วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว เหรอครับ
ผมไม่เห็นเลยนะว่าคุณพลศักดิ์พูดตรงไหนว่า "เหนือคำพูดทั้งปวง"
เห็นมีแต่ที่ผมยกหลวงปู่มา



ส่วนคุณพลศักดิ์ก็ไม่ต้องไปอาบัติอะไรกับเขานะครับ แกเป้นคนธรรมดา
ที่คุณว่าอาบัิติผิดศีลข้อสุดท้ายนี่ คือคุณพลศํกดิ์ไปผิดศีล หรือว่าหลวงปู่ผิดศีล


อ่านยังไงๆก้คิดว่าปรามาสหลวงปุ่ดุลย์อยู่ดี

แต่ช่างเถอะนะครับ
:b8:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


อธิคม เขียน:
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
อธิคม เขียน:
:b52: :b53: จะกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสภาวะสูญญตา คือว่างเปล่าจากสิ่งทั้งปวง ดั่งคำที่ว่า :b44: นิพานัง ปรมัง สูญญัง :b44: จึงกล่าวได้ว่าพระนิพพานเป็นสูญญัง จิตที่ไปนิพพานคือจิตเดินคือจิตประภัตรสรจิตพุทธะ เมื่อนอกจากพระนิพพานเป็นสภาวะที่เที่ยงแต่ไม่ใช่ตัวตน ทุกสิ่งในโลกนี้จะกล่าวได้ว่าไม่ใช่ตัวตนแต่ไม่เที่ยง นิพพานจัดเป็นธรรมเช่นกัน และธรรมก็หมายถึงทุกสิ่ง เมื่อธรรมหมายถึงทุกสิ่งเนื่องจากธรรมอยู่ในกฎ อนัตตา จึงเป็นคำที่ว่า[b] สัพเพธรรมาอนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดั้งนี้ เมื่อทุกสิ่งไม่ใช่ตัวตนแล้วก็แสดงว่าพระนิพพานนั้นมีอยุทุกที่ จริงอย่าง :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: ไร :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: [/b]
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:



เข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วครับ
ธรรมมี 2 อย่าง คือ

1. ธรรมที่เป็นอนัตตา สิ่งนี้คือขันธ์ 5 หรือสังขตธาตุ อนัตตา=ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวน เกิด แก่ เจ็บ ตาย

2. ธรรมที่เป็นอัตตา สิ่งนี้คือธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย หรือ อายตนะนิพพาน หรือ อสังขตธาตุ อัตตา= เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวน ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

นี่ครับคือความหมายของอัตตา และอนัตตา อนัตตาที่พวกมารเขาสอนคืออะไรล่ะครับ คุณถึงหลงไปเชื่อมารว่า นิพพานเป็นอนัตตา

พระพุทธเจ้าตรัสสอนชัดเจนในอนัตตลักขสูตรคุณกลับไม่เชื่อ แต่มารที่เป็นสมมุติสงฆ์ไปตีความผิดพลาด คุณกลับเชื่อ









ของอ้างอิงนะครับสภาวะที่มาถามนี้เนื่องจากที่เห็นทุกท่านกล่าวธรรม แล้วก็แจ้งว่า มารนะครับพระนิพพานเป็นอนัตตาโดยตัวของมันอยู่แล้วถ้าคุนยังเห็นว่านิพพานเป็นอัตตาละก็ก็ไปขัดกับพุทธวจนะที่ว่าสัพเพ ธรรมมา อนัตตาติ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดั้งนี้ นิพพานจึงจังเป็นธรรม จึงไม่มีตัวตนแต่เที่ยงนะครับ แล้วถ้าคุนยังเห็นธรรมมีตัวตนละก็จะไม่มีทางเข้าสู่พระนิพพานได้เลยเพราะว่าความคิดที่ว่านิพพานยังมีตัวตนก็คือขันธ์มารที่เป็นสังขารโดยอาศัยสัญญาแล้วที่คุนกล่าวอย่างนี้ละก็จิตก็จะไปยึดพระนิพพานก็จะเข้าพระนิพพานไม่ได้ละครับ และจะขัตกับหลักอนัตตลักขณะสูตรที่คุนกล่าวมานะครับ คุนกรุณาอย่าอ้างถึงพระนะครับ มันจะเป็นกรรมอย่าแรง
ซึ่งสภาวะที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวมาข้างบนนะครับไม่ว่าจะบอกว่าผู้รู้มักไม่กล่าวถึงนิพพาน เพราะอ้างว่านิพพานเหนือคำพูดทั้งหมดมักไม่จริงนะครับ เนื่องจากสภาวะของพระนิพพานไม่มีอะไรให้อธิบายเลยเพระมันอธิบายโดยตัวมันเองอยู๋แล้ว แต่ผู้ที่บรรลธรรมที่เป็นปุตุชนยังสามารถบอกธรรมที่ตัวเองบรรลุได้แต่พระทำไม่ได้นะครับจะเป็นอาบัติปราชิก ข้อสุดท้าย แต่ในสมัยพระพุทธกาลพระพุทธองค์ยังทรงรับรองพระสาวกที่ได้ธรรมนะครับ



สาธุ
:b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42:



ในจักรวาลนี้มีความจริงแท้หรือสัจธรรมเพียงอย่างเดียว สิ่งนั้นคือจิตพุทธะ หรือจิตบริสุทธิ์ จิตพุทธะ ดำรงอยู่ในธรรมกายหรือธรรมขันธ์ สิ่งนี้คือ อัตตา ครับ

ส่วน ดวงดาว มนุษย์รวมทั้งมนุษย์ต่างดาร และสรรพสัตว์ แม้แต่สวรรค์นรกพรหมโลก ล้วนเป็นมายาทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าเรียกความไม่จริงใน 3 ภพว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ย้ำ! " อัตตา " ที่พระพุทธเจ้ากล่าวถึงในอนัตตลักขณะสูตร หมายถึง สิ่งนั้นต้องเที่ยง ไม่ทุกข์
ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา บังคับให้เป็นไปได้ดังใจ
ซึ่งก็คือ อายตนะนิพพาน หรือธรรมกาย
ซึ่งจิตพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์ดำรงอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร

" อนัตตา " ที่พระพุทธเจ้าหมายถึง คือสิ่งนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ แปรปรวนเป็นธรรมดา ซึ่งก็คือจิตในปฏิจจสมุปบาทหรือจิตไม่บริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม "อัตตา" แท้จริงก็คือ "อนัตตา"ต่างกันก็เพียงระยะเวลาการคงสภาพว่าถาวรหรือไม่ถาวร
เท่านั้น

ถ้าอายตนะนั้นไม่ถาวร (คือ ขันธ์ 5) ก็เรียกว่า อนัตตา ถ้าอายตนะนั้นถาวร ก็เรียกว่า อัตตา
การที่พระพุทธเจ้าใช้ชื่อต่างกัน เพราะศาสนาพราหมณ์เขาเข้าใจผิดเรียกขันธ์ 5 ว่าอัตตา
พระพุทธองค์จึงชี้แจงให้ชัดว่า ขันธ์ 5 เป็นอนัตตา อายตนะนิพพาน(ธรรมกาย)เป็นอัตตา

ส่วนอัตตาที่ชาวโลกพูดถึงนั้น เป็นอัตตาอุปทาน หรือ อัตตาทิฏฐิ พระพุทธองค์เรียก
อัตตาของโลกที่เป็นอัตตาอุปทาน หรือ อัตตาทิฏฐิว่า "อนัตตา"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 64 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร