วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 19:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 23:27
โพสต์: 23

ที่อยู่: อุดรธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วการที่นั่งสมาธิไปได้ซักพักจะรู้สึกเหมือนกับประมาณว่า มันหวิวๆวูบๆ ทำให้ต้องหลุดออกจากสมาธิทุกที พอออกจากสมาธิซักพักแล้วกลับไปนั่งใหม่ก็เป็นแบบเดิมอีก มันเกิดจากอะไรคะ(ตอนที่หัดนั่งสมาธิใหม่ไม่เห็นเป็น) :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 09:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แล้วการที่นั่งสมาธิไปได้ซักพักจะรู้สึกเหมือนกับประมาณว่า มันหวิวๆ วูบๆ ทำให้ต้องหลุดออกจากสมาธิทุกที พอออกจากสมาธิซักพักแล้วกลับไปนั่งใหม่ก็เป็นแบบเดิมอีก มันเกิดจากอะไรคะ (ตอนที่หัดนั่งสมาธิใหม่ไม่เห็นเป็น)


(ตอนที่หัดนั่งสมาธิใหม่ไม่เห็นเป็น)

ความจริงอาการดังกล่าวหรือสภาวะเป็นต้นนั่น เปิดเผยตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์ขาดมนสิการ เพราะชีวิตประจำวัน พันละวันพันละเกอยู่กับอารมณ์อื่นๆภายนอก จึงไม่เห็นความจริงนี้ :b1:

แต่เมื่อมากำหนดทันนามรูปแต่ละขณะๆบ่อยขึ้นถี่ขึ้นสติสัมปชัญญะสมาธิเป็นต้นเจริญขึ้นๆ ก็จึงเห็นความเป็นจริงนั้น เมื่อเห็นของจริงซึ่งเกิดอยู่เป็นอยู่ทั้งคืนทั้งวัน แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย จึงตกใจแปลกใจ จึงคิดวุ่นวายใหญ่เป็นต้นว่า เราเป็นอะไรไปนี่ มันเป็นอะไรกันล่ะหว่านี่ ฯลฯ เราทำผิดปฏิบัติผิดหรือเปล่า อย่างที่ถามๆ กันทั่วๆไปตามเว็บธรรมะทุกแห่ง ประเด็นเดียวกันทั้งหมด

อ้างคำพูด:
มันหวิวๆ วูบๆ ทำให้ต้องหลุดออกจากสมาธิทุกที พอออกจากสมาธิซักพักแล้วกลับไปนั่งใหม่ก็เป็นแบบเดิมอีก


พอออกจากสมาธิซักพักแล้วกลับไปนั่งใหม่ก็เป็นแบบเดิมอีก

ที่วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น เพราะผู้ปฏิบัติ ไม่กำหนดสภาวะนั้นตามธรรมชาติหรือตามอาการของมันเสีย
คือดูมันเฉยๆ เรื่อยเปื่อยไป เมื่อไม่กำหนดสติตามนั้น จิตหรือความคิดก็เกิดวนไปวนมา จบรอบแล้วขึ้นรอบใหม่ๆ
พูดให้เท่ห์ๆ หน่อยกลัวคนว่าไม่เป็นธรรม ก็พูดว่า วงจรปฏิจจสมุปบาทจบรอบแล้วก็เริ่มต้นใหม่ วนไปวนมา ติดอยู่ตรงนั้น ไปไหนไม่ได้ แค่นี้แหละจ้า :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกาย และคุณsweetberry ครับ



นั่งสมาธิไปได้ซักพักจะรู้สึกเหมือนกับประมาณว่า มันหวิวๆวูบๆ ทำให้ต้องหลุดออกจากสมาธิทุกที พอออกจากสมาธิซักพักแล้วกลับไปนั่งใหม่ก็เป็นแบบเดิมอีก

ผมคิดว่า มันเกิดจากจิตสำนึกของคุณ กำลังจะเข้าไปภายในภพแห่งจิตใต้สำนึก (ภวังค์จิต) การฝึกสมาธิและวิปัสสนา(ก็เป็นสมาธิเหมือนกัน) เป็นการเข้าไปแก้ไขในจิตใต้สำนึก จึงอาจจะมีอาการประเภทนี้ไม่อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น เช่น ตัวสั่น จิตหวิวๆวูบๆ เห็นแสงสว่าง ได้ยินแสงพูด เห็นเทวดา เห็นเปรต แม้แต่เห็นพระพุทธเจ้า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถ้าเราไปติดยึดมัน จะเป็นวิปัสสนูกิเลส (ผมไม่ได้บอกว่า เห็นเทวดา เห็นเปรต แม้แต่เห็นพระพุทธเจ้าเห็นจริง มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ระดับเบื้องต้นนี้นะครับ ต้องเข้าสู่ฌาน 4 เป็นอย่างน้อย จึงจะเห็นของจริง นิมิตจริง)

นี่แหละที่หลวงปู่ดุลย์บอกว่า:

"ที่เห็นเขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง"

ดังนั้นเมื่อจุดมุ่งหมายของคุณ หรือพวกคุณ อยู่ที่วิปัสสนา มากกว่าอยู่ที่สมถะกรรมฐาน ก็ต้องไม่สนใจกับนิมิตพวกนี้ เพราะจะทำให้อยู่ในสมาธิไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 14:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 23:27
โพสต์: 23

ที่อยู่: อุดรธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆด้วยค่ะ ไปต่อไม่ได้จริงๆ จนตัวเองยังคิดเลยว่าสงสัยจะมาได้แค่นี้ละมั้งเรา
(ตัวเองใช้วิธีการเรียนจากตำราค่ะ ส่วนใหญ่เป็นของพระอาจารย์ปราโมทย์)
ถ้างั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่นั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้อีกก็ให้นั่งต่อไปตามดูมันไปเรื่อยๆ มันจะเป็นไปยังไงก็ตามดูมันไปใช่มั้ยคะ จะลองดูก็แล้วกันนะ :b4: สู้ๆ สู้ตาย :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับคุณพลศักดิ์เหงานักก็เอาอันนี้ไปลองเล่นดูครับ :b1: :b12:

คือว่าเพิ่งจะฝึกการนั่งสมาธิอยู่ในห้อง ลืมตามองหลอดไฟ และบังเอิญไฟดับค่ะ
เวลาหลับตาแสงสว่างจากหลอดไฟก็ปรากฎ ก็เพ่งดูไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไร

ก็รู้สึกเหมือนจิตวูบดิ่งลงไป เรื่อย ๆ ที่นี้แสงไฟที่เห็นกลายเป็นทรงกลมสีดำแต่รอบขอบสีทอง
จากนั้นสีทองก็ค่อย ๆ กลืนสีดำจนหมด จนเป็นแสงสว่างจ้า และเกิดการระเบิดสนั่นไหวหวั่น
คือ ความรู้สึกขณะนั้น กลัวค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร
ก็คิดอีกที เป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตาย ก็ยังทรงสมาธิไว้ค่ะ ต่อจากนั้นทุกอย่างเป็นภาพย้อนกลับค่ะ
เป็นภาพการระเบิดของแสง เป็นแสงสว่างจ้าเป็นวงกลมสีทองขยายเป็นสีดำ
กลับเป็นภาพเดิมที่เห็นครั้งแรก คือ วงกลมสีดำ ขอบสีทอง ค่ะ และทุกอย่างก็หยุดนิ่ง
ถึงตอนนี้ก็เลยลืมตา แผ่เมตตา และก็นอน


เรื่องของจิต หรือ ความคิดนี่พิสดารพันลึกนักขอรับ :b38:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


sweetberry เขียน:
จริงๆด้วยค่ะ ไปต่อไม่ได้จริงๆ จนตัวเองยังคิดเลยว่าสงสัยจะมาได้แค่นี้ละมั้งเรา
(ตัวเองใช้วิธีการเรียนจากตำราค่ะ ส่วนใหญ่เป็นของพระอาจารย์ปราโมทย์)
ถ้างั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่นั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้อีกก็ให้นั่งต่อไปตามดูมันไปเรื่อยๆ มันจะเป็นไปยังไงก็ตามดูมันไปใช่มั้ยคะ จะลองดูก็แล้วกันนะ :b4: สู้ๆ สู้ตาย :b12:


ไปหาหลวงพ่อเลยดีกว่าครับ ท่านมีเจโตปริยาญาน อ่านใจคุณได้ รู้ทันทีว่าติดตรงไหน
มีรถตู้ออกจากมูลนิธิบ้านอารียืประจำ ลองดุรายละเอีัยดที่ www.baanaree.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาครับ :b8:
แต่ไม่ทราบว่าทำยังไงถึงจะได้อภิญญาอะครับ :b4:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถ้างั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่นั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้อีก ก็ให้นั่งต่อไปตามดูมันไปเรื่อยๆ
มันจะเป็นไปยังไงก็ตามดูมันไปใช่มั้ยคะ


คห.บน กรัชกายอาจตอบคำถามยาวไป และยังไม่บอกวิธีปฏิบัติให้ชัด เพียงบอกว่าให้ “กำหนด”
คุณ Sweetberry ไม่เข้าใจคำพูดนี้ จึงยังสับสนอีกเล็กน้อย

ทำความเข้าใจใหม่ครับ (อาการ) ความรู้สึกที่ว่า “วูบๆ” “หวิวๆ” เป็นต้น
เรียกสั้นๆว่า สภาวะ เรียกเต็มว่า สภาวธรรม คือ สิ่งที่เป็นเองตามเหตุปัจจัยของนามธรรมรูปธรรม
(เรียก ปรมัตถ์ ก็ได้)

ที่สภาวะวนไปวนมาดังกล่าว เพราะคุณ Sweetberry นั่งดูอาการนั้นเฉยๆ ต้นเหตุอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่คุณไม่กำหนดจิตลงที่ความรู้สึก “วูบๆ” หรือ “หวิวๆ” นั้นเสีย คือปล่อยไปเฉยๆ
อาการเช่นนั้น จึงเกิดดับเกิดดับวนไปมา

ที่กรัชกายบอกให้ กำหนด ตามที่เป็นก็คือว่าคุณรู้สึก หวิวๆ หรือ วูบๆ ให้กำหนดในใจว่า “หวิวๆๆ...” จะเติม หนอ ด้วยก็ได้ ตัวอย่าง เช่น “หวิวๆหนอๆ” หรือจะใช้คำอื่นแทนหนอก็ได้
ในที่สาธารณะพูดเปิดทางกว้างไว้

แต่ที่สำคัญ คือ สภาวธรรม ที่ปรากฏแก่ผู้ปฏิบัติแต่ละขณะๆ จะทิ้งไม่ได้ขั้นตอนนี้ ทิ้งไม่ได้
รู้สึกอย่างไร ต้องกำหนดอย่างนั้น ตามนั้นตามที่มันเป็น
พอเข้าใจนะครับ :b1:

ประเด็นต่อมาคุณ Sweetberry คงใช้ลมหายใจเข้า-ออกเป็นกรรมฐาน ยึดหลักไว้
ส่วนอาการอื่นเป็นอารมณ์รอง เกิดเมื่อไรค่อยกำหนดตามอาการ ไม่เกิดไม่ต้อง
ทำกรรมฐานหลักคือลมหายใจเข้า-ออกไปเรื่อยๆ

เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวยาวอีก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สำหรับคุณพลศักดิ์เหงานักก็เอาอันนี้ไปลองเล่นดูครับ :b1: :b12:

คือว่าเพิ่งจะฝึกการนั่งสมาธิอยู่ในห้อง ลืมตามองหลอดไฟ และบังเอิญไฟดับค่ะ
เวลาหลับตาแสงสว่างจากหลอดไฟก็ปรากฎ ก็เพ่งดูไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไร

ก็รู้สึกเหมือนจิตวูบดิ่งลงไป เรื่อย ๆ ที่นี้แสงไฟที่เห็นกลายเป็นทรงกลมสีดำแต่รอบขอบสีทอง
จากนั้นสีทองก็ค่อย ๆ กลืนสีดำจนหมด จนเป็นแสงสว่างจ้า และเกิดการระเบิดสนั่นไหวหวั่น
คือ ความรู้สึกขณะนั้น กลัวค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร
ก็คิดอีกที เป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตาย ก็ยังทรงสมาธิไว้ค่ะ ต่อจากนั้นทุกอย่างเป็นภาพย้อนกลับค่ะ
เป็นภาพการระเบิดของแสง เป็นแสงสว่างจ้าเป็นวงกลมสีทองขยายเป็นสีดำ
กลับเป็นภาพเดิมที่เห็นครั้งแรก คือ วงกลมสีดำ ขอบสีทอง ค่ะ และทุกอย่างก็หยุดนิ่ง
ถึงตอนนี้ก็เลยลืมตา แผ่เมตตา และก็นอน


เรื่องของจิต หรือ ความคิดนี่พิสดารพันลึกนักขอรับ :b38:


ผมเคยห้ามฝนที่ตกหนักมา 2 ครั้งให้หยุดได้ ผมเคยฝึกกสิณที่คิดขึ้นเอง คือ กสิณดอกบัวสีขาว ใช้ภาพดอกบัวที่เห็นทุกวันเป็นอารมณ์ สามารถทำให้ภาพดอกบัวนั้นขยายใหญ่มากหรือเล็กมากก็ได้ รู้สึกฝึกแล้วเห็นภาพในนิมิตต่างๆชัดเจนขึ้น แต่ตอนหลังไม่ชอบการฝึกกสิณ เลยท่องบริกรรมอย่างเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่ทราบว่าในที่นี้มีใครได้อภิญญาบ้างหรือยังครับ :b20:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2009, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 23:27
โพสต์: 23

ที่อยู่: อุดรธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออภัยหายหน้าไป 2 วันไม่ได้ตอบเลยพอดียุ่งๆอยู่ค่ะ :b12: :b12:

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ :b8: จะลองทำตามดูละกันนะ ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังอีกทีนะ :b12: แต่คิดว่าคงต้องมีเรื่องรบกวนอีกเยอะเลยค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ :b20:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร