สวัสดีคะ
เราเป็นสมาชิกใหม่นะ มีเรื่องทุกข์ใจ ร้อนใจ มากๆ เรามีลูกสาวอายุ 1 ขวบ กับ 5 เดือน ลูกสาวกำลังน่ารักคะ แต่ก็มีเรื่องให้เครียดหนัก เมื่อไม่กี่วันได้สืบรู้มาว่า สามีกำลังมีกิ๊ก แอบไปทานข้าวร้านอาหารแพงๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยพาเราไปกินเลย โทรคุยกันตลอดในระหว่างที่ทำงาน แต่กลับบอกเราว่า งานยุ่งมากๆ ไม่มีเวลาโทรหา พอเราโทรหาที่ทำงานก็บอกว่า ทำงานอยู่ ค่อยคุยกันที่บ้าน พอกลับมาถึงบ้านเค้าก็จะเอาแต่เล่นเน็ตถึงเที่ยงคืนทุกวัน พอเราถามว่าเล่นอะไรหนักหนาไม่เบื่อเหรอ เค้ากลับตอบมาว่า เค้าไม่ได้เล่นนะ ทุกวันที่เห็นจะเปิดดูเว๊ปซื้อขาย เผื่อมีหนทางทำมาหากินอีกช่องทาง ถ้าเราว่างก็ช่วยกันอีกหาหนทางทำเงินเพิ่มนะ ไม่ใช่มานั่งถามว่าเล่นอะไร ซึ่งปกติเราก็ทำงานออฟฟิศอยู่แล้ว เช้ามาก็รีบจัดการกับลูกสาวไปโรงเรียน ตอนเย็นก็รีบรับกลับมา ทำงานบ้านโน่นนี้สาระพัด กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่มแล้ว กลางคืนก็ต้องตื่นคอยดูลูกอีก ไม่เห็นเค้าจะช่วยอะไรเลย กลางคืนลูกร้องก็ตะคอกใส่ ลูกโวยวาย บอกคนจะนอน วันก่อนอยู่ๆ เราก็ขยับตัวไม่ได้ ร้องโอยๆ แทนที่เค้าจะวิ่งมาดู กลับตะโกนว่า เร็วๆ สิ สายแล้วเค้าจะรีบออกไปทำธุระ เค้าไม่ใส่ใจเราแล้ว เราร้องไห้ทุกคืน พยายามจะคิดในแง่บวกว่าเค้าก็คงจะทำงานมาเหนื่อยเหมือนๆ กับเรา (แต่ทำไมการกระทำมันตรงกันข้ามกับเราเลย) เพื่อนบอกให้นั่งสมาธิ เรายังทำไม่ได้ เพราะกลางคืนลูกงอแง ไม่ค่อยมีเวลาเลย กลุ้มใจหลายๆ เรื่องคะ

ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้พื้นที่สำหรับระบายความทุกข์

อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเราหรอกครับ แม้กระทั่งสามีของคุณ เพราะขนาดว่าตัวเรายังไม่ใช่ของเราเลย เพราะฉะนั้นผมขอแนะนำว่า อย่าไปคิดมากอะไรจะเกิดมันต้องเกิด "แต่ขอให้มีสติไว้นะครับ"

เอาใจช่วยครับ

เมื่อคนเรารักกันแล้ว วันเวลาผ่านไป ความรักก็จืดจางลงไปได้บ้างตามธรรมดา

จากเดิมที่เคยรักกันหวานแหวว ก็อาจมีขัดแย้ง ทะเลาะ โต้แย้ง ถกเถียงกันบ้าง ดังนั้นเพื่อไม่ให้รัก

กลายกลับตรงข้ามเป็นเกลียด แล้วจะพาลกลายเป็นโกรธ อันจะเป็นเหตุนำไปสู่การหย่าร้าง

จึงต้องมีธรรมะมาช่วยปรับ และประยุกต์เพื่อถักทอให้รักยังคงดำเนินต่อไปได้

เป็นศิลปะของการครองคู่ที่ทุกคู่ควรได้รู้และนำไปใช้กับคู่ชีวิตของตน.

(ทอรัก ว.วชิรเมธี)

สู้ สู้

ผมเห็นด้วยกับคุณหนานครับ อย่าไปยึดติด การมีสติจะช่วยให้ใจแยกออกมาอยู่ห่าง ๆ จากความเจ็บปวดและอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จากการยึดติดจะกลายเป็นความปล่อยวาง ความทุกข์ทั้งปวงมีต้นตอมาจากการยึดติดสิ่งต่าง ๆ ที่ปรุงแต่งขึ้นเอง

ความทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่ว่าเรามีท่าทีหรือความรู้สึกอย่างไรกับมันต่างหาก ตั้งสติและหาทางแก้ไข เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ไม่หวนนึกถึงอดีตอันผาสุก หรือปรุงแต่งอนาคตไปในทางเลวร้าย อย่าไปหมกมุ่นอยู่กับปัญหา ปล่อย ๆ วาง ๆ บ้าง ความทุกข์ก็จะคลายในที่สุด

ขอเอาใจช่วย หวังว่าท้ายสุดจะคลายความทุกข์ได้ เจริญในธรรมครับ

หวัดดีค่ะ

แมวมีเพื่อนบ้านเป็นแม่ลูกอ่อน ลูกสาว 1 ขวบ กับ 3 เดือน กำลังน่ารัก เป็นลูกหลงมาค่ะ
เพราะเค้ามีลูกแล้ว 2 คนอยู่ ม1, ม2แล้ว เค้าทำงาน โรงงาน สามีก็รับเดินสายไฟตัดช่วงจากผู้รับเหมาอีกที ไม่ค่อยสนใจลูกๆ เท่าไหร่ มีเงินก็ใช้เฉพาะส่วนตัวเอง ลูกเมียต้องประหยัดสุดๆ แต่สามีดื่มเบียร์ได้ทุกวัน

เฮ้อ ... อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะค่ะ ...สู้ๆ ๆ ๆ เพื่อยัยหนูที่น่ารักถ้าอยู่ใกล้ๆ คงช่วยเลี้ยงยัยนู๋ให้
เพราะนี่ก็ไปเอามาเลี้ยงให้เสมอๆ เห็นคุณแม่เค้าเหนื่อยมั่กๆ ทั้งงานบ้าน และเตรียมเด็กไป โรงเรียนทุกวัน
เห็นแล้วเหนื่อยแทนค่ะ

s; หวัดดีครับ
หลังจากแต่งงานกันแล้ว เราต้องคิดว่า "จะต้องสร้างหลักฐาน สานหลักแหล่ง
แต่งหลักธรรม คำหลักชีวิต" ก็จะต้องมาเป็นคู้สร้าง
ในการเป็นคู่สร้าง บางทีก็มีอุปสรรค์ ทั้งสองฝ่าย สามีภรรยา"คู่คิด"
และชีวิตของคนทุกคนนั้น ก็ต้อง "มีทุกข์ มียาก มีล้ม มีลุก"เราจะต้องเป็น "คู่ทุกข์ คู่ยาก"
สุดท้ายมาถึงขั้นนี้แล้ว เราเรียกว่า "ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร"
ถือว่าประสบความสำเร็จในการครองเรือน ถือว่า "เป็นคู่ชีวิตกัน"
ดังนั้น ถ้าวิวัฒนาการแห่งความรัก คือ เป็นคู่เล่น เป็นคู่รัก เป็นคู่ครอง เป็นคู่คิด เป็นคู่ทุกข์
คู่ยาก เป็นคู่ชีวิต อย่างนี้ ความรักมีวิวัฒนาการอย่างนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ครับ

ผมขออวยพรให้คุณผ่านอุปสรรค์ตอนนี้ ไปได้ด้วยดีนะครับ
อดทนไว้ครับ ใช้สติคิดให้รอบครอบ ผมเอาใจช่วย

คุณแมว ฯ ใจดีจัง

ดูแลสุขภาพจิตนะครับ จขกท.
ปัญหาครอบครัว เป็น ปห. โลกแตก ปรับให้สมดุลยากมั้กๆ ยากกว่าปรับอินทรีย์อีก
เพราะบวกความต้องการความรู้สึกของคนอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็มาจากสภาพแวดล้อม และการเลี้ยงดูต่างกัน เหมือนเป็นสองแรงบวก ขนาดความคิดเราคนเดียว ยังปรับให้พอดีได้ยากเลยนะขอรับ
หากสามีมีเวลาว่างมากนัก ลองพูดแย้มให้เขารับ-ส่งลูกล่ะครับ
เงินเดือนสามีแต่ละเดือนๆ จขกท. ทำอย่างไง ค่าใช้จ่ายภายในบ้านเล่ะ

เห็นใจเพศแม่ครับ ธรรมชาติสร้างมาให้มีให้รับภาระหนักมากกว่าเพศพ่อ
เคยสังเกตไหมครับ นักกวีหรือนักประพันธ์เขียนบทกวี-บทเพลงที่พรรณนาถึงพระคุณแม่
มากกว่าพ่อ

ฟังเพลงนี้สิครับ แล้วคุณจะภูมิใจในความเป็นแม่

http://www.daraoke.com/song-%E0%B9%80%E ... 0200086102

ขอเป็นกำลังใจให้คุณนะ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุขที่เกิดขึ้น มันผ่านเข้ามา แล้วมันก็จะต้องผ่านไป มันจะไม่อยู่กับเราไปตลอด ในช่วงเวลานี้ขอให้คุณเข้มแข็ง มีสติ มองปัญหาที่เกิดขึ้นให้เล็ก คิดเสียว่าคุณยังโชคดี มีลูกอยู่อีกตั้ง 2 คน แล้วคุณก็ยังมีงานทำ แล้วเค้าก็ยังอยู่กับคุณ ยังดีกว่าคนอื่นๆอีกตั้งเยอะ ทำใจให้สบาย ปล่อยวาง แล้วก็สวดมนต์ภาวนานะคะ เขื่อเถอะว่าจะต้องกลับมาดีแน่ เอาใจช่วยคุณนะ

ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ และกำลังใจ
ตอนนี้พยายามอย่างที่สุดที่จะประคองชีวิต คู่ไปให้ไกลที่สุด เพราะสงสารลูก คะ เห็นหน้าลูกแล้วน้ำตามันไหล เพราะทุกวันนี้เหนื่อยคะ เหนื่อยมากๆ นั่งรถเมลล์ไปกลับที่ทำงาน ส่วนสามีมีรถขับสบาย ไปรับผู้หญิงคนอื่นไปทานข้าว แต่งรถให้คนอื่นนั่ง ทั้งๆที่เราเป็นคนผ่อน คิดแล้วน้ำตามันไหลค่ะ
แต่จะสู้นะ จะสู้ให้ถึงที่สุด

ขอบคุณคะ
mayandammie

อ่านเรื่องที่ จขกท.เล่าแล้วนึกถึง... ชีวิตมีสิ่งหนึ่ง แต่ขาดอีกสิ่งหนึ่ง ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย

http://www.junjaowka.com/webboard/showt ... hp?t=40619

สู้ นะคะ ตอนนี้น้องสะใภ้เราก็เป็นแบบคุณ เราก็ช่วยเป็นกำลังใจนะ
และเราก็มีหลานน่ารัก 2 คนเราก็ช่วยเลี้ยงให้ความรักเค้าทั้งสองคน เพราะเค้าน่ารัก+สงสารด้วย
เราเคยถามน้องชายนะ เค้าก็บอกรักครอบครัวอยู่ ไม่คิดจะเลิกแต่นิสัยผู้ชายที่ไม่ดีน่ะนะ สักวันน้องเราก็คงคิดได้ เราก็ได้แต่ให้กำลังใจนะ เพราะเป็นเรื่องของคน 2คนที่จะรู้ดีที่สุดถึงสาเหตุน้องสะใภ้บอกคนไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก (แอบเหน็บเราหรือเปล่าเนี่ย )

ยังคงเป็นกำลังใจให้คุณนะ คุณเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน มั๊ย เรื่องภรรยาแผ่ส่วนกุศลให้สามี มีข้าเราชการซีเจ็ดคนหนึ่งรับราชการที่จังหวัดลพบุรี แต่ตอนนี้ย้ายไปแล้ว จะไม่ขอออกชื่อ สามีรับราชการซีแปด สามีเป็นคนเจ้าชู้ เล่นการพนัน กลับบ้านเที่ยงคืนทุกวัน ภรรยาก็เสียใจ ร้องไห้มาหาอาตมา บอกว่าสามีไปชอบเด็กสาวที่ศาลากลาง ชื่อนางสาววาสนา อาตมาก็บอกว่า เอาละคุณนายไม่เป็นไร จะแก้ที่โยมภรรยา โยมลาพักร้อนสัก 7 วันได้มั๊ย มานั่งกรรมฐาน เขาก็มา พอนั่งกรรมฐานเสร็จ แผ่เมตตาทุกวัน ให้สามีมีความสุข แผ่เท่านี้เป็นการแก้กรรม กลับไปบ้านแล้วก็ไปนั่งสวดมนต์ไหว้พระ สามีก็ไม่ว่าอะไร ไม่ชวนทะเลาะอีกต่อไป ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างดียิ่ง และไม่พูดเรื่องนี้อีก

ขอเจริญพรว่า จะแก้บทใดอย่าพูดเรื่องนั้น อย่าไปด่าว่าสามี เจ้าชู้ เล่นการพนัน จะไม่มีทางแก้ไขได้ จะเป็นการหยิกเล็บเจ็บเนื้อจะเหลือวิสัย อย่าไปจี้แผลนัก เดี๋ยวจะกลายเป็นมะเร็ง และจะแก้ปัญหาไม่ได้ ในที่สุดสามีก็กลับใจ เลิกเที่ยว หันมาดูแลลูกเพิ่มขึ้น มานั่งสวดมนต์กับภรรยา

คัดข้อความบางส่วนมา เผื่อบางทีคุณจะเอาไปใช้ได้บ้าง เข้มแข็ง อดทนนะ ดิฉันไปกราบหลวงพ่อจรัญ ท่านสอนให้ใช้หลวงพ่อนิ่ง หลวงพ่อทน กับปัญหาต่างๆ คุณใช้บ้างก็ได้นะ

หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 7 .... อยู่ต่อมาไม่ช้า ไฟไหม้บ้านข้าราชการซี .๗ คนนี้เลย อยู่ทีฝั่งธนฯ ต้องซ่อมบ้านที่ไฟไหม้ไปตั้งสองแสนเจ็ดหมื่นบาท

ผมมีเรื่องจะเล่าเป็นเรื่องของลุกศิษย์หลวงพ่อจรัญ เป็นข้าราชการผ้หญิงซี 7เหมือนกัน ทำงานในกระทรวงระดับสูง บ้านอ่ยู่แถวฝั่งธนฯ ย่านจรัลสนิทวงศ์ ยังไม่มีครอบครัว มีเงินทองเก็บไว้กับตัวเองมากมาย ได้มีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกัน มาขอยืมเงิน เป็นจำนวน 5 ล้าน บอกจะเอาไปต่อทำทุนทำกำไร จะไปต่อยอดแล้วออกดอก ในช่วงเดือนแรก ก้ส่งดอกให้ข้าราชการซีเจ็ดคนนี้อย่างดี แต่เมื่อหลายเดือนเข้าก็ไม่ส่ง ก้เนื่องจากเงินหลายล้านที่ยืมเอาส่งแชร์แม่ชม้าย(ผมเรืยกชื่อแบบใกล้เคียงแระกัน) กะรวยทางลัด แต่ปรากฏว่าแชร์นี้ล้มถูกตำรวจจับได้ เงินโดนยึดไว้หมด ทำให้เพื่อนเขาและสามีเพื่อนไม่มีเงินที่จะนำมาส่ง แล้วก้หายไปทั้งผัวเมีย ไม่มามาทำงานที่กระทรวงอีกเลย ทำให้ผู้หญิงซีเจ็ดคนนี้เกิดความทุกข์เป็นอย่างมากเสียใจว่าเพื่อนโกง(จริงๆเพื่อนไม่คิดโกง แต่ไม่มีปัญญาหาเงินมาคืน) ผู้หญิงคนนี้เลยต้องไปบวชชีพราห์มที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ พระที่นั่นบอกว่าไม่พอใจใครนั่งสมาธิแล้วแผ่สาปแช่งไปเลย ผู้หญิงซีเจ็ดคนนี้เลยแช่งไปว่าให้บ้านของผัวเมืยคู่นี้โดนไฟไหม้ ปรากฏว่าแช่งไปได้เจ็ดวัน ไฟไหม้บ้านจริง แต่เป็นบ้านตัวเอง ก้ปรากฏว่าตัวเองเจอแต่ความทุกข์

หลังจากที่กระทรวงก้มีหนังสือไต่สวนในเรื่องของความไม่ชอบมาพากลในการทำงานของเทอ เทอก็คิดว่าเราอาจจะโดนไล่ออกคราวนี้ ทุกข์ใจเป็นอย่างมาก บ้านก็ถูกไฟไหม้ เงินก้ถูกเพื่อนโกง แถมเจอถูกสอบไต่สวนจากผู้ใหญ่ พอดีในระหว่างทางกระทรวงได้เชิญหลวงพ่อจรัญมาเทศน์ที่นั่น ซึ่งโยมผู้หยิงซีเจ็ดคนนี้ก้ได้ฟังธรรมบรรยายด้วย ซึ่งหลวงพ่อได้พูดถึงเรื่องความอาฆาตพยาบาท และกฏแห่งกรรมที่ไว้ โยมผู้หญิงก็ร้องไห้เมื่อฟังจบ แล้วก็ไปกราบหลวงพ่อใกล้ๆ หลวงพ่อว่ามาร้องห่มร้องไห้ทำไม เขาบอกว่าช่วยหนูที ก้ได้เล่าปัญหาทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง ท่านบอกเราต้องแก้เองนะ หลวงพ่อแก้ให้ไม่ได้ และบอกว่าโยมพอมีเวลา เจ็ดวันไปเข้ากรรมฐานที่วัดไหมละ ยังงี้ถึงพอจะแก้ไขกรรมเราได้ โยมท่านนี้ได้ลาพักร้อนเจ็ดวันพอดี ซึ่งเป็นช่วงที่ทางกระทรวงรอไต่สวนคดีทุจริต

เมื่อโยมคนนี้มาที่วัดก็ได้มานั่งกรรมฐาน หลวงพ่อแนะว่าให้แผ่เมตตาให้กับศัตรูเราให้ได้ ปลงให้ตกกับคนเหล่านี้ ไม่อาฆาตพยาบาทให้จิตมีเมตตาแล้วแผ่ออกไป โยมซีเจ็ดท่านนี้สี่วันแรกที่อยู่ที่วัดยังทำไม่ได้ปลงไม่ตก ยังโกรธก้ฝืนทำ แต่เมื่อวันที่ห้าก็ปลงเรื่องพวกนี้ได้สนิทเลิกอยากได้เงินคืน เลิกพยาบาทแล้วขอให้เพื่อนที่โกงเงินมีแต่ความสุขความเจริญด้วยเถิด แผ่ไปจนถึงวันที่เจ็ด แล้วก็มากราบลาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็บอกว่ากลับไปขอให้เจอแต่สิ่งดีๆนะแล้วก็ให้พร หลังจากกลับจากวัด ก็นึกออกว่าตัวเองมีที่ดินที่แม่ให้ไว้ก่อนตายอยู่ที่อ่างทองหลายไร่ ซึ่งเมื่อเอามาขายก็ได้หลายร้านกะว่าจะเอาเงินมาทยอยใช้หนี้(หลวงพ่อบอกอโหสิกรรมแล้วเกิดปัญญาจะนึกออกว่าจะแก้ไขปัญหายังไงได้) ส่วนคดีที่มีการยื่นสอบสวนวินัยที่กระทรวงมีคณะกรรมแต่งตั้งขึ้นมาสอบสวนก็เป็นว่าโมฆะไปเนื่องด้วยหลักฐานไม่เพียงพอ และเห็นว่าเป็นการให้ร้ายใส่ความกันไร้สาระก็เลยเจ๊าไป ส่วนเพื่อนที่อยู่เหนือที่หนีไปพร้อมกับสามีเพื่อน ได้ไปอยู่สวนไร่ของเศรษฐีทางภาคเหนือได้ตกระกำลำบากไปหาใครให้ช่วยทุกคนก็ปฏิเสธเหมือนแบตหมด จนมาถึงสวนของเจ้าแห่งหนึ่ง เลยได้มาเป็นคนงานของเจ้าสัวคนนี้ เจ้าสัวเห็นว่าผัวเมีย ไม่พูดคุย ทุกเย็นจะต้องร้องไห้เสมอๆ เลยถามว่าทำไมถึงมาอยู่นี้ ผัวเมียเลยเล่าความจริงให้ฟัง เจ้าสัวเลยบอกว่าถ้างั้นจะช่วยมีที่แถวหนึ่งหลายไร่ เอาไปขายสิ ถ้าพวกเทอขายได้เกินสิบล้านส่วนที่เกินมาเรายกให้พวกเทอ ผัวเมียคู่นั้นก้ดีใจเลยนำที่ไปขายก็ปรากฏว่าขายได้จริงซึ่งขายได้ 15 ล้าน

ทำให้ผัวเมียคู่นี้ได้เงิน 5 ล้านมา และขอบคุณเจ้าทางเมืองเหนือท่านนี้ ก่อนกลับมากรุงเทพหลังจากหายไปหลายๆเดือน และได้มาเจอผู้หญิงซีเจ็ดที่เป็นเพื่อนแล้วเอามาคืนทั้งหมดซึ่งก็คือห้าล้านนั่นเอง ทำให้โยมซีเจ็ดและผัวเมียคู่นี้ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกหลังจากไม่ได้เจอกันเกือบปี โยมผู้หญิงท่านนี้เลยพาผัวเมียคู่นี้มากราบหลวงพ่อจรัญที่วัดด้วยกัน แล้วบอกให้เข้ากรรมฐานด้วยๆแล้วได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อฟังหลวงพ่อก้อนุโมทนาบุญด้วย หลังจากที่โยมผู้หญิงท่านนี้กลับมาที่กระทรวงได้ไม่กี่เดือนก็ได้เลื่อนขั้นเป็นซีแปดโดยผู้ใหญ่ได้เห็นความชอบในผลงานเทอ แล้วบ้านตัวเองที่ถูกไฟไหม้ซึ่งต้องซ่อมราวเกือบสามแสน ก็ได้ซ่อมเสร็จ นี่แสดงให้เห็นว่าถึงบุญอานิสงส์ของการเจริญกรรมฐาน อโหสิให้ทุกๆคน แล้วแผ่เมตตาให้ สามารถแก้กรรมได้จริง ทำให้ชีวิตผ่อนหนักเป็นเบา แล้วกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
โยมผู้หญิงซีเจ็ด(ตอนนี้อาจจะสูงกว่าซีแปดก็ได้)ท่านนี้ไม่มีครอบครัว พ่อแม่ตายไปก่อนแล้ว ส่วนพี่น้องก็มีครอบครัวไปหมด อยู่พึ่งพาตัวเอง ผมคิดว่าท่านคงมีจิตใจเข้มแข็งมากที่สามารถชนะอุปสรรคนานัปการได้ และขออนุโมนาบุญถึงความสำเร็จในชีวิตข้าราชการซีเจ็ดท่านนี้ด้วยครับ