วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 11:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2008, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 22:07
โพสต์: 30


 ข้อมูลส่วนตัว


ใครมีเวบหรือเรื่องที่เขาจำแนก...นรกอะครับ
ขอหน่อยได้ไหมครับ อยากอ่านแต่ไม่มีจะอ่านครับ รบกวนหน่อยครับ
แล้วอยากถามว่า ในสมัยพุทธกาล เห็นมีเทวดาลงมาช่วยมนุษย์เยอะไป
แต่ไหงปัจจุบัน ไม่เห็นมีมาช่วยเลยอะ หรือสวรรค์ห้ามช่วยมนุษย์ครับ

ใครรู้ช่วยแจงหน่อยครับ :b18:

ขอบคุณ คนที่ตอบเอาไว้ล่วงหน้านะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2008, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ระวังนะครับ อ่านเรื่องนรกมากๆ จะเครียด เพราะเราจะรู้ว่าทำความชั่วนี้ถึงไปนรกขุมนี้ อย่างนี้พอถึงชีวิตประจำวัน พอเราคิดอะไรไม่ดี ก็จะวิตก กลัวว่าจะตกนรก ความจริงจิตใจของเราจะให้คิดดีตลอดมันเป็นไปได้ยาก ทางสายกลางดีกว่า คนดีนี่จะมีเทวดาประจำตัว คอยดลจิตของเรา ให้ คิดดี พูดดี ทำดี อย่างนี้ก็เรียกว่าช่วยแล้วล่ะครับ เพราะเมื่อคนเราคิดดี พูดดี ทำดี ผลดีก็จะตอบสนองเขาเอง

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 04:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


http://thai.mindcyber.com/modules.php?n ... &artid=132

อันนี้น่าจะพอได้นะครับ แบ่งให้อ่านแต่ละขุม เลย

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ความอยากเป็นตัณหาเป็นสมุทัย... :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b40: :b40: :b40: เทวดาพึงจะช่วยมนุษย์ที่พึงพอจะช่วยตัวเองได้ก่อนครับ... ไม่งั้นก้ไม่รู้ว่าเทวดาจะช่วยได้ยังไงหรือช่วยไปทำไม :b43: :b43: :b39: :b39:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://variety.teenee.com/world/1249.html

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 09:03
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 173

สังกิจจชาดก หาอ่านได้ในพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม
แล้วท่านจะได้ไม่สงสัยในเรื่องนี้และเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ในคำสอนของพระพุทธเจ้า
พระไตรปิฎกเท่านั้น ที่บอกได้ชัดเจน มากกว่าที่ครูบาอาจารย์มาเล่าให้ฟัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2009, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 09:03
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 173

เห็นหน้าของบุรุษผู้ทำตามโอวาทนั้นตามหนทางเลย. บทว่า โย ธมฺม คือ

ผู้บอกสุจริตธรรมให้. บทว่า น โส ความว่า บุรุษนั้นไม่พึงถึงทุคติชนิด

ต่าง ๆ มีนรกเป็นต้น ดูก่อนมหาบพิตร จริงอยู่ อธรรมเป็นเช่นกับหนทาง

ที่ผิด สุจริตธรรมเป็นเช่นกับหนทางอันเกษม ก็พระองค์ เมื่อกาลก่อนได้

รับสั่งแก่อาตมภาพว่า เราจักปลงพระชนม์พระบิดาแล้ว จักเป็นพระราชาเอง

ถึงถูกอาตมภาพคัดค้านห้ามไว้แล้ว ก็มิได้เชื่อถ้อยฟังคำของอาตมภาพเลย ฆ่า

พระบิดาแล้ว ทรงเศร้าโศกอยู่ในบัดนี้ ธรรมดาว่า บุคคลผู้ไม่ทำตามโอวาท

ของบัณฑิตทั้งหลาย ก็เหมือนบุคคลผู้ดำเนินไปในหนทางที่มีโจร ย่อมถึงความ

พินาศอย่างใหญ่หลวงแล.

พระโพธิสัตว์ ครั้นได้ถวายโอวาทแด่พระราชาพระองค์นั้นอย่างนี้

แล้ว เมื่อจะแสดงธรรมชั้นสูงขึ้นไป จึงทูลว่า

ขอถวายพระพร ธรรมเป็นทางถูก ส่วนอธรรม

เป็นทางผิด อธรรมย่อมนำไปสู่นรก ธรรมย่อมส่งให้

ถึงสุคติ นรชนผู้ประพฤติอธรรม มีความเป็นอยู่ไม่

สม่ำเสมอ ละโลกนี้ไปแล้วย่อมไปสู่คติใด อาตมภาพ

จะกล่าวคติคือนรกเหล่านั้น ขอพระองค์ทรงสดับคำ

ของอาตมภาพเถิด.

นรก ๘ ขุมเหล่านี้ คือ สัญชีวนรก ๑ กาฬ-

สุตตนรก ๑ สังฆาฏนรก ๑ โรรุวนรก ๑ มหา

โรรุวนรก ๑ ต่อมาก็ถึงมหาอเวจีนรก ๑ ตาปนนรก

๑ ปตาปนนรก ๑ อันบัณฑิตทั้งหลายกล่าวไว้แล้ว

ก้าวล่วงได้ยาก เกลื่อนกล่นไปด้วยเหล่าสัตว์ ผู้มี

กรรมหยาบช้า ก็เฉพาะนรกขุมหนึ่ง ๆ มีอุสสทนรก



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 174

๑๖ ขุม
เป็นที่ทำบุคคลผู้กระด้างให้เร่าร้อนน่ากลัว

มีเปลวเพลิงรุ่งโรจน์ มีภัยใหญ่ ขนลุกขนพองน่า-

สะพรึงกลัว มีภัยรอบข้าง เป็นทุกข์ มี ๔ มุม

๔ ประตู จัดแบ่งไว้เป็นส่วน ๆ มีกำแพงเหล็กกั้น

โดยรอบ มีฝาเหล็กครอบ ภาคพื้นของนรกเหล่านั้น

ล้วนแต่เป็นเหล็กแดงลุกโพลง ประกอบด้วยเปลวไฟ

ลุกแผ่ไปตลอดที่ ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ.

สัตว์ทั้งหลายมีเท้าในเบื้องบน มีศีรษะในเบื้องต่ำ

ตกลงไปในนรกนั้น สัตว์เหล่าใดกล่าวล่วงเกินฤๅษี

ทั้งหลายผู้สำรวมแล้ว ผู้มีตบะ สัตว์เหล่านั้น ผู้มีความ

เจริญอันขจัดแล้ว ย่อมหมกไหม้อยู่ในนรก เหมือน

ปลาที่ถูกเฉือนให้เป็นส่วน ๆ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลาย

ผู้มีปกติกระทำกรรมอันหยาบช้า มีตัวถูกไฟไหม้ทั้ง

ข้างในข้างนอกเป็นนิตย์ แสวงหาประตูออกจากนรก

ก็ไม่พบประตูที่จะออก ตลอดปีนับไม่ถ้วน สัตว์เหล่า

นั้นวิ่งไปทางประตูด้านหน้า จากประตูด้านหน้าวิ่ง

กลับมาทางประตูด้านหลัง วิ่งไปทางประตูด้านซ้าย

จากประตูด้านซ้าย วิ่งกลับมาทางประตูด้านขวา วิ่ง

ไปถึงประตูใด ๆ ประตูนั้นก็ปิดเสีย สัตว์ทั้งหลายผู้

ไปสู่นรก ย่อมประคองแขนคร่ำครวญเสวยทุกข์มิใช่

น้อย นับเป็นหลาย ๆ พันปี เพราะเหตุนั้น บุคคล

ไม่ควรรุกรานท่านที่เป็นคนดี ผู้สำรวม มีตบธรรม



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 175

ซึ่งเป็นดุจอสรพิษมีเดชกำเริบร้ายล่วงได้ยา ฉะนั้น.

พระเจ้าอัชชุนะ ผู้เป็นใหญ่ในแว่นแคว้นเกตกถะ

มีพระกายกำยำ เป็นนายขมังธนู มีพระหัตถ์ตั้งพัน มี

มูลอันขาดแล้ว เพราะประทุษร้ายพระฤๅษีโคตมโคตร

ฝ่ายพระเจ้าทัณฑกีได้เอาธุลีโปรยลงรดกีสวัจฉฤาษี ผู้

หาธุลีมิได้ พระราชาพระองค์นั้น ถึงแล้วซึ่งความ

พินาศ ดุจต้นตาลขาดแล้วจากราก ฉะนั้น พระเจ้า

เมชฌะคิดประทุษร้าย ในมาตังคฤาษีผู้เรืองยศ รัฐ-

มณฑลของพระเจ้าเมชฌะ พร้อมด้วยบริษัทก็สูญ

สิ้นไปในครั้งนั้น ชาวเมืองอันธกวินทัย ประทุษร้าย

กัณหทีปายนฤาษี โดยช่วยกันเอาไม้พลองรุมตีจนตาย

ไปเกิดในยมสาธนนรก ส่วนพระเจ้าเจติยราชนี้ ได้

ประทุษร้ายกปิลดาบส แต่ก่อนเคยเหาะเหินเดินอากาศ

ได้ ภายหลังเสื่อมสิ้นฤทธ์ ถูกแผ่นดินสูบ ถึงมรณกาล

เพราะเหตุนั้นแล บัณฑิตทั้งหลายจึงไม่สรรเสริญการ

ลุอำนาจแห่งฉันทาคติเป็นต้น บุคคลไม่ควรเป็นผู้มีจิต

ประทุษร้าย พึงกล่าววาจาอันประกอบด้วยสัจจะ ถ้าว่า

นรชนผู้ใดมีใจประทุษร้าย เพ่งเล็งท่านผู้รู้ ผู้ถึงพร้อม

ด้วยวิชชาและจรณะ นรชนผู้นั้น ย่อมไปสู่นรกเบื้องต่ำ.

ชนเหล่าใดพยายามกล่าววาจาหยาบคาย บริภาษ

บุคคลผู้เจริญทั้งหลาย ชนเหล่านั้น ไม่ใช่เหล่ากอ

ไม่ใช่ทายาท เป็นเหมือนต้นตาลมีรากอันขาดแล้ว

อนึ่ง ผู้ใดฆ่าบรรพชิตผู้ทำกิจเสร็จแล้ว ผู้แสวงหาคุณ



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 176

อันยิ่งใหญ่ ผู้นั้นจะต้องหมกไหม้อยู่ในกาฬสุตตนรก

ตลอดกาลนาน.

อนึ่ง พระราชาพระองค์ใด ตั้งอยู่ในอธรรม

กำจัดชาวแว่นแคว้น ทำชาวชนบทให้เดือดร้อนสิ้น

พระชนม์ไปแล้ว จะต้องหมกไหม้อยู่ในตาปนนรก

ในโลกหน้า และพระราชาพระองค์นั้น จะต้องหมก-

ไหม้อยู่ตลอดแสนปีทิพย์ อันกองเพลิงห้อมล้อมเสวย

ทุกขเวทนา เปลวไฟมีรัศมีซ่านออกจากกายของสัตว์

นั้น สรรพางค์กายพร้อมทั้งปลายขนและเล็บของสัตว์

ผู้มีไฟเป็นภักษา มีเปลวไฟเป็นอันเดียวกัน สัตว์นรก

มีตัวถูกไฟไหม้ ทั้งข้างในและข้างนอกอยู่เป็นนิตย์

เป็นผู้อันทุกข์เบียดเบียน ร้องไห้คร่ำครวญอยู่เหมือน



รายละเอียดของมหานรกขุมต่างๆ แบบย่อๆ

สัญชีวนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะต้องถูกนายนิรยบาลที่ถืออาวุธต่างๆที่มีไฟลุกโพลง
ตัดร่างกายของสัตว์นรกให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่
ให้สัตว์นรกนั้นถึงแก่ความตายแล้วสัตว์นรกนั้นก็กลับมีชีวิตขึ้นมารับกรรมอีก
เป็นอยู่เช่นนี้ จนกว่าจะสิ้นอายุ


กาฬสุตตนรก = นรกขุมนี้ นายนิรยบาลทั้งหลาย
จะพากันตะโกนโห่ร้องด้วยเสียงอันดังติดต่อกันไม่ขาดระยะ
ถืออาวุธต่างๆที่มีไฟลุกโพลง ไล่ติดตามทำร้ายสัตว์นรกทั้งหลายที่กำลังวิ่งหนีไปๆมาๆ
อยู่เหนือแผ่นดินเหล็กที่มีไฟลุกโพลง เมื่อสัตว์นรกล้มลงบนแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟแล้ว
จึงขึงสายบรรทัดที่ลุกโพลงด้วยไฟ แล้วถือขวานที่มีไฟติดลุกโพลง พากันโห่ร้อง
กระทำสัตว์นรกผู้กำลังคร่ำครวญอยู่ด้วยเสียงอันน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
ตัดร่างกายของสัตว์นรกนั้น ให้เป็น 8 ส่วนบ้าง 16 ส่วนบ้าง นรกขุมนี้จะดำเนินไปอยู่อย่างนี้


สังฆาฏนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกนายนิรยบาล จัดให้อยู่ในแผ่นดินเหล็กที่ลุกโพลง
มีระยะได้ 9 โยชน์ (144 ก.ม.) เพียงเอว แล้วทำให้สัตว์นรกเหล่านั้นเคลื่อนไหวไม่ได้
จากนั้นภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงลูกใหญ่ๆ เกิดขึ้นแต่ด้านทิศตะวันออก ครางกระหึ่มเหมือนสายฟ้าฟาด
กลิ้งมาบดสัตว์นรกเหล่านั้น ราวกับว่าจะบดเมล็ดงาให้เป็นผุยผง แล้วไปตั้งอยู่ทิศตะวันตก
แม้ภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงที่ตั้งขึ้นทางด้านทิศตะวันตกก็กลิ้งมาบดสัตว์นรกเหล่านั้น
แล้วไปตั้งอยู่ทิศตะวันออก อนึ่ง เมื่อภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลงทั้ง 2 ลูกนั้น
กลิ้งมาปะทะกันแล้วบดขยี้สัตว์นรกนั้น
เหมือนกับลำอ้อยที่ถูกบีบในเครื่องยนต์สำหรับบีบอ้อย
สัตว์นรกทั้งหลายย่อมประสบทุกข์อยู่ในสังฆาฏนรกนั้น ฉะนี้


โรรุวะนรก = สัตว์นรกในขุมนี้ จะถูกควันแสบแทรกเข้าไปในปากแผล (ทวาร) ทั้ง 9 ของสัตว์นรก
แล้วควันอันแสบนั้น จะทำลายร่างกายของสัตว์นรกให้เป็นผง แล้วใหลออกมาคล้ายแป้ง
สัตว์นรกทั้งหลายย่อมร้องคร่ำครวญด้วยเสียงอันดัง


มหาโรรุวะนรก = นรกขุมนี้จะเต็มไปด้วยเปลวไฟอันแดงคล้ายเลือด
ตั้งอยู่ตลอดกัป เปลวไฟนั้นจะแทรกเข้าไปตามปากแผล (ทวาร) ทั้ง 9 ของสัตว์นรก
แล้วเปลวไฟก็จะเผาร่างกายของสัตว์นรกเหล่านั้น สัตว์นรกย่อมร้องคร่ำครวญด้วยเสียงอันดัง


ตาปนรก = นรกใดเผาสัตว์นรกไม่ให้กระดิกได้ นรกนั้นมีชื่อว่า ตาปนรก
เพราะนายนิรยบาล ย่อมให้สัตว์นรกนั่งอยู่บนหลาวเหล็กอันลุกโพลง มีประมาณเท่าลำต้นตาล
แผ่นดินภายใต้จากหลาวเหล็กนั้นย่อมลุกโพลง ส่วนหลาวเหล็กนั้นไม่ติดไฟ
แต่สัตว์นรกทั้งหลายย่อมลุกเป็นเปลวเพลิง นรกนั้นย่อมเผาสัตว์ไม่ให้กระดิกได้ ด้วยประการฉะนี้


มหาตาปนรก = สัตว์นรกในขุมนี้จะถูกนายนิรยบาล ทำร้ายด้วยอาวุธต่างๆที่กำลังลุกโชน
แล้วให้ขึ้นสู่ภูเขาเหล็กที่มีไฟลุกโพลง ในเวลาที่สัตว์นรกนั้นยืนอยู่บนยอดเขา
ลมที่เกิดจากบาปกรรมเป็นปัจจัย ย่อมพัดสัตว์เหล่านั้น สัตว์นรกเหล่านั้นก็ไม่อาจจะทรงตัวอยู่ได้
ก็ตกลงมา จากนั้นก็มีหลาวเหล็กลุกเป็นไฟที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินเหล็กเบื้องต่ำ
หัวของสัตว์นรกเหล่านั้นก็กระแทกกับหลาวเหล็ก
และร่างกายของสัตว์นรกเหล่านั้นก็ทะลุเข้าไปในหลาวเหล็กที่กำลังลุกโพลงเผาใหม้อยู่
นรกนั้นย่อมเผาสัตว์ให้เร่าร้อนอย่างเหลือเกิน ด้วยประการฉะนี้


อเวจีมหานรก = ความทุกข์ – เปลวไฟ ในนรกขุมนี้ย่อมไม่มีที่ว่าง ย่อมไม่มีระหว่างคั่น
เปลวไฟทั้งหลายตั้งขึ้นจากฝาทางด้านทิศตะวันออก ย่อมกระทบฝาด้านทิศตะวันตกเป็นต้น
แล้วเปลวไฟก็ทะลุฝาออกไปประมาณ 100 โยชน์ (1,600 ก.ม.) เปลวไฟจากเบื้องต่ำย่อมกระทบเบื้องบน
เปลวไฟจากเบื้องบนย่อมกระทบเบื้องต่ำ เปลวไฟทั้งหลายในอเวจีย่อมไม่มีระหว่างอย่างนี้
ภายในนรกขุมนี้ เต็มไปด้วยสัตว์นรกหาที่ว่างไม่ได้เลย เหมือนกับทะนานที่เต็มไปด้วยน้ำนมและแป้ง
ถึงแม้ว่าสัตว์นรกจะมีปริมาณมากขนาดนั้น แต่สัตว์นรกก็ไม่เบียดเสียดซึ่งกันและกัน
ย่อมใหม้อยู่ในที่เฉพาะตนๆเท่านั้น


ข้อมูลนี้จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 62 หน้า 180 อรรถกถาสังกิจจชาดกที่ 2

ช้างลูกนายหัตถาจารย์แทงด้วยขอ ฉะนั้น.

ผู้ใดเป็นคนต่ำช้า ฆ่าบิดาเพราะความโลภหรือ

เพราะความโกรธผู้นั้นต้องหมกไหม้อยู่ในกาฬสุตตนรก

สิ้นกาลนาน บุคคลผู้ฆ่าบิดาเช่นนั้น ต้องหมกไหม้อยู่ใน

โลหกุมภีนรก นายนิรยบาลทั้งหลายเอาหอกแทงสัตว์

นรกนั้นผู้ถูกไฟไหม้อยู่จนไม่มีหนัง ทำให้ตาบอด ให้

กินมูตรกินคูถ กดสัตว์นรกเช่นนั้น ให้จมลงในน้ำแสบ

นายนิรยบาลทั้งหลายให้สัตว์ นรกกินก้อนคูถที่ร้อนจัด

และก้อนเหล็กแดงอันลุกโพลง ให้ถือผาลทั้งยาวทั้ง-

ร้อนสิ้นกาลนาน งัดปากให้อ้าแล้วเอาเชือกผูกไว้

ยัดก้อนเหล็กแดงเข้าไปในปาก ฝูงสุนัขแดง ฝูงสุนัข



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 177

ด่าง ฝูงแร้ง ฝูงกา และฝูงนกตระกรุม ล้วนมีปาก

เป็นเหล็ก ต่างมารุมจิกกัดลิ้นให้ขาดแล้ว กินลิ้นอัน

มีเลือดไหล เหมือนก็ของอันเป็นเดนเต็มไปด้วย

เลือด ฉะนั้น นายนิรยบาลเที่ยวเดินทุบตีสัตว์นรกผู้ฆ่า

บิดานั้น ซึ่งมีร่างกายอันแตกไปทั่ว เหมือนผลตาลที่

ถูกไฟไหม้ จริงอยู่ ความยินดีของนายนิรยบาลเหล่านั้น

เป็นการเล่นสนุก แต่สัตว์นรกต้องได้รับทุกข์ คนผู้

ฆ่าบิดาเหล่าใดเหล่าหนึ่งในโลกนี้ ต้องอยู่ในนรก

เช่นนั้น.

ก็บุตรฆ่ามารดาจากโลก นี้แล้ว ต้องไปสู่ที่อยู่

แต่งพระยายม ย่อมเข้าถึงความทุกข์อย่างยิ่ง ด้วยผล

แห่งกรรมของตน พวกนายนิรยบาลที่ร้ายกาจ ย่อม

บีบคั้นสัตว์ผู้ฆ่ามารดา ด้วยผาลเหล็กแดงบ่อย ๆ ให้

สัตว์นรกดื่มกินโลหิตที่เกิดแต่ตน อันไหลออกจาก

กายของตน ร้อนดุจทองแดงที่ละลายคว้างบนแผ่นดิน

สัตว์นรกนั้นลงไปสู่ห้วงน้ำเช่นกับหนองและเลือด

น่าเกลียดดังซากศพเน่า มีกลิ่นเหม็นดุจก้อนคูถ หมู่

หนอนในห้วงน้ำนั้น มีกายใหญ่ มีปากเป็นเหล็กแหลม

ทำลายผิวหนัง ชอนไชไปในเนื้อและเลือด กัดกิน

สัตว์นรกนั้น ก็สัตว์นั้นถึงนรกนั้นแล้ว จมลงไปประ

มาณชั่วร้อยบุรุษ ศพเน่าเหม็นฟุ้งไปตลอดร้อยโยชน์

โดยรอบ จริงอยู่ แม้จักษุของตนผู้มีจักษุ ย่อมคร่ำคร่า

เพราะกลิ่นนั้น ดูก่อนพระเจ้าพรหมทัต บุคคลผู้ฆ่า

มารดา ย่อมได้รับทุกข์เห็นปานนี้.



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 178

พวกหญิงผู้รีดลูกย่อมก้าวล่วงลำธารนรกอันคม

แข็ง ที่ก้าวล่วงได้แสนยาก ดุจคมมีดโกน แล้ว

ตกไปสู่แม่น้ำเวตรณีที่ไปได้ยาก ต้นงิ้วทั้งหลาย ล้วน

แต่เป็นเหล็กมีหนาน ๑๖ องคุลี มีกิ่งห้อยย้อยปก-

คลุมแม่น้ำเวตรณี ที่ไปได้ยากทั้ง ๒ ฟาก สัตว์นรก

เหล่านั้น มีตัวสูงโยชน์หนึ่งลูกไฟที่เกิดเองแผดเผา

มีเปลวรุ่งเรืองยืนอยู่ ดุจกองไฟ ตั้งอยู่ที่ไกล ฉะนั้น.

หญิงผู้ประพฤตินอกใจสามีก็ดี ชายที่คบหาภรร-

ยาผู้อื่นก็ดี ต้องตกอยู่ในนรกอันเร่าร้อนมีหนามคม

สัตว์นรกเหล่านั้น ลูกนายนิรยบาลทิ่มแทงด้วยอาวุธ

กลับเอาศีรษะลง ลงมานอนอยู่ ถูกทิ่มแทงด้วย

หลาวเป็นอันมาก ตื่นอยู่ตลอดกาลทุกเมื่อ ครั้นพอ

รุ่งสว่าง นายนิรยบาล ก็ให้สัตว์นรกนั้นเข้าไปสู่

โลหกุมภีอันใหญ่ เปรียบดังภูเขามีน้ำเสมอด้วยไฟอัน

ร้อน บุคคลผู้ทุศีล ถูกโมหะครอบงำ ย่อมเสวย

กรรมของตน ที่ตนเองกระทำชั่วไว้ในปางก่อน ตลอด

วันตลอดคืน ด้วยประการฉะนี้.

อนึ่ง ภรรยาใดที่เขาช่วยมาด้วยทรัพย์ ย่อมดู

หมิ่นสามี แม่ผัวพ่อผัว หรือพี่ผัวน้องผัว นายนิรย-

บาล เอาเบ็ดมีสายเกี่ยวปลายลิ้นของหญิงนั้นฉุดคร่า

มา สัตว์นรกนั้นเห็นลิ้นของตนซึ่งยาวประมาณ ๑ วา

เต็มไปด้วยหมู่หนอน ไม่อาจอ้อนวอนนายนิรยบาล

ย่อมตายไปหมกไหม้ในตาปนนรก.



พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 179

พวกคนฆ่าแกะ ฆ่าสุกร ฆ่าปลาดักเนื้อ พวกโจร

คนฆ่าโค พวกพราน พวกคนผู้กระทำคุณในเหตุมิใช่

คุณ (คนส่อเสียด) ลูกนายนิรยบาลเบียดเบียนด้วย

หอกเหล็ก ฆ้อนเหล็ก ดาบและลูกศร พุ่งหัวให้ตก

ลงสู่แม่น้ำแสบ คนทำคดีโกง ถูกนายนิรยบาลทุบตี

ด้วยฆ้อนเหล็ก ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า แต่นั้น ย่อมกิน

อาเจียนของสัตว์นรกเหล่าอื่น ผู้ได้รับความทุกข์ทุกๆ

เมื่อ ฝูงกาบ้าน ฝูงสุนัข ฝูงแร้ง ฝูงกาป่า ล้วนมีปาก

เหล็ก ต่างพากันรุมจิกกัดกินสัตว์นรก ผู้กระทำกรรม

อันหยาบช้า ดิ้นรนอยู่ ชนเหล่าใดเป็นอสัตบุรุษ อัน

ธุลีปกปิดให้เนื้อชนกันจนตายก็ดี ให้นกตีกันจนตาย

ก็ดี ชนเหล่านั้น ต้องไปตกอุสสทนรก.

หาอ่านได้นะและมีอีก

ทุกกฎ - ทุพภาษิต / 1 ตัว
(โทษที่ทำไม่ดี / พูดไม่ดี)

ตกสัญชีพนรก 1 ชั่วอายุคือ 500 ปีของชั้นนี้
1 วันในชั้นนี้ เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
1 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 3,285,000,000 ปีมนุษย์
500 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 1,642,500,000,000 ปีมนุษย์



ปาฏิเทสนียะ / 1 ตัว
(โทษที่ต้องแจ้งผู้อื่น)

ตกกาฬสุตตนรก 1 ชั่วอายุคือ 1,000 ปีของชั้นนี้
1 วันในชั้นนี้ เท่ากับ 36 ล้านปีมนุษย์
1 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 13,140 ล้านปีมนุษย์
1,000 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 13,140,000 ล้านปีมนุษย์



ปาจิตตีย์ / 1 ตัว
(โทษที่ทำความดีให้ตกไป)

ตกสังฆาฏนรก 1 ชั่วอายุ คือ 2,000 ปีของชั้นนี้
1 วันในชั้นนี้ เท่ากับ 144 ล้านปีมนุษย์
1 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 52,560 ล้านปีมนุษย์
2,000 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 105,120,000 ล้านปีมนุษย์



นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ / 1 ตัว
(โทษที่ทำความดีให้ตกไป จำต้องสละ)

ตกโรรุวนรก 1 ชั่วอายุคือ 4,000 ปีของชั้นนี้
1 วันในชั้นนี้ เท่ากับ 576 ล้านปีมนุษย์
1 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 210,240 ล้านปีมนุษย์
4,000 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 840,960,000 ล้านปีมนุษย์



มหานิสสัคคีย์ / 1 ตัว
(โทษที่ทำความดีให้ตกไป จำต้องสละที่ใหญ่)

ตกมหาโรรุวนรก 1 ชั่วอายุคือ 8,000 ปีของชั้นนี้
1 วันในชั้นนี้ เท่ากับ 2,304 ล้านปีมนุษย์
1 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 840,960 ล้านปีมนุษย์
8,000 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 6,727,680,000 ล้านปีมนุษย์



ถุลลัจจัย / 1 ตัว
(โทษที่ใหญ่และหยาบ)

ตกตาปนรก 1 ชั่วอายุ คือ 16,000 ปีของชั้นนี้
1วันในชั้นนี้ เท่ากับ 9,216 ล้านปีมนุษย์
1 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 3,363,840 ล้านปีมนุษย์
16,000 ปีในชั้นนี้ เท่ากับ 53,821,440,000 ล้านปีมนุษย์




สังฆาทิเสส / 1 ตัว
(โทษที่หมู่ภิกษุ จำต้องลงโทษ)

ต้องตกมหาตาปนรก 1 ชั่วอายุ คือ ครึ่งกัปป์

ปาราชิก / 1 ตัว
(โทษที่ทำให้ขาดจากความเป็นภิกษุ)

ต้องตกอเวจีนรก 1 ชั่วอายุ คือ หนึ่งกัปป์์





หมายเหตุ - ข้อมูลนี้มาจากพระธรรมเทศนาของสมเด็จพระวันรัต (แดง ) วัดสุทัศน์ฯ
- สมุดภาพไตรภูมิฉบับกรุงศรีอยุธยา – ฉบับกรุงธนบุรี เล่ม 1-2


ไม่ฟุ้งซ่านหรอก ถ้าได้เรียนรู้ให้กลัวไว้ก่อนเวลาจะทำอะไรก็ต้องคิดก่อนว่าโอ้โฮ เราจะไปทางไหนนี่แล้วมันก็จะคิดหนี สิ่งที่เคยทำไม่ดีมา ก็ยังพอแก้ได้ ดีกว่ามีมานะ ทิฐิถือตัวไม่ยอมเรียนรู้อะไร ว่าตาม ๆ กันไป ที่เขาว่ากันมาแต่เก่าก่อน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 141 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร