วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 09:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอทำความเข้าใจกับคุณวลัยพร
คุณวลัยพรครับกรัชกายจะเข้าเว็บธรรมะหลายแห่งเท่าที่รู้จัก
ถามว่า ไปทำไม ?
ตอบ ไปดูวิธีสอนให้โยคีปฏิบัติกรรมฐาน เบื้องต้นขั้นจัดทัพไม่เป็นไร ดูต่อไป ดูตอนที่โยคีภาวนาไปๆแล้วสภาวะปรากฏ ดูสิว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องนำแนะโยคีพ้นจากทุกข์นั้น สภาวะนั้นได้ไหมได้ โอ เค ไม่เป็นไร ขอ
เป็นผู้ดูเฉยๆ แล้วก็ออกมา
หากแก้อารมณ์ให้เขาไม่ได้ กรัชกายจะร่วมเสนอแนะด้วย (หากเข้าบอร์ดเปิดกว้างเข้าได้)
แต่ส่วนมากจะโดนลบ ถูกลบก็หาทางออกในรูปอื่น เพราะเจตนาเราต้องการช่วยคน ไม่ได้เอาใจคน
นี่คือตัวตนนิคเนม “กรัชกาย” แล้วจะวิพากษ์วิธีแก้อารมณ์ ไม่เน้นวิพากษ์คน (ถ้าไม่จำเป็น กรณีจำ
เป็น อาจจะเหน็บประมาณว่าไม่ควรทำเลิกเถอะ...)

ที่พูดนี่เพราะ เพิ่งเปิดลิงค์ที่คุณวลัยพรแปะไว้ข้างบน (ยังอ่านไม่จบ) มีเนื้อหาตอนหนึ่ง ดังนี้


อ้างคำพูด:
คนนี่มันช่างหลากหลาย มีหลายรูปแบบ บางคนซ่อนคมดาบไว้ด้านหลัง พอเผลอก็ไล่ฟันชาวบ้านเขาทันที ไม่ใช่แค่คนทั่วๆไป ผู้ปฏิบัติเองก็เหมือนกัน บางคนหลงมานะกิเลสตัณหาเข้าครอบงำ เที่ยวเอาความคิดตัวเอง
มาตัดสินการปฏิบัติของผู้อื่น นำเขามากล่าวลับหลังเสียๆหายๆ เว็ปหลวงพ่อจรัญนี่ก็โดน คนนี้ใช้นิ๊กเนมว่า " กรัชกาย " ชอบติติงกับคำแนะนำของทางเว็ปหลวงพ่อจรัญ เอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ กับใครหลายๆคนก็โดนหมด


(ไปอ่านๆข้อความลิงค์ที่คุณวัยพรแปะให้ดังกล่าว พิจารณาทั้งสำนวนเขียนและชื่อแล้ว คือ คุณวลัยพรคนนี้
นั่นเอง กรัชากายเข้าใจถูกไหมครับ คุณวลัยพร :b1: )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 19 ธ.ค. 2008, 10:09, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างหนึ่งมาจากเว็บไซต์นี้

http://www.jarun.org/v6/board/viewtopic.php?t=11123

อาการของโยคี =>

ดิฉันก็มาปฏิบัติต่อที่บ้านได้สักระยะ เวลานอนก็เหมือนมีอะไรมาอำ เหมือนเป็นปลามาดิ้นบนตัว บางครั้งก็เป็นแมวน่ากลัวมากค่ะ บางทีก็เป็นเงาดำ จนดิฉันนอนไม่ได้ต้องเปิดไฟนอนตลอดค่ะ สิ่งเหล่านี้คือ เจ้ากรรมนายเวร ใช่ไหมคะ? จนทำให้ดิฉันกลัวและหยุดปฏิบัติไปนานพอสมควรเลยค่ะ
หลังจากนั้นพอมีเวลา ก็ไปมาอีกเป็นเวลา 3 วัน แล้วนำมาปฏิบัติต่อที่บ้านค่ะ โดย จะทำในช่วงบ่ายของทุกวัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดิฉันไม่ได้อุปทานไปเองนะคะ ดิฉันจะได้กลิ่นเหม็นเน่า ตลอดเวลาบ่อยๆ ซึ่งดิฉันก้ออุทิศส่วนกุศล ตลอดค่ะ แต่ก็แปลกนะคะ อาการเหล่านี้ ไม่หายเลยค่ะ มันจะมีเป็นระยะๆๆๆ ซึ่งบางครั้งก้อเป็นหลายวันเลยค่ะ ดิฉันทรมานมากค่ะ เพราะบางทีรุนแรงมาก เหมือนพวกหนูตาย แต่คนที่อยู่ด้วยจะไม่ได้กลิ่นนี้ค่ะ
ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ? ถึงจะไม่มีอาการรับรู้แบบนี้ มันทุกข์ค่ะ บางทีกำหนดตามที่
ลพ.ท่านสอน ก็ไม่ดีขึ้นนะคะ ทุกวันนี้ดิฉันปฏิบัติทุกวัน มาได้ 7-8 เดือนแล้วค่ะ และดิฉัน
ก็ยอมรับนะคะ ว่า เป็นคนจิตอ่อน และคิดมาก เวลารับรู้อะไรแบบนี้ก้อ กลัวขึ้นสมองเลยค่ะ เพราะอยู่คนเดียวด้วย ที่พักก็เป็นอพาทเมนท์น่ะค่ะ



นำมาเป็นประเด็นสนทนากันที่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19132&st=0&sk=t&sd=a&start=60

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้างบนยังไม่มีผู้แก้อารมณ์ให้โยคีได้สอดคล้องสภาวธรรม แม้ในบอร์ดนั้นเอง (เชื่อว่าผู้เกี่ยวข้องก็ติดตามอ่านข้อความนี้ของกรัชกายอยู่ด้วย)
ความในใจกรัชกายดังกล่าวส่วนหนึ่ง หวังว่า คุณวลัยพรและผู้ที่เนื่องอยู่ในสายเดียวกับคุณวลัยพรคงเข้าใจ
ออกมาคุยกันตรงนี้สิครับ มาคุยกันทำความเข้าใจกัน หาทางออกร่วมกัน เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
เพื่อศรัทธาสาธุชนเพื่อสัมมาปฏิบัติต่อไปในภายหน้า
กรัชกายจะรอคุณวลัยพรและท่านที่เกี่ยวข้องถึงค่ำๆ หวังว่าคุณคงมานะครับ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปอ่านข้อความของผู้ใช้นิคเนม walai เขียนโดยละเอียดแล้ว คือคนๆเดียวกัน :b12:

แน่ใจเพราะข้อความนี้

อ้างคำพูด:
ปากเอ่ยอ้างว่าจะสนทนา แต่เปล่าเลย ยกตัวเอง เอ่ยอ้างว่ากรรมฐานตัวเองถูกต้องที่สุด
ส่วนคนอื่นๆนั้นผิดหมด ก่อสร้างวิบากกรรมไม่รู้จบ นี่มาว่าเราอีก หาว่าเราเป็นหญิงประมาท มีการพูดอีกนะว่า ขอยืมคำพูดของคนอื่นมา นิสัยผู้หญิงแท้ๆ ไม่รู้จักจบ เออ... หนอ


อ่านแล้ว :b9: ปนสงสาร เอาเป็นว่า กรัชกายขอโทษ :b8: หากทำให้กระทบเทือนใจ
คุณจำได้ไหม ลิงค์เดิมกรัชกายบอกว่า สงสารคุณ (คุณรุ้ไหมเพราะอะไร) และหาทางลงให้ที่ คห.สุดท้าย
คุณเอง แต่ก็นำมาโพนต์ที่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19632

สรุปเป็นว่า กรัชกายจะไม่พูดถึงคุณอีก แต่จะอาศัยกระทู้นี้กล่าวข้อธรรมปฏิบัติอีกสักเล็กน้อย คงไม่ว่ากัน
นะครับ ตกลงว่าเราไม่ติดใจกันนะครับ ขอโทษอีกครั้ง :b8:
ค่ำๆ คุณเข้ามาสนทนากันนะครับ กรัชกายจะรอ เพื่อวัดใจของผู้ศึกษาธรรมว่าจะผูกโกรธไหม และรู้จักให้อภัยหรือไม่ การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ :b1:

(คุณวลัยพรไม่มา)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 20 ธ.ค. 2008, 09:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



พึงทำความเข้าใจคำว่า “ปัจจุบัน” แล้วจะเช้าใจการปฏิบัติกรรมฐาน และการทำงานของ
สติสัมปชัญญะง่ายขึ้น



คำว่า ปัจจุบันในทางธรรม เมื่อว่าถึงการปฏิบัติทางจิต ปัจจุบันหมายถึงขณะเดียวที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอยู่
ในความหมายที่ลึกซึ้งนี้ เป็นอยู่ในปัจจุบัน หมายถึงมีสติตามทันสิ่งที่รับรู้เกี่ยวข้อง หรือต้องทำอยู่ในเวลา
นั้นๆ แต่ละขณะทุกๆขณะ ถ้าจิตรับรู้สิ่งใดแล้วเกิดความชอบใจ หรือไม่ชอบใจขึ้น ติดข้องวนเวียน
อยู่กับภาพของสิ่งนั้นที่สร้างซ้อนขึ้นในใจ ก็เป็นอันตกไปในอดีต ตามไม่ทัน หลุดหลงไปจากขณะ
ปัจจุบันแล้ว หรือจิตหลุดลอยจากขณะปัจจุบันไปเกาะเกี่ยวกับภาพสิ่งที่ยังไม่มา ก็เป็นอันฟุ้งในอนาคต

สรุปเอาง่ายๆว่า ความเป็นปัจจุบันกำหนดเอาที่ความเกี่ยวข้อง ต้องรู้ต้องทำเป็นสำคัญ
ขยายความหมายออกมาในวงกว้างถึงระดับชีวิตประจำวัน สิ่งที่เป็นปัจจุบันคลุมถึงเรื่องราวทั้งหลายที่เชื่อม
โยงต่อกันมาถึงสิ่งที่กำลังรับรู้ กำลังพิจารณา เกี่ยวข้องต้องกระทำอยู่ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการ
กระทำกิจหน้าที่ เรื่องที่ปรารภเพื่อทำกิจ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหรือปฏิบัติได้ ไม่ใช่คิดเลื่อนลอย
ฟุ้งเฟ้อฝันไปกับอารมณ์ที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ ติดข้องอยู่กับความชอบความชัง หรือฟุ้งซ่านพล่านไป
อย่างไร้จุดหมาย

(หนังสือพุทธธรรมหน้า 703 )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 09:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ผ่านมากล่าวถึงสัญญาไว้ ดังนั้นพึงทราบการทำงานของสัญญาหรือสัญญาขันธ์สักเล็กน้อย

สัญญา แปลสั้นๆว่า ความจำ (จำอารมณ์*)

(สัญญา (perception) ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมาย ลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์ (object) นั้นๆ ได้)

(*คำว่า อารมณ์ ทุกแห่งที่ใช้ในความหมายทางธรรม คือ หมายถึงสิ่งที่จิตรับรู้ หรือ สิ่งที่ถูกรับรู้
โดยอาศัยทวารทั้ง ๖ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สัมผัส) และธรรมารมณ์ (ความนึกคิด
ต่างๆ) ไม่ใช่มีความหมายอย่างที่เข้าใจกันทั่วๆไปในภาษไทย)

พิจารณาการทำงานร่วมกันของสติ กับ สัญญา (และ องค์ธรรมอื่นมีสัมปชัญญะและสมาธิ เป็นต้น ด้วย)

สัญญา (จำอารมณ์) บันทึกเก็บไว้ สติดึงออกมาใช้
สัญญาดี คือ รู้จักกำหนดหมายให้ชัดเจน เป็นระเบียบสร้างขึ้นเป็นรูปร่างที่มีความหมายและเชื่อมโยงกันดี
(ซึ่งอาศัยความใส่ใจและความเข้าใจ เป็นต้น อีกต่อหนึ่ง) ก็ดี
สติดี คือ มีความสามารถในการระลึก (ซึ่งอาศัยสัญญาดี และการหมั่นใช้สติ ตลอดจนสภาพจิตที่สงบ
ผ่องใส ตั้งมั่น เป็นต้นอีกต่อหนึ่ง) ก็ดี ย่อมเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้เกิดความจำดี


(จะเห็นว่า องค์ธรรมต่างๆทำงานสัมพันธ์กัน ดังคำที่ใช้พูดเสมอๆว่า เหตุปัจจัย, อาศัยกันและกันเกิด...
มิใช่ทำงานตัวเดียวโดดๆ อย่างที่เราแยกพูดตัวเดียวเดี่ยวโดด ซึ่งขาดความเชื่อมโยงหรือสัมพันธ์กัน)



ตัวอย่างสติกับสัญญา


นายแดง กับนายดำ เคยรู้จักกันดี แล้วแยกจากกันไป ต่อมาอีกสิบปี นายแดงพบนายดำอีก
จำได้ว่า ผู้ที่ตนพบนั้น คือ นายดำ แล้วระลึกนึกได้ต่อไปอีกว่าตนกับนายดำเคยไปเที่ยวด้วยกันที่นั่นๆ
ได้ทำสิ่งนั้นๆ การจำได้เมื่อพบนั้น เป็นสัญญา
การนึกได้ต่อไปถึงเรื่องราวที่ล่วงแล้ว เป็นสติ

วันหนึ่งนาย ก. ได้พบปะสนทนากับนาย ข. ต่อมาอีกหนึ่งเดือน นาย ก. ถูกเพื่อนถามว่า เมื่อเดือน
ที่แล้ววันที่เท่านั้นๆ นาย ก. ได้พบปะสนทนากับใคร นาย ก. นึกทบทวนดู ก็จำได้ว่าพบปะสนทนา
กับ นาย ข. การจำได้ในกรณีนี้ เป็นสติ

เมื่ออารมณ์ปรากฏอยู่ต่อหน้าแล้ว ก็กำหนดหมายได้ทันที แต่เมื่ออารมณ์ไม่ปรากฏอยู่ และถ้าอารมณ์นั้น
เป็นธรรมารมณ์ (เรื่องในใจ) ก็ใช้สติดึงอารมณ์นั้นมาแล้วกำหนดหมาย
อนึ่งสติสามารถระลึกถึงสัญญา คือ ดึงเอาสัญญาที่มีอยู่เก่ามาเป็นอารมณ์ของจิต แล้วสัญญาจะกำหนดหมาย
อารมณ์นั้นสำทับเข้าอีกให้ชัดเจนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัญญา (ความจำอารมณ์) มี ๒ อย่าง คือ

๑. อกุศลสัญญา ได้แก่ สัญญาเจือกิเลส (หรือปปัญจสัญญา)
๒. กุศลสัญญา ได้แก่ สัญญาที่เป็นกุศล หรือสัญญาที่ให้เกิดความรู้ (วิชชาภาคิยสัญญา)

ขยายความสักเล็กน้อย


-อกุศลสัญญา ได้แก่ สัญญาที่เกิดจากความคิดปรุงแต่งที่เป็นอกุศล เกิดจากการแต่งเสริมเติมต่อ
ให้พิสดาร ของตัณหา มานะ และทิฐิ สัญญาพวกนี้ถูกกิเลสปรุงแต่งให้ฟั่นเฝือและห่างเหเฉไฉออกไป
จากทางแห่งความรู้ ไม่เป็นเรื่องของความรู้ กลับเป็นเครื่องปิดกั้นบิดเบือนความรู้ ตัวอย่างเช่น หมายรู้ลักษณะที่ตนถือว่าน่าชัง หมายรู้ภาวะที่ตนเป็นเจ้าของครอบครอง ฯลฯ

-กุศลสัญญา ได้แก่ สัญญาที่เกิดจากความคิดดีงาม หรือเกิดจากความรู้เข้าใจถูกต้อง คือเป็นสัญญา
ที่ช่วยส่งเสริมความเจริญปัญญาและความงอกงามแห่งกุศลธรรม เช่น หมายรู้ลักษณะอาการที่ชวนให้เกิดความเป็นมิตร หมายรู้ลักษณะอาการซึ่งแสดงภาวะที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย ภาวะที่เป็นของไม่เที่ยง ภาวะที่ไร้ตัวตน เป็นต้น


โยคีผู้ใช้กายใจเป็นกรรมฐาน เมื่อกำหนดกายใจนี้แต่ละขณะๆ ปฏิบัติสอดคล้องกับ สติสัมปชัญญะ =>
(สติ- การนึกไว้, การคุมจิตไว้กับอารมณ์, การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ;
สัมปชัญญะ - การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้, การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น) ได้ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
ทางใจ
กุศลสัญญาหรือสัญญาที่ให้เกิดความรู้แจ้งสัจธรรม จะทำหน้าที่ร่วมกับองค์ธรรมอื่นๆต่อเนื่องเรื่อยไป


พระอรหันต์ก็มีสัญญา แต่เป็นสัญญาที่ปราศจากอาสวะ คือสัญญาไร้กิเลส (ม.อุ. 14/341/232) พระอรหันต์ก็หมายรู้ปปัญจสัญญาตามที่ปุถุชนเข้าใจ หรือตามที่ท่านเองเคยเข้าใจเมื่อครั้งยังเป็นปุถุชน แต่ท่านหมายรู้เพียงเพื่อเป็นความรู้ เพื่อใช้ประโยชน์ เช่นในการช่วยแก้ไขปัญหาของผู้อื่น ไม่หมายรู้ในแง่ที่จะมีตัวตนออกรับความกระทบ
แม้ผู้ปฏิบัติธรรมก็พึงดำเนินตามแนวทางเช่นนั้น

(พุทธธรรมหน้า 43)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ธ.ค. 2008, 21:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ธ.ค. 2008, 21:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ธ.ค. 2008, 21:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


:b21: :b21: :b21:

:b12: :b4: :b10: :b14: :b7: :b2: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณวลัยพร :b8: รอตั้งนานกว่าจะมา :b12:

อ้างคำพูด:
ทีหน้าทีหลัง ก็เขียนแปะไว้ด้วยว่า ห้ามคนอื่นออกความคิดเห็น

แล้วมันจริงไหมล่ะที่ดิฉันพูดว่า รู้แค่ไหน ก็แนะนำได้แค่นั้น


ทีหน้าทีหลัง ก็เขียนแปะไว้ด้วยว่า ห้ามคนอื่นออกความคิดเห็น

ประชดหรือครับนี่ :b21:

แล้วมันจริงไหมล่ะที่ดิฉันพูดว่ารู้แค่ไหน ก็แนะนำได้แค่นั้น

ที่ว่า "รู้แค่ไหน ก็แนะนำได้แค่นั้น"
หมายถึงใครครับ หมายถึงผู้แนะนำหรือผู้ได้รับคำแนะนำ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ธ.ค. 2008, 21:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ธ.ค. 2008, 21:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่างเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ธ.ค. 2008, 21:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร