ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ผิดหรือไม่ผิด ในสังฆาทิเสส ข้อแรก ?? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20801 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | NoFear [ 25 ก.พ. 2009, 14:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | ผิดหรือไม่ผิด ในสังฆาทิเสส ข้อแรก ?? |
อยากสอบถามเรื่อง สังฆาทิเสสข้อแรก คือเพื่อนเพิ่งสึกออกมาครับ เพื่อนได้เล่าให้ผมฟังว่าระหว่างที่บวชเค้าได้เผลอเอามือไปถูๆ ที่อวัยวะเพศด้วยความคะนอง แล้วปรากฏว่ามีน้ำขาวใสคล้ายน้ำอสุจิเล็ดออกมานิดหน่อยเค้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช่น้ำอสุจิหรือเปล่าเพราะขณะนั้นเค้ารู้สึกปวดปัสสาวะอยู่แล้วจึงไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำอะไรกันแน่ แต่เค้าได้เล่าให้พระภิกษุด้วยกันทราบเรื่องแล้วในวันนั้น และบอกกับพระรูปอื่นว่าเค้าทำไปด้วยความนึกสนุก แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน พระรูปอื่นก็แนะนำว่าหากกระทำโดยไม่เจตนาให้สำเร็จความใคร่ก็ไม่เป็นไร อีกทั้งไม่ได้ปกปิดเรื่องราวเอาไว้ก็ถือว่าไม่เป็นไร เค้าก็ไม่ได้อยู่แก้กรรมหรืออยู่ปริวาสกรรมแต่อย่างใด เค้าบอกว่าวัดที่เค้าบวชยังไม่มีจัด อีกทั้งตัวเค้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเท่าไหร่ว่าจริงๆ แล้วผิดหรือไม่ผิดอย่างไร จึงอยากสอบถามผู้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดถือเป็๋นความผิดหรือไม่ ตัวผมเองฟังเพื่อนเล่ามาแบบงงๆ มากครับ ช่วยตอบให้หายข้อข้องใจหน่อยนะครับ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 25 ก.พ. 2009, 16:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผิดหรือไม่ผิด ในสังฆาทิเสสในข้อเรก? |
NoFear เขียน: อยากสอบถามเรื่อง สังฆาทิเสสข้อแรก คือเพื่อนเพิ่งสึกออกมาครับ เพื่อนได้เล่าให้ผมฟังว่าระหว่างที่บวชเค้าได้เผลอเอามือไปถูๆ ที่อวัยวะเพศด้วยความคะนอง แล้วปรากฏว่ามีน้ำขาวใสคล้ายน้ำอสุจิเล็ดออกมานิดหน่อย.....จึงอยากสอบถามผู้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดถือเป็๋นความผิดหรือไม่ คุณ NoFear น่าจะเข้าข่าย...ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ข้อ ๑ ๑. ภิกษุแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน ต้องสังฆาทิเสส. แล้วนะคะ ขอให้ศึกษาแนวทางจากกระทู้ข้างล่างนี้นะคะ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจน แจ่มแจ้ง ในเรื่อง สังฆาทิเสส จาก...วินัยสงฆ์-อาบัติ-ปาราชิก-สังฆาทิเสส http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=22785 -------> (ปรับปรุงคำตอบใหม่ เมื่อวันที่ ๓/๑๐/๒๕๕๗) อ้างอิงความเห็น...นายฏีกาน้อย, ท่าน denchai จากกระทู้ข้างล่างนี้ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42469 อ้างคำพูด: สึกอุปสมบทใหม่ [๕๐๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ไม่ได้ปิดบังไว้แล้วสึก เธออุปสมบทใหม่ ไม่ปิดบังอาบัติเหล่านั้น พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ [๕๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ไม่ได้ปิดบังไว้แล้วสึก เธออุปสมบทใหม่ ปิดบังอาบัติเหล่านั้น พึงให้ปริวาสในกองอาบัติตามที่ปิดบังไว้ครั้งหลัง แล้วให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ [๕๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ปิดบังไว้แล้วสึก เธออุปสมบทใหม่ ไม่ปิดบังอาบัติเหล่านั้น พึงให้ปริวาสในกองอาบัติตามที่ปิดบังไว้ครั้งก่อน แล้วให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ [๕๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ปิดบังไว้แล้วสึก เธออุปสมบทใหม่ ปิดบังอาบัติเหล่านั้น พึงให้ปริวาสในกองอาบัติตามที่ปิดบังไว้ครั้งก่อนและหลัง แล้วให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ ------------------------------------------------------ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๖ จุลวรรค ภาค ๑ มานัตหนึ่งร้อย สึกอุปสมบทใหม่ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... 655&Z=7210 กล่าวโดยสรุปได้ว่า... การต้องอาบัติ “สังฆาทิเสส” ถ้าลาสิกขา (สึก) ไปเป็นคฤหัสถ์แล้วก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะอาบัติมีได้เฉพาะพระสงฆ์เท่านั้น ลาสิกขาไปเป็นคฤหัสถ์แล้วหามีอาบัติติดตัวไม่ อีกทั้งไม่มีผลปิดกั้นสวรรค์หรือมรรคผลนิพพานแต่อย่างใด สามารถสร้างบุญกุศลตามฐานะของตนก็บรรลุคุณธรรมชั้นสูงได้ แต่หากกลับมาบวชใหม่ หวนคืนสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง ก็จำเป็นที่จะต้องกระทำคืนหรือแก้ไขให้ถูกต้องตามพุทธบัญญัติ กล่าวคือ ต้องแก้ด้วยการขอมานัตอยู่ประพฤติวัตร หรือการอยู่กรรม (อยู่ปริวาสกรรม) อย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ กรณี (ตามพระวินัยปิฎก เล่มที่ ๖ จุลวรรค ภาค ๑ มานัตหนึ่งร้อย สึกอุปสมบทใหม่ ข้อ ๕๐๘-๕๑๑) เท่านั้น จึงจะพ้นจากอาบัติสังฆาทิเสสได้ การอยู่ปริวาสกรรม มีความสำคัญแก่พระภิกษุที่ท่านต้องอาบัติหนัก คือ อาบัติสังฆาทิเสส เมื่อพระท่านต้องอาบัติเข้าแล้ว จะแก้ด้วยการปลงอาบัติไม่ได้ แต่ต้องแก้ด้วยการอยู่กรรม (อยู่ปริวาสกรรม) เท่านั้น ภิกษุที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้ ถ้าปกปิดไว้จำนวนกี่วัน ก็ต้องอยู่ปริวาสกรรมตามจำนวนวันที่ปกปิดไว้ และต้องอาศัยสงฆ์จึงจะพ้นจากอาบัติหนักได้ เช่น เมื่อต้องอาบัติแล้วไม่ยอมบอกกับเพื่อนพระภิกษุ เวลาผ่านไป ๑ เดือนจึงเล่าให้เพื่อนพระฟังว่าตนต้องอาบัติ ผู้ต้องอาบัติต้องกระทำตามวินัยกรรม โดยขอการอยู่ปริวาสจากคณะสงฆ์ หลังจากนั้นก็อยู่ปริวาสประพฤติวัตร ๑ เดือน เมื่อครบแล้ว ต้องขอมานัตอยู่ประพฤติวัตรอีก ๖ วัน ๖ คืน แล้ว ขออัพพาน (การประกาศยุติโทษ) จากสงฆ์ จึงจะพ้นจากอาบัติหนักได้ หรืออาจจะเข้า สุทธันตปริวาส อยู่ปริวาสกรรมเพียง ๓ วัน ๓ คืน เมื่อครบแล้ว ต้องขอมานัตอยู่ประพฤติวัตรอีก ๖ วัน ๖ คืน แล้วขออัพพาน (การประกาศยุติโทษ) จากสงฆ์ จึงจะพ้นจากอาบัติหนักได้ การจะมีโอกาสได้บวชในบวรพระพุทธศาสนา ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้โดยง่าย ดังนั้น เมื่อได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ควรตั้งจิตตั้งใจ ตั้งสติให้ดี ขอให้การบวช (แม้จะบวชชั่วคราวก็ตาม) เป็นการบวชเรียน บวชเพื่อรักษาพระศาสนา บวชเพื่อสืบต่ออายุพระศาสนา บวชเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และบวชเพื่อปฏิบัติธรรม เจริญจิตตภาวนา ศึกษาเพิ่มเติมจาก คัมภีร์จุลวรรค ภาค ๑ http://watparsi.com/pdf/Jullawatbook_part1.pdf |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 25 ก.พ. 2009, 16:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผิดหรือไม่ผิด ในสังฆาทิเสสในข้อเรก? |
วิเคราะห์สังฆาทิเสส...สังฆาทิเสส ต้องอาศัยสงฆ์จึงจะพ้นได้ พระวินัยปิฎก ปริวาร เล่ม ๘ - หน้าที่ ๖๐๖ วิเคราะห์สังฆาทิเสส [๑,๐๓๖] คำใดที่เรากล่าวไว้ว่า สังฆาทิเสส ดังนี้ ท่านจงฟังคำนั้น ดังจะกล่าวต่อไป สงฆ์เท่านั้นให้ปริวาส ชักเข้าหาอาบัติเดิมให้มานัต อัพภาน เพราะเหตุนั้น เราจึงเรียกอาบัตินั้นว่า สังฆาทิเสส. ก็ในบทว่า สงฺฆาทิเสโส เป็นอาทินี้ มีเนื้อความดังต่อไปนี้ :- การออกจากอาบัตินั้นใด ของภิกษุผู้ต้องอาบัตินี้แล้วใคร่จะออก สงฆ์อันภิกษุนั้นพึงปรารถนา ในกรรมเบื้องต้นแห่งการออกจากอาบัตินั้น เพื่อประโยชน์แก่การให้ปริวาส และในกรรมที่เหลือจากกรรมเบื้องต้น คือในท่ามกลาง เพื่อประโยชน์แก่การให้มานัต หรือเพื่อประโยชน์แก่การให้มานัต กับมูลายปฏิกัสสนะ และในที่สุดเพื่อประโยชน์แก่อัพภาน. ก็ในกรรมทั้งหลาย มีปริวาสกรรมเป็นต้นนี้ กรรมแม้อย่างหนึ่ง เว้นสงฆ์เสีย อันใครๆ ไม่อาจทำได้ ฉะนี้แล. สงฆ์อันภิกษุพึงปรารถนาในกรรมเบื้องต้น และในกรรมที่เหลือแห่ง กองอาบัตินั้น เหตุนั้น กองอาบัตินั้น ชื่อว่าสังฆาทิเสส. ----------------------------------------------- ขอเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับ...การอยู่ปริวาสกรรม สุทธันตปริวาส ปริวาสที่ภิกษุผู้ต้องการจะออกจากอาบัติสังฆาทิเสสอยู่ไปจนกว่าจะเห็นว่าบริสุทธิ์ หมายความว่า ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปิดไว้หลายคราว จนจำจำนวนอาบัติและจำนวนวันที่ปิดไม่ได้ หรือจำได้แต่บางจำนวน ท่านให้ขอปริวาสประมวลจำนวนอาบัติและจำนวนวันที่ปิดเข้าด้วยกัน แล้วอยู่ใช้ไปจนกว่าจะเห็นว่าบริสุทธิ์ มี ๒ อย่างคือ จูฬสุทธันตปริวาส และมหาสุทธันตปริวาส (๑) จูฬสุทธันตปริวาส สุทธันตปริวาสอย่างเล็ก หมายความว่า ปริวาสที่ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายคราวด้วยกัน จำจำนวนอาบัติและวันที่ปิดได้บ้าง อยู่ปริวาสไปจนกว่าจะเห็นว่าบริสุทธิ์ (๒) มหาสุทธันตปริวาส สุทธันตปริวาสที่ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายคราวด้วยกัน จนจำจำนวนอาบัติและจำนวนวันที่ไม่ได้เลย อยู่ปริวาสไปจนกว่าจะเห็นว่าบริสุทธิ์ โดยกะเอาตั้งแต่บวชมาถึงเวลาใดยังไม่เคยต้องสังฆาทิเสสเลย เป็นช่วงแรก แล้วถอยหลังจากปัจจุบันไปจนตลอดเวลาที่ไม่ได้ต้อง อีกช่วงหนึ่ง กำหนดเอาระหว่างช่วงทั้งสองนี้ วิธีขอปริวาสกรรมแบบสุทธันตปริวาส ศึกษาจากที่นี่ค่ะ http://www.phuttha.com/%E0%B8%9E%E0%B8% ... 3%E0%B8%A1 และ http://vimuttisuk.com/main/monk/parivas.html |
เจ้าของ: | โซดา [ 06 มี.ค. 2009, 16:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผิดหรือไม่ผิด ในสังฆาทิเสสในข้อเรก? |
ต้องด้วยสงสัย |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |