วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 10:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2009, 17:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b5: :b5: วันนี้เราไปเยี่ยมแม่เพื่อนที่เคยเล่าน่ะค่ะ เค้าทำบ่อปลา วันนี้พอเราไปโดยไม่รู้ล่วงหน้า
แกก็ให้คนไปเอาปลาเป็นๆมาให้เรากับเพื่อนๆประมาณ 20 ตัว มันยังไม่ตายนะคะ และแกรู้ว่าเราไม่เอาปลาเป็นกลัวบาป แกให้คนทุบปลาตายต่อหน้าเราเลย เราปฎิเสธแล้วแต่แกไม่ยอม แกตั้งใจไว้มากแกบอกเป็นอาหารคนไม่บาปหรอก แกยังมานั่งทำปลาให้เราด้วยเราสงสารแกนะเพราะแกตั้งใจให้เรามากๆ เลย แกมานั่งทำปลาให้เราเอง แกแก่แล้วแต่เป็นความสุขที่เห็นเราไม่ลืมแกยังหมั่นไปหา เพราะเพื่อนเราตายไปแล้วแต่เราก็ยังไปมาหาแกอยู่เสมอ เหมือนกับเราเป็นลูกแกคนหนึ่ง แกก็มีปลานี่แหละที่เป็นของดีที่ตั้งใจไว้สำหรับเรา เรารู้ว่าถ้าเราปฎิเสธแกต้องเสียใจ เราก็เอามา และเราก็แจกจ่ายให้หลายๆคนที่เค้าคงไม่มีโอกาสที่จะซื้อกินของดีๆแบบนี้ แต่เราก็เอาไว้กิน 2 ตัวเพราะเรานึกถึงความตั้งใจ น้ำใจ การกระทำที่แกแสดงออกมา เรารู้สึกไม่ดีเลยถ้าเราไม่กินคิดว่า :b5: บาปก็บาปวะ :b5:
เราเลยอยากขอคำแนะนำจากท่านๆคะว่าเราควรไถ่บาปแบบไหนดีคะ คราวก่อนแกโทรมาให้เราไปเอา
เพราะแกวิดปลาขายแต่เราแกล้งติดธุระ เราโกหกแกว่ารถเสียเลยไม่ไป แต่ครั้งนี้ไปสวัสดีปีใหม่ธรรมดา
แต่แบบที่เราเล่ามาน่ะค่ะ เราผิดไม๊คะ :b10: :b10: :b10: :b10: :b10:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2008, 20:09
โพสต์: 112


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ผมต้องการจะปลอบใจคุณครับเลยเข้ามาตอบ
แต่..ผมไม่รู้ไปหาคำตอบได้จากwebไหนอะครับ
..จำต้องขอโทษครับได้แต่ปลอบใจอย่างเดียว ทำใจดีๆครับ
...อาจต้องใจ กลอุบายว่ากินมังสาวิรัส ดีไหมขอรับเวลาไปหาผู้ใหญ่ท่านอะครับ

หวังว่าคงพอช่วยคุณได้บ้างน่ะขอรับ
:b8: เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b5: :b5: วันนี้เราไปเยี่ยมแม่เพื่อนที่เคยเล่าน่ะค่ะ เค้าทำบ่อปลา วันนี้พอเราไปโดยไม่รู้ล่วงหน้า
แกก็ให้คนไปเอาปลาเป็นๆมาให้เรากับเพื่อนๆประมาณ 20 ตัว มันยังไม่ตายนะคะ และแกรู้ว่าเราไม่เอาปลาเป็นกลัวบาป แกให้คนทุบปลาตายต่อหน้าเราเลย เราปฎิเสธแล้วแต่แกไม่ยอม แกตั้งใจไว้มากแกบอกเป็นอาหารคนไม่บาปหรอก แกยังมานั่งทำปลาให้เราด้วยเราสงสารแกนะเพราะแกตั้งใจให้เรามากๆ เลย แกมานั่งทำปลาให้เราเอง แกแก่แล้วแต่เป็นความสุขที่เห็นเราไม่ลืมแกยังหมั่นไปหา เพราะเพื่อนเราตายไปแล้วแต่เราก็ยังไปมาหาแกอยู่เสมอ เหมือนกับเราเป็นลูกแกคนหนึ่ง แกก็มีปลานี่แหละที่เป็นของดีที่ตั้งใจไว้สำหรับเรา เรารู้ว่าถ้าเราปฎิเสธแกต้องเสียใจ เราก็เอามา และเราก็แจกจ่ายให้หลายๆคนที่เค้าคงไม่มีโอกาสที่จะซื้อกินของดีๆแบบนี้ แต่เราก็เอาไว้กิน 2 ตัวเพราะเรานึกถึงความตั้งใจ น้ำใจ การกระทำที่แกแสดงออกมา เรารู้สึกไม่ดีเลยถ้าเราไม่กินคิดว่า :b5: บาปก็บาปวะ :b5:
เราเลยอยากขอคำแนะนำจากท่านๆคะว่าเราควรไถ่บาปแบบไหนดีคะ คราวก่อนแกโทรมาให้เราไปเอา
เพราะแกวิดปลาขายแต่เราแกล้งติดธุระ เราโกหกแกว่ารถเสียเลยไม่ไป แต่ครั้งนี้ไปสวัสดีปีใหม่ธรรมดา
แต่แบบที่เราเล่ามาน่ะค่ะ เราผิดไม๊คะ :b10: :b10: :b10: :b10: :b10:


- วิธีแก้บาปไม่มีหรอกค่ะ อะไรที่ได้กระทำไปแล้ว ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก บาปที่เราฝังใจเพียงเราไปกินปลาที่เห็นเขาฆ่าต่อหน้า ถ้าเราขาดสติตอนตาย บาปตัวนี้ขอเรียกว่า อกุศลจิตดีกว่าค่ะ เพราะบางคนมองว่าเป็นอาชีพเขา เขาอาจจะว่าไม่บาป เหมือนที่เขาบอกกับคุณนั่นแหละค่ะ อกุศลจะแสดงผลทันที

ยกเรื่องพระธรรมบทให้ฟังค่ะ พอดีได้ฟังมา ข้อความอาจจะไม่ครบถ้วน ต้องขออภัยด้วยค่ะ จะเล่าเท่าที่จำได้คร่าวๆ

ในสมัยพุทธกาล สมัยพระเจ้าประเสนธิโกสน พระองค์มีพระมเหสีที่รักมากอยู่พระองค์หนึ่ง อยู่มาวันหนึ่ง พระนางได้เข้าห้องน้ำพร้อมกับสุนัขตัวหนึ่ง พอดีพระนางโก้งโค้งก้มลงเก็บของ สุนัขสำคัญผิด เลยเข้าเสพสังวาสกับพระนาง ซึ่งพระนางก็ยินยอม บังเอิญพระเจ้าประเสนธิโกสน ทรงประทับอยู่ที่บัญชร พระองค์ทรงเห็นการกระทำทุกอย่างที่พระนางทำกับสุนัข พอพระนางกลับมา พระองค์ทรงตรัสว่า นางหญิงถ่อย เจ้าช่างไม่รู้จักละอาย ร่วมเสพสังวาสกับสุนัข ฯลฯ พระนางตรัสตอบว่า พระองค์ทรงเข้าพระทัยผิด ห้องน้ำห้องนี้ ถ้าใครเข้าคนเดียว คนอื่นๆจะมองเห็นว่า ไม่ได้เข้าคนเดียว ขอให้พระองค์ทรงลองเข้าดู พระเจ้าประเสนธิโกสนก็ไปเข้าห้องน้ำ แล้วพระนางทำเป็นไปยืนที่บัญชร พอพระองค์กลับขึ้นมา พระนางบอกว่า หม่อมฉันเห็นพระองค์ร่วเสพสังวาสกับแพะ ความที่ว่าพระองค์ทรงรักมเหสีองค์นี้มาก พระองค์ก็เลยเชื่อในคำกล่าวนั้น ส่วนตัวมเหสีนั้น จริงๆแล้วเป็นคนที่ชอบทำบุญ ทำทานมาตลอด แต่พอมาทำผิดพลาดในครั้งนี้ ทำให้พระนางครุ่นคิดแต่เรื่องนี้ตลอดเวลาว่า พระนางโกหกพระเจ้าประเสนธิโกสน แถมยังกล่าวตู่พระองค์ด้วย ทีนี้เวลาพระนางสิ้นพระทัย จิตของพระนางนั้นนึกถึงแต่เรื่องนี้ พระนางเลยไปอยู่ในอบายภูมิ
ต่อมาหลังจากพระนางสวรรคตไป พระเจ้าประเสนธิโกสน ตั้งใจว่าจะไปกราบนมัสการเรียนถามพระพุทธเจ้าว่า ตอนนี้พระนางไปอยู่ที่ไหน พระพุทธองค์ทรงรู้ ว่า พระนางนั้นขณะนี้อยู่ในอบายภูมิ ก็ให้ดลจิตดลใจให้พระเจ้าประเสนธิโกสนลืมคำถามที่จะถามพระองค์เสีย เพราะถ้าพระองค์ทรงตรัสตอบว่า พระนางไปอบายภูมิ พระเจ้าประเสนต้องหมดศรัทธาในพระพุทธศาสนาแน่นอน เพราะตอนที่พระมเหสีมีชีวิตอยู่ ทรงสร้างทานบารมีมาตลอดเวลา จนครบ 7 วัน พระนางได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดุสิต พระองค์จึงปล่อยให้พระเจ้าประเสนระลึกถึงคำถามที่จะถามพระองค์


-- เพียงยกตัวอย่างมาให้อ่านคร่าวๆค่ะ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดค่ะ อดีตเราไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ตัวอย่างพระมเหสี สร้างทานบารมีมาตลอด จิตมาติดอยู่เรื่องที่รู้สึกผิด ไม่ได้ทรงนึกถึงความดีที่ได้ทำ เลยไปอบาย

-- ถ้าเขาทำปลาให้ก็ไม่ต้องไปปฏิเสธเขาหรอกค่ะ รับมาแล้วก็นำไปแจกจ่ายชาวบ้านแทน ตัวเราเองก็อย่าไปนำมาทาน ไม่งั้นเราก็กรรมร่วมกับเขา ในเมื่อเราเห็นเขาฆ่า หรือ เรารู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา การที่เรานำปลาที่เขาฆ่าไปแจกจ่ายคนอื่นแทนนั้น ถ้าถามว่ากรรมนั้นมีผลถึงเราไหม มีค่ะ แต่มีน้อย ไม่เท่ากับเราเจตนากินปลาทั้งๆที่รู้และเห็นเขาฆ่า กรรมมันตกเป็นทอดๆค่ะ ดูแม่ค้าที่ตลาดสิคะ คนฆ่ารับหนัก คนสั่งฆ่า ( คนซื้อ ) รับรองมา คนกิน รับรองมา ทุกคนมีส่วนร่วมค่ะ เพียงแต่จะมากจะน้อยตามเจตนาหรือที่ลงมือกระทำไป วิธีแก้ตรงนี้คือ นานๆค่อยไปหาก็ได้ค่ะ ในเมื่อเราอธิบายแล้ว เขายังไม่เข้าใจก็ปล่อยเขาค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณO.wan ครับ



พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็นชาวประมง ชาวประมงก็ต้องจับปลาและฆ่าปลาเป็นธรรมดา แต่พระพุทธองค์ไม่ได้บอกว่า ท่านทำบาป แต่ตอนที่ท่านไม่ได้จับปลา แต่ไปเห็นชาวประมงคนอื่นฆ่าปลา ก็มีความสะใจ ชื่นชม ด้วยผลของกรรมนั้นจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่วิทูฑภะฆ่าพวกศากยะในกรุงกบิลพัสด์

เรื่องนี้ชี้ว่า คุณคิดปรุงแต่งว่าฆ่าปลาเป็นบาป แม้คุณไม่ได้ฆ่าปลา แต่ก็ยังทุกข์ใจ เพราะเห็นคนทุบปลาตายต่อหน้าเราเลย แล้วไปคิดปรุงแต่งอะไรต่างๆนาๆ แต่คนที่ให้ปลาคุณและคนที่ทุบปลาเขาไม่ได้คิดปรุงแต่งแบบนั้น เขาคิดและเชื่อว่า ปลาเป็นอาหารคน ฆ่าเพือกินไม่บาป เขาก็ไม่ต้องรับผลกรรมใดๆ

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง จิตเขาไปคิดเหมือนคุณว่า ฆ่าปลาเป็นบาป แต่ยังไป สะใจ ชื่นชม การฆ่าปลานั้น เมื่อนั้นเขาจะได้รับผลของกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณO.wan ครับ



แม่เลี้ยงของผมเป็นคนขายข้าวมันไก่ เขาฆ่าไก่เป็นประจำ แต่ไม่คิดว่าเป็นบาป คิดว่าเป็นอาชีพที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว คุณว่าเขาทำบาปไหม

แต่วันหนึ่งผมไปเห็นเข้า ผมเป็นพวกคิดมากแบบคุณ ผลปรากฏว่าผมสะอิดสะเอียนทุกครั้ง และกินไก่ไม่ลง 3 ปี

ผมเป็นคนที่ได้จุตูปปาตญาณ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์ แต่รู้ในบางครั้งเท่านั้น ผมรู้และมีหลักฐานพิสูจน์ให้ครอบครัวของผมรู้ว่า แม่เลี้ยงของผมที่เป็นคนขายไก่ ได้เกิดมาเป็นหลายชายของผมคนหนึ่ง นี่แสดงว่าที่เขาฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงครอบครัว เป็นหน้าที่ ไม่ถือว่าเป็นบาป เพราะจิตไม่ได้เป็นอกศล


การฆ่าสัตว์ตามหน้าที่ไม่ได้เป็นบาป ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ขนาดเพขรฆาตฆ่าคนตามหน้าที่
ยังไม่เป็นบาปเลย ผมขอยกเรื่องราวของพระสารีบุตรที่สอนเพชรฆาตมาอ้าง

พระสารีบุตรสอนเพชรฆาต โดยพระสารีบุตรถามเพชรฆาตที่มีอาชีพฆ่าคนว่า "ท่านฆ่าเอง หรือ ทำตามคำสั่งใคร"

เพชรฆาตตอบว่า "ข้าพเจ้า ทำตามคำสั่งพระราชา"

พระสารีบุตรย้อนถามว่า "เมื่อท่านไม่ฆ่าเอง แล้วจะมีบาปด้วยหรือ"

เพชรฆาตเคราแดง คิดเองเข้าใจเองว่า เออ งั้นคงไม่เป็นบาป แล้วก็สบายใจ ใจน้อมจนเข้าถึงธรรมพอดี

แล้วก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน

จิตใต้สำนึกจะบอกคุณเองว่า บาปหรือไม่บาป เป็นหน้าที่หรือเป็นเจตนาที่เขาฆ่าปลา ถ้าเป็นหน้าที่ จิตก็ไม่มีอกุศล ก็ไม่บาป แต่ถ้าไม่ใช่หน้าที่ หรือไปคิดเองว่าบาป จิตก็จะเป้นอกุศล เท่ากับนำบาปมายัดใส่ตัวเองเปล่าๆ

บาปกรรมก็คือ การกระทำโดยเจตนาในจิตที่คิดเป็นอกุศล ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ก็ไม่มีบาปเกิดขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2009, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


การเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมีเพียงโอกาสเดียวที่จะสร้างกุศลคือ เอาเนื้อให้ทาน

การทำทาน เปรียบได้กับการทำนา
ทำนาย่อมต้องได้ข้าว ทำนาในที่นาอันอุดมสมบูรณ์ก็ต้องข้าวมากกว่าทำนาในที่แห้งแล้งขาดน้ำ
การทำทานก็ย่อมต้องได้กุศล การทำทานกับผู้ที่มีธรรมะก็เท่ากับทำนาในดินอันอุดมสมบูรณ์

หากท่านต้องการที่จะกรุณาปลาเหล่านั้นก็ให้ท่านนำเนื้อปลาเหล่านั้นทำอาหารถวายพระ(ใส่บาตรก็ได้)แล้วก็อธิษฐานจิตอนุโมทนากับบุญที่ปลาได้รับ ทำอย่างนี้ก็เท่ากับท่านส่งเสริมให้เขาได้สร้างมหากุศลกับการเกิดมา 1 ชาติ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2004, 08:57
โพสต์: 154


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ควรค้าขาย มิจฉาวณิชชา คือ


๑. การค้าขายศาสตราวุธ ได้แก่ การค้าขายอาวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะทำเอง หรือ ให้ผู้อื่นทำ ก็เป็นของที่ไม่สมควร เพราะ อาวุธเหล่านี้ ผู้ซื้อไปแล้ว จะนำไปประหัตประหาร ทำลายล้างชีวิตคนอื่น สัตว์อื่น


๒. การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การซื้อ การขายมนุษย์ เช่น การซื้อทาส การขายทาส เป็นต้น เป็นการไม่สมควร เพราะว่า มนุษย์ ทุกคน ย่อมมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นคนผิวดำ ผิวขาว ผิวเหลือง


๓. การค้าขายเนื้อสัตว์ ได้แก่ การเลี้ยงสัตว์เป็น มีสุกร และ โคกระบือ เป็นต้น สำหรับฆ่าเป็นอาหาร เราทุกคนต้องการความสุข เกลียดความทุกข์ ทำไม จะต้องไปเบียดเบียนคนอื่น และ สัตว์อื่นให้ได้รับทุกข์


๔. การค้าขายน้ำเมา ได้แก่ การกระทำน้ำเมาชนิดชนิดหนึ่ง มีสุราเมรัย หรือว่า เครื่องดองของเมา อันอนุโลมเข้าในสุราเมรัย เช่น กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน เป้นต้น ไว้เพื่อค้าขาย


๕. การค้าขายยาพิษ ได้แก่ ค้าขายยาที่เป็นพิษ ซึ่งจะเป็นอันตรายที่สามารถทำลาย ร่างกาย ตลอดจนชีวิตของคนและสัตว์ เป็นต้นได้


การค้าขาย ๕ ประการเหล่านี้ เป็นข้อห้าม สำหรับอุบาสก ที่นับถือพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง และ ยืดถือว่า เป็นสรณะอันสูงสุดในชีวิตแล้ว การที่จะไปค้าขาย ของที่ไม่ชอบธรรมเหล่านั้น จะเป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียงที่ดีงามว่า เป็นอุบาสก ที่นับถือพระพุทธศาสนา แต่ไปทำสิ่งที่น่าตำหนิติเตียน หรือ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่า เป็นอุบาสก แต่ไม่มีศีล เป็นผู้ขาด เมตตา กรุณา ขาด หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น อุบาสก จะค้าขายของ ๕ อย่างนี้ ด้วยตนเองก็ไม่ได้ ใช้ผู้อื่นก็ไม่สมควร พึงละเว้นให้ไกล ดังที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในพระธัมมปทัฏฐกถาว่า พ่อค้าทั้งหลาย ไม่เดินทางที่มีโจรชุกชุม ฉันใด คนที่รักชีวิต ก็ไม่ควรดื่มยาพิษ ฉันนั้น ภิกษุ เมื่อทราบว่า ภพทั้งสาม เช่น กับหนทางที่พวกโจรดักรออยู่ ก็ควรจากความชั่ว

**********************


คุณควรบอกไปตรงๆว่า คุณมีความเชื่อว่าการรับปลามาแบบนี้เป็นบาปสำหรับคุณ
การมาเยี่ยมเยียนนี้ไม่ได้มาเพื่อต้องการปลา ขอแค่มีน้ำมาเลี้ยงก็พอใจแล้ว
ทำความเข้าใจซึ่งกันและกันดีกว่า จะสบายใจกันทั้ง 2 ฝ่าย

ด้วยความปรารถนาดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หวัดดีอีกครั้งค่ะคุณ 0.wan
คุณมีอาการ แพ้ปลาที่เขาฆ่ามาให้ ก่อนไปเยี่ยมคุณแม่เพื่อน โทรบอกไปเลยค่ะ ว่าทานปลาของคุณแม่ไม่ได้แล้วเพราะแพ้ค่ะบอกว่า ดิฉันบอกว่าแพ้ก็ได้ค่ะ (เพราะรับมาแล้วไม่สบาย(ทุกข์ใจ)) เล่าไปเลยค่ะว่าเริ่มเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ .... :b4: :b4: :b4: ห้ามมุสาวาทนะคะ ใช้ปัญญาบอกแต่ความจริงที่ได้รับมาเท่านั้น.. :b32:
ถ้าครั้งต่อไปท่านยังทำให้อีก ต้องปฏิเสธอย่างหนักแน่น ยอมเสียแม้ชีวิตเพื่อรักษาศีลไว้..โหมากไปป่าว :b5:
ยอมให้แก่เสียใจนิดหน่อยดีกว่าร่วมกันทำปาณาติบาต...
แล้วชดเชยด้วยการไปหาบ่อย ๆ ก็จะมีความสุขกันทั้ง 2 ฝ่าย
แนะนำแบบนี้เพราะ แมวฯใช้ได้ผลทุกที (กับผู้ใหญ่สูงอายุที่รักเราอ่ะค่ะ)

:b53: เอาตัวให้รอดด้วยปัญญา :b53:

บาปก็บาปวะ ใช้ไม่ได้นะคะ... :b16:

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...อีกวิธีหนึ่ง..

ไม่บอกล่วงหน้าว่าจะไปหา... และต้องตั้งใจไม่รับปลาในลักษณะนี้จากท่านอีก
(ยกเว้นปลาแห้งปลาเค็ม ปลาแดดเดียวที่ท่านมีติดบ้านไว้แล้ว...)
เมื่อตอนที่ท่านจะแว๊บไปทำปลามาให้เรา..เราต้องไม่เผลอให้ท่านแว๊บไปฆ่าปลาได้
เกาะติดเข้าไว้...ถ้าเห็นรั้งไม่อยู่..ก็ รวบลัด ลากลับบ้านทันที...
คราวหลังท่านจะไม่ขัดใจเราอีก...
(ใช้วิธีนี้กับแม่สามีมาแล้วค่ะทำอยู่ประมาณ 5-6 ครั้ง ตอนหลัง ท่านแค่บ่นๆ ว่าให้ทีไร ก็ไม่ยอมเอา...หุ หุ ตอนนี้เลยไม่ต้องล่วงปาณาฯ ทานแต่ปลาทะเล เพรามันตายมาแย้ว)

ถ้าเราตั้งใจมั่นคง ศีลเราก็ไม่มัวหมองค่ะ การรักษาศีลต้องประกอบด้วยปัญญาเมื่อคุณได้พิจารณา สิ่งของที่ได้รับมานั้นๆ เป็นทางทำให้ศีลด่างพร้อย เป็นทุกข์ต้องใช้ปัญญาหาทางแก้-ป้องกัน

ถ้าคุณยอมรับปลามาทุกครั้ง มันเหมือนว่าคุณปฏิเสธพอเป็นพิธี แล้วผู้ยินดีให้ก็จะคะยั้นคะยอทำให้มาทุกครั้ง...ที่นี้ก็เปล่าประโยชน์ที่จะมาแก้บาปแก้กรรม(ซึ่งปลายเหตุ)ทีหลังซึ่งมันผิดฝาผิดตัวค่ะ

ใจแข็ง เข้าไว้ นะคะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 22:30
โพสต์: 61


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมเป็นคนที่ได้จุตูปปาตญาณ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์ แต่รู้ในบางครั้งเท่านั้น ผมรู้และมีหลักฐานพิสูจน์ให้ครอบครัวของผมรู้ว่า แม่เลี้ยงของผมที่เป็นคนขายไก่ ได้เกิดมาเป็นหลายชายของผมคนหนึ่ง นี่แสดงว่าที่เขาฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงครอบครัว เป็นหน้าที่ ไม่ถือว่าเป็นบาป เพราะจิตไม่ได้เป็นอกศล


ผมอยากรู้ว่า วิธีที่จะ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์ มีวิธีทำอย่างไร ช่วยอธิบายหน่อยครับ คุณทำยังไง ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2009, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ม.ค. 2009, 13:11
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณ o.wan
ที่ผิดแน่ ๆ คือ ที่คุณแกล้งว่าติดธุระ และโกหกว่ารถเสีย..ส่วนที่ว่าจะบาปหรือไม่ในการกินปลาหรือการจัดการกับปลาของคุณนั้น ผมไม่อาจรู้ได้..แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น..บาปกรรมทั้งหลายย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำและเจตนา.. :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2009, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างเปล่า เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมเป็นคนที่ได้จุตูปปาตญาณ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์ แต่รู้ในบางครั้งเท่านั้น ผมรู้และมีหลักฐานพิสูจน์ให้ครอบครัวของผมรู้ว่า แม่เลี้ยงของผมที่เป็นคนขายไก่ ได้เกิดมาเป็นหลายชายของผมคนหนึ่ง นี่แสดงว่าที่เขาฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงครอบครัว เป็นหน้าที่ ไม่ถือว่าเป็นบาป เพราะจิตไม่ได้เป็นอกศล


ผมอยากรู้ว่า วิธีที่จะ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์ มีวิธีทำอย่างไร ช่วยอธิบายหน่อยครับ คุณทำยังไง ?


อยากรู้จะไม่ได้รู้ ต่อเมื่อหมดอยากจึงรู้ได้

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2009, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
ว่างเปล่า เขียน:
อ้างคำพูด:
ผมเป็นคนที่ได้จุตูปปาตญาณ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์ แต่รู้ในบางครั้งเท่านั้น ผมรู้และมีหลักฐานพิสูจน์ให้ครอบครัวของผมรู้ว่า แม่เลี้ยงของผมที่เป็นคนขายไก่ ได้เกิดมาเป็นหลายชายของผมคนหนึ่ง นี่แสดงว่าที่เขาฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงครอบครัว เป็นหน้าที่ ไม่ถือว่าเป็นบาป เพราะจิตไม่ได้เป็นอกศล


ผมอยากรู้ว่า วิธีที่จะ รู้การตายและการเกิดของคนและสัตว์ มีวิธีทำอย่างไร ช่วยอธิบายหน่อยครับ คุณทำยังไง ?


อยากรู้จะไม่ได้รู้ ต่อเมื่อหมดอยากจึงรู้ได้


พระพุทธองค์ตรัสสอนว่ายังไงล่ะครับ

ให้สงบจิตภายใน ไม่ต้องไปคิดอะไรใช่ไหม แล้วมันจะรู้เอง เมื่อเข้าถึงฌาน 4 บางทีอาจจะไม่รู้ณ เวลานั้น แต่พุทธะตัวรู้ภายในใจของคุณมันเปิดแล้ว ภายหลัง อาจจะอีก 1-3 นาที 1-3 ชั่วโมง หรือ 1-3 วัน คุณจะรู้เอง

พระพุทธองค์ไม่ต้องเข้าฌานไปดู ท่านเป็นสัพพัญญูตลอดเวลา เพราะพุทธะตัวรู้ภายในใจของท่านเปิดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอวิชชาเข้ามาปิดบังเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2009, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณnatdanaiครับ


จิตที่มีอารมณ์เป็นหนึ่งมีอานุภาพมาก ยิ่งถ้าละความพัวพันธ์ทางโลกซึ่งเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะได้เด็ดขาด อภิญญา 6 ย่อมสมบูรณ์ ฝึกจิตให้เจอ 1 ก่อน จึงจะเจอ 0 คือ ขจัดสิ่งแปลกปลอม(กิเลส)ออกจากใจได้

จิตที่มีความฟุ้งซ่านนั้นมีกำลังน้อยมาก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร