วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 09:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 08:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


กี่ปีก็ไม่ว่า ขอตั้งจิต ถ้าถึงตอนนั้นแล้วยังไม่บรรลุเป็นอริยบุคคล ขอให้พบพระศรีอาริยเมตตรัย ได้ฟังคำสั่งสอนของท่าน แล้วบรรลุธรรมด้วยเถิด

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 13:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


พระศรีอริยะเมตตรัย จากคำเทศน์สอนของพระอริยะบุคคล

คำเทศน์ของพระอริยะสงฆ์เรื่องพระศรีอริยะเมตตรัย มีดังนี้


คำเทศน์แรก มาจากคำเทศน์ของ พระราชพรหมยาน ในหนังสือประวัติและการสร้างพระศรีอาริยเมตไตรย(พระราชพรหมยาน)


“…..เมื่อศาสนาพระตถาคตครบ 5,000 ปีแล้ว ฝูงสัตว์ก็มีอายุถอยลงคงอยู่ 10 ปีเป็นอายุขัย ครั้งนั้นแล…….จะบังเกิดมหาภัยเป็นอันมาก
มี “สัตถันตรกัป” คือเป็นกัปที่มนุษย์ทั้งหลาย จะวุ่นวายเป็นโกลาหล เกิดรบพุ่งฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะจับไม้และใบหญ้า ก็กลายกลับเป็น
หอกดาบแหลนหลาว อาวุธน้อยใหญ่ไล่ทิ่มแทงกัน ฝูงมนุษย์ทั้งหลายที่มีปัญญา ก็หนีไปซุกว่อนตัวอยู่ในซอกห้วยหุบเขา จะเหลืออยู่ก็แต่
มนุษย์ที่มีปัญญา นอกกว่านั้นแล้ว ก็ถึงซึ่งความพินาศฉิบหายเป็นอันมาก

*** ข้อความที่ขีดเส้นใต้ แทบไม่ต้องตีความ หลังจากปีพศ. 5000 อายุของมนุษย์จะลดลงมาเหลือ 10 ปี ยุคนั้นจะเป็นกลียุค


คำเทศน์ 2 มาจากคำเทศน์ของ หลวงปู่บุดดาสนธนากับหลวงปู่สิม


หลวงปู่สิม มีเทปนี้มา คือว่าเปิ้นขึ้นไปเทศน์ให้ฟังนั้น ไปในนามคนทรง สองครั้งแล้วท่านขึ้นไปเทศน์ให้ฟัง ในถ้าผาปล่องน่ะ เปิ้นมีเมตตา
อย่างใดบ่ฮู้ กัสสปน่ะ มารู้ข่าวว่าท่านยังไม่ทันเข้านิพพาน

หลวงปู่บุดดา ยัง

หลวงปู่สิม แน่ะ หลวงปู่ยังฮู้นี่ บ่เข้านิพพานไปอยู่ไหนล่ะ ในเมื่อท่านเข้านิพพานไปแล้ว ท่านเคยมาหาหลวงปู่ บ่

หลวงปู่บุดดา ท่านคอยพระศรีอารย์อยู่ คอยพระศรีอารย์เวลาเทศน์จบแล้ว จะเป็นภาพทำศพอีก ๘ หมื่นปี นั่นแหละ

หลวงปู่สิม นึกว่าได้นิพพานแล้ว ไปนิพพานเลยแม่นแล้ว ฟังข่าวหลวงปู่ ยังไม่ทันไปนิพพาน ยังคอยพระศรีอารย์อยู่

หลวงปู่บุดดา ยังคอยเจ้าภาพศพ มีเวลามาเทศน์ ๘ หมื่นปี เสร็จแล้วจึงจะมาเผาศพธรรมพระกัสสปเถระ

ในท่อนสุดท้ายของการสนธนา

“ ........ องค์แรก คือ "พระมหากัสสปะ" ที่คุณละอู กล่าวถึง สรีระท่านอยู่ที่เขาสามภู ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย พระท่านบอกว่า
พระอินทร์ท่านดูแลร่างนี้อยู่ครับ ได้จุดธูปเทียนบูชาไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ตอนนี้ก็ไหม้ไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อครบห้าพันปี
ธูปเทียนก็จะไหม้หมดพอดีครับ องค์นี้รอพระศรีอาริย์มาเผา ในวันสุดท้ายก่อนที่พระศรีอาริย์จะเข้าพระนิพพานครับ”


*** คำเทศน์ของหลวงพ่อทั้ง 2 ผมตีความดังนี้ พระศรีอาริย์จะมาเกิดหลังจากปีพศ .5100 พระองค์มีเวลาเทศน์สอน
เผยว่าศาสนาพุทธใหม่ของพระองค์ 80,000 ปี ค่อยปรินิพพาน



พระศรีอาร์เรื่องที่ 3 มาจากคำเทศน์ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี


จากหนังสือ โอวาทสมเด็จโต สำนักปู่สวรรค์ เล่ม 1 เรื่อง กำเนิดโลกมนุษย์( โอวาทสมเด็จโต ) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
เทศน์เทศน์ไว้เมื่อวันวิสาขบูชา23 พฤษภาคม 2510 เวลา 24.00น.


ตอนที่เกี่ยวกับศรีอริยเมตไตรย มีดังนี้

“……เปลี่ยนแปลงกันเรื่อยๆ จนถึงองค์สมณโคดม และองค์ต่อไปองค์ศรีอริยเมตไตรยจะมาเกิดใหม่ใน ๕๐๐๐ ปี ในอนาคตข้างหน้า
เวลานี้อยู่สวรรค์ชั้น 4 และเคยจุติมาในโลกมนุษย์มาแล้วครั้งหนึ่งในสมัยองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย คือ องค์สังกัจจายน์กาลเวลานั้น……

“องค์ศรีอริยเมตไตรยจะมาเกิดใหม่ใน ๕๐๐๐ ปี ในอนาคตข้างหน้า”

*** ท่อนนี้ผมตีความดังนี้ ปีที่หลวงพ่อโตเทศน์คือปีพศ. 2510 เมื่อหลวงพ่อเทศน์ว่า องค์ศรีอริยเมตไตรยจะมาเกิดใหม่ใน ๕๐๐๐ ปี
ในอนาคตข้างหน้า ก็คือ พระศรีอารย์จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในปีพศ.ประมาณ 7250 หรือเกินกว่านั้น


จากคำเทศน์ของพระอริยะ 3 ท่าน สรุปได้ว่า


1. พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า จะทรงอุบัติขึ้นต่อจากพระพุทธเจ้าโคตมะ หลังจากพระพุทธศาสนามีอายุครบ 5,000 ปีแล้ว อธรรมจะครองเมือง
ศีลธรรมจะถูกบดบัง อายุของผู้คนจะลดน้อยลงตามลำดับ จากปัจจุบันมีอายุประมาณ 100 ปี จะค่อยลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุมนุษย์ลดลงเหลือ
10 ปี ซึ่งถือเป็นกลียุคที่สุด มนุษย์ผู้ชายผู้หญิงจึงจำเป็นต้องสืบพันธ์กันในช่วงนั้น ก่อนที่ตนเองจะตาย

2. พระศรีอารย์ จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในปีพศ.ประมาณ 7250 หรือเกินกว่านั้น

3. พระศรีอาริย์ จะมีเวลาเทศน์สอนเผยวแพร่ศาสนาพุทธใหม่ของพระองค์ 80,000 ปี ค่อยปรินิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2009, 02:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มี.ค. 2009, 02:45
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ของคุณ kokorado ผิดเป็นอย่างยิ่ง แล้วก็จะขอแก้ ของทุกท่าน


ในพระไตรปิฏก มีกล่าวถึง ตอนที่ พระศรีอาริย์เมตไตร พระโพธิสัตว์ ได้ลงมาจุติ

เป็นพระอชิตตะ ภิกษุ แล้วก็ได้รับการถวายผ้าจีวร อันปราณีต หาค่าประมาณมิได้ จากพระน้านางพระนางมหาปชาปดีโคตรมีต่อมาพระโพธิสัตว์ก็ได้นำผ้าจีวรไปถวาย พระพุทธเจ้า ของเรา แล้วเรื่องการที่พระองค์ จะมาตรัสรู้ในอนาคตกาลมีกล่าวไว้ ว่าจะทรงลงมาเกิดในสกุลพรามณ์ แล้วก็ทรงตรัสรู้ใน 7 วัน แล้วก็อธิบายเกี่ยวกับพระศาสนาของพระองค์เอาไว้บางส่วน



ส่วนที่อยากทราบว่าพระโพธิสัตว์ตอนนี้อยู่ที่ใด
กล่าวว่าทรงอยู่บนสวรรค์นดุสิต





พระศาสนาจะมัวหมองหากไม่ทราบความจริงด้วยอวิชชา หากไม่รู้ก็ขอให้นิ่งเฉยเสีย เพื่อให้พระศาสนาทรงอยู่ต่อไปอย่างถูกต้องจนถึง 5000ปี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2009, 22:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 09:03
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


จะคิดเวลากันทำไม แค่คำว่าอสงไขย ก็ไม่มีที่ใส่ตัวเลขแล้ว ถ้าใครจะรอท่านมาตรัสรู้ก็รอไปเถอะข้าพเจ้าขอขึ้นเรือของพระพุทธเจ้าสมณโคดมดีกว่า วัฏฏจักรยาวนานไกลเหลือเกิน เร่งความเพียรที่มีในตนให้สุดขีด คือมีพระรัตนตรัยอย่างบริบูรณ์เป็นที่ตั้ง ทาน ศีล ก็ค่อย ๆ ทำไปอย่างไม่เกินกำลังตน เถอะน่าไม่รอหรอกพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ อีก 2450 ปี เราคงได้พ้นไปได้บ้างหละเน๊อะ
:b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2009, 22:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2008, 17:19
โพสต์: 139

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยอ่านผ่านตาคล้ายกับที่คุณอมิตาพุทธว่าไว้ค่ะ
แล้วก็เลยลองคำนวนเล่นๆ แค่ช่วงแรก คือจากนี้กถึงเวลา สัตกันตรกัป
ก็ได้ประมาณ6500ปี อย่างที่คุณอมิตาพุทธคำนวนไว้
ส่วนระยะเวลาจากสัตกันตรกัปถึง ตอนที่ท่านจะลงมาตรัสคำนวนไม่ไหวค่ะ :b12: (ตกเลข)
ก็คงจะประมาณที่คุณอมิตาพุทธคำนวนมังคะ
(เป็นความเห็นส่วนตัวจากที่เคยทราบมาค่ะ)

แต่ที่นับจำนวนพระพุทธเจ้าว่ามีกี่องค์ในกัปๆหนึ่งนั้น นับจากกัปอะไรนี่ไม่เคยทราบค่ะ
(อันตรกัปป หรือมหากัปป หรืออสงไขยกัปป)
ถ้าจะนับว่าพระศรีอริยเมตตรัยเกิดในอันตรกัปปเดียวกับพระพุทธเจ้าของเรา
ดังนั้น ภัทรกัปปที่ว่า ควรจะเป็นในอันตรกัปปนี้หรือปล่าว...

ถือว่าคุยกันเล่นๆ ไม่ซีเรียสค่ะ เพราะก็ไม่มีใครรู้จริงซักคน
หรือจะมีผู้รู้จริง ก็คงจะไม่มีใครทราบกับท่านด้วย :b1:
(เริ่มออกแนวเพ้อเจ้อแล้วมั้งเนี่ย :b12: )


.....................................................
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2009, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


-=--ขอตอบ K โปเต้ เรื่องเวลากัปป์นะครับ--------

เรื่องหน่วยวัดระยะเวลา 1 กัปป์ :b40: :b40: :b40:

จากหนังสือมุนีนาถทีปณีของพระเทพมุนี(วิลาศ ญาณวโร) ผมสามารถจัดลำดับได้ดังนี้

1.อันตรกัปป์ เป็นหน่วยที่เทียบกับการขึ้นลงโดยอาศัยอาขัยของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นและลดลงแล้วเพิ่มขึ้นดังนี้

เมื่ออายุมนุษย์สูงสุดคือ 1 อสงไขยปี(มีอายุมากจนนับไปม่ได้) แล้วเมื่อครบใน 100 ปี อายุขัยของมนุษย์ลดลง 1 ปี จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่นถ้า ในขณะนี้อายุขัยของมนุษย์เท่ากับ 80 ปี ในอีก 100 ปี ข้างหน้าอายุขัยของมนุษย์จะลดลงเป็น 79 ปี ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยจนอายุขัยของมนุษย์อยู่ที่ 10 ปี หลังจากนั้นอายุขัยของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นเมื่อครบ 100 ปี ก็เพิ่มขึ้น 1 ปี จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนอายุขัยของมนุษย์เพิ่มขึ้นเป็น 1 อสงไขยปี อย่างนี้แหละเรียกว่า 1 อันตรกัปป์

จะได้ 64 อันตรกัปป์ = 1 อสงไขยกัปป์ (ไม่ใช้ 1 อัสงไขย)

ในหนึ่งกัปป์ แบ่งออกเป็น 4 อสงไขยกัปป์ ดังนี้

1.สังวัฏฏอสงไขยกัปป์ มี 64 อันตรกัปป์ เป็นช่วงที่โลกและจักรวาลถูกทำลาย หรือกัปป์กำลังพังพินาศอยู่

2.สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัปป์ มี 64 อันตรกัปป์ เป็นช่วงที่โลกและจักรวาลถูกทำลายเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

3.วิวัฏฏอสงไขยกัปป์ มี 64 อันตรกัปป์ เป็นช่วงที่โลกและจักรวาลกำลังพัฒนาเข้าสู่ภาวปกติ

4.วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัปป์ มี 64 อันตรกัปป์ เป็นช่วงที่โลกและจักรวลเจริญขึ้นพัฒนาเรียบร้อบแล้ว มีสัตว์และมนุษย์อาศัย

ดังนั้นในเวลา 1 กัปป์ ใช่เวลาทั้งหมด 256 อันตรกัปป์ :b42:

ใน 1 อันตรกัปป์ ที่เทียบกับอายุของมนุษย์นั้น เป็นเพียงหน่วยวัดเทียบกัปป์เท่านั้น หาใช่ว่าต้องมีมนุษย์อาศัยอยู่ในโลกนี้ตลอด เพราะจะมีมนุษย์อาศัยอยู่ในก็ในช่วงที่ 4 ของกัปป์คือ วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัปป์เท่านั้น จึงไม่ใช่ว่าจะต้องมีมนุษย์ อาศัยอยู่ในโลกที่เราอยู่นี้โดยตลอด แต่เมื่อวิวัฒนาการปรากฏมีมนุษย์เมื่อไหร อายุขัยของมนุษย์ก็จะขึ้นหรือลงตาม อันตรกัปป์นั้นๆ

เช่นเดียวกันในตลอด 1 กัป โลกเราใบนี้มีการเปลี่ยนแปลงสลายไปและวิวัฒนาการมาใหม่หลายครั้งก็เป็นไปได้ เพราะดวงอาทีตย์นั้นมีอายุ ประมาณ 10,000 ล้านปี เท่านั้น ตามที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันคำนวณไว้ แต่ 1 กัปปนั้นประมาณหรือมากกว่า 3.3 X 10**26 ปี
(น่าจะ10 ยกกำลัง26ปี)

ถ้าเพิ่งเริ่มต้นการสร้างบารมีเพื่อจะเป็นพุทธเจ้า ก็ต้องสร้างบารมีต่อเนื่องอย่างน้อย 10,000 กัป
:b39:


แหล่งข้อมูลจากนี้ครับ ===>http://www.pantown.com/board.php?id=20933&area=3&name=board2&topic=18&action=view

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 22:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิจจสมุปบาท แห่ง มิคสัญญีสัตถันตรกัปป์

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เมื่อพระราชา (ชนชั้นปกครอง ในสมัยที่ท่านกล่าวว่า มนุษย์มีอายุขัย ๘ หมื่นปี ซึ่งข้อนี้เป็นการคำนวณเทียบส่วนแห่งความต้องการของกิเลสกับความเป็นอยู่ของมนุษย์)
มีการกระทำชนิดที่เป็นไปแต่เพียงเพื่อการคุ้มครอง อารักขา,แต่มิได้เป็นไปเพื่อการกระทำให้เกิดทรัพย์ แก่บุคคลผู้ไม่มีทรัพย์ทั้งหลาย ดังนั้นแล้ว
ความยากจนขัดสน ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
เพราะความยากจนขันสนเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
อทินนาทานก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
เพราะอทินนาทานเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
การใช้ศัสตราวุธโดยวิธีการต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
เพราะการใช้ศัสตราวุธโดยวิธีการต่าง ๆ เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
ปาณาติบาต (ซึ่งหมายถึงการฆ่ามนุษย์ด้วยกัน) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
เพราะปาณาติบาตเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
มุสวาท (การหลอกลวงคดโกง) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๔ หมื่นปี)
เพราะมุสาวาทเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
ปิสุณาวาท (การพูดจายุแหย่เพื่อการแตกกันเป็นก๊กเป็นหมู่ ทำลายความสามัคคี) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๒ หมื่นปี)
เพราะปิสุณาวาทเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด กาเมสุมิจฉาจาร
(การทำชู้ การละเมิดของรักของบุคคลอื่น) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๑ หมื่นปี)
เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
ผรุสวาท และสัมผัปปลาปวาท (การใช้คำหยาบ และคำพูดเพ้อเจ้อเพื่อความสำราญ) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๕ พันปี)
เพราะผรุสวาท และสัมผัปปลาปวาทเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
อภิชฌาและพยาบาท (แผนกการกอบโกย และการทำลายล้าง) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๒,๕๐๐-๒,๐๐๐ ปี)
เพราะอภิชฌาและพยาบาท เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด มิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิดชนิดเห็นกงจักรเป็นดอกบัว นิยมความชั่ว) ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด;
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๑,๐๐๐ ปี)
เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด(อกุศล)ธรรมทั้งสาม
คือ อธัมมราคะ (ความยินดีที่ไม่เป็นธรรม) วิสมโลภะ (ความโลภไม่สิ้นสุด) มิจฉา-ธรรม (การประพฤติตามอำนาจกิเลส)ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด (อย่างไม่แยกกัน);
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๕๐๐ ปี)
เพราะ(อกุศล)ธรรม ทั้งสาม...นั้นเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด
(อกุศล) ธรรมทั้งหลายคือ ไม่ปฏิบัติอย่างถูกต้องในมารดา, -บิดา, -สมณะ,-พราหมณ์, และ ไม่มีกุลเชฏธาปจายนธรรม (ความอ่อนน้อมตามฐานะสูงต่ำ), ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด.
(สมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาเหลือเพียง ๒๕๐-๒๐๐-๑๐๐ ปี)
สมัยนั้น จักมีสมัยที่มนุษย์มีอายุขัยลดลงมาเหลือเพียง ๑๐ ปี (จักมีลักษณะแห่งความเสื่อมเสียมีประการต่าง ๆ ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า) :
หญิงอายุ ๕ ปี ก็มีบุตร;
รสทั้งห้า คือเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย, และรสเค็ม ก็ไม่ปรากฎ;
มนุษย์ทั้งหลาย กินหญ้าที่เรียกว่า กุทรุสกะ แทนการกินข้าว;
กุศลกรรมบถหายไป ไม่มีร่องรอย, อกุศลกรรมบถ รุ่งเรืองถึงที่สุด;
ในหมู่มนุษย์ ไม่มีคำพูดว่ากุศล จึงไม่มีการทำกุศล;
มนุษย์สมัยนั้นจักไม่ยกย่องสรรเสริญมัตเตยยธรรม (ความเคารพเกื้อกูลต่อมารดา), เปตเตยยธรรม
(ความเคารพเกื้อกูลต่อบิดา), สามัญญธรรม (ความเคารพเกื้อกูลต่อสมณะ,)พรหมัญญธรรม (ความเคารพเกื้อกูลต่อชีพราหมณ์), และกุลเชฏฐาปจายนธรรม,เหมือนอย่างที่มนุษย์ยกย่องกันอยู่ในสมัยนี้;
ไม่มีคำพูดว่าแม่ น้าชาย น้าหญิง พ่อ อา ลุง ป้า ภรรยาของอาจารย์ และคำพูดว่า เมียของครู;
สัตว์โลกจักกระทำการสัมเภท(สมสู่สำส่อน) เช่นเดียวกันกับแพะ แกะ ไก่ สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอก;
ความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดฆ่า เป็นไปอย่างแรงกล้า
แม้ในระหว่างมารดากับบุตร บุตรกับมารดา บิดากับบุตร บุตรกับบิดา พี่กับน้อง
น้องกับพี่ ทั้งชายและหญิง เหมือนกับที่นายพรานมีความรู้สึกต่อเนื้อทั้งหลาย.
ในสมัยนั้น จักมีสัตถันตรกัปป์ (การใช้ศัสตราวุธติดต่อกันไม่หยุดหย่อน) ตลอดเวลา ๗ วัน :
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น จักมีความสำคัญแก่กันและกันราวกะว่าเนื้อ;
แต่ละคนมีศัสตราวุธในมือ ปลงชีวติซึ่งกันและกันราวกะว่าฆ่าปลาฆ่าเนื้อ.

(มีมนุษย์หลายคน ไม่เข้าร่วมวงสัตถันตรกัปป์ด้วยความกลัว หนีไปซ่อนตัวอยู่ในที่ที่พอ
จะซ่อนตัวได้ตลอด ๗ วัน แล้วกลับออกมาพบกันและกัน ยินดีสวมกอดกัน กล่าวกะกันและกันในที่นั้น ว่า
มีโชคดีที่รอดมาได้ แล้วก็ตกลงกันในการตั้งต้นประพฤติธรรมกันใหม่ต่อไป ชีวติมนุษย์ก็ค่อยเจริญขึ้น จาก ๑๐ ปีตามลำดับ ๆ จนถึงสมัย ๘ หมื่นปี อีกครั้งหนึ่ง
จนกระทั่งเป็นสมัยแห่งศาสนาของพระพุทธเจ้ามีพระนามว่าเมตเตยยสัมมาสัมพุทธะ).

๑จักกวัตติสูตร ปา.ที. ๑๑/๗๐-๘๐/๓๙-๔๗, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ในแว่นแคว้นมคธ.

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2008, 17:19
โพสต์: 139

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ดังนั้นในเวลา 1 กัปป์ ใช่เวลาทั้งหมด 256 อันตรกัปป์


ขอบคุณค่ะ คุณอินทรีย์ 5
งั้นสงสัยว่า ภัทรกัปป์ ก็คือช่วงเวลาภายใน 256 อันตรกัปป์
ก็แปลว่า ไม่น่าจะใช่อันตรกัปป์นี้ ที่พระศรีอารย์จะจุติ
อาจเป็นอันตรกัปป์ใดอันตรกัปป์หนึ่งในกาลข้างหน้าอีกยาวไกลเป็นสิบๆอันตรกัปป์
(เป็นเวลาเท่ากับ 1 พุทธันดร)

อยากจะเพียรให้จบ แต่ทำมั้ยยย... จิตถึงอาลัยอาวรณ์อยากจะอยู่ให้ถึงยุคโน้นน :b10:
(สงสัยกิเลสหาข้ออ้าง :b12: )

.....................................................
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามธรรมดา การจะเกิดนี่เกิดได้3 แบบ แบบแรก คือ เกิดทั้ง กาย จิต เจตสิก อย่างนี้ ถ้าไปอบาย หรือ สุคติ ก็ไปทั้งชุด แบบที่สอง คือ มา เฉพาะ จิต กับเจตสิก ใช้กันในบนสวรรค์ มีเรื่องเล่าว่า ชาวสวรรค์ได้ยินว่า กามของโลกมนุษยืเผ็ดร้อน ยิ่งนัก จึงได้ ถอดจิตลงมาเกิด ซึ่งยังไงก็ต้องกลับเข้าร่างเดิม แบบที่สาม คือการ โคลนนิ่ง กาย จิต เจตสิก ทั้งชุด แบบที่พระจุลปันถก แบ่งร่างเป้น100 ร่าง เพื่อทำงาน ต่างๆกัน ซึ่งการโคลนนิ่ง ใช้ในกรณีที่โลกมิจฉาธรรมระบาด ซึ่งพระศรีอารยืก็ใช้วิธีนี้ วิธีนี้นั้น หาก ตัวล่างทำบาป ตัวบนก็เปื้อนบาปไปด้วย บารมีอย่างพวกเราอยากทำก็ทำไม่ได้หรอก

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
พระศรีอาริยมตไตรย มีจริง
แต่ไม่ใช่เกิดมาเพื่อเป็น พระพุทธเจ้า คือไม่ใช่พระพุทธเจ้า
แต่ พระศรีอาริยเมตไตรย คือ ศาสดา แห่งทุกศาสนา ขอย้ำว่า พระศรีอาริยเมตไตรยคือ ศาสดา แห่งศาสนา ทุกศาสนา
เนื่องจากต้องปรับเปลี่ยนไปตาม สังคมการเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์

อย่าถามว่า "ข้าพเจ้ารู้ได้อย่างไร เอามาจากไหนนะขอรับ" เพราะข้าพเจ้าประกาศให้ได้รู้กัน มานานหลายปีแล้ว

:b2: เริ่มเป็นห่วงพระพุทธศาสนามากกว่าเดิมแล้ว :b2:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 62 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร