วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 02:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


1. สักกายทิฏฐิ ...โดยยกเรื่อง การเลิกบุหรี่

สมมติว่ามี บุคคลหนึ่ง สูบ...มาตั้งแต่ อายุ 20 ปี จนถึง 35 ปี ทุกๆ วัน
วันละ 2 ซอง ทุกๆ ชั่วโมง

บุคคลจะเลิก ....ได้นั้น

เขาต้องเห็นโทษอย่างแรงในการ...นั้น เช่น

เขาเห็นในรายการโทรทัศน์ มีอดีตนักแสดง ต้องเจาะคอ แล้วปัจจุบับคอมีรู เพราะ...การนั้น
เขาอุตส่าเดินทางไปเยาวราช ตรง 4 แยกไปหาอดีตนักแสดง นั้น เพื่อให้เห็น จริงๆ จับมือกับเขา ให้เงินเขา..เล็กน้อย

เขา สะสมภาพในใจของ คนถุงลมพอง คนเป็นเมร็งปอด คนต้องครอบครัว เดือดร้อนยามแก่
เพราะการ....นั้น เขาสะสมภาพของ โทษ..ของ..การนั้นไว้เต็ม

.........

นอกจากนั้น
เขาใช้กฎแห่งการแทนที่
คือแทนที่ความคิดไม่ดี ด้วยความคิดดี
ความคิด 2 อย่างจะอยู่ในที่เดียวกันไม่ได้

........
เขาจึง
คิดถึงภาพ David Beckham ที่แข็งแรง เพราะ ไม่....
คิดถึงภาพ Arnold ที่แข็งแรงเพราะไม่...
......

เวลาเขาเห็นภาพใคร....ทำการ....บนท้องถนน เขาก็รีบเบือนหนี
และ....มีข้อความว่า นี้คือ weaker loser

ก็นึกถึงภาพของ David Beckham นี้คือ winner stronger
.............................................

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทำนองเดียวกัน เราได้ยึด สักกายทิฐิ มา ไม่ใช่แค่ 15 ปี
เรายึดมา มากกว่า 20 อสงไขย กับ แสนกัลป
......

แล้วเราจะมาละได้
ด้วยความพยายามเล็กน้อยหรือ?

....

เราต้องใช้ความพยายามอย่างแรงกล้า
....
1. เราต้อง สรุปให้เห็น โทษอย่างจะจะ ของ สักกายทิฐิ
...[ผู้โพสต์ยังไม่มีตัวอย่างเลย...ใครมีก็เติมด้วย]
...
...
...
2. ใช้กฎการแทนที่ คือ แทนสักกายทิฐิ ด้วย สิ่งตรงกันข้าม
..[.คืออะไรผู้โพสต์ก็ยังไม่เข้าใจเลย..อะไรตรงข้ามกับ สักกายทิฐิ อะไรทำให้ สักกายทิฐิ เสื่อม...
อะไร ทำให้ สิ่งที่ตรงข้ามกับสักกายทิฐิเจริญ]

3. แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังรู้ว่า 1-3 สังโยชน์ ใหญ่เบื้องต้น ที่ต้องละคือ สักกายทิฐิ


...จะเห็นได้ว่าเทียบกับ การเลิกบุหรี่แล้ว ละสักกายทิฐิ ยังยากกว่ามากมาย นัก ไม่ใช่ที่จะ ทำได้ง่าย

เหมือนใช้ไม้จิ้มฟันไปฆ่าไดโนเสาร์ ฆ่าเสือ จะโดนมันกินตายเสียก่อน

.....................................................
ที่โพสต์นี้ เผื่อ ท่านกัลยณธรรม มีอาวุธ ใหญ่กว่า ดีกว่า ผู้โพสต์ คือมีหอก หรือ ดาบ หรือ m79
เอาไปฆ่า ไดโนเสาร์ตัวนี้ คือ สักกายทิฐิ ละก็ โปรดได้แนะนำด้วย...สาธุ

.....................................................
"เป็นผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค"
ขอข้าพเจ้าพึงเป็นอติธัมมครุคือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การจะละสักกายทิฐิมีทางเดียว ไม่มีทางอื่น (เอกายนมรรค)
นั่นคือการเจริญสติปัฏฐานครับ

การเจริญสตินั้นง่าย
แต่ยากสำหรับผู้ไม่ทำ

www.wimutti.net
ฟัง mp3 มากๆแล้วจะเข้าใจเรื่องการเจริญสติครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


.......................................................
สัตติสูตรที่ ๑
[๕๖] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถานี้
ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ภิกษุพึงมีสติ เว้นรอบเพื่อละกามราคะ เหมือนบุรุษที่ถูก
ประหารด้วยหอก มุ่งถอนเสีย และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้
บนศีรษะ มุ่งดับไฟ ฉะนั้น ฯ
[๕๗] พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาว่า
ภิกษุพึงมีสติ เว้นรอบเพื่ออันละสักกายทิฏฐิ เหมือนบุรุษถูก
ประหารด้วยหอก และเหมือนบุรุษที่ถูกไฟไหม้บนศีรษะ ฯ


.......................................................

.....................................................
"เป็นผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค"
ขอข้าพเจ้าพึงเป็นอติธัมมครุคือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ย. 2007, 13:40
โพสต์: 464

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สักกายทิฏฐิสูตร
[๒๕๕] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ฯลฯ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็น
อยู่อย่างไร จึงจะละสักกายทิฐิได้

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ
บุคคลรู้เห็นจักษุแลโดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้

รู้เห็นรูปโดยความเป็นทุกข์
จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็นจักษุวิญญาณโดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิ
ได้ รู้เห็นจักษุสัมผัสโดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็นแม้สุข-
*เวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
โดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ บุคคลรู้เห็นหู ... รู้เห็นจมูก... รู้เห็น
ลิ้น... รู้เห็นกาย... รู้เห็นใจโดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็น
ธรรมารมณ์โดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็นมโนวิญญาณโดยความ
เป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ รู้เห็นมโนสัมผัสโดยความเป็นทุกข์ จึงจะละ
สักกายทิฐิได้ รู้เห็นแม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นทุกข์ จึงจะละสักกายทิฐิได้ ดูกรภิกษุ
เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล จึงจะละสักกายทิฐิได้ ฯ
.......................
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=3859&Z=3874
------------------------




:b38:
[ผู้โพสต์]
สังโยชน์เบื้องต่ำ
....แค่เห็นว่าเป็น..ทุกขังก่อน
ยังไม่ถึงอนิจจัง และยังไม่ถึง อนัตตา....ก็บรรลุธรรมแล้ว...ใช่หรือไม่
..........................
แต่ต้องเป็น ความเห็นแบบ แรงๆ
แบบตลอดเวลา
แบบที่ทำให้คนเลิกบุหรี่ ได้ เพราะเห็น ว่านี้ นะเป็นทุกขัง ส่วนคนที่ยังสูบ อยู่เพราะยังอุปทานว่านี้มันสุข
.......................


คราวนี้ว่า ...เราๆท่านเห็นรูปว่า งามว่าสวย ว่าสุข มานานแล้ว
ก็เลยเวียนว่ายต่ายเกิดอยู่
แต่จะเห็นแบบ ให้เหลือแค่ 7 ชาตินั้น
ต้องยาแรงสุดๆ
แบบ ว่า............อย่างไร ใครมีประสบการณ์ ก็แน่นำด้วน เพราะ ตำราไม่มีตัวอย่าง...

.....................................................
"เป็นผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค"
ขอข้าพเจ้าพึงเป็นอติธัมมครุคือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2009, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


นัน555 เขียน:
สังโยชน์เบื้องต่ำ
....แค่เห็นว่าเป็น..ทุกขังก่อน
ยังไม่ถึงอนิจจัง และยังไม่ถึง อนัตตา....


แยกอย่างนี้ไม่ถูกนะครับ

เช่น วันนี้ได้รับของขวัญ มีความสุข
ความสุขนี้มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในตัวพร้อมกันหมด

อนิจจังคือ มันเกิดขึ้น... ตั้งอยู่สึกพัก...แล้วดับไป
ทุกขัง คือ สภาพที่มันไม่คงอยู่อย่างเดิม เช่นความสุขมันไำม่สุขเสมอไปตลอด ถึงเวลามันฟุ้งมันก็ฟุ้ง ถึงเวลามันเสื่อมมันก็เสื่อม ปรวนแปร ไม่เหมือนเดิม
อนัตตา คือ เมื่อมองให้ดีๆแล้วมันไม่มีอยู่จริง มันเป็นแค่การปรุงขึ้น
ถ้าจำแนกมันออกจริงๆแล้วมันไม่มีอยู่ มันเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยมาประชุมกัน

แต่ไม่ใช่ว่า วันนี้มีความสุข แล้วรู้ทุกขังวันนี้
แล้วไปรอรู้อนัตตาอีกทีตอนสังโยชน์เบื้องท้าย สกทาคามี อนาคามี นู้นก็ไม่ใช่นะครับ


นัน555 เขียน:
..........................
แต่ต้องเป็น ความเห็นแบบ แรงๆ
แบบตลอดเวลา
แบบที่ทำให้คนเลิกบุหรี่ ได้ เพราะเห็น ว่านี้ นะเป็นทุกขัง ส่วนคนที่ยังสูบ อยู่เพราะยังอุปทานว่านี้มันสุข
.......................

- อันนี้มันเป็นการทำสมถะ แก้ไขโดยใช้"ความคิด" ซึ่งมันแก้ได้แค่ชั่วคราว

เหมือนเอาหินทับหญ้าไว้ พอเมื่อไหร่หินหมดอำนาจ หินกร่อนไป หญ้าก้งอกอีก
แต่ก็เป้นวิธีที่ใช้ได้ผลในเบื้องต้น เป้นจุดเริ่มต้นที่ดี
แต่ตัวที่แก้ปัญหาได้ถาวรจริงๆ เป้นสติปัญญาที่ได้จากการวิปัสนา




นัน555 เขียน:
คราวนี้ว่า ...เราๆท่านเห็นรูปว่า งามว่าสวย ว่าสุข มานานแล้ว
ก็เลยเวียนว่ายต่ายเกิดอยู่
แต่จะเห็นแบบ ให้เหลือแค่ 7 ชาตินั้น
ต้องยาแรงสุดๆ
แบบ ว่า............อย่างไร ใครมีประสบการณ์ ก็แน่นำด้วน เพราะ ตำราไม่มีตัวอย่าง...


รูปราคะ เป้นสังโยชน์ของ อนาคามี ที่ท่านจะไปต่อกรเอาเป้นเอาตายกับรูปราคะ
ถ้าละรูปราคะได้ นั่นหมายถึงว่าสำเร้จอนหันต์แล้ว ถึงจะละสังโยชน์ข้อ รูปะราคะ ได้

ท่านอย่าไปสู้ผิดลำดับนะครับ ท่านจะเสียแรงเปล่า
งานแรก กิจแรก เอาให้ได้ก่อน คือสักกายทิฐิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 106 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร