ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
การตรวจสอบการบรรลุผลแห่งภาวนาด้วยตนเอง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20647 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | BlackHospital [ 16 ก.พ. 2009, 20:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | การตรวจสอบการบรรลุผลแห่งภาวนาด้วยตนเอง |
จิตหยั่งลงสู่อมตะเมื่อประกอบด้วยสัญญาอันเหมาะสม ภิกษุ ท. ! สัญญาเจ็ดประการเหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำ ให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน. เจ็ดประการ อย่างไรเล่า ? คือ อสุภสัญญา มรณสัญญา อาหาเรปฏิกูลสัญญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญา อนิจจสัญญา อนิจเจทุกขสัญญา ทุกเขอนัตสัญญา. ภิกษุ ท.! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย อสุภสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก จิต ย่อมหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับ ไม่ยื่นเข้าไปในการดื่มด่ำ อยู่ในเมถุนธรรม แต่ความวางเฉยหรือว่าความรู้สึกว่าปฏิกูล ดำรงอยู่ในจิต; เปรียบเหมือนชนไก่ หรือเส้นเอ็นที่เขาใส่ลงในไฟ ย่อมหด ย่อมงอ ไม่เหยียดออก ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท.! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอสุภสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่จิตยังไหล เข้าไปในความดื่มด่ำอยู่ในเมถุนธรรม หรือความรู้สึกว่าไม่ปฏิกูลยังดำรงอยู่ในจิต แล้วไซร้; ภิกษุนั้นพึ่งทราบเถิดว่า "อสุภสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา" ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้. ....ภิกษุ ท.! เรามีเหตุผลในข้อนี้ อยู่ดังนี้ จึงกล่าว่า "อสุภสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผล ใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน" ดังนี้. [ในกรณีแห่ง มรณสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากความยินดีในชีวิต (ชีวิตนิกนฺติ) ก็ดี ; ในกรณีแห่ง อาหาเรปฏิกูลสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากตัณหาในรส (รสตณฺหา) ก็ดี ; ในกรณีแห่ง สัพพโลเกอนภิรตสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากความเป็นจิต ติดอยู่ในโลก (โลกจิตฺต) ก็ดี ; ในกรณีแห่ง อนิจจสัญญา อันเป็นเครื่องทำจิตให้ถอยกลับจากลาภสักการะและเสียง สรรเสริญ (สาภสกฺการสิโลก) ก็ดี ; ทั้งสี่สัญญานี้ ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับ อสุภสัญญา ซึ่งผู้ศึกษา สามารถทำการเปรียบเทียบดูเองได้ ต่อไปนี้ได้ตรัสถึง อนิจเจทุกขสัญญา อันมีระเบียบแห่งถ้อย คำแปลกออกไปดังต่อไปนี้ :-] ภิกษุท.! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย อนิจเจทุกขสัญญา อยู่เป็นอย่างมาก สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า (ติพฺพาภยสญฺญา) ย่อมปรากฏขึ้นในความไม่ ขยัน ในความเกียจคร้าน ในความทอดทิ้งการงาน ความประมาท ความไม่ ประกอบความเพียร และในความสะเพร่า อย่างน่ากลัวเปรียบเสมือนมีเพชฌฆาต เงื้อดาบอยู่ตรงหน้า ฉะนั้น. ภิกษุ ท.! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยอนิจเจทุกข- สัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่สัญญาว่าความน่ากลัวอันแรงกล้า ในความไม่ขยัน ในความเกียจคร้าน ในความทอดทิ้งการงาน ความประมาท ความไม่ประกอบ ความเพียร และในความสะเพร่า ก็ไม่ปรากฏขึ้นอย่างน่ากลัวเสมือนหนึ่งมีเพชฌ- ฆาตเงื้อดาบอยู่ตรงหน้า แล้วไซร้ ; ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า "อนิจเจทุกขสัญญา เป็นอันเรามิได้อบรมเสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้ บรรลุผลแห่งภาวนา" ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญ ญ ะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้. .... ภิกษุ ท.! เรามีเหตุผลในข้อนี้อยู่ดังนี้ จึงกล่าวว่า "อนิจเจทุกขสัญญา อัน บุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตนะเป็นปริโยสาน" ดังนี้. ภิกษุ ท.! เมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วย ทุกเขอนัตตสัญญา อยู่เป็นอย่าง มาก ใจย่อมปราศจากมานะว่าเราว่าของเรา (อหงฺการมมงฺการมาน) ทั้งในกาย อันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายในภายนอกด้วย เป็นใจที่ก้าวล่วง เสียได้ซึ่งวิธา (มานะ ๓ ชั้น) เป็นใจสงบระงับ พ้นพิเศษแล้วด้วยดี. ภิกษุ ท.! ถ้าเมื่อภิกษุมีจิตอบรมด้วยทุกเขอนัตตสัญญาอยู่เป็นอย่างมาก แต่ใจยังไม่ปราศจาก มานะว่าเราว่าของเรา ทั้งในกายอันประกอบด้วยวิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลาย ในภายนอก ไม่เป็นใจก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิธา ไม่สงบระงับพ้นพิเศษแล้วด้วยดี แล้วไซร้ ; ภิกษุนั้นพึงทราบเถิดว่า "ทุกเขอนัตตสัญญาเป็นอันเรามิได้อบรม เสียแล้ว คุณวิเศษที่ยิ่งกว่าแต่ก่อนของเราไม่มี เรายังมิได้บรรลุผลแห่งภาวนา" ดังนี้. เธอเป็นผู้มีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อยู่ดังนี้. ....ภิกษุ ท.! เรามีเหตุ ผลในข้อนี้ออยู่ดังนี้ จึงกล่าว่า "ทุเขอนัตตสัญญาอันบุคคลเจริญ กระทำ ให้ มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน"ดังนี้. ภิกษุ ท.! สัญ ญ าเจ็ดประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญ กระทำ ให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นปริโยสาน,แล. - สตฺตก. อํ. ๒๓/๔๘/๔๖. ---------------------------------- ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า สัญ ญ า เหล่านี้ แม้จะนำ ไปสู่อมตะด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็มีลักษณะต่าง ๆ กัน พึงเลือกเฟ้นเจริญให้ถูกต้องเหมาะสมแก่กรณีของตน ๆ เถิด ขอบพระคุณครับ |
เจ้าของ: | เดช อันเตวาสิก [ 17 ก.พ. 2009, 12:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การตรวจสอบการบรรลุผลแห่งภาวนาด้วยตนเอง |
ตามที่พูดเรื่องของสัญญาเจ็ดที่เอามาพิจารณากันนี้ ความจริงสัญญาเจ็ดประการนั้นไม่ต้องไปเจริญทั้งเจ็ดก็ได้ เพราะว่านั่นมันเพียงแต่เป็นหลักสำหรับให้รู้เท่านั้นเอง ความจริงถ้าเจริญเฉพาะสัญญาเดียวก็พอ แล้วก็แตกฉานไปได้ทั้งเจ็ดสัญญา เช่นอสุภสัญญาเป็นต้น พิจารณาให้เห็นความเป็น อสุภะ ของกายทั้งหมดว่า ไม่มีอะไรที่จะเป็นของงดงามถาวร ก็เห็นโดยความเป็น ปฏิกูล เมื่อเห็น อสุภะ แล้วมันก็ต้องเห็นโดย ความเป็นธาตุ เมื่อเห็นโดย ความเป็นธาตุ แล้วก็ต้องรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ตัวตน พอถึงความไม่มีตัวตนก็เป็น อนัตตสัญญา ได้เลย รวบยอดหมดในเรื่อง อนัตตสัญญา ทีนี้การพิจารณาในอสุภสัญญา เป็นการรู้ชั่วคราว ก็จะต้องมีการเจริญสัญญาเช่น อาทีนวสัญญา ให้เห็นโทษในความเป็นทุกข์ของร่างกายทั้งหมดที่มีโรคภัยเบียดเบียน หรือทางกาย ทางใจก็ตาม ให้เปลี่ยนมาพิจารณา อาทีนวสัญญา ให้เห็นความเป็นโทษทั้งหมดในอาทีนวสัญญา นี้ ถ้าพิจารณาให้เห็นโทษของร่างกายในรูปธรรมหมดแล้ว ก็เห็นโทษในนามธรรมด้วย โทษในฝ่ายนามธรรมก็เป็นทุกข์ คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์นั่นเอง ถ้าเห็นแล้วก็รวมอยู่ใน อนิจจสัญญา ได้ ซึ่งก็อยู่ในแนวเดียวกันทั้งหมดรวมเป็น อนัตตสัญญา ได้เลยทีเดียว อนัตตสัญญา นั้นเป็น สัญญาขั้นสูง แล้วก็สัญญาเหล่านี้เช่น ปหานสัญญา ที่จะต้องมีการพากเพียรเผากิเลส อย่างนี้มันก็ต้องรู้แล้วว่า กิเลสนี่มันมีทุกข์โทษเท่าไร มันเกิดขึ้นมาแล้วทำให้จิตใจนี้เศร้าหมองเร่าร้อนเท่าไร เมื่อประหารมันลงไปได้ ดับมันลงไปได้ ก็พิจารณาให้เห็นความเป็นของไม่เที่ยง ของสัญญาทั้งเจ็ดประการ ซึ่งรวมอยู่ด้วยกันทั้งหมด นอกจากว่ามันจะเห็นอะไรชัดมากกว่ากันเท่านั้น เช่นการเห็นอสุภสัญญาชัดบ้างไม่ชัดบ้าง แล้วก็ไปเห็นอาทีนวสัญญา ชัดบ้างไม่ชัดบ้างอย่างนี้ก็เป็นเหตุให้ไม่รู้แจ้งแทงตลอดไปได้ ถ้าหากเห็นสัญญาหนึ่งสัญญาใดแจ้งชัดลงไปแล้วทั้งเจ็ดสัญญาก็รวมกันได้ทั้งหมด ไปถึงจุดอนัตตสัญญาตลอดไปเลย โดยไม่ต้องจำแนกอย่างอื่นอีกก็ได้ ทีนี้ถ้าเห็นแทงตลอดไปอย่างโน้นว่า นี่เป็นความดับทุกข์ ถ้าไม่เห็นชัดตามความเป็นจริงอย่างนี้แล้ว มันก็ยังปล่อยวางไม่ได้ หรือยังดับทุกข์ไม่ได้นั่นเอง |
เจ้าของ: | tbon [ 22 ก.พ. 2009, 16:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การตรวจสอบการบรรลุผลแห่งภาวนาด้วยตนเอง |
ขอนุโมทนา สาธุครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |