วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 19:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมไปตอบคำถามธรรมะในกระทู้หนึ่ง เห้นว่าน่าสนใจดี เลยขอนำมาลงในเว็บนี้ด้วย

ในครั้งพุทธกาลเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับศีลธรรม หรือพระวินัย แล้วมีผู้ไปถามพระพุทธเจ้า เช่น มีภิกษุไปตัดไม้ ไม้ตกลงมาโดนเพื่อนภิกษุตาย หรือ มีภิกษุใช้มือปัดโดนมดตาย พระผู้มีพระภาคเจ้าจะสอบสวนเขาโดยถามคำถามเดียว คือ ตอนที่ท่านทำสิงนั้นลงไป ในใจของท่านมีเจตนาเช่นไร

ถ้าเขาตอบว่า คันที่แขน เลยเอามือไปเกาและปัด

พระผู้มีพระภาคเจ้าตอบว่า ท่านไม่ได้มีเจตนาฆ่ามด จะถือว่าทำบาปกรรมได้ยังไง
ในกรณีภิกษุไปตัดไม้ ไม้ตกลงมาโดนเพื่อนภิกษุตาย สวบสวนแล้ว พระผู้มีพระภาค

เจ้าตรัสว่า ภิกษุคนนี้มีเจตนาอย่างอื่น ไม่ได้มีเจตนาฆ่าเพื่อน จึงไม่ผิด


พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ” แปลว่า เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม และยังตรัสว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสว่า กายเป็นใหญ่ เป็นประธานนะครับ


ในกรณีที่คุณถาม ตอบได้ดังนี้:


สงสัยเกี่ยวกับการพูดโกหกแล้วเกิดผลดี


1. สมมุติว่าถ้ามีเพื่อนชวนไปดื่มสุรา แต่เราโกหกว่าปวดหัว ไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่

ได้ปวดหัวเลยเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดศีลข้อ 5 แต่จะผิดศีลข้อ 4 ไหมครับ ทำถูก

ต้องไหมครับ


.......เจตนาในจิตของคุณเป็นกุศล จะบาปได้อย่างไร กาย วาจา ใจ ใจเป็น

ใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ บาปจึงไม่ได้เกิดขึ้น หลวงพี่

เท่ง โกหกว่า "ตำรวจมา ตำรวจมา" เพื่อช่วยคนที่โดนรุมกระทืบ การ

โกหกของหลวงพี่เท่ง จึงไม่ได้เป็นบาป แต่เป็นมหากุศล



ตอนที่คุณไปยังยมโลก พระยายมตัดสินความ ให้บอกไปว่า ผมใบไม้นอกกำมือ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ขอรับผิดชอบกับคำโกหกที่เป็นกุศลของคุณ มีอะไรก็มาเอาผิดกับผมได้ พระยายมราชเล่นละครโกหกตบตาคนในนรกทุกวัน ทำเป็นตะคอก ตวาด ด่า ทั้งๆที่ใจของท่านไม่ได้หวังร้ายกับสัตว์นรกเลย


2. สมมุติว่า เราไปงานเลี้ยง มีของติดมากับกระเป๋าเรา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้จงใจจะเอามา แต่มันติดมากับกระเป๋า และเราก็ไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นใคร เรารู้สึกกลัวเลยไม่กล้าเอาของนั้นเก็บไว้ เลยเอาไปทิ้ง เพราะกลังผิดศีลอย่างนี้ ทำถูกต้องไหมครับ



.....ผิดครับ ของติดมากับกระเป๋าเป็นของชำร่วยหรือว่าอะไร กระเป๋าเงินหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นของไร้สาระ ไม่ใช่กระเป๋าเงิน แล้วคุณไปคิดทำไมครับ ถ้าเป็นของเล็กน้อย เจ้าของต้องลืมของเล็กน้อยนั้นไปแล้ว จะไปจำเรื่องบ้าๆทำไมให้หนักสมอง ไม่คนที่ไม่ยอมลืม ก็คือคุณ คุณไม่กล้าเอาของนั้นเก็บไว้ เลยเอาไปทิ้ง ผู้ที่เอาไปก็คือแม่บ้านหรือคนในงาน ถ้าเขาคิดโง่ๆอย่างคุณ ของนั้นแทนที่จะเป็นคุณกับใคร ก็กลายเป็นโทษไป


3. ถ้าเป็นหมอโกหกคนไข้เพื่อรักษากำลังใจอย่างนี้ถูกต้องไหมครับ

.....เพื่อนผมให้ผมนั่งกรรมฐานแผ่เมตตาให้แม่ของเขาหายจากมะเร็ง ผมก็ช่วย ปรากฏว่ารู้ในจิตว่า แม่ของเขาหมดอายุไขแล้ว (อายุ 90 กว่า) ตายแหง หมดทางช่วย เพื่อนผมคนอื่นขอร้องผมว่า อย่าให้ผมบอกเรื่องนี้ให้เพื่อนที่แม่เป็นมะเร็งรู้ เขาจะเสียใจ เพราะผมเป็นคนพูดอะไรตรงๆ

โม้เสียเพลิน หมอโกหกคนไข้เพื่อรักษากำลังใจคนไข้ อย่างนี้ไม่ผิดครับ แต่หมอก็ควรบอกความจริงให้เพื่อนฝูงญาติพี่น้องคนอื่นเขารู้ด้วย ไม่งั้นถ้าหมอโกหกทุกวัน ปิดบังความจริงเอาไว้ ใครจะเชื่อถือหมอล่ะครับ จรรยาบรรณแพทย์มันต้องมีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2008, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


วัชรยาน (Vajrayana) เป็นชื่อหนึ่งของลัทธิพุทธตันตระ พระอาจารย์ชาวทิเบตได้กล่าวไว้ในศตวรรษที่ 14. ท่าน
ให้หลักการของลัทธิพุทธตันตระไว้ว่า:

"ความทุกข์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเห็นแก่ตัว ความสุขทั้งหมดเกิดขึ้นจากการหวังดีให้ผู้อื่นมีความสุข"

ความทุกข์ มีรากฐานมาจากบาป ความสุขมีรากฐานมาจากบุญ ด้วยเหตุนี้ เราจึงกล่าวได้ว่า:

"บาปทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเห็นแก่ตัว บุญทั้งหมดเกิดขึ้นจากการหวังดีให้ผู้อื่นมีความสุข"


ด้วยหลักการ ความทุกข์-ความสุข และ บุญ-บาป อันนี้ คุณจะสามารถตอบคำถาม
เกี่ยวกับบาปบุญได้ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น


1. พระเวสสันดร ยกเมียและลูกให้เป็นทาสคนอื่น เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้
ผู้อื่น(ชาวโลก)มีความสุข จึงยอมเสียสละความสุขส่วนตัว แต่ชาวบ้านยกเมียและลูกให้เป็นทาสคนอื่น
เขาเห็นแก่ตัว อยากได้เงินทองจากผู้อื่น จึงเป็นบาป

2. เมียยอดรัก ให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจยอดรักออก เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของเมียยอดรัก
หวังดีปราถนาให้ผู้อื่น(ยอดรัก)มีความสุข ไม่ต้องทรมานต่อไปอีกหลายวัน

3. พระที่โดดน้ำลงไปช่วยผู้หญิงขึ้นจากน้ำ เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้ผู้อื่น
(คนตกน้ำ)มีความสุข ส่วนพระที่ไม่ลงไปช่วย แม้ท่านไม่ทำอะไร แต่ก็เป็นบาป ด้วยจิตของพระคนนั้นเขาเห็นแก่ตัว ยึดติดกับตำรา

4. หลวงพี่เท่งโกหกโดยตะโกนว่า "ตำรวจมา ตำรวจมา" เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้ผู้อื่น(คนที่โดนยำตีน)มีความสุข หลุดพ้นจากการถูกทำร้ายร่างกาย

5. พระโจอี้(หลวงพี่เท่ง 2)ช่วยแม่ที่เป็นลม มีการประคองยกขึ้น แล้วยกหัวให้ดมยาดม
เหตุที่เป็นบุญ เพราะว่าจิตของท่านหวังดีปราถนาให้ผู้อื่น(แม่ขแงเขา)มีความสุข หลุดพ้นจากการเป็นลม ถ้าพระโจอี้ไม่ช่วยแม่ที่เป็นลม ไม่ยอมผิดพระวินัย เรื่องห้ามแต่เนื้อต้องตัวผู้หญิง มันจะเป็นบาป ด้วยจิตของพระโจอี้เห็นแก่ตัว ยึดติดกับตำรา ไม่ยึดในหลักกตัญญู และหลักกรุณา

พระพุทธเจ้าตรัสว่า " เรากล่าวว่าเจตนา(ความจงใจ)เป็น(ตัว)กรรม "

เจตนาเป็นบุญ = เจตนาหวังดีให้ผู้อื่นมีความสุข ยอมเสียสละตัวเอง

เจตนาเป็นบาป = เจตนาเห็นแก่ตัว คนหรือสัตว์อื่นเดือดร้อนก็ไม่สน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าบอกให้ "ทำความดี ละความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส"


สำหรับความชั่วนั้น ท่านไม่ให้เราต่อรอง ท่านให้ละเด็ดขาด
และเพราะพวกเราคิดกันเองไม่ได้ ท่านก็อุตส่าห์กำหนดศีลขึ้นมาให้
ศีลคือการห้ามทำชั่ว ละความชั่ว
ไม่ว่าเราจะตั้งใจดีหรือไม่ แต่การทำความชั่ว การละเมิดศีล จะนำความเดือดร้อนมาให้

ท่านอุตส่าห์กำหนดขึ้นมาให้เข้าใจง่ายๆ ทำได้ง่ายๆ
แต่ว่าเราชอบทำตัวเป้นศรีธนลไชย
พยามจะหาข้ออ้างในการทำความชั่ว

ศีลขาดปัญญา มันจะเป็นอย่างนี้แหละ คือไม่รู้ดีรู้ชั่ว แยกแยะไม่ออก
คอยแต่จะหาวิธีใช้ศีลแบบศรีธนลไชย

ถ้าจะรักษาศีล ต้องรักษาสมาธิด้วย รักษาปัญญาด้วย
เจริญให้สามสิ่งนี้มีพร้อมๆกัน จึงจะเกื้อกุลกัน

ถ้าสามสิ่งนี้ไม่พร้อมกันแล้ว
เวลามีศีล ไม่มีปัญญา มันก้จะเป็นศีลของควายที่ อยู่นิ่ง ซื่อๆ ไม่กวนใครให้เดือดร้อน
เวลามีปัญญา มีศีลวิปริต มันก้จะเป็นศีลแบบศรีธนลไชย ควักไส้น้องมาล้าง
เวลามีสมาธิ ไม่มีศีล มันก็เหมือนโจรที่มีใจจดจ่อกับการจะปล้นคน ฆ่าคน
ศีลกับปัญญาที่ขาดสมาธิ ก็เหมือนคนขับรถชนคนตาย นี่ขนาดไม่มีเจตนาจะละเมิดศีล แต่ก้ยังชนคนตายเพราะขาดสมาธิ
-------------

ส่วนเรื่อง ถ้าไม่ตั้งใจขับรถชนคนตายแล้วบาปไหม
คำตอบคืออยู่ที่ใจว่าเกิดปรุงบุญหรือบาปขึ้น
ทำแล้วสบายใจ เรียกว่า กุศลจิต หรือบุญ
ทำแล้วไม่สบายใจ เรียกว่า อกุศลจิต หรือบาป
เวลาคุณชนคนตาย มีใครสบายใจบ้าง อย่างนี้ไม่เรียกบาปหรือ
ถ้าจะมีคนสบายใจก้นับว่าคนคนนั้นวิปริต คือไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำ ไม่มีหิริโอตัปปะ

นี่พูดถึงเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณเมื่อละเมิดศีล
ยังไม่พูดถึงความเดือดร้อนที่ตามมา หรือเรียกว่า ผลของกรรม หรือ วิบาก
ผลของกรรมนี้มีทั้งโลกนี้ มีทั้งโลกหน้า
โลกหน้าไม่พูด เพราะผู้พูดได้อย่างแท้จริง ต้องเป็นพระพุทธเจ้า หรืออริยบุคคลผู้ทรงญานในการส่องไปดุว่าคุณจะได้รับผลอะไร
เอาพูดแต่ในชาตินี้ว่าเราต้องชดใช้ความเสียหาย และรู้สึกผิดบาปทุกครัง้ที่นึกถึงเรื่องนี้
เวลากำลังจะตายที่จิตกำลังเข้าสู่ภวังค์ มันก้จะผุดขึ้นมา จิตบาปนั้นแหละจะพาไปผุดเกิดในอบายภูมิ

ต่อให้เราเดินเหยียบสัตวืตาย โดยไม่ทราบ จิตไม่รู้เลยว่าบุญหรือบาป เพราะไม่ทราบ
เราก็ยังต้องรับผลของกรรมนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

บาปจึงต้องละสถานเดียว ต่อรองไม่ได้ ศรีธนลไชยไม่ได้

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หากเราเปรียบตัวเองเป็นประเทศๆ หนึ่ง การพัฒนาประเทศต้องการอะไรบ้าง คือเราต้องมีกองกำลังทหาร ป้องกันข้าศึกษามารุกรานอธิปไตย ต้องมีกองกำลังตำรวจ คอยปราบปรามความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ต้องมีโครงการพัฒนาประเทศต่าง ๆ เช่น การศึกษา โรงพยาบาล เป็นต้น ศีลก็เปรียบเหมือนกับกองกำลังทหารคอยป้องกันกิเลสอย่างหยาบ เช่น การฆ่า การลักทรัพย์ การเสพยาเสพติดให้โทษทำลายสติ สมาธิเปรียบเหมือนตำรวจ คอยดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งตัวก่อกวนก็คือ นิวรณ์ห้า คนที่เป้นโรคฟุ้งซ่าน โรคซึมเศร้าเขาหาความสุขในชีวิตไม่ได้ แต่สมาธิแก้ได้ การภาวนาเปรียบเสมือนโครงการพัฒนาประเทศต่าง ๆ ใ นประเทศที่มีการพัฒนานั้นสิ่งไม่เคยมีก็จะมีเกิดขึ้น เช่นปัญหาจราจร ปัญหาขยะ ต่าง ๆ ซึ่งก็ต้องแก้ไขกันอีก เหมือนกับการปฏิบัติธรรมก็จะมีการติดโน่นติดนี่

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การรักษาศีลจึงต้องประกอบด้วยปัญญา จึงจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์
ถ้าต้องการปฏิเสธเพื่อนที่ชวนกินเหล้า ก็ไม่จำเป็นต้องโกหก หาความบอกไปจริงซิคะ ว่าต้องทำธุระนั้นๆนี้ๆที่ทำจริง ใช้ปัญญารักษาศีล แนะนำแบบนี้ได้มั้ยคะ ข้ออื่นๆก็แนวนี้แหละค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การผิดศีลแต่ละข้อล้วนเป็นบาปทั้งสิ้นคุรพลศักดิ์ทำความเข้าใจใหม่ สำหรับคุณเองก็คิดถูกที่ว่าจิตเป็นตัวตัดสิน แต่ตัดสินว่า การละเมิดนั้นๆถ้าครบองค์ศีลก็ขาดโดยองค์สุดท้ายที่เป็นใหญ่คือ เจตนาที่จะกระทำ ถ้ามีศีลขาดแน่นอน
เช่นตบยุง ด้วยเผลอเลอขาดสติ พอกายมันเจ็บ มันคัน ประสาทก็สั่งให้มือสังหารยุงนั้นซะ โดยที่จิตไม่ได้กำหนด 1 ชีวิตที่ตายไป ก็เป็นบาปกรรม อาจรู้สึกผิดบาปน้อยกว่าเจตนาเล็งที่ตัวยุงแล้วตบๆๆๆ :b35: เรื่องพวกนี้เชื่อว่าสติปัญญาของพลศักดิ์ย่อมตีออก แต่ไม่ทราบว่าคุณจะแนะนำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมเว็บนี้ได้สาระดีๆ ไปเป็นแนวเจริญสติให้เกิดบุญหรือดึงให้แหกแวกแนวไปไหนๆ ทำไม

เกิดมาอย่าเสียเวลาปล่าวอยู่เลยค่ะ มั่นฝึกตนให้เสร็จธุระของตนๆ ซะก่อนดีไม้คะ จะได้เป็นบุญกุศลสืบไป คุณก็บอกว่าอย่าด่วน เชื่อเพียงเพราะเขาเป็นอาจารย์ เป็นสิ่งเล่าลือสืบทอดเป็นนั่นนี่(ในกาลามสูตร) ก็อย่าได้เอาสิ่งเหล่านั้น มาอ้างเพื่อให้คนอื่นเชื่อ หรือคล้อยตาม... ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง...เข้าทำนองนี้เลยค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมอ มักมีวิธีที่จะบอกกล่าวอาการเจ็บป่วยแก่ผู้ป่วยเองหรือคนไข้ โดยไม่โกหกค่ะ
และคงไม่หน่อม แน๊ม โกหกว่าปวดหัวเพื่อเลี่ยงไม่ไปกินเหล้ากะเพื่อนหลอกค่ะ อ่อนจัง..

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมชาติของจิต เปรียบเหมือนน้ำมักไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ (คงเคยได้ยิน,ได้อ่านมาบ้างนะจ๊ะ)
คนดีมักใช้ปัญญาคิดและพยายามทำในทางที่ก่อประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น ไม่หาช่องทางข้อยกเว้นจุดนั้นจุดนี้มาแก้ต้ว มาเข้าข้างการตีความของตัว และที่แน่ๆ จิตที่อบรมมาดี ไม่ยกตัว กลับยิ่งทำตัวเหมือน ผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้า ว่าจริงปล่าวค่ะ...

ด้วยกุศลจิต และด้วยจิตที่มีเมตตา มีความสุขที่ได้ท้วงติงค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 133 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร