วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 14:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ม.ค. 2009, 23:33
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


คือผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ผมไม่เข้าใจ ผมพยายามทำดีมาตั้งแต่เด็ก ไม่เกเร ตั้งใจเรียน ไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยสอบซ่อม ไม่เคยสอบตก ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน (แต่มีซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลบ้าง แต่ไม่เคยถูก) ไม่เคยคิดหาเรื่องหรือทำร้ายใคร ตั้งใจทำงาน ทำบุญตามกำลังและโอกาส แต่ทำไมชีวิตผมไม่เห็นประสบความสำเร็จเลย แถมสุขภาพก็แย่ปวดหัวทุกวัน อวัยวะต่างๆในร่างกายมีครบแต่ก็ไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวเป็นนั่น เดี๋ยวเป็นนี่ การงานก็ไม่ก้าวหน้าทำงานหน้าที่เดิมมา 16 ปีแล้ว เซ้งแผงขายของเพื่อหารายได้พิเศษก็ขายไม่ดี ต้องปิดร้านแต่ยังต้องจ่ายค่าเช่าทุกเดือน จากไม่เคยมีหนี้ ก็เป็นหนี้เกือบแสนบาท แถมมีวันนึงเพิ่งใส่บาตรเสร็จจะเดินไปที่ทำงานก็มีคนวิ่งเข้ามาตบหลัง หาว่าผมมองหาเรื่องเค้า แถมยังบอกอีกว่า "มึงทำหน้าหยั่งงี้กูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่" ผมก็งง ผมไปทำอะไรให้ แล้วผมก็เพิ่งใส่บาตร กรวดน้ำ ให้เงินขอทาน จิตใจกำลังปลอดโปร่ง จนผมยังนึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นผมกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คนอื่นกลับรู้ หรือเพราะชีวิตที่ผมเป็นอยู่มันเลยทำให้หน้าผมดูเครียด ก็เลยทำให้ผมโดน แต่จะให้เดินไปยิ้มไปคงบ้าแล้ว หมอดูเคยทักหลายครั้งว่าจะได้ลาภก้อนใหญ่ แต่ไม่เคยเห็นได้ซักที มีแต่เคยเกือบถูกรางวัลแจ๊คพอตหวยบนดินครั้งนึง สงสัยวาสนาน้อยเลยไม่ได้ จึงทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า คำสอนของพระพุทธองค์เป็นจริงหรือไม่ แล้วทำไมชีวิตผมมีแต่เรื่องร้ายๆ ไม่เห็นได้ดีซักที ทำไมคนที่ทำงานทั้งดื่มเหล้า ทั้งเล่นการพนัน แถมซื้อหวยใต้ดินงวดละเป็นพัน เค้าถูกรางวัลได้เงินเป็นแสนๆ ตอนนี้ผมก็พยายามทำบุญเพิ่มขึ้น ไปปล่อยปลาทุกเดือน เดือนละประมาณ 200-500 ตัว ทำมาได้ปีกว่าแล้ว แต่ผมก็ยังสงสัยว่า การปล่อยปลา ถือว่าเป็นการทำบุญรึเปล่าครับ หรือเป็นการให้ทาน หรือว่าผมควรจะเปลี่ยนเป็นทำบุญด้วยวิธีอื่น แต่ผมก็มีทำบ้าง โดยเฉพาะซองผ้าป่า ก็มีให้ทำอยู่ ผมจึงอยากรู้ว่า ทำบุญอย่างไรครับถึงได้บุญ เผื่อว่าชีวิตผมมันจะได้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้างครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 03:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 22:30
โพสต์: 61


 ข้อมูลส่วนตัว


ดีใจครับที่คุณเชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สิ่งที่คุณถามหาอยู่ คุณกลับถามหาประเด็นที่ว่า ทำดีแบบนี้ น่าจะมีอะไรที่ตอบแทนที่ดี ใช่ไหม? และคุณก็คิดว่า บุญที่คุณทำน่าจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นใช่ไหม?

ผมขอตัดประเด็นเรื่องที่ว่า บุญ นั้นจะทำให้คุณมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น ออกไป เพราะว่า อาจมีบางคนถามว่า
แล้วรู้ได้ไงว่า บุญนั้นมันจะมาทำให้ชีวิตที่ขึ้น มีอะไรพิสูจน์?

ขอพูดในเรื่องที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คำบทนี้ มันกินความหมายได้มากมาย ขึ้นอยู่กับการตีความหมาย คนหลายคนก็ตีความหมายกันไปต่างๆกัน แต่ผมขอให้ยึดหลักเรื่องของเหตุและผล
มาใช้ในการตีความหมายของคำบทนี้

ก่อนอื่นคุณต้องคิดว่า การกระทำของคนนั้น เกิดได้ทั้งทาง กาย วาจา และใจ และสามารถเป็นทั้งในด้านที่ดี และด้านที่ไม่ดี (ชั่ว) ยกตัวอย่างเช่น
นางแจ่ม เห็นลูกสุนัข ติดอยู่ในท่อ มันส่งเสียงร้องครวญคราง.................(นี่เป็นเหตุ)
นางเห็นเช่นนั้น จึงมีจิตคิดจะช่วยเหลือลูกสุนัข................(นี่เป็นผล) และ (เป็นเหตุที่จะให้กระทำต่อไป) และ (เป็นการทำดีด้วยใจคือคิดดี ผลที่ได้ตรงนี้คือ สภาพจิตที่ดีที่ปลูกฝังไว้ในจิตใจของเธอ)
นางจึงลงมือทำด้วยการเอามือไปจับตัวมันขึ้นมา........(นี่เป็นผล)และ (เป็นเหตุที่จะให้กระทำต่อไป) และ (เป็นการทำดีด้วยกาย ผลที่ได้ทำให้สุนัขนั้นปลอดภัย มีชีวิตรอด)
นางแจ่มโล่งใจเมื่อเห็นลูกสุนัขนั้นขึ้นมาจากท่ออย่างปลอดภัย (นี่เป็นผล) (ความสุขใจ อิ่มเอมใจ ที่
นางแจ่มได้รับนั้น เป็นเพราะเหตุที่ดีผลที่ดีที่นางได้ทำไว้)

ความสุข ความอิ่มเอมใจ ความมีเมตตาสงสาร ที่เกิดขึ้นกับนางแจ่มนี้
ธรรมชาติเหล่านี้ เราก็สามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า เป็นบุญ คือเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ได้รับผลในปัจจุบัน
จึงกล่าวได้ว่า " ทำดี ย่อมได้ดี " เป็นเรื่องๆ ไป ไม่ควรจะนำไปเชื่อมโยงกับเรื่องอื่น

ส่วนการที่คนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรานั้น เราไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของบุคคลนั้นได้ ขึ้นอยู่กับเหตุผลของคนนั้นว่ามันมีอะไรเป็นสาเหตุได้

ทำอย่างไรจึงจะได้บุญ? ทำความดีนั่นแหละครับจึงเป็นสิ่งที่คุณจะได้บุญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ม.ค. 2008, 10:27
โพสต์: 49

ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนเจ้าของกระทู้
ขอสนทนาด้วยนะค่ะ
ชีวิตคุณก็ไม่ต่างไปจากชีวิตดิฉันสักเท่าไหร่ แต่ดิฉันยังเชื่อมั่นในความดี ขอให้คุณทำความดีเพื่อความดี ทำเพื่อทำ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องหวังผล (ดิฉันเคยคิดเหมือนคุณ แต่โชดดีที่ดิฉันพบธรรมมะจากผู้อื่นทำให้เข้าใจ) การทำดีแล้วหวังผลความดีมันจะหนีเรา (แต่แท้จริงทุกคนก็หวังพบแต่สิ่งดีๆในชีวิตอยู่แล้ว) ขอให้คุณเชื่อมั่น กลไกลของกรรมมันซับซ้อน อะไรที่มันเกิดขึ้นให้ทำใจยอมรับมัน และพยายามใช้สติปัญญาดำเนินชีวิต ใช้สติในการตัดสินใจให้มากที่สุด นำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใช้
บุญคือดวงกลมๆใสๆ ในใจเรา ทำบุญแล้วแผ่ส่วนบุญและเจริญเมตตาออกไป ใจจะเป็นบุญเย็นโปร่งสบาย ทำจิตใจให้สบายตลอดเวลา แล้วใบหน้าของคุณและความรู้สึก ของคุณจะดีมากๆ มันจะดึงดูดแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต ใจเบาใจสบาย เงินไหลนองทองไหลมา แค่นี้
ทำงาน รับผิดชอบให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดขึ้น ก็เกิดไป อย่าไปยึดติด ชีวิตมีแค่นี้ค่ะ ทุกข์ ก็ให้มันทุกข์ไป
กำหนดรู้ดูมัน ดูชิว่ามันจะทุกข์อีกนานมั๊ย เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทุกข์หรือสุขก็อยู่กับเราไม่นาน
ทุกข์น้อยลง ความสุขก็มากขึ้น แค่นี้เอง
อย่างดิฉัน วันนี้ยังมีหนี้ ยังไม่ร่ำรวย แต่รับผิดชอบหน้าที่ให้ดีที่สุด เลี้ยงดูพ่อแม่เท่าทีทำได้ให้ดีที่สุด
เลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด แต่บอกกับตัวเองทุกวันค่ะ ว่าเราโชคดีทุกวัน วันนี้ในครอบครัวยังอยู่ครบ ไม่มีใครเจ็บป่วย ไม่มีใครประสบอุบัติเหตุ เราควรมีความสุขทุกขณะจิตค่ะ
ความสุข ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ รถคันใหญ่ ความสุขคือความเบาสบายใจ
และบุญอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จ

ขอให้คุณโชคดีค่ะ

.....................................................
ขยัน อดทน ทำดี คิดดี พูดดี จะประสบความสำเร็จที่ดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญ ต้องทำให้ ถูกดี ถึงดี และพอดี ถูกดีคือต้องถูกวัตถุประสงค์ อย่างทำทานนี่วัตถุประสงค์เพือกำจัดความโลภ ความตระหนี่ ไม่ใช่ทำแล้วจะได้ถูกหวย เมื่อใจคลายความตระหนี่ แล้วจะมีแรงดึงดูดทรัพย์ได้ เหมือนแม่เหล็ก อย่างคำพูดที่ว่ายิ่งให้ยิ่งได้ แต่กรรมนั้นเราทำได้ แต่คาดคะเนผลไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะส่งผลเมื่อไหร่ แล้วไอที่บอกว่ารู้นะ ว่าคิดอะไรอยู่ เขาไม่รู้หรอกครับ เป็นคำพูดของคนที่กำลังโกรธ คือเขาเข้าใจไปเอง ส่วนหมอดูก็ไม่ต้องไปดูหรอกครับ เพราะถ้าเขารู้จริง ป่านนี้ก็ไม่ต้องเป็นหมอดูแล้วครับ แล้วเหตุผลที่เป็นหมอดูเพื่อโปรดสัตว์ก็ฟังไม่ขึ้น ที่ชีวิตเจอแต่เคราะห์ร้ายเป็นเพราะวิบากที่ทำในอดีตชาติ แต่เราไม่รู้หรอกครับว่าไปทำอะไรมา ทนรับไปครับเดี๋ยวมันก็หมด แต่ควรทำมหากุศลไปด้วยครับ จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เข้าฌาณได้ยิ่งดี หวังว่าความเห็นคงพอมีประโยชน์บ้างนะครับ

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b40: :b40: :b40: สวดพุทธคุณเท่าอายุ+1 สิครับ คุณเจ้าของกระทู้ แล้วแผ่เมตตาให้ตัวเองและเจ้ากรรมนายเวร ทุกๆวัน เท่าที่อ่านๆดูคุณทำความดีมาก็พอสมควรน่ะแต่ยังขาดสวดมนต์และนั่งสมาธิ
ถ้าหากว่าคุณจะหวังผลให้เกิดผลดีก้ต้องเลือกทำบุญที่เกิดผลง่ายกับตัวเอง อีกอย่างการปล่อยปลาเยอะๆก้ดีแต่ผมว่ายากไป ง่ายกว่านี้คือตักบาตรในวันพระและวันเกิดคุนทุกๆอาทิตย์จะง่ายกว่า(คุณมีเวลาว่างทำได้ไหม) :b41:

:b44: :b43: :b48: อย่าเอาบุญที่เราทำ ไปเปรียบเทียบกับบุญของคนอื่นว่าเค้าจะแย่กว่าเราทำไมกลับได้ดีกว่าเราเยอะ คนเราบุญทำกรรมสร้างในอดีตมาไม่เท่าเทียมกัน แม้ในชาตินี้ก้ไม่เหมือนกัน คิดแบบนี้จะเป็นอุปสรรคในการสกัดกั้นความดีอย่างมาก ให้เปรียบกับตัวเองอย่างเดียวจะดีกว่า ชีวิตคนเรามันต้องยากลำบากกันก่อน มันถึงจะได้ดี มีอุปสรรคและปัญหาตลอดรายการเลยแต่ไหนเลยใครจะผ่านวิกฤติและสู้กับอุปสรรคนี้ได้มากกว่ากันเล่า :b49:

:b39: :b39: สำคัญการทำบุญต้องทำบ่อยๆ สวดมนต์ ใส่บาตรก้ต้องทำบ่อยๆเหมือนกันเหมือนเรากินข้าว อาบน้ำ ยังต้องทำทุกวันเลย บุญก้เหมือนกันจะไม่หมั่นทำได้อย่างไร คนเราทำความดีมาเกือบ1ใน4 ชีวิตแต่มีเวรกรรมมาบดบังก้ทำให้ยังไม่ได้รับผลบุญ ต้องใช้กรรมส่วนนี้ไปก่อนถึงค่อยๆดีขึ้น หากไปท้อซะก่อนลืมสร้างความดี แล้วอีกส่วนที่เหลือจะยิ่งไม่แย่ไปกว่านี้หรอครับ..

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ชิน เขียน:
คือผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ผมไม่เข้าใจ ผมพยายามทำดีมาตั้งแต่เด็ก ไม่เกเร ตั้งใจเรียน ไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยสอบซ่อม ไม่เคยสอบตก ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน (แต่มีซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลบ้าง แต่ไม่เคยถูก) ไม่เคยคิดหาเรื่องหรือทำร้ายใคร ตั้งใจทำงาน ทำบุญตามกำลังและโอกาส แต่ทำไมชีวิตผมไม่เห็นประสบความสำเร็จเลย


- ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม
การที่คุณเพียรประพฤติดี สำรวมอยู่ในความดีเสมอมา
มันก็มีผลตอบแทนหรือที่เรียกว่า "ได้ดี" อยู่ในตัวอยู่แล้ว
กล่าวคือห่างไกลจากความเดือดร้อน

ลองคิดเล่นๆดูว่า ถ้าเราไม่ตั้งใจเรียน สูบบุหรี่ ติดเหล้า อันธพาล
ผมคิดว่าวันนี้คุณอาจจะแย่กว่าที่เป็นอยู่

เพียงแต่คุณอาจจะคาดหวังกับการประพฤติธรรมมากไปหน่อย
เช่นว่า ฉันอยากให้ธรรมมันคุ้มครองมากกว่านี้ อยากให้ได้ดีมากกว่านี้

ทำดีได้ดี มันเป้นความหมายอย่างกว้าง ว่าถ้าทำสิ่งหนึ่งที่เป้นผลดี ย่อมได้รับประโยชน์จากสิ่งนั้น
เมหือนหว่านเมล็ดข้าว แต่ในใจอยากจะให้มันงอกเป็นมะม่วง มันเป้นไปไม่ได้
ทำบุญทำทาน ใส่บาตร ถือศีล แล้วก็นึกในใจว่าอยากจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ มันไม่ถูก
มันทุกข์เพราะเราคิดนี่แหละครับ เราคิดไปเองว่าเราต้องได้อย่างัน้นอย่างนี้



ชิน เขียน:
แถมสุขภาพก็แย่ปวดหัวทุกวัน อวัยวะต่างๆในร่างกายมีครบแต่ก็ไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวเป็นนั่น เดี๋ยวเป็นนี่ การงานก็ไม่ก้าวหน้าทำงานหน้าที่เดิมมา 16 ปีแล้ว เซ้งแผงขายของเพื่อหารายได้พิเศษก็ขายไม่ดี ต้องปิดร้านแต่ยังต้องจ่ายค่าเช่าทุกเดือน จากไม่เคยมีหนี้ ก็เป็นหนี้เกือบแสนบาท แถมมีวันนึงเพิ่งใส่บาตรเสร็จจะเดินไปที่ทำงานก็มีคนวิ่งเข้ามาตบหลัง หาว่าผมมองหาเรื่องเค้า แถมยังบอกอีกว่า "มึงทำหน้าหยั่งงี้กูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่" ผมก็งง ผมไปทำอะไรให้


เรื่องกรรม มันก้คือเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ เพียงแต่เราพยามจะเข้าใจให้มันยากๆ
พยามอยากจะไปคิดถึงชาติที่แล้ว หรือไม่ก็ชาติหน้า ซ฿่งเหลือวิสัยจะคิดได้
แต่เรื่องในชาติปัจจุบันที่ระลึกได้ จำได้ เราไม่คิด

การที่สุขภาพไม่ดี มันก้คือการกินอยู่หลับนอนที่ไม่ดี
ลองดูสิครับว่าเราใช้ชีวิตแบบไหน
อาหารการกินนั้นเราใส่ใจแค่ไหน
พฤติกรรมการใช้ร่างกายเป้นอย่างไร
สิ่งเหล่านี้แหละคือเหตุ ผลคือร่างกายไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนอะไร

ส่วนการค้าขาย มันก้มีธรรมชาติเป้นอย่างนี้แหละครับ
ไม่ใช่ว่าใครค้าขายแล้วจะประสบความสำเร้จทุกคน
ทำล้มเหลวมากกว่าคนประสบความสำเร็จด้วยซ้ำไป
น่าจะลองหมั่นศึกษาให้มากกว่านี้ในการทำมาค้าขาย
มันมีเหตุผลนับไม่ถ้วนที่ทำให้เราล้มเหลว
ไม่ใช่ว่ามาโทษว่าฉันเป็นคนดี ทำไมขายของไม่ดี ฉันเป้นคนดี ทำไมมีหนี้
ซึ่งคิดแบบนี้กำปั้นทุบดินไปหน่อย มันเกาไม่ถูกที่คัน

การเป้นคนดี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการประสบความสำเร้จในการค้าขาย
ค้าขายสำเร็จ ก็ไม่ได้แสดงว่าเป็นคนดี
แม้มันจะเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริง มันคนละเรื่องกัน

ชิน เขียน:
จึงทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า คำสอนของพระพุทธองค์เป็นจริงหรือไม่ แล้วทำไมชีวิตผมมีแต่เรื่องร้ายๆ ไม่เห็นได้ดีซักที

- เห็นได้ชัดว่าท่านไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าเลยนะครับ พูดกันตรงๆ
ต้องหันมาศึกษาให้มากๆ

ชิน เขียน:
ผมจึงอยากรู้ว่า ทำบุญอย่างไรครับถึงได้บุญ
เผื่อว่าชีวิตผมมันจะได้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้างครับ[/color]

- ทำทาน คือ ให้อะไรบางสิ่งบางอย่างออกไป ด้วยความปราถนาดี หวังให้ผู้รับได้ประโยชน์
ไม่ใช่ให้เพราะเราอยากได้ประโยชน์ เช่น ตักบาตรไปก็ขอบ้านขอรถ
เอาเงินใส่กล่อง 20 บาท ก้ขอกลับร้อยล้าน ทำอย่างนี้ไม่ได้อะไรเลย
นอกจากพอกพูนนิสัยโลภในการทำบุญ
สุดท้ายการทำบุญก็เหมือนซื้อหวย ว่าซื้อนิดหน่อย แต่ถ้าถูกขึ้นมาก็ได้เยอะ

ต้องทำไปด้วยใจบริสุทธิ์ ทำด้วยจิตกุศล อยากใหเขาได้ประโยชน์
ทานนั้น ไม่ใช่ว่าต้องทำด้วยข้างของเงินทอง แต่ทำด้วยจิตใจก้ได้
เช่นการให้อภัย (อภัยทาน), การให้ความรู้ (วิทยาทาน) การให้ความตากรุณา
ศึกษาเพิ่มเติม http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ม.ค. 2009, 23:33
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำดีๆ และความหมายของธรรม ผมเพียงท้อในชีวิตที่ทำตัวเป็นคนดีแต่ทำไมถึงมีแต่สิ่งร้ายๆเข้ามาในชีวิต ผมทำบุญก็อธิษฐานอุทิศส่วนบุญกุศลให้ญาติสนิทมิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่เคยอธิษฐานเพื่อขอให้ถูกหวย จะมีก็แต่เวลาไหว้พระก็จะขอพรให้ท่านช่วยให้สิ่งร้ายๆออกไป ให้มีสิ่งดีๆเข้ามาและให้ได้ในสิ่งที่ควรได้ครับ การทำบุญของผมมักเป็นการใส่ซองผ้าป่า และปล่อยปลา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้บุญรึเปล่า ผมจึงอยากรู้ว่าการทำบุญที่ได้บุญนั้น มีอะไรบ้าง ผมจะได้ทำ อย่างน้อยก็เผื่อจะช่วยให้กรรมที่ติดตัวมาลดน้อยลงบ้างครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2009, 23:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2008, 20:09
โพสต์: 112


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
http://www.fungdham.com/book/prasungkarad.html..
วิธีสร้างบุญบารมี...สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙
วัดบวรนิเวศวิหาร

การรักษาศีล"ศีล" นั้น แปลว่า "ปกติ" คือสิ่งหรือกติกาที่บุคคลจะต้องระวังรักษาตามเพศและฐานะ ศีลนั้นมีหลายระดับ คือ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ และ ศีล ๒๒๗ และในบรรดาศีลชนิดเดียวก็ยังจัดแยกออกเป็นระดับธรรมดา มัชฌิมศีล (ศีลระดับกลาง) และอธิศีล (ศีลอย่างสูง ศีลอย่างอุกฤษฏ์)

๑. การให้อภัยทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๕ แม้จะได้ถือแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๒. การถือศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๘ แม้จะถือแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๓. การถือศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถือศีล ๑๐ คือการบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะบวชมาได้แต่เพียงวันเดียวก็ตาม
๔. การที่ได้บวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา แล้วรักษาศีล ๑๐ ไม่ให้ขาด ไม่ด่างพร้อย แม้จะนานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญน้อยกว่าผู้ที่ได้อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนา มีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ แม้จะบวชมาได้เพียงวันเดียวก็ตาม


การภาวนา
การเจริญภาวนานั้น เป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา จัดว่าเป็นแก่นแท้และสูงกว่าฝ่ายศีลมากนัก การเจริญภาวนานั้น มี ๒ อย่าง คือ (๑) สมถภาวนา (การทำสมาธิ) และ (๒) วิปัสสนาภาวนา (การเจริญปัญญา) แยกอธิบายดังนี้ คือ
(๑) สมถภาวนา (การทำสมาธิ)..สมถภาวนา ได้แก่การทำจิตให้เป็นสมาธิ
แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อยมานานถึง ๑๐๐ ปี ก็ยังได้บุญกุศลน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิเพียงให้จิตสงบนานเพียงชั่วไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู"


(๒) วิปัสสนาภาวนา (การเจริญปัญญา)..เป็นจิตที่คิดและใคร่ครวญหาเหตุและผลในสภาวธรรมทั้งหลาย และสิ่งที่เป็นอารมณ์ของวิปัสสนานั้น มีแต่เพียงอย่างเดียวคือ "ขันธ์ ๕" ซึ่งนิยมเรียกกันว่า "รูป-นาม" โดยรูปมี ๑ ส่วน นามนั้นมี ๔ คือ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ขันธ์ ๕ ดังกล่าวเป็นเพียงอุปาทานขันธ์ เพราะแท้จริงแล้วเป็นแต่เพียงสังขารธรรมที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปรุงแต่ง แต่เพราะอวิชชา คือความไม่รู้เท่าสภาวธรรม จึงทำให้เกิดความยึดมั่นด้วยอำนาจอุปาทานว่าเป็นตัวตนและของตน การเจริญวิปัสสนาก็โดยมีจิตพิจารณาจนรู้แจ้งเห็นจริงว่า อันสภาวธรรมทั้งหลาย อันได้แก่ขันธ์ ๕ นั้น ล้วนแต่มีอาการเป็นพระไตรลักษณ์ คือ เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา


:b44: :b8: เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 00:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำบุญแล้วได้หรือไม่ได้ คุณต้องรู้สิ เพราะเมื่อบุญมันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นที่ใจ เวลาตักบาตรนี่ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง มันน่าจะต่างจากก่อนจะตักนะ ขอพูดถึงบุญ บาป ก่อน เราจะดูบุญบาป ได้จากอะไร คำตอบคือต้องดูที่ใจ มันเหมือนเราจะดูความคม ความทื่อของมีด ก็ต้องยกมีดขึ้นมาแสดงด้วย อย่างวันนี้ผมโกหกมา ก็รู้สึกว่าจิตใจเราผิดปกติไปนะ อย่างนี้แสดงว่าบาปได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ทำทานกับขอทานนี่ 100บาท ก็ไม่ชื่นใจ เท่ากับทำบุญกับพระ 20 เพราะ เนื้อนาบุญมันต่างกัน

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นธรรมดาครับ เป็นหนี้เวลามีทรัพย์เจ้าหนี้ก็ต้องมาทวง ท่านต้องมีบุญนายเวรท่านจึงมาทวง ก็ใช้เขาไปเดี๋ยวพอใช้หนี้เวรหมดก็ไม่มีใครทวง ได้มาก็ไม่ต้องจ่ายใครก็มีเหลือทีนี้ก็รวยแล้ว มีแต่แจกให้คนอื่น

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ม.ค. 2009, 23:33
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2009, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ผมไม่เข้าใจ ผมพยายามทำดีมาตั้งแต่เด็ก ไม่เกเร ตั้งใจเรียน ไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยสอบซ่อม ไม่เคยสอบตก ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน (แต่มีซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลบ้าง แต่ไม่เคยถูก) ไม่เคยคิดหาเรื่องหรือทำร้ายใคร ตั้งใจทำงาน ทำบุญตามกำลังและโอกาส แต่ทำไมชีวิตผมไม่เห็นประสบความสำเร็จเลย แถมสุขภาพก็แย่ปวดหัวทุกวัน อวัยวะต่างๆในร่างกายมีครบแต่ก็ไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวเป็นนั่น เดี๋ยวเป็นนี่ การงานก็ไม่ก้าวหน้าทำงานหน้าที่เดิมมา 16 ปีแล้ว

หมอดูเคยทักหลายครั้งว่า จะได้ลาภก้อนใหญ่ แต่ไม่เคยเห็นได้ซักที มีแต่เคยเกือบถูกรางวัลแจ๊คพอตหวยบนดินครั้งนึง สงสัยวาสนาน้อยเลยไม่ได้ จึงทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า คำสอนของพระพุทธองค์เป็นจริงหรือไม่ แล้วทำไมชีวิตผมมีแต่เรื่องร้ายๆ ไม่เห็นได้ดีซักที ทำไมคนที่ทำงานทั้งดื่มเหล้า ทั้งเล่นการพนัน แถมซื้อหวยใต้ดินงวดละเป็นพัน เค้าถูกรางวัลได้เงินเป็นแสนๆ



ฟังเพลง “ต้องสู้จึงจะชนะ” จากเจินเจิน อาจช่วยเพิ่มช่วยเสริมกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต....

http://www.imeem.com/people/HqOO33r/music/rsJBS12_//

โหลดฟังทางวินแอมก็ที่นี่

http://upload.one2car.com/download/down ... Y9R5NR4MUY




การให้ผลของกรรม โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ
1. ระดับภายในจิตใจ
2. ระดับบุคลิกภาพ
3. ระดับวิถีชีวิตของบุคคล
4. ระดับสังคม

ศึกษารายละเอียดลิงค์นี้ครับ


viewtopic.php?f=4&t=20156

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2009, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ม.ค. 2009, 16:40
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า "กรรมคือบุญและบาปเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้ ดี เลว
ประณีต แตกต่างกัน"
บางคนกำลังทำความชั่วอยู่ แต่กลับได้รับความสุขความสบายมีหน้ามีตา ทั้งนี้ก็เพระความดีที่
เขาเคยทำมากำลังให้ผล แต่กรรมชั่วที่เขากำลังทำอยู่ยังไม่ให้ผล ตรงกันข้ามบางคนกำลังทำความดีอยู่
แต่กลับได้รับความทุกข์ยากลำบากนานาประการ ทั้งนี้เพราะความชั่วที่เขาเคยทำมาแต่ก่อนๆ กำลังให้
ผล ส่วนความดีที่เขากำลังทำอยู่ยังไม่ให้ผล ขึ้นชื่อว่าบุญคือความดีนั้นจะให้ผลชั่วย่อมไม่มี และขึ้นชื่อว่า
บาปคือความชั่วจะให้ผลดีย่อมไม่มี ถ้าท่านเข้าใจผลของบุญและบาปอย่างถูกต้องอย่างนี้แล้ว ท่านจะไม่
โศกเศร้าเดือดร้อนใจเมื่อได้รับความทุกข์ และจะไม่ลำพองใจเมื่อได้รับความสุข เพราะเราทำความดี
ความชั่วด้วยตัวเราเอง เราจึงได้รับผลนั้นด้วยตัวเอง สักวันหนึ่งความทุกข์นั้นก็จะหมดไปความสุขจะมา
แทนที่ แล้วแต่ว่าเมื่อไรความดีหรือความชั่วที่เราได้ทำมาแล้วมากมายนั้นจะให้ผล
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า การที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นี้ยากนัก เพราะการเกิดเป็น
มนุษย์นั้นต้องอาศัยบุญที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อน นอกจากนั้นพระองค์ยังตรัสว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
เพราะมีโอกาสที่จะบำเพ็ญบุญได้ทุกชนิดตั้งแต่บุญเล็กๆ น้อยๆ จนถึงบุญใหญ่ที่สามารถทำให้พ้นจากความ
ทุกข์ทั้งมวลได้ ชาตินี้เราท่านได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว โอกาสที่จะทำความดีมีไม่นานเลย อย่างมาก
ไม่เกิน ๑๐๐ ปี จึงควรจะสั่งสมบุญของเราไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะบุญที่ท่านได้สั่งสม
ไว้ดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ทรัพย์สมบัติอย่างอื่นไฟไหม้ได้ เสียหายได้
โจรลักได้ แต่อริยทรัพย์คือบุญ ไฟไหม้ไม่ได้ เสียหายไม่ได้ โจรลักไม่ได้ ทั้งบุญยังเป็นมิตรติด
ตามตน เป็นที่พึ่งแก่ตนไปในภพหน้าด้วย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร