้าใจตรงกันแล้วนะครับ

ใครรู้จริงก็พูดไป ใครไม่รู้จริงก้จะได้ระวังคำพูด
ใครอยากจะรู้จริง ก้จะได้ไม่ประมาทว่าขบคิดเอาแล้วจะเข้าใจนิพพานได้จริงๆ
ทำให้เสียเวลาอยู่ เสียประโยชน์



ว่าแต่จะอธิบายคำว่า "เพื่อนเก่า" ได้ไหมครับ

เจ้าของ:  palungwat [ 12 มี.ค. 2009, 17:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

"เพื่อนเก่า"...
"เพื่อน" เพราะ คิดว่าเป็นเพื่อนทางธรรมผู้หนึ่ง
"เก่า" เพราะ เก่า คือ อดีต
เพื่อนเก่า เพราะเคยได้สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนกันนานแล้ว
เพื่อนเก่า เพราะอาจจะไม่ใช่เป็นเพื่อนกันในปัจจุบัน
เพื่อนเก่า เพราะท่านคงลืมสิ่งที่เราเคยสนทนา(ค้าง)กันเสียแล้ว...
เพื่อนเก่า คนนี้จึงเห็นว่า ท่านยังไม่ข้ามพ้นการเชื่อตามผู้อื่นอยู่ จึงมาเตือนท่าน
เพื่อนเก่า คนนี้จึงคิดว่า ท่านคงจะได้ธรรมอันบริสุทธิ์ต่อไป

*

ท่านเต็มเสียแล้วหรือ?

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 12 มี.ค. 2009, 18:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

อธิบายว่าเป็นใคร เจอกันที่ไหน .. มันไม่ถึงสองบรรทัดหรอกครับ

ทำไมต้องเยอะแยะวุ่นวาย ตอบยากตอบเย็น
สำบัดสำนวนไปตั้งนานสองนาน เล่น 20 คำถามเอาถังแก๊สจำลองอยู่นี่
สุดท้ายก้ยังไม่ตอบ

ถ้ามีจิตเป็นกัลยาณมิตร ประสงค์ดีจริงๆ เขาไม่ทำอย่างนี้นะ

เจ้าของ:  พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 12 มี.ค. 2009, 18:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

อธิคม เขียน:
:b52: :b53: จะกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสภาวะสูญญตา คือว่างเปล่าจากสิ่งทั้งปวง ดั่งคำที่ว่า :b44: นิพานัง ปรมัง สูญญัง :b44: จึงกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสูญญัง จิตที่ไปนิพพานคือจิตเดินคือจิตประภัตรสรจิตพุทธะ เมื่อนอกจากพระนิพพานเป็นสภาวะที่เที่ยงแต่ไม่ใช่ตัวตน ทุกสิ่งในโลกนี้จะกล่าวได้ว่าไม่ใช่ตัวตนแต่ไม่เที่ยง นิพพานจัดเป็นธรรมเช่นกัน และธรรมก็หมายถึงทุกสิ่ง เมื่อธรรมหมายถึงทุกสิ่งเนื่องจากธรรมอยู่ในกฎ อนัตตา จึงเป็นคำที่ว่า[b] สัพเพธรรมาอนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดั้งนี้ เมื่อทุกสิ่งไม่ใช่ตัวตนแล้วก็แสดงว่าพระนิพพานนั้นมีอยุทุกที่ จริงอย่าง :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: ไร :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: [/b]
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:



เข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วครับ
ธรรมมี 2 อย่าง คือ

1. ธรรมที่เป็นอนัตตา สิ่งนี้คือขันธ์ 5 หรือสังขตธาตุ อนัตตา=ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวน เกิด แก่ เจ็บ ตาย

2. ธรรมที่เป็นอัตตา สิ่งนี้คือธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย หรือ อายตนะนิพพาน หรือ อสังขตธาตุ อัตตา= เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวน ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

นี่ครับคือความหมายของอัตตา และอนัตตา อนัตตาที่พวกมารเขาสอนคืออะไรล่ะครับ คุณถึงหลงไปเชื่อมารว่า นิพพานเป็นอนัตตา

พระพุทธเจ้าตรัสสอนชัดเจนในอนัตตลักขสูตรคุณกลับไม่เชื่อ แต่มารที่เป็นสมมุติสงฆ์ไปตีความผิดพลาด คุณกลับเชื่อ

เจ้าของ:  palungwat [ 12 มี.ค. 2009, 22:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

^_^ ไม่เป็นไรหรอกครับท่าน "คามินธรรม" เป็นธรรมดาที่ท่านต้องจำไม่ได้เป็นธรรมดา

และเพราะผมไม่ต้องการจะให้รู้ด้วยว่าเป็นใคร เห็นสิ่งที่คิดว่าควรแนะนำ หรือเพิ่มเติม ปรารถนาจะแนะนำท่าน ก็แนะนำเท่านั้น ไม่ประสงค์ออกนาม ท่านจะเข้าใจหรือไม่ห้วข้อธรรมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะบุคคลย่อมมีความแตกต่างกัน...

"ธรรมสำคัญกว่าตัวบุคคล หากเป็นธรรมะที่ดีมีประโยชน์ ก็ควรพิจารณานำไปปฏิบัติก็เท่านั้น แม้ไม่ต้องรู้ว่าเป็นใคร"

เอาเป็นว่าทักทายกันเท่านี้ หวังดีต่อท่านเท่านั้นเอง ไม่ได้จะคิดไม่ดี

สวัสดีครับ

เจ้าของ:  อธิคม [ 12 มี.ค. 2009, 23:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
อธิคม เขียน:
:b52: :b53: จะกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสภาวะสูญญตา คือว่างเปล่าจากสิ่งทั้งปวง ดั่งคำที่ว่า :b44: นิพานัง ปรมัง สูญญัง :b44: จึงกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสูญญัง จิตที่ไปนิพพานคือจิตเดินคือจิตประภัตรสรจิตพุทธะ เมื่อนอกจากพระนิพพานเป็นสภาวะที่เที่ยงแต่ไม่ใช่ตัวตน ทุกสิ่งในโลกนี้จะกล่าวได้ว่าไม่ใช่ตัวตนแต่ไม่เที่ยง นิพพานจัดเป็นธรรมเช่นกัน และธรรมก็หมายถึงทุกสิ่ง เมื่อธรรมหมายถึงทุกสิ่งเนื่องจากธรรมอยู่ในกฎ อนัตตา จึงเป็นคำที่ว่า[b] สัพเพธรรมาอนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดั้งนี้ เมื่อทุกสิ่งไม่ใช่ตัวตนแล้วก็แสดงว่าพระนิพพานนั้นมีอยุทุกที่ จริงอย่าง :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: ไร :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: [/b]
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:



เข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วครับ
ธรรมมี 2 อย่าง คือ

1. ธรรมที่เป็นอนัตตา สิ่งนี้คือขันธ์ 5 หรือสังขตธาตุ อนัตตา=ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวน เกิด แก่ เจ็บ ตาย

2. ธรรมที่เป็นอัตตา สิ่งนี้คือธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย หรือ อายตนะนิพพาน หรือ อสังขตธาตุ อัตตา= เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวน ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

นี่ครับคือความหมายของอัตตา และอนัตตา อนัตตาที่พวกมารเขาสอนคืออะไรล่ะครับ คุณถึงหลงไปเชื่อมารว่า นิพพานเป็นอนัตตา

พระพุทธเจ้าตรัสสอนชัดเจนในอนัตตลักขสูตรคุณกลับไม่เชื่อ แต่มารที่เป็นสมมุติสงฆ์ไปตีความผิดพลาด คุณกลับเชื่อ









ของอ้างอิงนะครับสภาวะที่มาถามนี้เนื่องจากที่เห็นทุกท่านกล่าวธรรม แล้วก็แจ้งว่า มารนะครับพระนิพพานเป็นอนัตตาโดยตัวของมันอยู่แล้วถ้าคุนยังเห็นว่านิพพานเป็นอัตตาละก็ก็ไปขัดกับพุทธวจนะที่ว่าสัพเพ ธรรมมา อนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดั้งนี้ นิพพานจึงจังเป็นธรรม จึงไม่มีตัวตนแต่เที่ยงนะครับ แล้วถ้าคุนยังเห็นธรรมมีตัวตนละก็จะไม่มีทางเข้าสู่พระนิพพานได้เลยเพราะว่าความคิดที่ว่านิพพานยังมีตัวตนก็คือขันธ์มารที่เป็นสังขารโดยอาศัยสัญญาแล้วที่คุนกล่าวอย่างนี้ละก็จิตก็จะไปยึดพระนิพพานก็จะเข้าพระนิพพานไม่ได้ละครับ และจะขัตกับหลักอนัตตลักขณะสูตรที่คุนกล่าวมานะครับ คุนกรุณาอย่าอ้างถึงพระนะครับ มันจะเป็นกรรมอย่าแรง
ซึ่งสภาวะที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวมาข้างบนนะครับไม่ว่าจะบอกว่าผู้รู้มักไม่กล่าวถึงนิพพาน เพราะอ้างว่านิพพานเหนือคำพูดทั้งหมดมักไม่จริงนะครับ เนื่องจากสภาวะของพระนิพพานไม่มีอะไรให้อธิบายเลยเพระมันอธิบายโดยตัวมันเองอยู๋แล้ว แต่ผู้ที่บรรลธรรมที่เป็นปุตุชนยังสามารถบอกธรรมที่ตัวเองบรรลุได้แต่พระทำไม่ได้นะครับจะเป็นอาบัติปราชิก ข้อสุดท้าย แต่ในสมัยพระพุทธกาลพระพุทธองค์ยังทรงรับรองพระสาวกที่ได้ธรรมนะครับ



สาธุ
:b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42:

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 13 มี.ค. 2009, 08:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

:b40: :b39: สงสัยจะเป็นเพื่อนเก่าจริงๆ จน k.คามินธรรม จำไม่ได้ เก่าจริงๆ ว่าแต่ไปอะไรที่ไหนมา ทำไมถึงเพิ่งมาปรากฏตัวตอนนี้ละครับ เพราะว่าลานธรรมจักรใหม่นี้เปิดใช้มาตังนานแล้ว ......

:b40: โดยนิยามของคำว่าเพื่อน น่าจะหมายถึงพูดจากันโดยเปิดเผยนะ อะไรที่บอกได้ก็ควรบอก เห็นบอกให้รู้บางส่วนไว้ แล้วก็เก็บบางส่วนที่ไม่รู้ไว้ ถ้าเป็นเพื่อนเก่าจริง เพื่อนเก่าที่เคยคุยกันก็ต้องจำได้สิ

:b40: ไม่งั้นจะเรียกเพื่อนเก่าได้ยังไง คำว่าเพื่อนกินความหมายกว้างมากๆนะ ถ้าในทางธรรมก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก จะเห็นได้ว่าตัวอย่างธรรมในหลายๆข้อก็กล่าวถึงบัณฑิต กล่าวถึงกัลยาณมิตร จริงๆแล้วก็รวมอยู่ในคำว่า "เพื่อน" นี่แหละครับ............ :b39:

เจ้าของ:  ปล่อยรู้ [ 13 มี.ค. 2009, 08:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

ว่างในว่าง นั้นอีกที ดียิ่งนัก
จะประจักษ์ ชัดแจ้ง แสงแห่งธรรม
ว่างในว่าง หากทำได้ ใจสูงล้ำ
ไม่จดจำ ธรรมใดว่าง ให้อ้างเอย...

สมุติปิดบังวิมุติ
แหวกสมมุติออกไปได้ ก็ย่อมได้เจอวิมุติ...

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 13 มี.ค. 2009, 08:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

อธิคม เขียน:
คุนกรุณาอย่าอ้างถึงพระนะครับ มันจะเป็นกรรมอย่าแรง
ซึ่งสภาวะที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวมาข้างบนนะครับไม่ว่าจะบอกว่าผู้รู้มักไม่กล่าวถึงนิพพาน
เพราะอ้างว่านิพพานเหนือคำพูดทั้งหมดมักไม่จริงนะครับ
เนื่องจากสภาวะของพระนิพพานไม่มีอะไรให้อธิบายเลยเพระมันอธิบายโดยตัวมันเองอยู๋แล้ว
แต่ผู้ที่บรรลธรรมที่เป็นปุตุชนยังสามารถบอกธรรมที่ตัวเองบรรลุได้แต่พระทำไม่ได้นะครับจะเป็นอาบัติปราชิกข้อสุดท้าย
แต่ในสมัยพระพุทธกาลพระพุทธองค์ยังทรงรับรองพระสาวกที่ได้ธรรมนะครับ


เห็นไหมล่ะครับ เวลาพูดเรื่องพวกนี้แล้วมันจะเป็นอย่างนี้แหละ

หาว่าผมทำกรรมอย่างแรงที่ไปเอาคำพูดหลวงปู่ดูลย์มาพูด
ทั้งๆที่ตัวเองนั่นแหละปรามาสคำพูดหลวงปู่ หาว่าหลวงปู่อาบัติอีก
กลายเป็นกรรมหนักเสียเองก็ไม่รู้ตัว

ถ้าผมไม่พูด คุณคงไม่ทำกรรมหนัก
สมเด็จพระสังราชท่านถึงบอกว่าแม้มีประโยชน์ บางทีก็ไม่ควรพูด

" เพราะฉะนั้นแม้เป็นความจริง
ก็ไม่ใช่ว่าเป็นข้อที่ควรพูดเสมอไป
ต้องอยู่ในขอบเขตอันสมควร "

เจ้าของ:  อธิคม [ 13 มี.ค. 2009, 09:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนิพพานกับสภาวะของธรรมทั้งปวงเป็นอย่างไร

คามินธรรม เขียน:
อธิคม เขียน:
คุนกรุณาอย่าอ้างถึงพระนะครับ มันจะเป็นกรรมอย่าแรง
ซึ่งสภาวะที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวมาข้างบนนะครับไม่ว่าจะบอกว่าผู้รู้มักไม่กล่าวถึงนิพพาน
เพราะอ้างว่านิพพานเหนือคำพูดทั้งหมดมักไม่จริงนะครับ
เนื่องจากสภาวะของพระนิพพานไม่มีอะไรให้อธิบายเลยเพระมันอธิบายโดยตัวมันเองอยู๋แล้ว
แต่ผู้ที่บรรลธรรมที่เป็นปุตุชนยังสามารถบอกธรรมที่ตัวเองบรรลุได้แต่พระทำไม่ได้นะครับจะเป็นอาบัติปราชิกข้อสุดท้าย
แต่ในสมัยพระพุทธกาลพระพุทธองค์ยังทรงรับรองพระสาวกที่ได้ธรรมนะครับ


เห็นไหมล่ะครับ เวลาพูดเรื่องพวกนี้แล้วมันจะเป็นอย่างนี้แหละ

หาว่าผมทำกรรมอย่างแรงที่ไปเอาคำพูดหลวงปู่ดูลย์มาพูด
ทั้งๆที่ตัวเองนั่นแหละปรามาสคำพูดหลวงปู่ หาว่าหลวงปู่อาบัติอีก
กลายเป็นกรรมหนักเสียเองก็ไม่รู้ตัว

ถ้าผมไม่พูด คุณคงไม่ทำกรรมหนัก
สมเด็จพระสังราชท่านถึงบอกว่าแม้มีประโยชน์ บางทีก็ไม่ควรพูด

" เพราะฉะนั้นแม้เป็นความจริง
ก็ไม่ใช่ว่าเป็นข้อที่ควรพูดเสมอไป
ต้องอยู่ในขอบเขตอันสมควร "






ข้อแก้นะครับที่ผมกล่าวถึงที่ว่าอ้างถึงพระนะครับ ไม่ได้กล่าวอ้างถึงคุนคามินธรรมซึ่งหมายถึงของคุนพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ที่กล่าวว่า เข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วครับ
ธรรมมี 2 อย่าง คือ

1. ธรรมที่เป็นอนัตตา สิ่งนี้คือขันธ์ 5 หรือสังขตธาตุ อนัตตา=ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวน เกิด แก่ เจ็บ ตาย

2. ธรรมที่เป็นอัตตา สิ่งนี้คือธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย หรือ อายตนะนิพพาน หรือ อสังขตธาตุ อัตตา= เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวน ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

นี่ครับคือความหมายของอัตตา และอนัตตา อนัตตาที่พวกมารเขาสอนคืออะไรล่ะครับ คุณถึงหลงไปเชื่อมารว่า นิพพานเป็นอนัตตา

พระพุทธเจ้าตรัสสอนชัดเจนในอนัตตลักขสูตรคุณกลับไม่เชื่อ แต่ มารที่เป็นสมมุติสงฆ์ไปตีความผิดพลาด คุณกลับเชื่อ



ซึ่งของคุนคามินที่ได้นำธรรมของหลวงปู่ดูลย์มากล่าวซึ่งไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใดและที่คุนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าผมได้กล่าวหาว่าหลวงปู่ทำอาบัตินั้นไม่จริง แต่กล่าวในความหมายที่ว่า แต่ผู้ที่บรรลุธรรมที่เป็นปุตุชนยังสามารถบอกธรรมที่ตัวเองบรรลุได้แต่พระทำไม่ได้นะครับจะเป็นอาบัติปราชิกข้อสุดท้าย แต่ในสมัยพระพุทธกาลพระพุทธองค์ยังทรงรับรองพระสาวกที่ได้ธรรมนะครับ
ซึ่งแสดงว่าห้ามพระบอกธรรมที่ตัวเองบรรลุ ซึ่งไม่มีความหมายที่ไปเกี่ยวข้องกับธรรมของหลวงปู่ดูลย์แต่ประการใด




จึงเรียนมาเพื่อทราบ

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/