วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 00:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2008, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ธ.ค. 2008, 23:25
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ .. :b8:
ตอนนี้ ผมมีปัญหาภายในจิตใจอย่างมาก ผมมีความคิดที่ ควบคุมไม่ได้ คิดในสิ่งที่แย่ๆ
น่าจะเรียกได้ว่า เป็นจิตอกุศล น่ะครับ
คิดหยาบคาย ต่อสิ่งที่ผมเคารพ ผมไม่กล้าบอกจริงๆครับ ว่า ความคิดผมมันไปถึงไหน :b5:

แล้วผมก็พยายามที่จะขอขมาขอโทษ ในสิ่งที่ผมคิดไป เพราะผมไม่ได้มีความตั้งใจแม้แต่น้อย
แต่มันก็ยิ่งเป็นหนักอีกครับ ความคิดแย่ๆกลับผุดขึ้นมาหนักเข้าไปใหญ่ :b23:
ทุกวันนี้ผมปวดหัวมากๆครับ เพราะความรู้สึกผิดที่ได้คิดไป
มันทำให้ช่วงนี้ ผมวุ่นวายในจิตใจมากๆเลยครับ
จะนอนหลับ เรื่องพวกนี้ก็ยังเข้ามาวนเวียนในหัวตลอดเวลา ทั้งวี่ทั้งวัน

ผมควรทำยังไงดีครับ กรุณาชี้แนะผมด้วยครับ
ขอบคุณครับ

:b8:

.....................................................
Imagine all the people
living life in peace...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 03:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


:b31: อจินไตย ๔
อจินไตย ๔ - สิ่งที่ไม่ควรคิด ๔ ประการ
(Acinteyya - (the four unthinkables)
"จตฺตารีมานิ ภิกขฺเว อจินเตยยานิ น จินเตตพฺพานิ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่ไม่ควรคิด ๔ อย่างนี้คือ

๑.
พุทธวิสัย
วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ใครๆ อย่าคิด
ถ้าใครคิด เป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า
๒.
ฌาณวิสัย
วิสัยของผู้ได้ฌาณ (อันนี้ลอกหนังสือครูบาอาจารย์มา ท่านสะกดอย่างนี้
เลยไม่ทราบว่าหมายถึง ฌาน หรือ ญาณ แน่ ต้องขออภัย
ถ้าค้นเจอจะมาแจ้งให้แน่อีกทีค่ะ)
๓.
กัมมวิบาก
กรรมและผลกรรม
๔.
โลกจินตา
คิดเรื่องโลก

อันนี้ ครูบาอาจารย์อธิบายขยายความไว้ดังนี้ค่ะ

ทั้ง ๔ ข้อนี้ ก็เหมือนกัน ใครๆ อย่าคิด ถ้าใครขืนคิด เป็นผู้มีส่วน แห่งความเป็นบ้า มีส่วนแห่งความคับแค้นใจฯ ตามนัยนี้ แสดง ให้เห็นว่า ถึงจะคิดจะวิพากษ์วิจารณ์สักเท่าไรๆ ก็ไม่มีที่สิ้นสุดได้ และไม่ทำให้ผู้นั้นหายสงสัยได้ ถ้าลงมือทำเอง (คือ ลงมือเจริญสติ ตามแนวสติปัฏฐานสี่ ลงมือปฏิบัติกายและใจตามแนวไตรสิกขา คือ ศีล-สมาธิและปัญญา เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นโลกเห็นธรรม ตามความเป็นจริง - deedi) จึงจะหายข้องใจเช่น ผู้ที่จะหยั่งทราบ พุทธวิสัย (= ความสามารถในการหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้า - deedi) ต้องบำเพ็ญคุณธรรมคือ บารมี ๓๐ ทัศ ให้เต็มเปี่ยมอย่างพระพุทธเจ้า จึงจะวิพากษ์วิจารณ์ได้ ผู้ที่จะหยั่งทราบเรื่องการเข้าฌาณ เข้าผลสมาบัติ ตนเองก็จะต้องปฏิบัติธรรมจนได้ผลถึงขั้นเดียวกันก่อน ... จึงจะรู้ได้เช่น เดียวกับท่าน จึงจะรู้กันได้เรียกว่าเดินทางถึงขั้นเดียวกัน การที่จะหยั่ง ทราบผลกรรมของบุคคลและสัตว์ต่างๆ ก็ดี การที่จะหยั่งทราบเรื่องโลก ก็ดีเป็นวิสัยของพระพุทธเจ้า ถ้าจะพากันขืนคิดไปก็ตายเปล่า ไม่มีอันสิ้นสุดยุติลงได้ ...


:b48: :b35: :b48:

อจินไตย 4

จินไตย คือ จินตนา แปลว่า การคิด
อจินไตย4 เป็นเรื่องไม่ควรคิด ไม่ควรสงสัย เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการหลุดพ้น ไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด คิดไปก็คิดไม่ออก คิดไปจะเป็นบ้า เดือดร้อน เป็นเรื่องที่อยู่เหนือเหตุผล ที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้ วิทยาศาสตร์ก็ยังเข้าไม่ถึง ที่เราคิดสงสัยเพราะยังมีกิเลส เมื่อเราเข้าถึงความจริงแล้ว เราจะหมดความสงสัยไปเอง

ประกอบด้วย
- พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้า ความเป็นมาของ พระพุทธเจ้า
- ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ธรรมชาติของณาน ฌานและอภินิหาร เช่น ตาทิพย์
- วิบากแห่งกรรม การตอบสนองของกรรม สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
- ความคิดเรื่องโลก กำเนิดของโลกและชีวิต เช่น จุดเริ่มต้นอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนสร้าง



:b31: แอบ copy ข้อความคนอื่นมาอีกทีอะครับ :b9: :b32: :b19: :b31:



:b8: ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ไม่ครับ ตรงประเด็นหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าใช่นะครับ

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 03:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
หรือไม่ก็ลอง สวดมนต์ บทขอขมาพระรัตนตรัย นะครับ
น่าจะช่วยให้สบายใจขึ้นบ้าง อาจจะไม่ตรงประเด็นเท่าไร
:b4:

:b31: แต่ด้วยความรู้ทางธรรมอันน้อยนิด คงช่วยให้คำแนะนำได้เท่านี้หละครับ :b9:

แต่จะเป็นกำลังใจ ให้คุณ ปล่อยวาง ความไม่สบายใจ ได้ในเร็ววันนะครับ :b19:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 05:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลักษณะนี้เท่าที่เห็นโพสต์มี3-4 รายแล้ว
จขกท.พึงยอมรับความจริงในธรรมชาติ คิดดีไม่ดี ชอบใจไม่ชอบใจ พึงกำหนดจิตไปตามนั้น ตัวอย่างเช่นรู้สึกดีก็ "ดีหนอๆๆ"
คิดไม่ดี หรือที่เรียกว่า อกุศล คิดอย่างไรล่ะครับ กำหนดลไปเลยตามนั้น ไม่พึงกลัว

จขกท.กลัวหรือปกปิดความคิดนั้น อาการหวาดหวั่นนั่น คือ อุปาทานแล้ว ยึดความคิดนั่นแล้ว อุปาทานความคิดอกุศลนั่นว่าเป็นเราแล้ว พอเข้าใจไหมครับ ยิ่งยึดมาก ตนเองก็ยิ่งกดไม่ให้มันคิด เพราะกลัวบาปบ้าง กลัวเป็นนั่นเป็นนี่ คืออุปาทานจิตทั้งนั้น หากจะถามเพราะอะไร ตอบ ก็เพราะความไม่รู้หรืออวิชชา กำหนดตามนั้นเสีย นั่นแหละคือการเปิดทางให้วิชชาทำงาน

คุณอวบอั๋นจำวิธีการด้วยนะครับ แล้วเราจะสนทนากันที่กระทู้กรัชกายตั้งสนทนากับคุณพลศักดิ์ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 06:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอวบอั๋นจำวิธีการด้วยนะครับ แล้วเราจะสนทนากันที่กระทู้กรัชกายตั้งสนทนากับคุณพลศักดิ์ :b1:[/quote]

ปลาบปลื้ม คุณกรัชกายจำกระผมได้ด้วย :b4: :b19: :b17: :b27:

กำลังร้อนเลยครับ กระทู้นั้น เดี๋ยวตามไปอ่านครับ

ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำ เดี๋ยวผมนำไปปฏิบัติได้อย่างไร จะขอคำแนะนำคุณกรัชกายใหม่นะครับ :b20:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


พระรัตนตรัย ท่านเข้าใจคุณแน่นอนครับ
ท่านไม่ถือโทษใดๆหรอก....สบายใจเถิดครับ

การล่วงเกินที่คุณกล่าวมา มันเป็นเพียงระดับสังขารความคิดปรุงที่ฟุ้งซ่านไปเท่านั้นเอง ไม่ใช่คุณไปไล่ทำร้ายพระสงฆ์ เผาวัด เสียที่ไหน
มันเป็น กิเลส คือความเศร้าหมอง ที่คุณรู้ไม่เท่าทันมัน..... แล้วคุณก็วนเวียนทุกข์อยู่กับเรื่องเหล่านี้

ขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว ก็วางเสียเถิดครับ
อย่าไปแบกไปหามไว้ให้มันเป็นทุกข์เปล่าๆ

เรื่องที่ว่า จะเป็นโทษร้ายแรงอะไร หรือไม่นั้น.... อย่าไปทุกข์ไปร้อนกับเรื่องนี้อีกเลย




เรื่อง ล่วงเกินพระรัตนตรัยแล้วจะเกิดความเลวร้ายกับชีวิตเช่นนั้นเช่นนี้..... ที่ท่านผู้รู้เตือนไม่ให้ก้าวล่วงจาบจ้วงพระรัตนตรัยนั้น ไม่ใช่ในกรณีของคุณหรอกครับ.... ที่ท่านเตือนนั้น เป็นกรณีทั่วไป ของพวกที่คึกคะนองชอบนำของสูงมาล้อเล่น หรือจาบจ้วงพระรัตนตรัยแบบไม่ยี่หระ....

ส่วน คุณเป็นเพียงว่า คุณกำลังฟุ้งซ่าน.... คุณกำลังสับสน.... คุณกำลังย้ำคิด....

พระ คือ ผู้มีจิตใจสูง.....
ท่านผู้มีจิตใจสูงทั้งหลาย ท่านไม่มาถือสาหาความคุณหรอกครับ....
เชื่อผมเถิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองอ่าน

http://www.mahidol.ac.th/mahidol/ra/rapc/ocd.html


"....อาการย้ำคิด (obsession) เป็นความคิด ความรู้สึก หรือจินตนาการ ที่มักผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ผู้ป่วย เองก็ทราบว่าเป็นความคิดที่เหลวไหล ไม่เข้าใจว่าเกิดความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร รู้สึกรำคาญต่อความคิดนี้ เช่น
มีความคิดจะจุดไฟเผาบ้าน
คิดว่ามือสกปรก
คิดด่าทอพระพุทธรูปที่ตนเคารพ ๆลๆ
ผู้ป่วยรู้สึกผิดต่อความคิดที่เกิดขึ้น มีความกังวลใจ พยายามที่จะไม่ใส่ใจ หรือเลิกคิด บางครั้งอาจแก้หรือหักลัางความคิดนี้ด้วยความคิดหรือการกระทำต่างๆ เช่น ถ้าคิดว่าไม่ได้ปิดแก๊ส ก็จะตรวจเช็คเตาแก๊สวันละหลายๆ ครั้ง ไปล้างมือเมื่อคิดว่าสกปรก หรือท่องนะโมในใจทุกครั้งที่คิดในทางไม่ดีต่อพระพุทธรูป.....

ๆลๆ

คนเราปกติก็อาจมีความคิดหรือพฤติกรรรมเช่นนี้ได้ แต่ในผู้ป่วย OCD อาการเหล่านี้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก ผู้ป่วยพยายามฝืนสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มักผืนไม่ได้ เสียเวลาไปกับความคิดหรือพฤติกรรมค่อนข้างมากในแต่ละวัน (มากเกินกว่าวันละ 1 ชั่วโมง) ..."





อาจจะเป็นอาการในลักษณะ "ย้ำคิด-ย้ำทำ"น่ะครับ

อยู่ในแนว"ย้ำคิด"

อาการย้ำคิด ไม่ใช่เป็นโรคจิตอะไรที่ร้ายแรงหรอกครับ
เป็นกันมากในสังคมปัจจุบัน ที่วุ่นวาย

อาการนี้ เป็นลักษณะฟุ้งซ่าน ทั้งๆที่รู้ว่าการคิดเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่รู้จะหยุดคิดอย่างไร..... และเป็นทุกข์กับความคิดนั้น

อาการของคุณ ไม่น่ากังวลมากครับ ไม่น่าอันตรายอะไร
เป็นกันได้เยอะแยะไป ในสังคม



ในฐานะผมเป็นชาวพุทธ
เสนอให้คุณลอง แก้ตามแนวพุทธธรรม สติปัฏฐาน

ต้องทำทั้งสองส่วน

1.เวลาฟุ้งซ่าน ก็ให้ กำหนดรู้ว่า"กำลังฟุ้งซ่าน"...
รู้เฉยๆ ไม่ต้องไปคิดต่อว่า"ทำไม มันถึงไม่หยุดคิดน่ะ"
รวมถึง ไม่ต้องพยายามจะหยุดคิดด้วย เพราะยิ่งพยายามหยุดคิด ยิ่งเป็นการทำให้คิดนานชึ้น("คิด ที่จะให้หยุดคิด" เพิ่มเข้าไปอีก).....
รู้ว่า นั่นเป็นเพียงความคิด"สังขาร" แล้วปล่อยผ่านไป
มันคิดมาใหม่ก็ "รู้แล้ววาง"เช่นเดิม
นี่คือ สิ่งที่เรียกว่า การกำหนดรู้ในลักษณะวิปัสสนา

2.โรคแนวนี้ การฝึกสมถกรรมฐานช่วยได้มากครับ โดยเฉพาะ อานาปนสติ(มีพุทธพจน์ ว่า อานาปานสติระงับวิตกจริตได้ดี)
ลำพังจะใช้วิปัสสนาอย่างเดียว อาจจะลำบากครับ....เพราะระบบประสาทมันทำงานปรวนแปรไปหมด มันจะคิดวนไปวนมา แต่วางไม่ได้สักที
จำต้องเซ็ตระบบประสาทด้วยกำลังของสมถกรรมฐาน..... แต่ การทำสมาธิควรอยู่ในการควบคุมของครูบาอาจารย์น่ะครับ.....

สรุปว่า ต้องใช้ประกอบกันทั้ง สมถะ และ วิปัสสนา



แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะปรึกษาจิตแพทย์ ก็ได้น่ะครับ
ดีกว่าจะมาทุกข์อยู่อย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ได้ถามคุณอวบอั๋นไว้ลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=19132&st=0&sk=t&sd=a&start=60

ถามว่า

คุณอวบอั๋น พิจารณาปัญหาธรรม ๒ ข้อนี้ มีความเห็นอย่างไรตอบตามนั้นนะครับ

โยนิโสมนสิการมี ๒ อย่าง คือ

๑. โยนิโสมนสิการเพื่อความรู้ตามสภาวะ

๒. โยนิโสมนสิการเพื่อเสริมสร้างกุศลธรรม หรือ เพื่อบรรเทาตัณหา

-โยนิโสมนสิการเพื่อรู้ตามสภาวะขึ้นต่อความจริงที่เป็นไปอยู่ตามธรรมดาของมัน จึงมีลักษณะแน่นอน
เป็นอย่างเดียว

-โยนิโสมนสิการเพื่อเสริมสร้างกุศลธรรม หรือบรรเทาตัณหา ยังเป็นเรื่องของการปรุงแต่งในใจตามวิสัย
ของสังขารจึงมีลักษณะแผกผันไปได้หลากหลาย


แต่คุณยังไม่ตอบ ไม่ใช่อะไรอื่นเราทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องภาวนากัน
ครั้นกรัชกายจะอธิบายฝ่ายเดียวอาจเข้าใจคนเดียว ส่วนคู่สนทนาไม่เข้าใจด้วยก็เป็นได้ จึงตั้งคำถามกลับ
เพื่อให้อีกฝ่ายฉุกคิดและมองเห็นปัญหาด้วยตนเองพร้อมๆกัน

ไหนคุณอวบอั๋นลองออกความเห็นปัญหา ๒ ข้อนั่นสิครับ ว่าท่านสื่อถึงอะไร ?
ตอบตรงนี้เลยเพื่อเป็นประโยชน์แก่ จขกท.นี้ด้วย



หากว่ายากไปใบ้ให้ก็ได้ ตัวอย่างลิงค์นี้

viewtopic.php?f=2&t=19417&p=88618#p88618

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 09:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


สังขารความคิดความปรุงเหล่านี้เกิดจากการผลักดันของกิเลสครับ

ต้องใช้สังขารความคิดความปรุงที่เป็นธรรมค่อย ๆ แก้กันไปเรื่อยครับ
ความคิดที่ไม่ดีจะค่อยอ่อนกำลังงลง และค่อย ๆ เบาบางไปครับ

หรืออาจจะดูมันไปเรื่อย ๆ ครับ
ไม่ต้องไปคิดไปปรุงตามมันให้เป็นกังวลใจ
ที่เราเป็นทุกข์ ก็เพราะเป็น หมัดที่ 2 ของกิเลสน่ะครับ
หมัดแรกมันแสดงความคิดออกมาต่อหน้าต่อตาเราทั้งที่เรายังมีสติอยู่
หมัดที่ 2 มันทำให้เราเป็นทุกข์กังวลใจ

หรืออาจจะใช้นึกคำบริกรรมเช่น พุทโธแทนครับ
ไม่ให้มันคิดมันปรุง

ถ้ากระแสกิเลสมันแรงมาก สู้กิเลสไม่ไหว
บางทีผมก็ด่า โคตรพ่อ โคตรแม่ กิเลสมันบ้างเหมือนกันครับ
สู้มันไม่ได้ ได้ด่ามันก็ยังดีครับ
จะให้ยอมแพ้มันไม่มีทางครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ธ.ค. 2008, 23:25
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยครับ
ได้อ่านความคิดเห็นของทุกท่าน ช่วยให้ผมนำเอาไปใช้ได้จริงๆเลยครับ
ผมจะปฏิบัติตามคำแนะนำดีๆของทุกท่านครับ

ได้ลองนั้งสมาธิ หลังจากที่ไม่ได้เคยนั้งมานานเท่าไรก็ไม่รู้
ก็รู้สึกว่ากำหนดจิตได้บ้างครับ แต่ก็ยังมีฟุ้งซ่านอยู่แต่ลดน้อยกว่าเดิม

ขอบพระคุณมากครับ

.....................................................
Imagine all the people
living life in peace...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณอวบอั๋น พิจารณาปัญหาธรรม ๒ ข้อนี้ มีความเห็นอย่างไรตอบตามนั้นนะครับ

โยนิโสมนสิการมี ๒ อย่าง คือ

๑. โยนิโสมนสิการเพื่อความรู้ตามสภาวะ

๒. โยนิโสมนสิการเพื่อเสริมสร้างกุศลธรรม หรือ เพื่อบรรเทาตัณหา

-โยนิโสมนสิการเพื่อรู้ตามสภาวะขึ้นต่อความจริงที่เป็นไปอยู่ตามธรรมดาของมัน จึงมีลักษณะแน่นอน
เป็นอย่างเดียว

-โยนิโสมนสิการเพื่อเสริมสร้างกุศลธรรม หรือบรรเทาตัณหา ยังเป็นเรื่องของการปรุงแต่งในใจตามวิสัย
ของสังขารจึงมีลักษณะแผกผันไปได้หลากหลาย[/color]

:b4: ส่งการบ้านคุณกรัชกาย :b4:

ยากอย่างแรง...... :b6:

:b8: :b8: :b8: เรียนคุณ กรัชกาย :b8: :b8: :b8:
กระผมไปหาความรู้มาจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี มาแล้วขอรับ :b4:
โยนิโสมนสิการ (อ่านว่า โยนิโส-มะนะสิกาน)ประกอบด้วย 2 คำ คือ

โยนิโส มาจากคำว่า โยนิ ซึ่งแปลว่า เหตุ ต้นเค้า แหล่งเกิด ปัญญา อุบาย วิธี ทาง
มนสิการ หมายถึง การทำในใจ การคิด คำนึง นึกถึง ใส่ใจ พิจารณา[1]
ดังนั้น โยนิโสมนสิการ จึงหมายถึง "การทำไว้ในใจโดยแยบคาย, การพิจารณาโดยแยบคาย" นั่นคือ ความเป็นผู้ฉลาดในการคิด คิดอย่างถูกวิธีถูกระบบ พิจารณา ไตร่ตรองสาวไปจนถึงสาเหตุหรือต้นตอของเรื่องที่กำลังคิด คือคิดถึงรากถึงโคนนั่นเอง แล้วประมวลความคิดรอบด้านจนกระทั่งสรุปออกมาได้ว่าสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร ดีหรือไม่ดี เป็นวิถีทางแห่งปัญญา เป็นธรรมสำหรับกลั่นกรองแยกแยะข้อมูลหรือแหล่งข่าว (ปรโตโฆสะ) อีกชั้นหนึ่ง เป็นบ่อเกิดแห่งสัมมาทิฐิ ทำให้มีเหตุผล ไม่งมงาย [2]ซึ่งคัมภีร์ชั้นอรรถกถาและฎีกาได้แสดงไวพจน์แจกแจงความหมายเป็นแง่ต่างๆ คือ

อุบายมนสิการ เป็นการคิดหรือพิจารณาโดยอุบาย คือ การคิดอย่างมีวิธีหรือถูกวิธี ซึ่งหมายถึง การเข้าถึงความจริง สอดคล้องกับแนวสัจจะ ซึ่งทำให้รู้สภาวลักษณะและสามัญลักษณะของสิ่งทั้งหลาย
ปถมนสิการ เป็นการคิดถูกทาง ต่อเนื่องเป็นลำดับ หมายถึง ความคิดที่เป็นระเบียบตามหลักเหตุผล ไม่ยุ่งเหยิงสับสน จิตไม่แว๊บติดพันในเรื่องนี้ แต่เดี๋ยวกลับเตลิดไปคิดอีกเรื่องหนึ่ง จิตยุ่งเหยิงนี้กระโดดไปมา ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รวมทั้งความสามารถในการชักความนึกคิดไปสู้แนวทางที่ถูกต้อง
การณมนสิการการคิดอย่างมีเหตุผล เป็นการสืบค้นตามแนวความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย พิจารณาสืบสาวหาสาเหตุ ให้เข้าใจถึงต้นเค้า หรือแหล่งที่มาซึ่งส่งผลต่อเนื่องตามลำดับ
อุปปาทกมนสิการ การคิดการพิจารณาให้เกิดกุศลธรรม เช่น การพิจารณาที่ทำให้มีสติ หรือทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง เป็นต้น
ไขความทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นเพียงการแสดงลักษณะด้านต่างๆ ของความคิดแบบโยนิโสมนสิการ ซึ่งการเกิดในแต่ละครั้ง อาจมีลักษณะครบทั้ง 4 ข้อ หรือเกิดครบทั้งหมด หรือเขียนลักษณะทั้ง 4 ข้อนี้สั้นๆ ได้ว่า คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดมีเหตุผล คิดเร้ากุศล[3]

๑. โยนิโสมนสิการเพื่อความรู้ตามสภาวะ
ก็จากข้อความข้างต้น คือ เราก็ แค่กำหนดรู้ว่าเหตุนั้นๆเกิดจากอะไร ทำไมถึงเกิด มีสาเหตุจากอะไร โดยใช้ความคิดและสติอย่างมีเหตุผล

๒. โยนิโสมนสิการเพื่อเสริมสร้างกุศลธรรม หรือ เพื่อบรรเทาตัณหา
แต่พอเราจะสรุปและนำไปใช้นี้สิครับ เรามักจะสรุปผิด เพราะเราจะมีเหตุผลของเรา และเราก็มักจะมีอคิติที่ว่าความคิดเราน่าจะถูกต้อง ก็เพราะเราคิดหาคำตอบตาม แนวที่พระพุทธองค์มาแล้วนิ หาข้อมูลมาอีกเพียบ วิเคราะห์มาอย่างดี ทั้งที่ความจริงมันอาจจะผิดไปเลยก็ได้ :b5:
เห็นได้บ่อยๆในความรู้ทางวิทยาศาสตร์ :b28:

เช่นเมื่อก่อนเราเชื่อ หนักหนาว่าโลกแบนและเป็นจุดศูนย์กลางของจักวาร
เพราะมีเอกสารอ้างอิ่งมากมายในสมัยนั้น เราก็คิดแล้วมาเหตุปัจจัยต่างๆ ก็เป็นไปตามนั้น

แต่สรุปสุดท้ายที่คิดมาก็ผิด

:b3: ที่ผมคิดมาผิดหรือเปล่าครับ คุณ กรัชกาย หรือ ผมตีความผิด :b14: อีกก็ไม่รู้ :b18:

ว่าไป ผมก็ลังเล ผมตอบถูกหรือเปล่าครับ :b10:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2008, 16:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


Hornet เขียน:
สวัสดีครับ .. :b8:
ตอนนี้ ผมมีปัญหาภายในจิตใจอย่างมาก ผมมีความคิดที่ ควบคุมไม่ได้ คิดในสิ่งที่แย่ๆ
น่าจะเรียกได้ว่า เป็นจิตอกุศล น่ะครับ
คิดหยาบคาย ต่อสิ่งที่ผมเคารพ ผมไม่กล้าบอกจริงๆครับ ว่า ความคิดผมมันไปถึงไหน :b5:

แล้วผมก็พยายามที่จะขอขมาขอโทษ ในสิ่งที่ผมคิดไป เพราะผมไม่ได้มีความตั้งใจแม้แต่น้อย
แต่มันก็ยิ่งเป็นหนักอีกครับ ความคิดแย่ๆกลับผุดขึ้นมาหนักเข้าไปใหญ่ :b23:
ทุกวันนี้ผมปวดหัวมากๆครับ เพราะความรู้สึกผิดที่ได้คิดไป
มันทำให้ช่วงนี้ ผมวุ่นวายในจิตใจมากๆเลยครับ
จะนอนหลับ เรื่องพวกนี้ก็ยังเข้ามาวนเวียนในหัวตลอดเวลา ทั้งวี่ทั้งวัน

ผมควรทำยังไงดีครับ กรุณาชี้แนะผมด้วยครับ
ขอบคุณครับ

:b8:


ก็ไม่ต้องทำอะไรนี่ครับ ความคิดเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ครับ เราเพียงแต่เลือกปฏิบัติตามความคิดที่เป็นกุศลก็พอครับ ส่วนความคิดที่เป็นอกุศล ก็ให้เรารู้ไว้ว่าเป็นอกุศล แล้วก็ไม่ต้องไปคบมัน

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2008, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยมันไปค่ะ คือมันก็เป็นกลไกทางจิตแบบนึ่ง เป็นธรรมชาติเมื่อใจเกิดความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรงก็ จะหาทางออกแบบใดแบบหนึ่ง เป็นรื่องธรรมชาติค่ะ อย่าไปยึดมั่นในสิ่งที่คิดแย่ๆไปแล้ว สวดมนต์กล่าวขอขมาต่อพระรัตนตรัย หรือสิ่งที่คุณไปคิดล่วงเกินไว้ เมื่อเสร็จแล้วใจจะค่อยๆปลดปล่อยตัวเอง ทำจิตใจให้สบาย ผ่องแผ้ว แล้วความคิดดีๆมันจะมาแทนที่ ความคิดแย่ๆจะค่อยๆ หายไป
หรือ เมื่อไปคิดอะไรแย่ๆอีก ก็ลอง หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนลมหายออก คิดถึงลมหายใจที่เข้า และออกด้วยนะคะ ทำซัก 5 - 6 เที่ยว ทุกครั้งที่เริ่มคิดอะไรแย่ๆ นั่นแหละค่ะ ได้ผล :b4:

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 21:29
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อ้างถึง : http://www.dhammakaya.org/dhamma/tesna/tesna_lpho07.php
จาก :b7: web ข้างต้น เข้าใจว่า คุณ Hornet จะกะลังมีดวงจิต ที่เรียกว่า จิตหลงชนิดที่2
คือจิตหลงเกิดขึ้นโดยความฟุ้งซ่าน อะคับ

ความคิดเห็นส่วนตัว :
..ผมก็เป็นคับ จิตหลงฟุ้งซ่าน (จะรุนแรงมาก กรณีที่อ่านหนังสือไม่ทันเวลาใกล้ๆสอบ อาการนอนไม่หลับเหมือนกันกัฟส์ :b9: )
..ผมจะใช้วิธีเดินสำนึกพิจารณารอบต้นไม้พักใหญ่ๆคับ โดยดำเนินการตามหลัก อริยสัจจ4 แล้วพอสรุปก็ไปหาปริยัติที่เป็นอุบายมาแก้ข้อ1.2.3..ตามลำดับครับ

หวังว่าวิธีของผมคงพอจะช่วยท่านได้บ้างน่ะคร๊าบบบบบ

เจริญในธรรม

.....................................................
ว่างเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2008, 11:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


- หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ เป็นประจำทุกๆ วัน

- ทำบุญ ทำความดี ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในแต่ละวัน

- คิดให้น้อยลง หากคิดมากแล้วเป็นทุกข์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร