วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 04:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2009, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


555 ขอบคุณครับที่แก้ไขให้
แต่มีแววว่าจะเหนื่อยหน่อยนะครับ เพราะผมสะกดผิดเป้นประจำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2009, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
ความเดิม

แคท "แสดงว่าเวลาล่วงเลยไปนานแล้ว พระศาสดาของท่านคงล่วงลับไปแล้ว แต่ไฉนคำสั่งสอนของพระองค์ท่านจึงยังเป็นภาษิตที่จริงแท้ในยุคนี้"

พระภิกษุ "พระศาสดาของเรายังคงอยู่ ไม่มีวันดับสูญ พระองค์ตรัสว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต"



จอหน์ อดขำไม่ได้ งั้นท่านสามารถพาพวกเราไปพบพระองค์ได้ไหมล่ะ ถ้ายังอยู่จริง

พระภิกษุ นิ่งเงียบใบหน้านิ่งเฉย พร้อมกับเดินผละออกไป ไปนั่งอยู่ใต้เงาไม้ต้นหนึ่ง

ฝ่ายจอหน์และแคทเห็นดังนั้น ก็รู้สึกขนลุกซาบซ่านไปทั้งตัว พลางนึกคิดไป ว่าในป่าลึกแห่งนี้จะมีอะไรที่น่าพิศวงอัศจรรย์อยู่จริงๆหรือ เพราะทั้งสองคนนั้นมีความรู้ระดับศาสตรจารย์มาทั้งสองคน

จอหน์ เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันที่มีสัญชาติสวิสและอเมริกัน (ตามลำดับ) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ เขาเป็นผู้เสนอทฤษฏีย้อนเวลา และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม สถิติกลศาสตร์ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี พ.ศ.4999

แคท เป็นนักโบราณคดีและประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ ท่องเที่ยวสอนไปทั่วโลกเช่นอินเดีย จีน และญี่ปุ่นเป็นต้น

ทั้งสองยังยืนงงอยู่ที่ตรงนั้น

แคทพูดขึ้นก่อนว่า

"นี่จอนห์ ฉันเคยศึกษาประวัติของประเทศทางเอเชียตะวันออก ลักษณะการแต่งกายเช่นนี้น่าจะเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนานะ ซึ่งปัจจุบันนี้หาพบได้น้อยมาก พวกเราน่าจะลองสนทนากับท่านดูก่อน เพราะเราตอนนี้ก็ต้องหนีเหตุการณ์ภายนอกอันโหดร้ายไม่รู้จะหนีร้อนไปพึ่งเย็นที่ไหน ลองเข้าไปคุยกับท่านดูก่อน"........

รูปภาพ


ว่าแล้วทั้งสองก็เดินตามไปนั่งอยู่ในที่อันควรใกล้ๆกับนักบวชนั้น


แคท "ท่านนักบวช....ท่านอย่าโกรธพวกเราเลยนะที่แสดงท่าทางดูหมิ่นท่าน เราขอโทษด้วยเพราะสถาณการณ์โลกขณะนี้มันวุ่นวายมากจนเราไม่อาจจะเชื่อใจใครได้
ตั้งแต่เราพบท่าน สังเกตุลักษณะอาการของท่านดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"
แคทกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล

ภิกษุ “ดูก่อนท่านทั้งสอง เราจักเป็นผู้ไม่ถูกราคะย้อม ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย ไม่หลงเพราะโมหะแล้ว เราชื่อว่าอะนันตะ จาริกมาจากสุวรรณภูมิอันไกลโพ้น เรามาเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาของเราในอนาคตกาล"

จอหน์ "ว่าแต่เรื่องเมื่อกี้ที่ท่านพูด จริงหรือที่พระศาสดาของท่านยังคงอยู่"

ภิกษุ "วาจาใดไม่จริง ไม่เป็นประโยชน์ เราไม่กล่าวถึงคำนั้น"

จอนห์ "งั้นท่านพาพวกเราไปพบพระศาสดาของท่านได้ไหม พวกเรามีความเดือดร้อนใจมาก"

ภิกษุ "ได้ถ้าท่านยินดีที่จะปฏิบัติตามเราและขึ้นยานอันประเสริฐของเราไปด้วยกัน"

จอหน์ "ถ้าทางตกใจ เหมือนไม่ค่อยเชื่อ อุทานออกมาว่า หา ท่านมียานพาหนะพาไปด้วยหรอ ไหนล่ะยานของท่าน"

ภิกษุ “ดูก่อน เราอาจชี้ให้เห็นได้ถ้าว่ายานอันประเสริฐเป็นชื่อของอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เองเรียกกันว่า พรหมยานบ้าง ธรรมยานบ้าง รถพิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมบ้าง"


(อริยมรรคญาณนั้นมีธรรม คือ ศรัทธากับปัญญาเป็นแอก มีศรัทธา

เป็นทูบ มีหิริเป็นงอน มีใจเป็นเชือกชัก มีสติเป็นสารถีผู้ควบคุม

รถนี้มีศีลเป็นเครื่องประดับ มีญาณเป็นเพลา มีความเพียรเป็นล้อ

มีอุเบกขากับสมาธิเป็นทูบ ความไม่อยากได้เป็นประทุน กุลบุตร

ใดมีความไม่พยาบาท ความไม่เบียดเบียน และวิเวกเป็นอาวุธ

มีความอดทนเป็นเกราะหนัง กุลบุตรนั้นย่อมเป็นไปเพื่อความเกษม

จากโยคะ พรหมยานอันยอดเยี่ยมนี้ เกิดแล้วในตนของบุคคล

เหล่าใด บุคคลเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์ ย่อมออกไปจากโลกโดย
ความแน่ใจว่า มีชัยชนะโดยแท้).



จอหน์ "ท่านกล่าวอะไร เราไม่ค่อยเข้าใจ"

แคท "ท่านหมายถึงเราต้องฝึกจิต ตามแนวของศาสนาพุทธนะจอหน์"
จอหน์ "ทำไมต้องฝึกจิตด้วยละ"

ภิกษุ "จิตท่องเที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียวไม่มีรูปร่าง อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ ใครควบคุมจิตนี้ได้ย่อมไปที่ไหนก็ได้ทั้งอดีตและอนาคต"

อ้างคำพูด:
mes กล่าวว่า การเดินทางไปด้วยความเร็วเท่าหรือเข้าใกล้แสงนั้นต้องใช้พลังงานมาทำเป็นทางหรือรูเรียกว่ารูหนอน(เรียกผิดหรือเปล่าไม่ทราบ) เพื่อไม่ให้วัตถุที่เดินทางกลายเป็นพลังงาน

เรียกว่าทางลัดของอวกาศ

นั่นคือวัตถุครับ

แต่ที่เป็นไปได้ที่จะเดินทางกลับสู่อดีตได้จริงๆคือจิต

จิตที่ได้ฝึกแล้วมีความเร็วกว่าแสงครับ

ฉนั้นจิตจึงเดินทางไปได้ทั้งอดีตและอนาคต

เสียดายที่เป็นปัจจตัง สอนกันไม่ได้

แต่ทุกคนคงมีลางสังหรณ์ที่เป็นจริง

ใช่ไหมครับ


โปรดติดตามตอนต่อไปครับ :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2009, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนันตะ มาจากภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า อนนฺตริย ซึ่งแปลว่า ไม่มีช่องว่าง


กล่าวได้ว่า พระอนันตะ เป็นพระอรหันต์รูปสุดท้ายที่หลงเหลือในปี พ.ศ.5000

ท่านเป็นอรหันต์ประเภทสุกขวิปัสสโก

อรหันต์แบบไม่มีฤทธิ์,ไม่มีญาณพิเศษอื่นๆ นอกจาก อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวกิเลสให้สิ้นไป

ท่านท่องเที่ยวไปในป่าลึกเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้นานที่สุดก่อนที่พระศรีอริยะเมตตรัยจะมาจุติ



อ้างคำพูด:
ได้แบ่งประเภทพระอรหันต์ไว้สี่กลุ่ม ตามลักษณะดังนี้

๑. สุกขวิปัสสโก
อรหันต์แบบไม่มีฤทธิ์,ไม่มีญาณพิเศษอื่นๆ นอกจาก อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวกิเลสให้สิ้นไป

๒. เตวิชโช (วิชา ๓)
๑. ปุเพนิวาสานุสสติญาณ การระลึกชาติได้
๒. จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ที่ตายไปแล้ว และเกิดมานี้ ตายแล้วไปไหน ก่อนเกิดมาจากไหน
๓. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวกิเลสให้สิ้นไป

๓. ฉฬภิญโญ (อภิญญา ๖)
๑. อิทธิฤทธิ์ แสดงฤทธิ์ต่างๆได้
๒. ทิพยโสต มีหูเป็นทิพย์ สามารถฟังเสียงในที่ไกลหรือเสียงอมนุษย์
๓. จุตูปปาตญาณ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์
๔. เจโตปริยญาณ รู้ความรู้สึกในความในใจของคนและสัตว์
๕. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติต่างๆ ที่ล่วงมาแล้วได้
๖. อาสวักขยญาณ การทำอาสวะให้หมดสิ้นไป


๔. ปฏิสัมภิทัปปัตโต
แบบมีความรู้พร้อม ทรงคุณธรรมพิเศษกว่าทุกแบบ เป็นพระอรหันต์ขั้นสูงสุดในพุทธศาสนา
มีความรู้ฉลาดมาก ปฏิสัมภิทาญาณ มีความสามารถคลุมหมด คลุมสุกขวิปัสสโกด้วยเอาไว้ในตัว เอาวิชชาสามเข้าไว้ด้วย แล้วเอาอภิญญาหกเข้าไว้ด้วย แล้วก็ฉลาดมาก คือว่า ฉลาดในธรรมะขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกอย่าง เรียกว่า " ปฏิสัมภิทาญาณ "

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2009, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมขอเข้าไปในพรรษาใดก็ได้ครับ ขอเพียงได้เข้าเฝ้า ได้ฟังธรรมอันประเสริฐจากพระองค์ ก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ส่วนปัญหาเรื่องภาษานั้น ผมเชื่อว่าภาษาธรรมนั้นย่อมเข้าใจได้ ฝรั่งยังซาบซึ้งและออกบวชในพระพุทธศาสนาตั้งมากมาย :b18:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2009, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ต่อจากตอนที่แล้วครับ :b48: :b48: :b48:

จอหน์ "ทำไมต้องฝึกจิตด้วยละ"

ภิกษุ "จิตท่องเที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียวไม่มีรูปร่าง อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ ใครควบคุมจิตนี้ได้ย่อมไปที่ไหนก็ได้ทั้งอดีตและอนาคต"

แคท แล้วต้องฝึกนานไหมคะท่านนักบวช

อนันตะคนบารมีมากใช้เวลา ๗ วัน บารมีอย่างกลางใช้เวลา ๗ เดือน บารมีอย่างอ่อนใช้เวลา ๗ ปี ขอเพียงมีกำลังและความตั้งใจจริงๆ


ทั้งแคทและจอหน์หันมาสบตากัน เหมือนกับมองว่าเราจะเพียรพยายามดูไหม
เราจะเชื่อนักบวชคนนี้ได้หรือ อาจเสียเวลาเปล่าได้

ขณะนั้นพระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ บรรยากาศแห่งความมืดอันน่ากลัวกำลังย่างกรายเข้ามา
เงียบสงบยิ่งนักแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
พระภิกษุยังคงนั่งหลับตาขัดสมาธิสงบเงียบ
ด้วยใบหน้าที่อิ่มเอมไปด้วยความสุขยิ่งนัก
ไม่ทุกข์ร้อนกระวนกระวายเลย............

รูปภาพ

ทั้งแคทและจอหน์รู้สึกอ่อนล้ากับการเดินทางในป่ามาทั้งวัน
ก็ตกลงใจว่าค่ำคืนนี้เห็นทีต้องขอพักอยู่ใกล้ๆกับนักบวชท่านนี้น่าจะปลอดภัยกว่าแน่
ทั้งคู่จึงหาเศษไม้มาก่อกองไฟ ตรงเนินดินใต้โคนไม้แห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากนักบวชนั้นมากนัก
และกางเตนท์ไว้เตรียมนอน

ก่อนจะเข้าหลับนอนทั้งคู่ก็เดินมานั่งอยู่ตรงหน้านักบวช ซึ่งยังคงนิ่งสงบไม่ไหวติง
มีแต่แสงจันทร์ยามค่ำคืนส่องสาดมากระทบใบหน้าดูเปล่งปลั่งดุจมีรัศมีออกจากพระจันทร์ฉนั้น


แคท "ขอท่านนักบวชได้โปรดบอกทางดับทุกข์แก่เราทั้งสองคนด้วยเถิด จิตใจของเราร้อนรุ่มยิ่งนัก"

อนันตะ พระศาสดาของเราตรัสว่า "สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ รสพระธรรมย่อมชนะรสทั้งปวง"

รสต่างๆ เมื่อเราได้กินแล้วก็ต้องการต่อไป
มันก็ทำให้จิตใจของคนเรา มีความทะเยอทะยาน
มันไม่สงบ ไม่มีความสุขที่แท้จริง
ซึ่งถือได้ว่าเป็นความสุขที่ไหม้ ....................

แต่สุขที่เกิดจากพระธรรมเป็นความสุขที่เยือกเย็น
เมื่อคนเราได้ปฏิบัติแล้วทำจิตใจเราได้รับความเยือกเย็น
ได้รับความสุขที่ลดละจากกิเลสเป็นความสุขที่เย็นใจ.................



ทั้งแคทและจอหน์ยังคงนั่งเงียบฟังพระอนันตะกล่าวด้วยสำเนียงอันไพเราะแต่แฝงไปด้วยพลัง

อนันตะ "ถ้าถามว่าชีวิตคืออะไร ท่านตอบได้ไหม"

จอหน์ แทบจะอุทานออกมาดังๆว่า "ให้ตายเถอะโรบิ้น" ท่านถามมาได้อย่างไร.....

แต่จอหน์ก็งงอยู่ตั้งนาน แล้วก็ตอบไปว่า "ชีวิตก็คือชีวิต".... แล้วก็อธิบายเหตุผลประกอบต่างๆนาตามที่เค้าเรียนรู้มา


อนันตะ "ชีวิตก็คือสิ่งที่ตั้งต้นด้วยความเกิดและลงท้ายด้วยความตาย ที่เรียกว่ามีชีวิตก็คือใกล้จะตายนั่นแหละ พูดง่าย ๆ ว่าคนไหนมีชีวิตก็คือเดี๋ยวจะตายแล้ว ถ้าไม่มีชีวิตนั่นแหละมันตายแล้ว"

"คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็คือคนที่เดี๋ยวจะตายแล้ว เพราะว่าชีวิตคือสิ่งที่ตั้งต้นด้วยความเกิดและลงท้ายด้วยความตาย อันนี้เป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ในท่ามกลาง แตกดับฉิบหายทำลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรเหลือ ทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม"

"คำว่าสังขารคือสิ่งปรุงแต่ง แบ่งง่าย ๆ คือรูปธรรม นามธรรม รูปธรรมคือของหยาบสัมผัสได้ด้วยอายตนะ ๕ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ส่วนนามธรรมนั้นสัมผัสได้ด้วยใจ

รวมแล้วไม่เที่ยงทั้งสิ้น ขึ้นชื่อว่าสังขารทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม ไม่เที่ยงทั้งนั้น ทั้งภายนอกและภายใน ทั้งหยาบละเอียด เลวประณีต ดีชั่ว คนดีก็ตาย คนชั่วก็ตาย ทั้งรูปธรรมนามธรรมนี้เป็นของไม่เที่ยง"


ด้วยบุญบารมีของแคทและจอหน์ที่เคยสั่งสมมาตั้งแต่ในชาติปางก่อนเมื่อครั้งพุทธกาลทำให้ทั้งสองคนฟังธรรมนั้นด้วยความลึกซึ้ง คล้อยตาม เห็นจริงตามนั้น

ทั้งสองชุ่มฉ่ำใจยิ่งนัก ไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ดุจบุรุษผู้หลงป่า หาทางออกจากป่าไม่เจอ ได้ค้นพบทางออกจากป่าแล้วฉนั้น.........

บรรยากาศยามค่ำคืน เย็นสงบยิ่งนัก ท้องฟ้ามีดวงดาวระยิบระยับ ทั้งสองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าเสียแล้ว.............

แคทตื่นก่อน รีบปลุกจอหน์ให้ลุกขึ้น ทั้งสองต่างไม่ได้เข้านอนในเต็นท์ที่กางไว้
แต่แล้วทั้งสองคนก็มองหานักบวชผู้นั้นที่นั่งอยู่โคนไม้ตรงนี้ บัดนี้หายไปไหนแล้ว


"ท่านนักบวช" "ท่านนักบวช" ท่านอยู่ไหน อย่าเพิ่งทิ้งเราไป "ท่านนักบวช"

ทั้งสองต่างร้องเรียกดังไปจนก้องป่า......บัดนี้ไม่มีแม้เงา.........

แคทและจอหน์หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ มันช่างเป็นคืนเหมือนฝัน
รู้สึกเหมือนใจที่ร้อนแดงดังไฟเผากลับถูกน้ำเย็นราด ชุ่มฉ่ำจิตใจมากเหลือเกิน...จนเช้านี้


จอหน์ "นี่แคทขนาดเราฟังธรรมท่านนักบวชผู้นี้ เพียงไม่เท่าไหร่ เรายังสัมผัสความสุขในใจอันไม่เคยประสบมาก่อนถึงเพียงนี้ แล้วถ้าเราได้ฟังธรรมต่อหน้าพระศาสดาของนักบวชผู้นี้ ชีวิตนี้เราตายก็ไม่เสียดายแล้ว"

แคทเห็นด้วย ทั้งสองจึงเกิดศรัทธาแรงกล้า ที่จะพยายามไปพบพระศาสดาของนักบวชผู้นั้นให้ได้
ด้วยความรู้ของจอหน์ในการประดิษฐ์เครื่องย้อนเวลา ที่ยังพัฒนาไม่เสร็จ แต่มาเกิดกลียุคเสียก่อน

แคทและจอหน์ตั้งใจว่า จะต้องย้อนเวลากลับสู่สมัยพุทธกาลไปฟังธรรมต่อหน้าพระศาสดาให้ได้


"วันสิ้นโลก ประวัติศาสตร์ที่โลกตะลึง" กำลังจะเกิดขึ้น ณ บัดนี้

(BACK TO THE BUDDHA)

โปรดติดตามตอนต่อไป............ :b41: :b41: :b41:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2009, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

กำลังขมักเขม้นประดิษฐ์เครืองย้อนเวลาอยู่ครับ

ทดลองแล้วทดลองอีก ล้มเหลวเป็นพันๆครังแล้วครับ

ได้พบผลเฉลยสำหรับสมการของไอน์สไตน์ สำหรับหลุมดำที่หมุนอยู่มีคุณสมบัติประหลาด หลุมดำไม่ได้ยุบตัวจนเป็นจุด (ดั่งที่คิดกันไว้ก่อนหน้า) แต่ยุบไปเป็นวงแหวนหมุน(ของนิวตรอน) วงแหวนควรจะหมุนวนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลางซึ่งจะต่อต้านแรงโน้มถ่วงจนสามารถรักษาวงแหวนแกนกลางไว้ วงแหวนนี้ประพฤติตัวคล้ายกับกระจกของอลิซ ทุกคนที่เดินผ่านวงแหวนนี้จะไม่ตาย แต่จะผ่านทะลุวงแหวนไปยังบริเวณอื่นของเอกภพ

ดังนั้น รูหนอนอวกาศจำนวนเป็นร้อยที่ได้จากผลเฉลยของสมการไอน์สไตน์ รูหนอนอวกาศเหล่านี้ติดต่อกันไม่เฉพาะสองบริเวณบนอวกาศ (จากชื่อของมัน) แต่ยังติดต่อกับสองบริเวณของเวลาอีกด้วย โดยหลักการแล้ว เราสามารถใช้เป็นดั่งจักรกลกาลเวลา

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2009, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ด้วยความเคารพท่านฌาณและเกรงใจเป็นอย่างยิ่งครับ

ขอขัดจังหวะที่กำลังสนุกเข้มข้นนิดเดียวครับ

ขอทำความเข้าใจกับผู้ที่อาจเพิ่งศึกษาธรรมะโดยเฉพาะเยาวชน

อตีตัง หมายถึงการรู้อดีต แต่มิใช่การย้อนเวลากลับไปในอดีต

อนาคตัง หมายถึงการหยั่งรู้อนาคต มิใช่การล่วงเวลาไปสู่อนาคตได้

สำหรับอนาคตังเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก

ตัวอย่างเช่น

เราจะรู้อนาคตได้ในบางกรณีเท่านั้นเช่นกรรมในปัจจุบันเป็นวิบากที่ยังไม่ได้เกิดตามกรรมนิยาม

คงไม่อาจรู้ได้ นอกจากกรณีที่เป็นวิบากแห่งกรรมในอดีตที่ล่วงมาแล้วและเป็นวาระที่มาถึงในอนาคต


ข้อสังเกตุ

หากเครื่องย้อนเวลาทำได้จริง

นิพพานจะไม่มี

ขอร่วมสนุกกับท่านฌาณด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2009, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่งรอตาค้าง ลุ้นหนอ อยากรู้หนอ :b12:

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2009, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ก่อนอื่นขอขอบคุณท่านอาจารย์และพี่ๆทุกคนที่ร่วมติดตาม เสนอความเห็นร่วมแต่งเติมได้นะครับ
เพื่อความสมบูรณ์และประโยชน์ยิ่งขึ้น ๆ




เตรียมตัวออกเดินทาง


รูปภาพ

1 ม.ค.5001 รวมระยะเวลาหลังจากพบพระอนันตระประมาณ 7 เดือน จอหน์ก็สามารถผลิตเครื่องย้อนเวลาขึ้นมาสำเร็จ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ การเดินผ่านรูหนอน หรือหลุมดำก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในทางปฏิบัติ เนื่องจากแรงดึงดูดมหาศาลข้างใน สามารถฉีกร่างมนุษย์ออกเป็นชิ้นๆ ได้สบาย

และปัญหาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคพิเศษ ด้วยว่าไม่มีอนุภาคปกติใด ๆ ที่จะเดินทางได้เร็วเท่ากับแสงได้ ความเร็วเกือบเท่ากับแสง แต่จะเร็วจนกระทั่งเท่ากับแสงไม่ได้ เพราะที่ความเร็วเท่ากับแสง ยานอวกาศจะมีขนาดเป็นศูนย์ (คือหายไปเลย) แต่มีมวลเป็น อนันต์ หรือ Infinity ซึ่งเป็นสถานภาพที่เป็นไปไม่ได้ครับ

รูปภาพ

ทำให้แคทและจอหน์กังวลเรื่องนี้มาก แต่ไม่มีอะไรมาหยุดศรัทธาอันแน่วแน่ของทั้งสองคนที่ได้ตั้งปณิธานไว้กับพระอนันตระได้ (ถ้าไม่ได้ฟังธรรมต่อหน้าพระศาสดา ยอมตายเสียดีกว่า)

สมดังพุทธภาษิตว่า

ศรัทธาแน่วแน่แล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ.
ชราสูตร ๑๕/๔๙

* * * * * * *

ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐของคนในโลกนี้.
อาฬวกสูตร ๑๕/๒๙๗

* * * * * * *

คนจะข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา.
อาฬวกสูตร ๑๕/๒๙๘

* * * * * * *


หรือคนจะข้ามมิติแห่งกาลเวลาได้ด้วยศรัทธานี่แหละ............

แคทใช้เวลาระหว่างที่จอหน์ประดิษฐ์เครื่องย้อนเวลานั้นไปในการศึกษาพุทธประวัติอย่างละเอียดจาก
พระไตรปิฏกฉบับสากล.............



อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎกสากลอักษรโรมัน 1 ชุด มี 40 เล่ม ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระราชทานแก่สถาบันสำคัญทั่วโลกรวม 1,000 ชุดในปี พ.ศ. 2549 ถือเป็นพระไตรปิฎกบาฬี อักษรโรมัน ชุดที่สมบูรณ์ชุดแรกของโลก เป็นคลังอารยธรรมทางปัญญาสูงสุดของมนุษยชาติที่สืบทอดมากว่า 2,500 ปี

และแคทได้กำหนดการเดินทางย้อนอดีตสู่พุทธกาลหลังวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 สี่สิบเก้าวัน
(เพราะหลังจากพระองค์ตรัสรู้แล้วได้เสวยวิมุตติสุขอยู่ถึง 49 วัน) เพื่อจะได้ไม่เป็นการรบกวนพระองค์


รูปภาพ

จอหน์จึงตั้งเครื่องย้อนเวลาผ่านรูหนอนลงในสัปดาห์ที่ 8 หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้โดยหวังว่าทั้งคู่จะได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์เป็นคู่แรก และนำธรรมมะนั้นกลับมาช่วยโลกในกลียุคแห่งนี้ แม้ว่าความหวังจะเลือนลาง และอาจแลกด้วยชีวิตของคนทั้งสองในการเดินทางครั้งนี้


45 ปีก่อนเริ่มพุทธศักราช
8 สัปดาห์หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้



ทั้งคู่นั่งอยู่บนเครื่องย้อนเวลาด้วยความปิติยิ่งนัก นับเวลาถอยหลัง 10 วินาที กดปุ่มเดินเครื่อง

10...........
9............
8.....................
7.......................
6..............................
5................................
4..................................
3....................................
2.........................................
1...............................................
0....................................................



ขอเชิญทุกท่านเตรียมตัวเตรียมใจร่วมย้อนอดีตกลับสู่สมัยพุทธกาลร่วมกับแคทและจอหน์ได้แล้วครับ

:b4: :b4: :b4:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2009, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


10...........
9............
8.....................
7.......................
6..............................
5................................
4..................................
3....................................
2.........................................
1...............................................
0....................................................


เสียงเครื่องย้อนเวลาติดดังกระหึ่มขึ้น ทั้งแคทและจอหน์นั่งอยู่กับเก้าอี้ที่มัดตรึงยึดบริเวณขา เอว
หน้าอกและศรีษะเป็นอย่างดี ทั้งคูสวมหมวกนิรภัยกันกระแทกและนั่งอย่างสงบ มองหน้ากัน ส่งสายตาให้กันเหมือนกับว่า จะไม่ได้เห็นกันอีกแล้วในชาตินี้...........


ภายในเครื่องย้อนเวลา.......
กำลังหมุนรอบตัวเองเร็วขึ้นๆๆเรื่อยๆ พร้อมกับแผดเสียงหวีดร้องเหมือนสัตว์ที่ถูกทำร้าย ใกล้ตายฉนั้น
แรงเหวี่ยงในเครื่องสูงมากแทบจะฉีกเนื้อของแคทและจอหน์ออกเป็นเสี่ยงๆไปเลย
.....


รูปภาพ

ทั้งคู่หลับตานึกถึงแต่หน้าพระอนันตระและคำสอนของพระศาสดาที่ภิกษุรูปนั้นนำมาสอนสั่งในป่า จนลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ทั้งคู่รู้สึกว่าความเจ็บปวดเริ่มกลับมาอีกครั้ง แทบจะทนไม่ได้แล้วกับแรงเหวี่ยงอันมหาศาลที่เกิดขึ้นภายในนั้น.........

จอหน์ "แคทเป็นอย่างไรบ้าง ผมแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เราหยุดเครื่องย้อนเวลาเถอะนะ"

แคท...........ไม่มีเสียงตอบ

จอหน์ "แคท แคท เธอเป็นอะไรไป ทำไมไม่พูด"
"โธ่แคท....ฉันจะกดปุ่มปิดเครื่องแล้วนะ"


จอหน์พยายามควบคุมกำลังที่เหลืออยู่ เอื้อมมือเพื่อที่ปิดปุ่มเดินเครื่อง........
ขณะที่จอหน์ เอื้อมมือออกไป จอหน์สังเกตุว่าเนื้อหนังบนมือของเขากำลังหลุดออกไป ทีละชิ้น ๆ ๆ โดยที่ตัวเขาเองไม่รู้สึกเจ็บเลย.......

เขาอุทานขึ้นมากับตนเองว่า "เราเป็นอะไรไปทำไมมือเราหายไปเกือบหมด"

และนี่ท่อนแขนของเราก็กำลังแหว่งหายไปทีละนิดๆ

โธ่แคท....ฉันปิดเครื่องไม่ได้แล้ว เราทั้งสองเห็นทีต้องตายแน่ๆ


รูปภาพ

จอหน์เริ่มหมดกำลังใจ อ่อนล้าและรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังหมดสติลง.....เสียงเครื่องยนต์ที่แผดร้องดังสนั่นกำลังเงียบหายไป.........

ความรู้สึกชาวาบทั้งตัวเข้ามาแทนที่ และเขารู้สึกว่าเหมือนไม่มีตัวตนอยู่เลย....นี่เรากำลังจะตายใช่ไหม

ลมหายใจของเราอยู่ไหนหนอ ทำไมเราหาไม่เจอ....

จอหน์ได้ยินเสียงก้องกังวาลของพระภิกษุรูปนั้นดังอยู่ใกล้ๆ เหมือนท่านมาพูดอยู่ว่า


อ้างคำพูด:
มรณัง อนตีโต" คือ เราจะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้

ธรรมชาติของน้ำ คือ ความเหลว ธรรมชาติของคน คือ ความตาย

แม้ว่าความตายจะเป็นสิ่งที่มนุษย์เกรงกันมาก แต่ก็ไม่เคยมีใครหลีกหนีพ้น ได้มีผู้คนเป็นจำนวนมากพยายามคิดค้นหาตัวยา หรือหนทางที่จะให้มีชีวิตอยู่อมตะ แต่ยังไม่เคยมีใครประสบผลสำเร็จ

ฉะนั้นเมื่อมนุษย์ทุกคนมีความตายเป็นของคู่กับการเกิด จึงไม่ควรเกรงกลัวกับความตายจนเกินเหตุ แต่สิ่งที่ควรคำนึงคือการกระทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่


ควรพิจารณาว่า เราได้ประกอบคุณงามความดีและสร้างบุญกุศลเอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน ในช่วงที่มีโอกาสเหลืออยู่



จอหน์ดิ้นรนครั้งสุดท้ายลืมตามองไปทางแคทที่หมดสติไปก่อนหน้านั้นแล้ว......แต่ก็พบกับความว่างเปล่า.....แคทหายไปไหน

สายตาของเขาพร่ามัวลงเรื่อยๆ และ มืดสนิท และเขาก็สูญเสียความรู้สึกไป........



ติดตามต่อไปที่กระทู้ข้างล่างนี้ครับ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20844&p=97358#p97358

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2009, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: อยากย้อนเวลา ไปกับชินจัง เอ้ย..ฌาน จังเลย
ถ้ามีจริงและทำได้ คงดีพิลึก ประหยัดเวลาศึกษาธรรมะไปเยอะ ขอบอก..
:b11:

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 109 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร