วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 09:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ประเด็น ต้องละสังโยชน์ 5 ได้ โกรธจึงหายสิ้นเชิง....มีน่าข่าวเศร้าหน้าหนึ่งถึงมีให้เห็นทุกวัน


ความเห็น

นี่เรียกว่า เห็นโทษในความเป็นโทษ

ความโกรธนั้นจะให้ผลเฉียบพลันทันที คือ ถ้าขาดสติสัมปชัญญะ ก็จะลืมตัวลืมใจ ก่อกรรมที่รุนแรงตรงนั้นเลย...
และ ถ้าไม่ดับ จะพัฒนาต่อเป็นการผูกใจเจ็บ ที่ เรียกว่า พยาบาทนิวรณ์ ซึ่งอาจจองเวรข้ามภพชาติได้เลยทีเดียว

อนึ่ง อกุศลทั้งหลายมีโทษก็จริง
แต่ วิธีปฏิบัติต่ออกุศล เป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์ ครับ

ที่ว่าเป็นศาสตร์ ก็คือ มีหลักเกณฑ์ ที่ชัดเจน... รู้จักเช่นนี้ จัดว่า ฉลาด

ในขณะเดียวกันก็เป็น ศิลปะ คือ ต้องมีเทคนิค กุศโลบายที่ดี มาประกอบ... จึงจะจัดว่า เฉลียว ด้วย

ฉลาด+เฉลียว จึงเป็น เฉลียวฉลาด


เห็นโทษของอกุศลแล้วเพียรละ ตรงกับ สัมมัปปธาน๔ หรือ สัมมาวายามะ คือ เพียรชอบ... ถ้า มีศิลปะด้วย ความปราถนาที่นำไปสู่สัมมัปปธานเช่นนั้น เรียกว่า ฉันทะ คือ มีจิตยินดีในการเพียรละอกุศล-เจริญกุศล
นี่ คือ เฉลียวฉลาด

หากแม้น เห็นโทษของอกุศลก็จริง แต่ ไปตั้งหน้าตั้งตารังเกียจอกุศล มันจะเลยเส้น กลายเป็น วิภวตัณหา ...นำไปสู่ความยึดมั่นถือมั่น คือ ยึดมั่นถือมั่นว่า อกุศลมันเป็นสิ่งไม่ดี ไม่อยากให้มันปรากฏเลย เป็นความอึดอัดที่มีนิวรณ์ในใจตนเอง มันเลยกลายเป็นภพเป็นชาติซ้อนเข้าไปอีก.
นี่เข้าข่าย ฉลาดแต่ขาดเฉลียว



เรื่อง นิวรณ์ หลวงปู่ ชา ท่านกล่าวไว้เช่นนี้ครับ

http://larndham.net/index.php?showtopic=34661&st=2

หลวงพ่อ ท่านให้ภาวนาตั้งท่าทีทัศนะต่อนิวรณ์ที่กำลังรุมเร้ารบกวนจิตใจอยู่ว่า เป็นครูบาอาจารย์หรือเครื่องทดสอบสติปัญญาของตน มากกว่าที่จะมองเห็นนิวรณ์เป็นตัวศัตรูที่น่าเกลียด อันอาจทำให้เกิดความตึงเครียดเป็น วิภวตัณหา ซึ่งเป็นเหตุให้ความไม่อยากให้นิวรณ์นั้นอยู่ในใจของตนทุกข์เพิ่มทวี




สรุปว่า นิวรณ์ เป็นสิ่งที่พึงเพียรละ

แต่ ความเพียรนั้นต้อง เพียรให้ถูก ด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ใน ธัมมานุปัสสนา นิวรณ์บรรพ

ท่านสอนให้ปฏิบัติต่อนิวรณ์ ด้วยคำว่า "รู้ชัด"

http://larndham.net/index.php?showtopic=34661&st=4

มีนิวรณ์ในใจ หรือ ไม่มีนิวรณ์ในใจ ก็ให้"รู้ชัด"

นิวรณ์ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ก็ให้"รู้ชัด"

นิวรณ์ที่เกิดแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ก็ให้"รู้ชัด"

นิวรณ์ที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ก็ให้"รู้ชัด"

นี่เป็นลักษณะ ใช้นิวรณ์มาเป็นสิ่งที่จิตรู้ เป็นที่ระลึกของสติ

ท่านผู้รู้ ท่านจะกล่าวบ่อยๆว่า เมื่อจิตมีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก ก็เป็นสติปัฏฐาน
ถ้าสติมีกำลัง เป็น สตินทรีย์ หรือ สติวินโย สามารถใช้กิเลสเป็นอารมณ์กรรมฐานได้เสียด้วยซ้ำ

คือ ในขณะที่เพียรละนิวรณ์ ก็ เจริญสติปัฏฐานไปในตัว


ปล...
ท่านไม่ได้สอนให้ ไปบังคับให้นิวรณ์ จงหายไป หรือ
จงไม่เกิดใหม่อีก แบบลักษณะวิภวตัณหา น่ะครับ...พึงสังเกตุ

เป็นลักษณะ ไม่ให้อาหาร(เครื่องบำรุง)ให้นิวรณ์
คือ ไม่ปรุงแต่งต่อ นิวรณ์มันก็ดับไปของมันเอง


อ้างคำพูด:
มีนิวรณ์ในใจ หรือ ไม่มีนิวรณ์ในใจ ก็ให้"รู้ชัด"



ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นครับ
ต้องระลึกทันตรงนี้ก่อน
ถ้าระลึกได้ตรงนี้ จิตจะไม่จมไปกับนิวรณ์
เห็นจิต เห็นนิวรณ์ ว่า มันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ยืนดูยืนรู้ ไว้ก่อน




อ้างคำพูด:
นิวรณ์ที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ก็ให้"รู้ชัด"

นิวรณ์ที่เกิดแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ก็ให้"รู้ชัด"

นิวรณืที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ก็ให้"รู้ชัด"



บรรดากิเลส หรือ นิวรณ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบใดๆ ล้วนเป็นผลที่สืบเนื่องไปจากการที่ จิตขาดสติ

เมื่อมีผัสสะ ทางตา หู ๆลๆ จิตที่ขาดสติจะมีการปรุงแต่ง

สติที่ตามทัน ในทุกๆผัสสะจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ถ้าขาดสติ จิตจะปรุงแต่งไปสู่ความทุกข์
ถ้ามีสติอันยิ่ง จิตจะหยุดปรุงและทุกข์จะดับเอง

หลวงปู่ แหวน ท่านกล่าวไว้ในเรื่องสติสัมโพชฌงค์ว่า "สติรู้ทัน การคิดปรุงดับ"
ท่านพุทธทาส ท่านเคยกล่าวไว้ว่า "ทุกข์จะไม่เกิด ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ"


เราท่าน ถึงต้องเพียรเจริญสติกันไงครับ

ผมก็พยายามอยู่แบบนี้เช่นกันครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 07:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


มาต่อเรื่อง อาหารของนิวรณ์

จาก http://larndham.net/index.php?showtopic=34661&st=3


Quote Tipitaka:
[๓๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้พยาบาทที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ปฏิฆนิมิตมีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในปฏิฆนิมิตนั้น นี้เป็นอาหารให้พยาบาทที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.



ว่ากันตามหลักการน่ะครับ


ในกรณีของพยาบาทนิวรณ์ มันสืบเนื่องมาจากอาการโกรธของจิต

อาการโกรธของจิต มันสืบเนื่องมาจากปฏิฆะ ความขุ่นข้อง เวลามีผัสสะทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ปุถุชนนั้น มีปฏิฆานุสัยนอนเนื่องอยู่ คือ เมื่อมีผัสสะประสบทุกขเวทนา จะเกิดการปรุงแต่งต่อเป็นตัณหา คือ วิภวตัณหา หรือ ไม่อยากให้ทุกขเวทนานั้นมีต่อ หรือ เกิดขึ้น... ก็นำไปสู่ ความยึดมั่นถือมั่น และ เป็นทุกข์ในที่สุด

คำตอบของการพ้นทุกข์จึงอยู่ที่ ผัสสะ

ผัสสะก็เช่น ตาเห็นรูปที่ไม่น่าพึงใจ หูได้ยินข้อความที่ไม่น่าพึงใจ และ ๆลๆ

ถ้าขาดสติ เวลามีผัสสะ จิตจะไหลไปในทางเกิดทุกข์

สติที่มีกำลังมาก(เช่น ที่ หลวงปู่แหวน ท่านกล่าว) จิตจะไม่ปรุงแต่ง หรือ ที่ปรุงอยู่ก็จะหยุด.. ซึ่ง นี่คือ กระบวนการของสมถะ .ถ้า หยุดได้อย่างทันที ก็ไปสู่ เจโตวิมุติ ... แต่ เป็นเจโตวิมุติที่ยังกลับกำเริบได้อยู่.... ยังไม่ใช่ที่สุด
เจโตวิมุติที่เป็นที่สุดต้องกำกับด้วยปัญญาวิมุติ คือ ละอาสวะอย่างสิ้นเชิง
แต่ ปัญญาวิมุตินั้น ก็พัฒนาต่อไปจากเจโตวิมุติในขั้นต้น นั่นเอง


ระดับเรา-ท่าน
การหยุดปรุงแต่งเมื่อมีผัสสะ อาจจะไม่ถึงระดับเบรคเอบีเอส แบบพระท่าน....
เอาแค่ ลดความเร็วของรถลง เวลาชนจะได้ไม่ถึงตาย ...ก็ โอเค น่ะครับ


นิวรณ์นั้น ตัวมันเองก็ไม่เที่ยง มีเกิดดับ...
ที่มันไม่ดับ เพราะมันยังมีเครื่องหล่อเลี้ยงอยู่ เครื่องหล่อเลี้ยงของนิวรณ์คือ การไม่ทำใจไว้ให้แยบคายในปฏิฆะ

สติ สัมปชัญญะ คือ กระบวนการที่จะไม่เติมอาหารให้นิวรณ์..

นิวรณ์ไม่ได้ดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง
เมื่อ สิ่งหล่อเลี้ยงหมดกำลัง นิวรณ์ก็ดับลง


ท่านผู้รู้เคยกล่าวไว้ว่า

ถ้านิวรณ์ดับลง หรือ จิตแยกออกจากนิวรณ์ได้ด้วยอำนาจสติ....สมาธิ ความตั้งมั่นแห่งจิตก็จะบังเกิดขึ้นเอง และ ปัญญาก็จะป็นของตามมา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 94 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร